“ งั้นแม่ก็สรุปให้เลยแล้วกันนะ”
เสียงมารดาเอ่ยแทรกขึ้นมา เมื่อเห็นว่าทั้งคู่ต่างพากันนั่งเงียบกริบ
“ฤกษ์แต่งงานคือไม่เกินกลางเดือนหน้า เพราะแม่ได้หาเอาไว้แล้ว ในระหว่างนี้แกสองคนก็เรียนรู้กันไปก่อน ทำความรู้จักกันให้มากขึ้นกว่าเดิม แต่แม่เชื่อสายตาของตัวเองนะว่าทั้งสองคนน่ะ ดูเหมาะสมกันมากที่สุด...เค!...”
คุณจารีย์เอ่ยออกมายืดยาว ประโยคสุดท้ายเธอมองหน้าลูกชาย ก่อนจะเรียกชื่อเขาเชิงย้ำ
“ครับแม่”
“บอกพ่อแกด้วยนะเรื่องงานแต่งของแกน่ะ บอกเขาแทนแม่ทีว่า เสียใจด้วยนะที่ชวดลูกสะใภ้มาเฟีย แต่ให้เขาเก็บเอาไว้ให้กับลูกชายคนอื่นก็ได้ละมั้ง น้องชายคนละแม่ของแกมีตั้งหลายคนไม่ใช่รึไง?”
“ก็...ครับ แต่ผมไม่รับฝากนะครับ ทางทีดีแม่บอกกับพ่อให้ผมดีกว่านะ หากผมเป็นคนบอกท่านเอง หูผมคงอื้อไปหลายวัน แต่ถ้าเป็นแม่พูด พ่อคงไม่กล้าหือ...”
ซันไชน์พึ่งจะรู้ในวันนี้เองว่า ยังมีคนที่อยู่เหนือกว่ามาเฟีย นั่นก็คือเมียเก่าอย่างป้าจารีย์ แสดงว่าท่านจะต้องมีดีอย่างแน่นอน
“ก็ได้...ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวแม่จะบอกกับพ่อของแกให้เอง”
ป้าจารีย์และแม่ของซันไชน์เป็นเพื่อนที่รักกันมาก พ่อของหญิงสาวท่านก็เป็นคนแนะนำให้รู้จักกับแม่ของเธอ จนกระทั่งท่านทั้งสองได้ครองรักกัน แต่สุดท้ายแล้วผู้ให้กำเนิดของซันไชน์ก็ดันมาอายุสั้น เนื่องจากวันนั้นสามคนพ่อแม่ลูกได้พากันกลับมาเมืองไทย เพื่อจะมารับยายไปอยู่ด้วยกันที่อิตาลี พอทราบข่าวหลังจากนั้นไม่กี่วัน คนเป็นยายก็มาสิ้นใจตามแม่ของซันไชน์ไปด้วยอีกคน
หญิงสาวนั่งฟังสองคนแม่ลูกคุยกันอยู่พักใหญ่ เธอจึงอยากจะขอตัวออกไปทำธุระข้างนอกบ้าง เพราะเธอมีบางอย่างที่สำคัญมากต้องรีบทำ
เนื่องจากเมื่อคืนนี้เควินสดกับเธอโดยที่ไม่ได้ป้องกัน ซันไชน์จึงต้องการใช้ยาคุมฉุกเฉิน เพื่อคุมกำเนิดให้กับตัวเองโดยเร็วที่สุด
เพราะด้วยธุรกิจของเขา ต้องมีผู้หญิงอยู่รอบตัวมากมาย และเธอก็ไม่รู้ด้วยว่าเขาป้องกันตัวเองแค่ไหน เกรงว่าเขาจะเอาโรคร้ายมาติดเธอด้วยนั่นมากกว่า
ไม่น่าเคลิ้มตามเขาไปเลยให้ตาย!... คิดได้ก็เหมือนกับว่ามันสายไปแล้วจริง ๆ
ฃันไชน์รีบทิ้งความคิดในหัวของตัวเองลงไป ก่อนจะหันมาตั้งใจฟังคุณจารีย์พูดเรื่องการแต่งงานของเธอกับลูกชายของท่าน
“เรื่องสถานที่แต่งงาน ก็จัดในโรงแรมของเรานั่นละนะ เรื่องอื่น ๆ แม่จะให้เลขาจัดการให้ เคแค่พาน้องไปเลือกชุดแต่งงานกับถ่ายรูป...แม่คงต้องไปธุระก่อนนะ นัดเพื่อนเอาไว้”
คุณจารีย์เอ่ยพร้อมกับลุกขึ้นยืน... ก่อนไปยังหันมาย้ำพร้อมกับจิกสายตาใส่หน้าคนเป็นลูกชายอีกว่า
“แม่ฝากน้องด้วยนะ ซันไชน์เปรียบเสมือนลูกสาวของแม่อีกคน อย่ารังแกหรือหักหาญน้ำใจน้อง จนกว่าจะถึงวันแต่งงานเข้าใจไหม!?”
