“นั่นไง เจ้าเคมานั่นแล้ว”
คุณจารีย์บอกกับหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างกัน เมื่อหันไปเห็นลูกชายเพียงคนเดียว กำลังเดินเลี้ยวผ่านประตูเข้ามา
เมื่อได้ยินเจ้าของร่างท้วมร้องทัก ชันไชน์จึงหันไปมองเจ้าของร่างใหญ่ ใบหน้าสไตล์ลูกครึ่ง ก่อนชักสายตากลับมาอีกทางอย่างรู้สึกประหม่า แต่ก็ต้องทำใจกล้ายอมออกมาเผชิญหน้ากับเขา
เควินชะงักนิดหนึ่ง ก่อนจะเดินตรงมาที่โซฟา แล้วทิ้งตัวลงนั่งอยู่ตรงข้ามกัน
“ไง? เมื่อคืนเมามากละสิ...ถึงได้ตื่นซะสายโด่งขนาดนี้”
คนเป็นมารดาเอ่ยแซะลูกชายอย่างไม่จริงจังอะไรนัก ติดจะเอ็นดูซะมากกว่า ทั้ง ๆ ที่โตจนหมาเลียตูดไม่ถึงแล้วก็เถอะ
“ นิดหน่อยครับ ” เขาตอบรับ พร้อมกับยิ้มกลับมา ก่อนประสานสายตากับคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกัน แล้วเอ่ยต่อจากนั้นว่า
“ อาจจะขาดสติไปบ้าง แต่ความจำเป็นเลิศครับมาดาม ” เหมือนตอบกลับมารดาแต่จงใจมองหน้าของอีกคน
“แกนี่มันกระล่อนได้พ่อจริง ๆ ”
คุณจารีย์ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ อดไม่ได้ที่จะพาดพิงไปถึงผู้ให้กำเนิดของลูกชาย ที่ได้แยกทางกันไปนานหลายปี
ซันไชน์ทำหน้าไม่ถูก ทำได้เพียงหลุบตาคู่สวยลงต่ำ หลบสายตาคมของคนตรงหน้าอย่างที่ไม่กล้าจะสบสายตากับเขาเท่าไหร่ ด้วยเหตุผลจากอะไรคนตัวใหญ่น่าจะรู้ดี
“มาเข้าเรื่องกันดีกว่านะ เดี๋ยวแม่จะต้องไปทำธุระที่อื่นต่อ”
คุณจารีย์เอ่ยตัดบทขึ้นมาด้วยสีหน้าจริงจัง หญิงสูงวัยหันมาหาหญิงสาวที่นั่งเงียบอยู่ข้าง ๆ พลางแนะนำทั้งคู่ให้รู้จักกันเป็นทางการ
“ ซันไชน์ นี่พี่เควิน ลูกชายของป้า/เควิน นี่คือซันไชน์ คนที่แม่ต้องการให้ลูกแต่งงานด้วยไง”
ซันไชน์ยกมือขึ้นไหว้โดยที่ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาเลยสักคำ เธอเงียบเพื่อรอดูปฏิกิริยาของคนตรงหน้า ว่าเขาจะพูดอะไรออกมาบ้างเท่านั้น
นอกจากจะไม่พูดอะไร เขายังนั่งมองหน้าซันไชน์นิ่ง ๆ จนทำให้หญิงสาวรู้สึกเกร็งไปหมด สายตาคมที่กำลังจ้องมองมา ราวกับว่าต้องการให้ทะลุเนื้อผ้าเข้ามาถึงข้างใน
เขากำลังคิดอะไรอยู่เหรอ ถึงได้ทำหน้าแบบนี้กับเธอน่ะ?...
ร่างสูงเงียบเสียงของตัวเองลง พลางพิจารณาผู้หญิงตรงหน้าที่แม่เขาพามาแนะนำให้รู้จัก ใบหน้าที่มีลักษณะลูกครึ่งซึ่งเหมือนกับเขา
สาวสวยที่มีใบหน้าเรียวรูบไข่ ประกอบไปด้วยดวงตาเฉี่ยวคม รับกับเรียวคิ้วโค้ง นัยน์ตาสีน้ำตาลกลมโต ขนตางอนเช้ง จมูกโด่งเล็กรับกับริมฝีปากอิ่มสีเชอร์รี่ รวม ๆ แล้วมันดูเซ็กซี่เป็นบ้าในสายตาของเขา อีกทั้งเส้นผมสีน้ำตาลเข้มเงางาม ล้อมกรอบใบหน้าหวาน ที่เขามองเห็นกระจายอยู่ใต้ร่างของตัวเองเมื่อคืนนี้ มันขยี้ใจเขาฉิบหาย!...
