ตอนที่ 6
แย่งของผู้อื่นไป สุดท้ายก็ไม่ได้ดี
ถังซูเจียวนั่งฟังลี่ลี่เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเงียบ ๆ เสียงทะเลาะกันของนายท่านของเรือนดังลั่นจนบ่าวไม่ต้องแอบฟังก็ได้ยิน
“เมื่อเช้าพ่อบ้านหลี่บอกว่าฮูหยินผู้เฒ่าส่งจดหมายมาแจ้งว่ากำลังเดินทางกลับจวน คาดว่าไม่เกินสองวันคงถึงเจ้าค่ะ” ลี่ลี่รายงาน
“อืม...ท่านย่าคงกลับมาเพราะเรื่องของถังซูเจินนั่นแหละ”
“คงเป็นเช่นนั้นเจ้าคะ แต่เราทำเช่นนี้มันจะเป็นผลดีหรือเจ้าคะ หากสตรีนางนั้นพูดเรื่องจดหมายขึ้นมา...”
ลี่ลี่หมายถึงเรื่องลี่ถิงบุตรสาวคหบดีลำดับที่แปดของเมืองหลวง หรือก็คือหญิงสาวที่เหยียนป๋อเหวินแอบคบหานั่นแหละ
ที่นางรู้เพราะในความทรงจำลี่ถิงมักมาแสดงตัวให้รู้เสมอว่าตนมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับอดีตคู่หมั้นตัวเอง
แต่ถังซูเจียวคนเก่าโง่เกินไปเลยมองไม่ออก นางละอนาถใจแทนจริง ๆ แล้วเรื่องที่นางให้ลี่ลี่ไปทำคือใช้ให้คนส่งจดหมายให้ลี่ถิง
บอกว่าคนรักของนางแอบไปมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับคู่หมั้นที่โรงน้ำชานอกเมือง แล้วลงท้ายว่าท่านจะทำอะไรก็ลองพิจารณาดู
เท่านี้ทุกอย่างก็เป็นไปตามแผนนาง แต่มีเรื่องที่เกินคาดหมายตรงที่ถังซูเจินไม่ได้เป็นอนุ แต่ได้เป็นฮูหยินรองแทน
แต่ถึงได้เป็นฮูหยินรอง นางเชื่อว่าคนอย่างถังซูเจินก็คงจะไม่พอใจอยู่ดี นางมักใหญ่ใฝ่สูงขนาดนั้น
สิ่งที่นางวางแผนทำทุกอย่างไม่ใช่การเอาตัวลงไปเล่นในเกม แต่เป็นการเล่นกับจิตใจคน เพราะตัวนางรู้อยู่แล้วว่านิสัยแต่ละคนเป็นอย่างไร
แล้วก็สำเร็จเสียด้วย ตอนนี้ก็รอเพียงให้ความชิบหายมันเกิดแก่คนพวกนั้นเท่านั้น ส่วนนางก็ทำเพียงนั่งรอชมงิ้วโรงใหญ่อยู่ที่เรือนอย่างสบายอกสบายใจ
“เชื่อเถอะว่านางไม่พูดออกมาหรอก อีกอย่างจดหมายนั่นข้าได้ปลอมลายมือเป็นคนอื่นไม่มีใครจำได้แน่นอน แถมเรายังจ้างคนเอาไปส่งหลายต่อ ข้าเชื่อว่าไม่มีใครมาสนใจเรื่องนี้หรอก” นางอธิบายให้สาวใช้ตัวเองฟัง
“คงเป็นบ่าวที่คิดกังวลไปเอง เช่นนั้นบ่าวไปเอาของว่างให้คุณหนูดีกว่าเจ้าค่ะ” หญิงสาวจึงโบกมือให้สาวใช้ตัวน้อยไป
ตอนนี้ถังซูเจินคงถูกสั่งไม่ให้ออกจากจวนเป็นแน่ นางไปเดินเล่นในสวนดีมั้ยนะ แต่ท่านพ่อสั่งกักบริเวณไว้เสียด้วยสิ เช่นนั้นเดินเล่นที่สวนหน้าเรือนตัวเองแล้วกัน
คิดได้อย่างนั้นจึงถือหนังสืออ่านเล่นออกไปที่สวนหน้าเรือนตัวเอง เมื่อนั่งลงในศาลาแปดเหลี่ยมก็เริ่มเปิดอ่านหนังสือที่ถือมา
“คุณหนูใหญ่อยู่หรือไม่เจ้าคะ!!” เสียงเรียกดังมาจากหน้าประตูเขตเรือนของนาง แต่เสียงนี้มันคุ้น ๆ นะเหมือนเคยได้ยินมาก่อน
แต่เพราะเสียงนั่นเรียกไม่หยุดสักทีนางเลยตัดสินใจลุกไปดูเอง ก่อนจะเห็นหญิงชราคนหนึ่งยืนหน้าบูดบึ้งอยู่
“กว่าจะออกมาได้นะเจ้าคะ!! ให้ข้าน้อยตะโกนเรียกจนเจ็บคอไปหมดแล้ว!” เมื่อเห็นหน้าถังซูเจียว หญิงชราตรงหน้าก็ตำหนินางทันที
“แล้วเจ้าจะมาตะโกนเรียกข้าทำไมเล่า ข้าไม่ได้ขอเสียหน่อยนี่” นางก็ตอบกลับไปเช่นกัน ท่าทางคนตรงหน้าคงเป็นบ่าวของฮูหยินรองแน่