ประโยคคำถามเชิงสั่งจากมารดา เควินอยากจะตอบท่านกลับไปจริง ๆ เลยว่า เขาได้ทำข้าวสารของท่าน ให้กลายเป็นข้าวสุกไปตั้งแต่เมื่อคืนวานนั่นแล้ว
ซันไชน์สะอึก หลุบดวงตาคู่สวยลงต่ำ ก่อนจะเสสายตาไปอีกทาง ด้วยใบหน้าที่ขึ้นสีจัดจรดใบหู
ส่วนเควินมองหญิงสาวอย่างรู้สึกขำ พลางหัวเราะหึหนัก ๆ ในลำคอ
เขายืดตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เดินเข้ามากอดมารดาเชิงประจบ ก่อนจะกดจมูกกับแก้มนุ่มของท่านหนัก ๆ ในขณะที่ผละออกมาถามกลับไป
“แม่ไม่กลัวว่าลูกสาวของแม่ จะรังแกผมบ้างหรือไงครับหื้ม?..”
“ไอ้กะล่อน โตจนหมาเลียตูดไม่ถึงแล้วยังทะลึ่งไม่เลิก...”
คุณจารีย์ต่อว่า พร้อมกับผลักร่างใหญ่ออกไป พลางตวัดตาค้อนให้ลูกชายอย่างรู้สึกเอ็นดูอีกครั้ง
จากนั้นจึงหมุนตัวพาร่างท้วมเดินออกไปจากห้อง ในขณะที่ลูกชายยังตะโกนก้องไล่หลังตามไปอีกด้วยว่า
“รักแม่ที่สุดครับ”
คุณจารีย์ส่ายหน้า พร้อมกับรอยยิ้มหลังจากได้ยินลูกชายตะโกนบอกรัก
เพราะเป็นแบบนี้ไง เธอจึงไม่อยากให้ลูกชาย ไปคว้าลูกสะใภ้ที่ไหนมาให้ก็ไม่รู้
ถึงแม้กับคนอื่นอาจจะมองว่าลูกชายของเธอเป็นคนไม่ดีเท่าไหร่ แต่สำหรับคุณจารีย์แล้ว เธอกลับภูมิใจในตัวลูกชายคนนี้มากที่สุด...
หลังจากที่คุณจารีย์ออกไปแล้ว เหลือเพียงเควินกับซันไชน์ที่นั่งอยู่ตรงข้ามกัน เควินจึงเป็นฝ่ายทำลายความเงียบนี้ลงด้วยคำถาม
“ซัน...พี่เรียกเธอแบบนี้ดีกว่าไหม?”
เขาถามในขณะที่ย้ายร่างสูงมานั่งอยู่ด้านข้าง จนทำให้อีกคนต้องเขยิบห่างออกมา ก่อนจะพยักหน้ารับตอบกลับแทนเสียง
“ซัน!..เรื่องเมื่อคืนนี้...”