ให้ตายเถอะ! ผู้หญิงห่าอะไรวะทำหน้าเจ็บ ได้น่าเอาที่สุดเหอะ!
ทั้ง ๆ ที่เคยผ่านผู้หญิงมาแล้วนับไม่ถ้วน แต่ยังไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนสวยงาม และสมบูรณ์แบบขนาดนี้มาก่อนเลย
ถ้าไม่นับเฌอร์ลีนเมียไอ้ม่อน หรือลูกกวางเมียของไอ้เสือนะ สองคนนั่นน่ะอยู่ในข่ายยกเว้น
อีกทั้งรูปร่างที่ดูจากภายนอกแล้วเหมือนจะบอบบาง แต่เควินรู้ดีว่าไอ้ส่วนที่ซ่อนอยู่ในร่มผ้าบนเรือนร่างของเธอ มันเร้าอารมณ์เขาแค่ไหน?...
แค่ไหนเหรอ?
ก็ถ้าไม่เมาขนาดพับลงเสียก่อนแบบเมื่อคืนนี้ เธอคงถูกเขาขยี้จนยับคาทีไปเลยละมั้ง แต่เผอิญว่าเขาน่ะเมามากไปหน่อย พอมาเจอแบบ ตอด ๆ ฟิต ๆ คับ ๆ เข้าไปขนาดนั้นมันก็สลบคาที่ไปเลยสิครับ! อ้อ..บวกกับเสียงครางหวานของเธอนั่นอีก กระตุ้นอารมณ์ดิบของเขาให้รุกเร้าเธอหนักเกินไปโดยไม่รู้ตัว นาทีนั้นก็ไม่รู้จะเอาอวัยวะส่วนไหนไปยั้งคิดได้ทัน ในเมื่อตัวตนของเขา มันอยากจะเดินไปข้างหน้าอยู่ท่าเดียว
ถามว่ารู้ตัวรึปล่า? มีสติไหมตอนนั้น? ตอบให้ทันทีเลยก็ได้ ว่ามีสติครบถ้วน รับรู้รสสัมผัสทุกอย่างนั่นละ แต่มันห้ามใจไม่ได้ไง
ก็ดูรูปร่างหน้าตาของเจ้าหล่อนสิ...เต็มไม้เต็มมือ อวบอัดน่าฟัดซะขนาดนั้น...ใครอดใจไหวก็ไปตายเถอะครับ!
สรุปสุดท้ายความหมายมันก็คือ...มึงมันเงี่ยนนั่นแหละไอ้เค!
“เค...เค...เควิน!”
“ครับแม่!”
เควินรีบทิ้งความคิดในหัวของตัวเองทันที พร้อมกับขานรับมารดา ที่เรียกสติเขาให้กลับมาด้วยน้ำเสียงที่ขึ้นคีย์สูง
“ว่ายังไงละ ที่แม่ถามแกเรื่องแต่งงาน ” คุณจารีย์เอ่ยย้ำถามลูกชายอีกครั้ง
“แต่งครับ!”
เควินตอบมารดากลับไปโดยไม่ต้องคิดนาน...
จะให้ตอบปฏิเสธอย่างไรได้ละ ในเมื่อเขาได้เจ้าหล่อนไปแล้วนี่...
ถามว่านี่คือเหตุผลจริง ๆ ใช่มั๊ย...ตอบได้เลยว่า แค่ส่วนเดียว เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น เขาคงแต่งงานกับใครต่อใครไปแล้วหลายคน
เหตุผลหลัก ๆ อย่างแรกนั่นก็คือเธอมีคุณสมบัติ ที่ผู้ชายหลายคนต้องการ นั่นก็เป็นเพราะว่า เธอยังไม่เคยผ่านมือชาย เพราะเขาได้พิสูจน์เธอด้วยตัวเองไปเรียบร้อยแล้วเมื่อคืนนี้ อีกทั้งยังทิ้งหลักฐานเอาไว้ให้ดูต่างหน้า บนผ้าปูที่นอนของเขา โดยที่ยังไม่รู้เหตุผลว่าอีกคนเข้ามาในห้องของเขาทำไมในเวลานั้น?
เหตุผลข้อที่สองหากเขาไม่เลือกเธอ ยังไงซะเขาก็ต้องถูกคนเป็นบิดาบังคับ ให้แต่งงานกับผู้หญิงที่ท่านเป็นคนหาให้อยู่ดี
เพราะท่านต้องการให้เขาแต่งงานกับลูกสาวของมาเฟีย คนใดคนหนึ่งที่อยู่ในแวดวงธุรกิจสีเทาเหมือนกัน เพื่อต่อยอดธุรกิจโดยที่ไม่มีความรักเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งเขาก็ไม่ต้องการให้มันเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว
แต่กับผู้หญิงคนนี้เธอทำให้เขาติดใจ เมื่ออยู่ด้วยกันไปเอากันมาก ๆ เข้า อาจจะทำให้เรารักกันก็ได้...
สัมผัสที่เริ่มต้นขึ้นมาจากร่างกาย อาจทำให้ความรู้สึกทางใจตามมาทีหลังได้ เหมือนกับที่โบราณว่าไว้..จริงหรือไม่...เขาคงต้องลองพิสูจน์มันด้วยตัวเอง...
ใบหน้าสวยเฉี่ยวคมและปราศจากรอยยิ้ม มองตรงมาที่เขาด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง เมื่อได้ยินคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกันตอบกลับมาแบบนั้น
คุณจารีย์ยิ้มกว้างอย่างโล่งใจ เธอรู้ว่าลูกชายของเธอเป็นคนฉลาดและรู้จักเลือก มองคนได้ขาดตามสไตล์มาเฟียของเขานั่นละ
ถึงแม้เธอจะไม่ยินดีกับธุรกิจสีเทา ที่ลูกชายกำลังทำให้กับอดีตสามีเก่าของเธอเท่าไหร่นัก แต่ก็ต้องยอมรับและพบกันคนละครึ่งทาง
ทั้งที่อีกฝ่ายก็มีลูกอีกมากมาย แต่เธอก็เข้าใจและรู้ดีว่าอดีตสามีเก่า รักและชื่นชมลูกชายคนโตคนนี้ของเขามากแค่ไหน เธอจึงไม่อยากเข้าไปก้าวก่าย หากเรื่องนั้นไม่ทำให้เธอเดือดร้อน หรือหากเข้าข่ายในเรื่องที่ผิดกฎหมายมากเกินไป นั่นเป็นอะไรที่ทำให้เธอยอมเขาไม่ได้เหมือนกัน
“ ซัน..?”
คุณจารีย์หันมาเรียกหญิงสาวเชิงถามกลับซึ่งอีกคนก็รับรู้ได้
“ค่ะ...คุณป้า”
เธอตอบรับคำสั้น ๆ เป็นประโยคแรกที่ชายหนุ่มได้ยินหลังจากที่นั่งอยู่ตรงนี้มาสักพัก...เสียงขานรับ ทำให้ร่างใหญ่ต้องซ่อนรอยยิ้มร้ายเอาไว้บนใบหน้า..เช่นเดียวกัน
“ลูกหลับแล้วเหรอคะ?”เสียงหวานเอ่ยทักเมื่อเห็นร่างหนา เดินผ่านประตูออกมานั่งลงตรงข้ามกับเธอ โดยมีโต๊ะกระจกกั้นระหว่างกันเอาไว้ แต่ก็ถือว่าไม่ได้ห่างกันมากมายอะไรนัก แต่ซันไชน์ก็อดแปลกใจไม่ได้อยู่ดี เพราะแทนที่คนตัวใหญ่กว่าจะมานั่งอยู่ใกล้ๆ แต่ทำไมหญิงสาวถึงรู้สึกว่า เหมือนเขาต้องการจะเว้นระห่างกับเธอนัก แต่ก็ไม่อยากถาม“อืม...ถ้าเอรินไม่หลับพี่ก็คงจะหลับไปก่อนละ ไหนจะร้องเพลงกลับไปกลับมากล่อมพี่งี้ ฟังแล้วก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องสักเท่าไหร่ อีกทั้งนิทานก็เล่าวนไปวนมาที่เดิมไม่ยอมจบนั่นซะที แต่ก็น่ารักดีนะ พูดยังกะต่อยหอย ตัวเท่านี้ไปหัดพูดที่ไหนมา” รอยยิ้มเกลี่ยไปทั่วใบหน้าในขณะที่เอ่ยถึงลูกสาว ที่บอกกับเขาว่าจะร้องเพลงกล่อมให้นอนหลับสบาย ดูก็รู้แล้วว่าเจ้าตัวตื่นเต้นที่ได้เห็นพ่อนั่นละ พูดจาเจื้อยแจ้วราวกับนกแก้ว แล้วก็ไม่มีทีท่าว่าจะหลับเอาง่ายๆ นั่นอีกด้วยนะ จนเขาต้องแกล้งหลับนั่นละ เจ้าตัวถึงได้หลับตามๆ กันไป เพราะไม่รู้จะพูดให้ใครฟังแล้วไง ซันไชน์ทิ้งให้เขาอยู่กับลูกเพียงลำพัง ส่วนตัวเองก็มานั่งทอดอารมณ์ ที่ระเบียงหลังห้องเพื่อรอเขา“แกชอบคุยกับสัตว์ค่ะ สัตว์ทุกชนิด ชอบคุยอยู่คนเด
“คุณ!..หยุดอยู่ตรงนั้นนะ แล้วปล่อยลูกสาวของฉันเดี๋ยวนี้!”ซันไชน์รีบตะโกนเสียงดังเชิงสั่งออกไป แล้วมันก็สามารถหยุดชายร่างใหญ่คนนั้นเอาไว้ได้ ก่อนที่เขาจะค่อยๆ หันมาประจันหน้ากับเธอ!!!ซันไชน์เบิกตากว้าง รู้สึกทั้งตกใจและดีใจในเวลาเดียวกัน แต่มันก็ดันทำให้ขาทั้งสองข้างของหญิงสาว ก้าวต่อไปไม่ได้ไปซะเฉยๆ อีกทั้งน้ำตา ก็พาลไหลออกมาไม่หยุดเลย นั่นทำให้ชายหนุ่มต้องเป็นฝ่ายก้าวเท้าเข้ามาหาหญิงสาวซะเอง นัยน์ตาคมกวาดมองใบหน้าของซันไชน์ด้วยความรู้สึกหลากหลายที่ไม่ต่างกัน วงแขนแกร่งข้างที่ว่างโอบรั้งร่างบางให้เข้ามาหา ก่อนจะเอ่ยกับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงสั่นพร่าต่อจากนั้น “ ชัน...ไม่ร้องสิ” บอกเธอว่าอย่าร้องไห้ แต่เขาก็กลั้นมันไว้อย่างสุดกำลัง อีกทั้งเขายังกลัวว่าเมื่อลูกสาวเห็นคนเป็นแม่ร้องไห้หนักเข้าเจ้าตัวอาจจะร้องไห้ตาม แต่ทว่าเอรินเข้มแข็งมากกว่าที่เควินคิดไว้เสียอีก นอกจากเจ้าตัวจะไม่ร้องไห้แล้ว ยังยื่นมือเล็กๆ เข้าไปเช็ดน้ำตา พร้อมกับคำพูดปลอบใจให้อีกว่า“โอ๋..คุณแม่ขาไม่ร้องนะคะ...อึ๊บค่ะๆ” เควินอยากจะหัวเราะขำ แต่มันไม่ใช่เวลาที่จะทำแบบนั้นได้ ตอนนี้สิ่งที่ชายหนุ่มควรทำมากที่สุด ก็ค
เอรินอุทานเรียกชายร่างสูงที่ยื่นถุงขนมส่งมาให้เธอตรงหน้าว่า พ่อ นั่นแหละ แล้วมันก็ทำให้เจ้าของร่างใหญ่เลิกคิ้วเข้มขึ้นสูงข้างหนึ่ง เชิงถามอย่างรู้สึกแปลกใจ ก็ในเมื่อทั้งสองคนเพิ่งจะเคยได้เห็นหน้ากันเป็นครั้งแรก เอรินก้มเปิดกระเป๋าสะพายข้างใบเล็กสีชมพูเข้ากับชุดคิตตี้ที่ใส่ แล้วหยิบรูปถ่ายที่เคลือบเอาไว้อย่างดี ออกมาเทียบกับใบหน้าของชายร่างสูงใหญ่ เมื่ออีกฝ่ายย่อตัวลงนั่ง เพื่อให้สายตาของทั้งคู่อยู่ในระดับเดียวกัน แต่ถึงอย่างนั้นผู้ชายที่นั่งย่อตัวอยู่ตรงหน้า ก็ยังสูงกว่าเอรินอยู่ดี คิ้วเรียวเล็กเลื่อนเข้าหากันทันทีอย่างสงสัยระคนแปลกใจ ว่าทำไมชายคนนี้ถึงมีใบหน้าคล้ายกับบิดาของเธอได้กริยาอาการรวมไปถึงการกระทำราวกับเจ้าตัวเป็นผู้ใหญ่ มันทำให้อีกฝ่ายต้องยิ้มขำออกมาก่อนจะเอ่ยถามเอรินออกไปว่า“หน้าเหมือนกันมั้ยครับ?”“......”ใบหน้าน่ารักไม่ตอบกลับ เพราะสมองน้อยๆ ของเอรินในตอนนี้กำลังใช้ขบวนการทางความคิดค่อนข้างมากนัยน์ตาสีน้ำตาลกลมโตมองชายในรูปภาพ สลับกับมองใบหน้าของชายร่างสูงใหญ่สลับกันไปมาอยู่อย่างนั้น เมื่อตอบตัวเองไม่ได้นั่นแหละ เจ้าตัวจึงเปลี่ยนเป็นตั้งคำถามกลับไปแทน“คุณลุงเ
ตั้งแต่เควินได้พาตัวเองหายไปจากชีวิตของทุกคน โดยไม่มีใครรู้ว่าเจ้าตัวไปอยู่ที่ไหน นอกเสียจากเพื่อนสนิททั้งสี่คนนั่นแล้ว นอกนั้นต่างก็รู้แค่ว่าชายหนุ่มได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยกระทั่งผู้ให้กำเนิดหรือแม้แต่ตัวซันไชน์เอง ได้รู้เหตุผลทุกอย่างจากเพื่อนๆ ของเขา ที่ต่างก็ช่วยกันเล่าเรื่องราว ก่อนหน้าที่หญิงสาวจะฟื้นขึ้นมาให้เธอฟัง ทั้งยังบอกเหตุผลอีกว่า การที่ไม่มีใครรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน นั่นย่อมไม่มีใครคอยไปรบกวน และทำให้ชายหนุ่มปฏิบัติตามเงื่อนไขได้อย่างเต็มที่จากเด็กทารกที่อยู่ในครรภ์ของมารดา ยังไม่ทันได้ก่อตัวเป็นรูปร่างเท่าไหร่ คนเป็นพ่อก็ต้องมาจากไปไกล โดยทิ้งอีกฝ่ายที่ยังนอนนิ่งไม่ไหวติง ภายใต้สายระโยงระยาง ที่ติดอยู่ตามเนื้อตัวเต็มไปหมดถึงแม้หญิงสาวจะได้รับข่าวร้ายที่ทำให้ปวดหัวใจ จนแทบไม่อยากตื่นขึ้นมามีลมหายใจไปวันๆแต่ถึงอย่างนั้นซันไชน์ก็ยังมีเพื่อนๆ ของสามีคอยช่วยเตือนสติ และบอกข่าวดีต่อจากนั้นอีกว่า ก้อนเนื้อเล็กๆ ที่กำลังเจริญเติบโตอยู่ในท้องของหญิงสาว ซึ่งเป็นเสมือนตัวแทนของเขายังปลอดภัยดี นั่นจึงทำให้คนที่กำลังนอนทอดอาลัย ถึงกับมีแรงฮึดขึ้นมาสู้ต่อ เพื่อรอวันที่จะได้อยู่
