กลับสู่ปัจจุบัน
บรรยายแบบ Third person บุรุษที่ 3. "โอ๊ย!!!! ไอ้คัง เบาๆ สิว่ะ เจ็บไอ้สัส" "ดีนะ นี่แค่หัวแตก เขาไม่เอาโซ่ล่ามขามัดคอมึงตายก็บุญแล้ว" คังเพื่อนสนิทของชายหนุ่มช่วยประคบเย็นแก้บวมช้ำให้กับเขาอย่างหัวเสีย เพราะไม่ชอบใจที่ ชายหนุ่มนั้นจับตัวเมียเก่าของตนเข้ามาขังไว้ "ไอ้เพื่อนโง่ มึงเป็นโรคประสาทอะไรเนี่ย ไปจับยัยนั่นมาทำไม แล้วงี้ ลูกๆ มึงจะอยู่อย่างไงก่อน" "ช่างกูเถอะ แม่งเมียหอบลูกหนี ใครจะไปทนรับได้ว่ะ" "เฮอะๆ นี่มึงยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ ว่ามึงผิดอะไร เป็นกู ถ้ากูเป็นยัยพักพิง กูก็ทำเหมือนกันแหละ ไอ้ชิบหาย" "ไอ้เวร มึงควรจะช่วยกู ไม่ใช่ซ้ำเติม" "นี่ ยัยพักพิง ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับแฝดน้องมึงถูกรถชนเลยด้วยซ้ำ แล้วมึงก็ได้ทำร้ายจิตใจเขาซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า มึงคิดว่าเขาจะยอมให้อภัยมึงง่ายๆ เลยเหรอ ไอ้เวร" "ก็กูไม่รู้ไง" "ก็เขาก็ไม่รู้ว่าผิดอะไรเหมือนกัน มึงควรง้อเขาดีๆ ไม่ใช่จับตัวเขามาแบบนี้ มึงมันโคตรเห็นแก่ตัวเลย" "เออ กูมันเห็นแก่ตัวก็กูรักเขา กูไม่อยากเสียเขาไปหนิ ยิ่งมีลูกๆ ด้วยแล้ว มึงคิดว่าชีวิตกูจะทำไงต่อไปได้ว่ะ" คังพยายามข่มอารมณ์ของตนอย่างหนักหน่วง เมื่อเห็นเพื่อนเป็นแบบนี้เขาไม่รู้จะอธิบายอย่างไงให้เพื่อนฟัง เพราะความบ้าอำนาจของเพื่อน ที่ได้มาจากพ่อของเขาอย่างเต็มๆ มันทำให้เขาต้องเป็นแบบนี้ "ช่างมึงละกัน ขอให้ง้อสำเร็จนะ" "เอ้า เกือบลืม นี่เย็นแล้ว กูเอาข้าวไปให้เมียก่อนนะ วันนี้กูซื้อของโปรดมาให้เขาด้วย" "เออๆ อย่าลืมใส่เครื่องป้องกันตัวด้วยล่ะ บางทีเมียมึงอาจจะไม่ทำมึงแค่หัวแตกอีกก็ได้นะ แต่อาจจะรุนแรงกว่าเดิม" "เออๆ รู้แล้ว" ณ ห้องมืด แกร๊ก! "เมียจ๋า ผัวเอาข้าวมาให้จ๋า" ตุบบบ!! โครม!!! "ออกไป......!!" "โอ๊ยยยยย!" งานนี้ มีตายกันไปข้างแน่ๆ ขอให้ง้อเมีย สำเร็จนะคะ คุณพ่อ 10 ความเจ็บปวดที่ยาวนาน บรรยาย First person #พักพิง กี่เดือนแล้วนะ ที่เขาพาผู้หญิงเข้าบ้านไม่ซ้ำหน้า กี่เดือนแล้วนะ ที่ฉันต้องทนทุกข์ทรมาน และกลายเป็นความชินชา กี่เดือนแล้วนะ ที่ฉันจะต้องฟังเสียงเขาเรียกชื่อผู้หญิงคนอื่นซ้ำแล้วซ้ำเล่า "คิคิ ! พี่กีต้าร์ อย่าสิคะ ไม่อายบ้างเหรอนี่มันห้องโถงนะคะ" "อายทำไมล่ะ คนกันเองทั้งนั้น วันนี้ น้องบูม อยากกินอะไรคับ?" "อยากกินพี่ไงคะ มันอร่อย ใหญ่ และแซ่บดี~" ฉันที่ยืนฟังพวกเขาหยอกล้อกันอยู่หน้าประตู ก็แทบทำใจไม่ไหว แต่เพราะความชินชา ถึงจะรู้สึกอย่างไง ก็ต้องทนเก็บเอาไว้ไม่ให้มันพรั่งพรูออกมา ก่อนจะเดินออกไปจากบ้านเพื่อไปมหาลัย วี้วอ~ วี้วอ~ วี้วอ~ หลังฉันกลับมาจากบ้าน ก็เห็นรถของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ขับเข้ามาในบ้านพร้อมกับนำตัว คนบนเตียงที่นอนราบกับเตียงขึ้นไปยังบนบ้านของฉันอย่างรวดเร็ว จนฉันต้องรีบผลัดวิ่งผลัดเดินเข้าไปดู ว่าคนบนเตียงนั้นเป็นใครกันแน่ "ไม่ได้ค่ะ คุณพักพิง คุณกีต้าร์สั่งเอาไว้ ถ้าคุณเข้าไป คุณอาจจะติดเชื้อก็ได้นะคะ" "ป้านายคะ คนนั้นเป็นใครเหรอคะ?" "เป็นน้องชายของคุณกีต้าร์ค่ะ" "ฮะ?" ฉันสับสนปะป่นกับความงงงวย เพราะไม่เคยรู้ว่าก่อน ว่าสามีตัวเองมีน้องชาย แถมประวัติความหลังหรือเรื่องครอบครัวของเขา ฉันก็ไม่เคยรู้มาก่อนด้วย ว่าคืออะไร "นะ.....น้องชาย กีต้าร์มีน้องชายด้วยเหรอ?" "ใช่ค่ะ คุณพักพิง แต่เรื่องอื่นๆ ป้าคงตอบให้ไม่ได้นะคะ เรื่องแบบนี้ คงต้องถามกับทางคุณกีต้าร์เอง" ฉันทำได้เพียงนิ่งเงียบ และพูดอะไรไม่ถูก ทำได้เพียงเดินออกไปจากตรงนั้น และไม่หันกลับไปมองคนบนเตียงอีก แต่แล้ว เมื่อฉันกำลังจะเปิดประตู เข้าห้องนอนของตัวเอง เสียงจากด้านหลังก็พูดแทรกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว "นี่! ชอบเสือกเหรอ ถึงอยากเห็นน้องชายฉัน" ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา ก่อนจะหันตัวไปมองเจ้าของเสียง แต่แล้ว ฉันก็ต้องเจ็บปวดอีกครั้ง ที่มีผู้หญิงหน้าใหม่ประกบควงแขนเขา เดินเข้ามาหาฉันติดๆ "เสือก ในเรื่องที่ควรเสือก ดีกว่านะพักพิง ไม่ใช่เห็นอะไรก็เสือก" "เฮอะ! คำก็เสือก สองคำก็เสือก จริงๆ ฉันว่า ฉันก็ควรจะเสือกให้สุดนะ แต่เสียดาย ที่เสือกได้แค่ผ่านๆ แย่จัง" "พักพิง" ดวงตาคมจ้องมองฉันอย่างเดือดดาล น้ำเสียงที่เรียกชื่อฉัน กลับเป็นโทนเสียงที่ต่ำ จนน่าเกรงขาม แต่เพราะตอนนี้ฉันแข็งแรงมากพอ ที่จะต่อปากต่อคำกับเขาโดยไม่มีน้ำตาแล้ว ฉันจึงไม่ได้ รู้สึกถึงความกลัวใดๆ กับเขาอีก "เดี๋ยวนี้ กล้ามากนะ ต่อปากต่อคำกับฉันเก่งจังนะ ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ทำตัวเงียบ เดินหนี ไม่กล้าสู้หน้าฉัน มาตอนนี้ กลับกล้าพูดจาต่อปากต่อคำขนาดนี้" "แล้วอย่างไงเหรอ ก็มันไม่ใช่เรื่องจริงหรือไง นายว่าให้ฉันว่าเสือก แล้วที่ผ่านมา ฉันเคยเสือกเรื่องของนายไหม?" "พักพิง" มือใหญ่กระชากแขนฉันอย่างแรง นัยน์ตาคมมีเส้นเลือดฝายแดงก่ำด้วยความเดือดดาล "ปล่อย" "ทำไม ผัวตัวเอง จับนิดจับหน่อย มันจะตายหรือไง?" "เฮอะ! ผัวงั้นเหรอ?" คำว่า ผัวที่หลุดออกจากปากของคนที่ทำร้ายจิตใจฉันอย่างแสนสาหัส มันยิ่งตรอกย้ำให้ฉัน ต้องเจ็บปวดขึ้นมาอีกครั้ง จนแทบจะหลุดร้องไห้ออกมา ฉันไม่น่าไปชอบ ไปรักคนแบบเขาเลย ความทรมานที่ฉันได้รับ มันก็สุดแสนจะเกินบรรยายแล้ว ถึงแม้เขาจะไม่เคยทำร้ายร่างกายฉัน แต่เขาทำร้ายจิตใจฉัน จนมันไม่สามารถกู้คืนกลับมาได้อีกแล้ว "ผัวงั้นเหรอ กีต้าร์ ที่ผ่านมา นายทำหน้าที่ผัวกับคนอื่นไม่ใช่ฉัน "และนี่ไง!" ฉันชี้มือไปที่ผู้หญิงที่ยืนกอดอก แสยะยิ้มใส่ฉันอย่างชอบใจ ก่อนจะเอ่ยตอบเขาออกมาอีกครั้ง "นี่ไง นายทำหน้าที่ เป็นผัวให้คนอื่นไง อ๋อ แล้วเธอน่ะ!" ฉันสบัดแขนออกจากมือของกีต้าร์ ก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาผู้หญิงคนนั้น อย่างเดือดดาล "เธอน่ะ อย่าคิดว่ามันจะจริงจังด้วยล่ะ เพราะตั้งแต่ฉันอยู่บ้านหลังนี้มา มันเอาผู้หญิงคนอื่นมาเป็นร้อยแล้ว" ก่อนจะหันหน้า มาจ้องหน้าสามีเลวๆ ของตัวเอง เพราะสุดที่จะทนกับความเลวของเขาต่อไปไม่ได้อีกแล้ว "ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ขอให้ฉันพูดบ้างเถอะ นี่บ้าน ไม่ใช่โรงแรมม่านรูด เอาผู้หญิงเข้ามาไม่เคยซ้ำหน้าแบบเนี่ย หัดเกรงใจ คนอื่นเขาบ้างนะไม่ใช่ เอามานอนด้วยเสร็จ ก็ทำเสียงดังลั่นบ้าน หัดเกรงใจคนที่เขาจะหลับจะนอนบ้าง" "นี่เธอ หึงเหรอ?" "หึง?" เฮอะ! ให้ตายเถอะ ฉันแทบจะเป็นบ้าตาย ฉันพูดมาตั้งเยอะ เขากลับถามฉันกลับมาว่า ฉันหึงเหรอ คนอะไร เข้าข้างตัวเองได้ขนาดนี้นะ "หึง! นี่ตลกดีนะ นายเข้าข้างตัวเองมากไปหน่อยไหม หึงงั้นเหรอ ใครจะหึงคนอย่างนาย น่าขยะแขยง สกปรก" พูดจบฉันก็เดินหนีเข้าห้องไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่ได้หันมามองคนตรงหน้าเลยด้วยซ้ำ ให้ตายเถอะ ฉันอยู่บ้านหลังนี้มานานขนาดนี้ได้อย่างไงกัน#กีต้าร์"เป็นไงบ้าง พิงฟ้า""ก็เรื่อยๆ ตามประสาคนติดคุก""เราเอารูปลูกมาให้ ตอนนี้ลูกได้เรียนเต้นบรรเลย์ และ เล่นดนตรีด้วย ลูกเก่งมากเลยนะ เธอหัวดีมาก ""ขอบคุณนะ"ผมใช้มือแตะไปที่กระจกกั้นระหว่างผมกับพิงฟ้าด้วยความคิดถึงสุดหัวใจ แต่ผมกลับได้เห็นสีหน้าเศร้าสลดของพิงฟ้า ที่มองมาทางผมแทนเสียอย่างนั้น"นะ....นาย""ว่าไง?""ฉันทำร้ายนาย ทำลายชีวิตนายถึงขนาดนี้ ทำไมนายถึงยังรักฉันอยู่ ทำไมถึงไม่หาแฟนใหม่ แล้วแต่งงานใหม่"ผมยกยิ้มขึ้นอย่างมีความหวัง ถึงแม้จะรู้ดีว่า พิงฟ้า ใช้ผมเป็นเครื่องมือสำหรับทุกอย่างเท่านั้น แต่ผมก็ยังรักเธอ"ก็เพราะ แม่ของน้องพราวมีแค่คนเดียวไง เราถึงไม่ให้ใครมาแทนแม่ของลูกเราได้""นะ...นายเป็นคนดีจริงๆ ดีจนฉันละอายแก่ใจ""พิงฟ้า เราจะรอเธอนะ รอวันที่เราจะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง 3 คนพ่อแม่ลูก"10 ปีต่อมาศาลได้ยกคดีของพิงฟ้าขึ้นมาพูด
วินาทีนั้น ใจฉันกระตุกวูบ สับสนในความรู้สึกของตัวเองราวกับว่า มันเป็นอย่างที่กีต้าร์พูดจริงๆ"เกี่ยวก้อยกันนะ!""ห๊ะ?"เขาดึงมือฉันไปเกี่ยวก้อยอย่างเดียงสา จะว่าไปแล้ว กีต้าร์ก็ดูเหมือนเด็กน้อยอยู่เลยนะ หรืออาจเป็นเพราะเขาหลับไปนาน ตื่นขึ้นมาถึงได้ดูเหมือนเด็กน้อยแบบนี้ไปได้แต่ฉันก็ยิ้มรับเขาอย่างเอ็นดูนั่น อีกอย่างความคิดของฉันมันก็เปลี่ยนไป ราวกับได้ปลดปล่อยความรู้สึกที่ติดค้างในใจมาอย่างยาวนานเสียอย่างนั้น"ตอนเรียน นายมองเราอยู่ตลอดเลยเหรอ?""ก็มองนะ ก็เธอโดดเด่นหนิ มีแต่เพื่อนๆ เข้าหา""ฮ่ะ ฮ่าๆ"ฉันพูดคุยกับกีต้าร์อย่างถูกคอเสียอย่างนั้น พอได้คุยกับเขาจริงๆ มันก็กลับกลายเป็นว่าเขาทำให้ฉันสบายใจขึ้นเยอะเลย นายนี่ไร้เดียงสาจริงๆ"นายไม่คิดจะหาแฟนใหม่เหรอ?""ไม่ล่ะ เราจะรอพิงฟ้าออกจากคุก อย่างไงเธอก็เป็นแม่ของลูกเรา เป็นแม่ของน้องพราว"แถมเขายังรักเดียวใจเดียวและมั่นคงในความรักอีกต่างหาก ทั้งๆ ที่ผู้หญิงคนนั้น ทำร้ายเขามาตั้งมากมายขนาดนั้