“ไม่เป็นไรค่ะ! ”
ซันไชน์รีบพูดแทรกขึ้นมา ก่อนที่เควินจะเอ่ยอะไรออกไปมากกว่านั้น คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูงเชิงสงสัย แต่เขาไม่ถามอะไรเธอกลับ แต่อยากให้หญิงสาวพูดออกมาเองมากกว่า
“ซัน..แค่อยากได้ยาคุมฉุกเฉินค่ะ และอยากจะรู้แค่ว่าพี่สดกับผู้หญิงแบบนี้ทุกคนหรือเปล่าคะ ซันกลัวพี่เอาโรคมาติดน่ะ เพราะความจริงแล้วเราควรตรวจร่างกายก่อนที่จะมีอะไรกัน”
ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจที่จะพูดกับเขาด้วยประโยคยาว ๆ ทีเดียวให้จบ ดีกว่าที่จะมามัวสงสัยหรือกังวลใจไปต่าง ๆ นา ๆ เพราะเรื่องที่เธอเสียตัวให้เขา ไม่น่าห่วงเท่ากับเรื่องนี้
เธอเองก็ไม่ได้เสียใจอะไร แอบยินดีด้วยซ้ำที่ผู้ชายคนนั้นเป็นเขาต่างหากเล่า ผู้ชายคนแรกที่เธอยอมให้เข้ามารุกล้ำร่างกายได้ขนาดนี้ หรืออีกทียังไงซะเธอคิดว่าตัวเองจะต้องได้แต่งงานกับเขาอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกกังวลใจมากที่สุดในตอนนี้ คือยังไม่พร้อมที่จะมีลูกกับเขาเท่านั้น
เควินยิ้มขำรับพร้อมกับพาร่างหนาขยับเข้ามาใกล้ ก่อนจะใช้วงแขนแกร่งคว้าโอบร่างบาง ให้เข้ามาหาตัวอย่างถือวิสาสะและเอาแต่ใจ จากนั้นจึงกดจมูกโด่งลงบนแก้มใส แล้วสูดมันเข้าไปราวกับชื่นใจหนักหนา ทำเอาใบหน้าสวยเห่อร้อนขึ้นมาในตอนนี้เลย
“นิ้! คุณ!..” หญิงสาวแว้ดใส่ชายหนุ่มเสียงสูง
แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น ก็ถูกร่างหนาชิงตัดหน้าพูดขึ้นมาก่อน
“พี่แก่กว่าเธอหลายปีควรเรียกพี่นะ ไม่ใช่ คุณ หรือจะเรียกว่า เค เฉย ๆ โดยไม่จำเป็นต้องมีคำนำหน้า แบบเมื่อคืนนี้ก็ได้นะ พี่ไม่ถือ”
“...!!...”
ซันไชน์มุ่ยหน้าโดยที่ไม่พูดอะไร อีกฝ่ายจึงถือโอกาสพูดต่อจากนั้นทันที
“งั้น..พี่จะตอบคำถามของเธอก่อนก็ได้ เธอจะได้สบายใจ ว่าพี่ไม่เคยสดกับใครเลย แล้วก็ตรวจร่างกายเป็นประจำ ไม่มีโรคติดต่อ พอใจยัง!? ”
“ค่ะ..แต่ซันอยากจะขอใช้รถ” เธอพยักหน้ารับพร้อมกับเอ่ยปากขอสิ่งที่อยากได้
“รู้เส้นทางในกรุงเทพดีแล้วเหรอ?”
ร่างสูงถามกลับไป พลางหรี่ตามองหน้าสวยใสในระยะใกล้ โดยเฉพาะริมฝีปากสีเชอร์รี่ที่กำลังขยับตอบเขากลับมา
น่าจูบจังวะ!
แค่คิดมันก็อยากจะเอาฉิบหายเหอะ!
“กำลังจะรู้วันนี้นี่แหละค่ะ”
เธอตอบ พร้อมกับดันตัวเองออกมาจากร่างใหญ่ แต่ก็ยังอยู่ในระยะที่มองเห็นหน้ากันได้อย่างชัดเจน เพราะเธอเห็นสายตาของเขา ที่เอาแต่มองหน้าสลับกับเลื่อนนัยน์ตามองต่ำลงไปหยุดอยู่ที่หน้าอก ก่อนจะวกกลับขึ้นมาสบตากับเธออีกครั้งเขาต้องกำลังคิดอะไรอยู่แน่ ถึงได้ทำหน้าแบบนี้กับเธอน่ะ…
แบบไหนเหรอ?
ก็แบบที่มองเธอเมื่อคืนไง..ใช่มั๊ย!?
ฮึ้ย!..ไม่มั้ง..สงสัยจะคิดไปเอง...
บ้าไปแล้วน่าซัน! เขาหรือเธอกันแน่นะที่คิดแบบนั้นน่ะ?...