เควินชักสายตากลับมามองหน้ากรรวีด้วยใบหน้าเศร้าหมอง มนต์พยัคฆ์เองยังไม่อยากจะมอง เขาต้องเบี่ยงองศาไปที่กรรวีอย่างต้องการคำตอบด้วยเช่นกัน แต่หญิงสาวก็ยังไม่ทันได้ตอบคำถาม เมื่อมีเสียงของชนธัญดังนำหน้ามาก่อนเจ้าตัวชายหนุ่มกำลังประคองร่างของเมียรัก ในขณะที่บ่นตามมาต่อจากนั้นว่า“ทำไมเดี๋ยวนี้เธอถึงได้ดื้อกับพี่จังฮะ ให้นั่งรถเข็นก็ไม่เอา พี่จะอุ้มก็ไม่ยอมอีก ถ้าลูกของเราหลุดออกมาตอนเธอเดินจะทำไง?”“พี่ม่อนจะเว่อร์ไปไหนคะเนี่ย ท้องเฌอร์เล็กแค่นี้เอง ไม่เห็นจะหนักเลยสักหน่อย แล้วเฌอร์ก็เดินเองได้ค่ะ เพื่อนๆ ของพี่กับลูกกวางยืนรอเราอยู่นั่นแล้วไงคะ เร็วๆ เข้าเถอะค่ะ มัวแต่พูดมากอยู่นั่นแหละ”เฌอร์ลีนต่อว่า พลางส่ายหน้าอย่างระอาสามี ที่กลัวนั่นกลัวนี่จนเกินเหตุ ก่อนจะเดินนำหน้าเข้ามาหาคนที่ยืนรอพวกเธออยู่ก่อนแล้ว ดูคล่องแคล่วและกระฉับกระเฉงมากกว่าคนที่เดินตามหลังกันมานั่นซะอีกเมื่ออยู่กันพร้อมหน้า ทุกคนต่างทักทายและปลอบใจกันพอเป็นพิธีกรรวีรู้ว่าเวลามีไม่มากนัก เธอจึงบอกให้ทุกคนมานั่งพัก เพื่อจะได้รอฟังผลการผ่าตัดของซันไชน์ จากหมอใหญ่ได้ตลอดเวลาทุกคนที่เหลือต่างพร้อมใจกันเงียบเสียงของตัว
มนต์พยัคฆ์รีบบึ่งรถลงใต้ โดยใช้คนขับรถของเขาเป็นคนขับให้ เพราะหากว่าเขาเป็นคนขับเอง มันคงไม่มีสมาธิสักเท่าไหร่ที่สำคัญมากไปกว่านั้น มนต์พยัคฆ์ต้องการซักถามคนที่นั่งอยู่ข้างกันอย่างถนัด ๆ มากกว่า เพราะกรรวีไม่พูดไม่จาตั้งแต่ออกจากบ้านมา นั่นเลยต่างหากละ“ลูกกวาง”“....คะ”กรรวีขานรับทันทีหลังจากที่ได้ยิน จากนั้นเธอจึงพูดต่อเพราะรู้ว่าอีกคนกำลังรอฟัง“ลูกกวางรู้ตั้งแต่วันที่พี่เคพาพี่ซันมาบ้านของเราก่อนแต่งงานวันนั้นไงคะ พี่เสือจำได้มั้ยว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้นในห้องรับแขก”กรรวีอธิบายหลังจากที่นั่งเงียบมาตลอดทาง พลางถามกลับไป และรอให้ชายหนุ่มคิดก่อนจะย้ำถามเขาอีกครั้ง“พี่เสือจำได้รึยังคะ?”“มีแก้วตกลงมาแตกนั่นนะเหรอ”“ใช่ค่ะ”“ มันเกี่ยวข้องกันยังไง ถ้าเป็นสิ่งที่เรามองไม่เห็น แล้วจะเข้ามาในบ้านของเราได้เหรอ?”“เขาอยู่กับพี่เค...เขาปักหมุดเอาไว้ตั้งแต่แรก”“เจ้ากรรมนายเวรของมันงั้นสินะ..เธอเห็น?”กรรวีพยักหน้ารับแทนการตอบกลับมาด้วยเสียง ซึ่งอีกฝ่ายก็ยังอยากจะรู้อะไรมากกว่านั้นอีก“เห็นเป็นยังไง?...หน้าตาละ? ท่าทาง?..ทำไมแก้วนั่นถึงตกลงมาได้?” มนต์พยัคฆ์เอ่ยถามคนตรงหน้า ด้วยน้ำเสียงที่