ห้องพักฟื้นฉันตื่นขึ้นมาอีกครั้งด้วยหัวใจที่แตกสลายจนละเอียดไม่มีชิ้นดีข้างตัวยังมีสายน้ำเกลือและชายร่างใหญ่ นอนอยู่ข้างเตียง"อื้มม!""อ่ะ! ตื่นแล้วเหรอ เป็นไงบ้าง?""นาย!"ฉันพยายามมองร่างใหญ่ที่นั่งอยู่ข้างเตียงอีกครั้งอย่างคิดพิเคราะห์ ถึงได้รู้ว่า คนที่นอนเฝ้าฉันอยู่ตรงนี้ คือ กีต้าร์ ไม่ใช่ เปียโน"เป็นไงบ้าง เวียนหัวอยู่ไหม เดี๋ยวฉันไปตามหมอมาให้ ""นาย!"ท่าทีลนลานแบบนี้ ไม่ใช่อี่ตาเปียโนอย่างแน่นอน เพราะอี่ตาเปียโนจะดูเย็นชาและใจเย็นมีสติกว่ากีต้าร์เยอะ แต่ก็ช่างเถอะ จะใครฉันก็ไม่สนใจแล้วสิ่งที่ฉันสนใจตอนนี้ คือร่างที่ไร้วิญญาณของแม็กทิวมากกว่า ถ้าฉันไม่ได้เห็นร่างของเขาอีกครั้ง ฉันคงคิดว่าตัวเองฝันไปอยู่แน่นอน"แม็กทิวอยู่ไหน?""เปียโน มันไปทำเรื่องเอาศพออกโรงพยาบาลอยู่น่ะ!"ฉันสูดหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะพ่นออกมาด้วยแววตาที่เศร้าหมอง ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น แล้วเขาทำเป็นอะไรท
เพี้ยะ!ฉันตบเข้าหน้าคมอย่างจัง จนหันไปอีกทาง ด้วยความเดือดดาลจนยากจะเอ่ย กล้าดีอย่างไงกัน ถึงได้พาลูกๆ ของฉันไปจากอกของฉัน"เธอตบฉัน ทั้งที่ฉันยังหัวแตกอยู่เนี่ยนะ?""ใช่! ฉันเกลียดนาย และฉันก็เหนื่อยมากด้วย ที่จะต้องเห็นหน้านาย"พูดจบ เขาก็ดึงตัวฉันเข้าไปประกบจูบอย่างดุดัน แถมยังกดต้นคอฉันให้แนบชิดจนถอดฝีปากออกไม่ได้ปลายนิ้วมือฉันฟาดเข้าแก้มขาวย้ำๆ อยู่แบบนั้นถี่ๆ แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าเขาจะยอมถอดริมฝีปากออกจากโพรงช่องปากฉันเลย มันยิ่งแนบแน่นขึ้นไปอีก จนฉันหายใจไม่ออก"อ้า!"แต่เมื่อฉันเริ่มนิ่ง เขาจึงยอมถอดริมฝีปากออก และลูบแก้มฉันอย่างอ่อนโยน พลางจูบลงบนแก้มขาว เพื่อบ่งบอกถึงการยินยอมฉันในทุกๆ อย่าง"ฉันรักเธอมากนะ ฉันยอมเธอได้ทุกอย่าง ถึงเธอจะทำร้ายฉันให้เจ็บปางตายฉันก็ยอม แต่ขอร้อง เราอย่าหย่ากันเลยนะ เพื่อลูกๆ เพื่อฉัน""..........""ฉันรู้ว่าฉันทำผิดต่อเธอมาตลอด แต่ฉันขอร้องได้ไหม อย่าทิ้งฉันไปไหนอีกเลย ชีวิตฉันต้องการเธอ บ้านก็ต้องการเธอ