“ลูกหลับแล้วเหรอคะ?”เสียงหวานเอ่ยทักเมื่อเห็นร่างหนา เดินผ่านประตูออกมานั่งลงตรงข้ามกับเธอ โดยมีโต๊ะกระจกกั้นระหว่างกันเอาไว้ แต่ก็ถือว่าไม่ได้ห่างกันมากมายอะไรนัก แต่ซันไชน์ก็อดแปลกใจไม่ได้อยู่ดี เพราะแทนที่คนตัวใหญ่กว่าจะมานั่งอยู่ใกล้ๆ แต่ทำไมหญิงสาวถึงรู้สึกว่า เหมือนเขาต้องการจะเว้นระห่างกับเธอนัก แต่ก็ไม่อยากถาม“อืม...ถ้าเอรินไม่หลับพี่ก็คงจะหลับไปก่อนละ ไหนจะร้องเพลงกลับไปกลับมากล่อมพี่งี้ ฟังแล้วก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องสักเท่าไหร่ อีกทั้งนิทานก็เล่าวนไปวนมาที่เดิมไม่ยอมจบนั่นซะที แต่ก็น่ารักดีนะ พูดยังกะต่อยหอย ตัวเท่านี้ไปหัดพูดที่ไหนมา” รอยยิ้มเกลี่ยไปทั่วใบหน้าในขณะที่เอ่ยถึงลูกสาว ที่บอกกับเขาว่าจะร้องเพลงกล่อมให้นอนหลับสบาย ดูก็รู้แล้วว่าเจ้าตัวตื่นเต้นที่ได้เห็นพ่อนั่นละ พูดจาเจื้อยแจ้วราวกับนกแก้ว แล้วก็ไม่มีทีท่าว่าจะหลับเอาง่ายๆ นั่นอีกด้วยนะ จนเขาต้องแกล้งหลับนั่นละ เจ้าตัวถึงได้หลับตามๆ กันไป เพราะไม่รู้จะพูดให้ใครฟังแล้วไง ซันไชน์ทิ้งให้เขาอยู่กับลูกเพียงลำพัง ส่วนตัวเองก็มานั่งทอดอารมณ์ ที่ระเบียงหลังห้องเพื่อรอเขา“แกชอบคุยกับสัตว์ค่ะ สัตว์ทุกชนิด ชอบคุยอยู่คนเด
“คุณ!..หยุดอยู่ตรงนั้นนะ แล้วปล่อยลูกสาวของฉันเดี๋ยวนี้!”ซันไชน์รีบตะโกนเสียงดังเชิงสั่งออกไป แล้วมันก็สามารถหยุดชายร่างใหญ่คนนั้นเอาไว้ได้ ก่อนที่เขาจะค่อยๆ หันมาประจันหน้ากับเธอ!!!ซันไชน์เบิกตากว้าง รู้สึกทั้งตกใจและดีใจในเวลาเดียวกัน แต่มันก็ดันทำให้ขาทั้งสองข้างของหญิงสาว ก้าวต่อไปไม่ได้ไปซะเฉยๆ อีกทั้งน้ำตา ก็พาลไหลออกมาไม่หยุดเลย นั่นทำให้ชายหนุ่มต้องเป็นฝ่ายก้าวเท้าเข้ามาหาหญิงสาวซะเอง นัยน์ตาคมกวาดมองใบหน้าของซันไชน์ด้วยความรู้สึกหลากหลายที่ไม่ต่างกัน วงแขนแกร่งข้างที่ว่างโอบรั้งร่างบางให้เข้ามาหา ก่อนจะเอ่ยกับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงสั่นพร่าต่อจากนั้น “ ชัน...ไม่ร้องสิ” บอกเธอว่าอย่าร้องไห้ แต่เขาก็กลั้นมันไว้อย่างสุดกำลัง อีกทั้งเขายังกลัวว่าเมื่อลูกสาวเห็นคนเป็นแม่ร้องไห้หนักเข้าเจ้าตัวอาจจะร้องไห้ตาม แต่ทว่าเอรินเข้มแข็งมากกว่าที่เควินคิดไว้เสียอีก นอกจากเจ้าตัวจะไม่ร้องไห้แล้ว ยังยื่นมือเล็กๆ เข้าไปเช็ดน้ำตา พร้อมกับคำพูดปลอบใจให้อีกว่า“โอ๋..คุณแม่ขาไม่ร้องนะคะ...อึ๊บค่ะๆ” เควินอยากจะหัวเราะขำ แต่มันไม่ใช่เวลาที่จะทำแบบนั้นได้ ตอนนี้สิ่งที่ชายหนุ่มควรทำมากที่สุด ก็ค
เอรินอุทานเรียกชายร่างสูงที่ยื่นถุงขนมส่งมาให้เธอตรงหน้าว่า พ่อ นั่นแหละ แล้วมันก็ทำให้เจ้าของร่างใหญ่เลิกคิ้วเข้มขึ้นสูงข้างหนึ่ง เชิงถามอย่างรู้สึกแปลกใจ ก็ในเมื่อทั้งสองคนเพิ่งจะเคยได้เห็นหน้ากันเป็นครั้งแรก เอรินก้มเปิดกระเป๋าสะพายข้างใบเล็กสีชมพูเข้ากับชุดคิตตี้ที่ใส่ แล้วหยิบรูปถ่ายที่เคลือบเอาไว้อย่างดี ออกมาเทียบกับใบหน้าของชายร่างสูงใหญ่ เมื่ออีกฝ่ายย่อตัวลงนั่ง เพื่อให้สายตาของทั้งคู่อยู่ในระดับเดียวกัน แต่ถึงอย่างนั้นผู้ชายที่นั่งย่อตัวอยู่ตรงหน้า ก็ยังสูงกว่าเอรินอยู่ดี คิ้วเรียวเล็กเลื่อนเข้าหากันทันทีอย่างสงสัยระคนแปลกใจ ว่าทำไมชายคนนี้ถึงมีใบหน้าคล้ายกับบิดาของเธอได้กริยาอาการรวมไปถึงการกระทำราวกับเจ้าตัวเป็นผู้ใหญ่ มันทำให้อีกฝ่ายต้องยิ้มขำออกมาก่อนจะเอ่ยถามเอรินออกไปว่า“หน้าเหมือนกันมั้ยครับ?”“......”ใบหน้าน่ารักไม่ตอบกลับ เพราะสมองน้อยๆ ของเอรินในตอนนี้กำลังใช้ขบวนการทางความคิดค่อนข้างมากนัยน์ตาสีน้ำตาลกลมโตมองชายในรูปภาพ สลับกับมองใบหน้าของชายร่างสูงใหญ่สลับกันไปมาอยู่อย่างนั้น เมื่อตอบตัวเองไม่ได้นั่นแหละ เจ้าตัวจึงเปลี่ยนเป็นตั้งคำถามกลับไปแทน“คุณลุงเ
ตั้งแต่เควินได้พาตัวเองหายไปจากชีวิตของทุกคน โดยไม่มีใครรู้ว่าเจ้าตัวไปอยู่ที่ไหน นอกเสียจากเพื่อนสนิททั้งสี่คนนั่นแล้ว นอกนั้นต่างก็รู้แค่ว่าชายหนุ่มได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยกระทั่งผู้ให้กำเนิดหรือแม้แต่ตัวซันไชน์เอง ได้รู้เหตุผลทุกอย่างจากเพื่อนๆ ของเขา ที่ต่างก็ช่วยกันเล่าเรื่องราว ก่อนหน้าที่หญิงสาวจะฟื้นขึ้นมาให้เธอฟัง ทั้งยังบอกเหตุผลอีกว่า การที่ไม่มีใครรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน นั่นย่อมไม่มีใครคอยไปรบกวน และทำให้ชายหนุ่มปฏิบัติตามเงื่อนไขได้อย่างเต็มที่จากเด็กทารกที่อยู่ในครรภ์ของมารดา ยังไม่ทันได้ก่อตัวเป็นรูปร่างเท่าไหร่ คนเป็นพ่อก็ต้องมาจากไปไกล โดยทิ้งอีกฝ่ายที่ยังนอนนิ่งไม่ไหวติง ภายใต้สายระโยงระยาง ที่ติดอยู่ตามเนื้อตัวเต็มไปหมดถึงแม้หญิงสาวจะได้รับข่าวร้ายที่ทำให้ปวดหัวใจ จนแทบไม่อยากตื่นขึ้นมามีลมหายใจไปวันๆแต่ถึงอย่างนั้นซันไชน์ก็ยังมีเพื่อนๆ ของสามีคอยช่วยเตือนสติ และบอกข่าวดีต่อจากนั้นอีกว่า ก้อนเนื้อเล็กๆ ที่กำลังเจริญเติบโตอยู่ในท้องของหญิงสาว ซึ่งเป็นเสมือนตัวแทนของเขายังปลอดภัยดี นั่นจึงทำให้คนที่กำลังนอนทอดอาลัย ถึงกับมีแรงฮึดขึ้นมาสู้ต่อ เพื่อรอวันที่จะได้อยู่