แต่แล้ว เมื่อฉันคุยกับแม็กทิวจบ ใบหน้าของแม็กทิว ก็พยักหน้ารับราวกับส่งสารให้ใครบางคนอย่างน่าสงสัย นัยน์ตาของเขามีน้ำตาไหลออกมาก่อนที่เงาร่างกำยำ จะขยับตัวเข้าใกล้ฉันอย่างแผ่วเบา และใช้ผ้าสีขาวโปะเข้าจมูกฉันอย่างจัง มันกดจมูกฉันอย่างแรง จนร่างกายของฉันค่อยๆ อิดโรย และดับวูบไปเหลือไว้เพียงเสียงพูดคุยกันอย่างแผ่วเบา ที่ฟังไม่ได้ศัพท์จับไม่ได้ความ เหมือนมันพูดกันว่า จะพาฉันไปที่ไหนสักแห่ง แต่ยังไม่พากลับไทย อะไรประมาณนี้ปัง!แคร่ง!!!"ล่ามดีๆ ดิว่ะ! แม่งเดียวคุณชายก็ได้กระทืบเข้าให้หรอก""ว่าแต่ ไปเอาเมียเขามาไว้แบบนี้จะดีเหรอว่ะ?""หุบปากไป!"ฉันคืนสติมาแล้ว และได้ยินในสิ่งที่มันพูดกัน ตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนมีอะไรมารัดอยู่ที่ข้อเท้าเลยแต่ฉันก็ไม่สามารถขยับตัวได้ หากขยับตัวไปมา พวกมันอาจจะรู้ตัวว่าฉันฟื้นแล้ว และอาจจะเอาไอ้ผ้านั่น มาโปะฉันอีกก็เป็นได้ฉันเป็นห่วงเด็กๆ จัง ป่านนี้จะเป็นอย่างไงบ้างนะ ทำไมมันถึงเป็นแบบ
แกร๊ก!"มาแล้วเหรอคะ ที่รัก"ฉันเดินไปต้อนรับแม็กทิว และน้องฮันน่าอย่างทุกครั้ง ที่ทำเป็นประจำ ก่อนจะโผตัวเข้าไปกอดแม็กทิวอย่างปกติแต่วันนี้มันแปลกไป แม็กทิวดูผอมลง แถมสีผิวก็ยังคล้ำลงด้วยอีกต่างหาก ราวกับว่า เขาไม่ได้พักผ่อนมาอย่างไงอย่างงั้นและด้านข้างของเขา มีกระเป๋าใบใหญ่สีชมพูน่ารัก คาดว่าน่าจะเป็นของน้องฮันน่าอย่างแน่นอน"เออคือ แม็กทิว ทำไมเอากระเป๋าของน้องฮันน่ามาด้วยละคะ ปกติก็ใส่ชุดของน้องพะเพลงได้อยู่แล้ว ไม่เห็นต้องเอามาให้ยุ่งยากเลย""เออคือ!"แม็กทิวเม้มปากลงเล็กน้อย ก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่องให้ฉันรู้สึกสบายใจขึ้น"ไม่มีอะไรหรอกคับ ช่วงนี้ผมทำงานหนัก เลยไม่ได้พักเลย จึงอยากจะขอพักพิง ดูแลลูกสาวของผมหน่อย ในช่วงนี้ ผมอยากให้เธออยู่กับคุณตลอด เพื่อที่คุณกับเธอจะได้สนิทกันมากยิ่งขึ้น"ฉันไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่แม็กทิวพูดเท่าไหร่นัก แต่ก็ไม่อยากจะถามอะไรต่อให้มันเป็นประเด็น ฉันรู้ว่าตอนนี้เขาคงมีเรื่องเครียดอะไรบางอย่าง ที่บอกฉันไม่ได้ แต่ในสักวัน เขาคงกล้าที่