เควินชักสายตากลับมามองหน้ากรรวีด้วยใบหน้าเศร้าหมอง มนต์พยัคฆ์เองยังไม่อยากจะมอง เขาต้องเบี่ยงองศาไปที่กรรวีอย่างต้องการคำตอบด้วยเช่นกัน แต่หญิงสาวก็ยังไม่ทันได้ตอบคำถาม เมื่อมีเสียงของชนธัญดังนำหน้ามาก่อนเจ้าตัวชายหนุ่มกำลังประคองร่างของเมียรัก ในขณะที่บ่นตามมาต่อจากนั้นว่า“ทำไมเดี๋ยวนี้เธอถึงได้ดื้อกับพี่จังฮะ ให้นั่งรถเข็นก็ไม่เอา พี่จะอุ้มก็ไม่ยอมอีก ถ้าลูกของเราหลุดออกมาตอนเธอเดินจะทำไง?”“พี่ม่อนจะเว่อร์ไปไหนคะเนี่ย ท้องเฌอร์เล็กแค่นี้เอง ไม่เห็นจะหนักเลยสักหน่อย แล้วเฌอร์ก็เดินเองได้ค่ะ เพื่อนๆ ของพี่กับลูกกวางยืนรอเราอยู่นั่นแล้วไงคะ เร็วๆ เข้าเถอะค่ะ มัวแต่พูดมากอยู่นั่นแหละ”เฌอร์ลีนต่อว่า พลางส่ายหน้าอย่างระอาสามี ที่กลัวนั่นกลัวนี่จนเกินเหตุ ก่อนจะเดินนำหน้าเข้ามาหาคนที่ยืนรอพวกเธออยู่ก่อนแล้ว ดูคล่องแคล่วและกระฉับกระเฉงมากกว่าคนที่เดินตามหลังกันมานั่นซะอีกเมื่ออยู่กันพร้อมหน้า ทุกคนต่างทักทายและปลอบใจกันพอเป็นพิธีกรรวีรู้ว่าเวลามีไม่มากนัก เธอจึงบอกให้ทุกคนมานั่งพัก เพื่อจะได้รอฟังผลการผ่าตัดของซันไชน์ จากหมอใหญ่ได้ตลอดเวลาทุกคนที่เหลือต่างพร้อมใจกันเงียบเสียงของตัว
มนต์พยัคฆ์รีบบึ่งรถลงใต้ โดยใช้คนขับรถของเขาเป็นคนขับให้ เพราะหากว่าเขาเป็นคนขับเอง มันคงไม่มีสมาธิสักเท่าไหร่ที่สำคัญมากไปกว่านั้น มนต์พยัคฆ์ต้องการซักถามคนที่นั่งอยู่ข้างกันอย่างถนัด ๆ มากกว่า เพราะกรรวีไม่พูดไม่จาตั้งแต่ออกจากบ้านมา นั่นเลยต่างหากละ“ลูกกวาง”“....คะ”กรรวีขานรับทันทีหลังจากที่ได้ยิน จากนั้นเธอจึงพูดต่อเพราะรู้ว่าอีกคนกำลังรอฟัง“ลูกกวางรู้ตั้งแต่วันที่พี่เคพาพี่ซันมาบ้านของเราก่อนแต่งงานวันนั้นไงคะ พี่เสือจำได้มั้ยว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้นในห้องรับแขก”กรรวีอธิบายหลังจากที่นั่งเงียบมาตลอดทาง พลางถามกลับไป และรอให้ชายหนุ่มคิดก่อนจะย้ำถามเขาอีกครั้ง“พี่เสือจำได้รึยังคะ?”“มีแก้วตกลงมาแตกนั่นนะเหรอ”“ใช่ค่ะ”“ มันเกี่ยวข้องกันยังไง ถ้าเป็นสิ่งที่เรามองไม่เห็น แล้วจะเข้ามาในบ้านของเราได้เหรอ?”“เขาอยู่กับพี่เค...เขาปักหมุดเอาไว้ตั้งแต่แรก”“เจ้ากรรมนายเวรของมันงั้นสินะ..เธอเห็น?”กรรวีพยักหน้ารับแทนการตอบกลับมาด้วยเสียง ซึ่งอีกฝ่ายก็ยังอยากจะรู้อะไรมากกว่านั้นอีก“เห็นเป็นยังไง?...หน้าตาละ? ท่าทาง?..ทำไมแก้วนั่นถึงตกลงมาได้?” มนต์พยัคฆ์เอ่ยถามคนตรงหน้า ด้วยน้ำเสียงที่