“คุณหนูใหญ่!!! ท่านเอ่ยวาจาเช่นนี้กับข้าที่เป็นแม่นมของฮูหยิน รองได้อย่างไร คงเพราะมารดาท่านไม่สั่งสอนสินะเจ้าคะ ไม่เป็นไรเช่นนั้นข้าจะสั่งสอนแทนให้เอง” หญิงชราเอ่ยพร้อมกับฟาดแส้หางม้าใส่ขาของถังซูเจียว
แต่ถังซูเจียวถอยหลังหลบได้ทัน เรื่องอะไรจะให้ยายแก่นี่รังแกได้ง่าย ๆ กัน
“แล้วเหตุใดข้าจะพูดไม่ได้ เป็นแม่นมของฮูหยินรองแล้วไม่ใช่บ่าวหรือ เช่นนั้นข้าจะบอกท่านพ่อให้ว่าต่อไปนี้ใครเดินผ่านเจ้าต้องก้มหัวด้วย เพราะเจ้าเป็นนายของจวนนี้อีกคน ดีหรือไม่เจ้าคะ” ถังซูเจียวตอบกลับไป
“จะ เจ้า วันนี้ไม่ได้สั่งสอนคุณหนูใหญ่ให้รู้ความข้าคงไม่มีหน้าไปพบฮูหยินรองแล้ว” เอ่ยจบหญิงชราก็เอาแส้ไล่ตีถังซูเจียว แต่นางก็หลบได้ทุกครั้ง
จากวิ่งไล่รอบเรือนก็ออกไปนอกเรือน ถังซูเจียวเห็นแม่นมชราโกรธจนขาดสติจึงได้วิ่งออกไปยังส่วนหน้าของจวน
หน้าจวนตระกูลถังตอนนี้คล้ายจะมีแขกคนสำคัญมา เพราะถังซูเจียวเห็นท่านพ่อกับฮูหยินรองออกไปยืนรออยู่ และยังมีรถม้าจอดอยู่อีกสามคันด้วย
“ช่วยด้วยเจ้าคะ!! ท่านพ่อช่วยลูกด้วยแม่นมมู่จะฆ่าลูกแล้ว!!” ถังซูเจียววิ่งไปล้มลงตรงหน้าของบิดา พร้อมกับเอ่ยปากร้องเสียงดัง
คนที่มุงดูอยู่หน้าจวนรีบชี้ไม้ชี้มือมาที่นางแล้วหันไปซุบซิบกัน
“นี่มันเรื่องอะไรกัน!” เสียงหญิงชราดังมาจากทางรถม้า ก่อนเจ้าตัวจะปรากฏตัว ท่าทางสุขุมน่าเกรงขามของนางทำให้คนโดยรอบเงียบเสียงลงโดยอัตโนมัติ
“ทะ ท่านย่า ฮื่อ!!!!” ถังซูเจียวจำได้ว่าคนผู้นี้คือท่านย่าของตน เมื่อก่อนแม้นางจะไม่ได้เป็นที่รักใคร่ของบิดา แต่ไม่ใช่กับท่านย่า
ไม่เช่นนั้นถังซูเจียวคนเก่าคงไม่ได้หมั้นหมายกับคุณชายรองเหยียนหรอก แต่ตอนนี้ก็ถูกน้องสาวคนดีแย่งไปเรียบร้อย
“แม่นมมู่เจ้าทำอะไรหลานสาวข้า!!!” ฮูหยินผู้เฒ่าส่งสายตาพิฆาตไปให้แม่นมของฮูหยินรองทันที
“เปล่านะเจ้าคะ บ่าวเพียงจะสั่งสอนคุณหนูใหญ่ให้รู้ความเท่านั้น” แม่นมมู่เอ่ยพลางก้มหน้าหลบตา
“สั่งสอนอะไร ข้าเห็นเจ้าเอาแส้วิ่งไล่ตีหลานสาวข้ามาจากในจวน เจ้าเห็นว่ายายแก่คนนี้ตาบอดหรือ!!!”
“ท่านแม่ท่านเดินทางมาเหนื่อย ๆ เข้าจวนก่อนดีหรือไม่ เรื่องอื่นค่อยไปว่ากันต่อในจวนเถิด” รองเจ้ากรมพิธีการเอ่ยห้ามมารดาไว้ก่อน เพราะคนเริ่มมามุงดูกันเยอะแล้ว
“หึ!! ตามทุกคนมาที่ห้องโถงแล้วนี่เสิ่นเจียอี๋ไปไหน” ฮูหยินผู้เฒ่าหมายถึงสะใภ้เอกของตัวเอง
“เออ...นางถูกกักบริเวณอยู่ขอรับ เดี๋ยวข้าให้คนไปตามมาให้” ถังซีฮั่นเอ่ยตอบเสียงอ้อมแอ้ม
“ดี! ดีเหลือเกิน!! สั่งกักบริเวณฮูหยินเอกแล้วยกอำนาจให้ ฮูหยินรอง บุตรชายข้าคงสติเลอะเลือนไปแล้วสินะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยอย่างไม่พอใจบุตรชายตัวเองนัก ก่อนจะเดินนำเข้าจวนไป
แต่ไม่วายยังจูงมือถังซูเจียวให้เดินคู่กันไปด้วย ถังซีฮั่นจึงให้คนไปตามฮูหยินเอกของตนมา และตามถังซูเจินมาด้วย
นั่งรอในห้องโถงไม่นานเสิ่นเจียอี๋ก็เข้ามา ฮูหยินเอกของจวนยังคง สง่างามอย่างเช่นทุกครั้ง
“คารวะท่านแม่ สะใภ้บกพร่องนักที่ไม่ได้ออกไปรอรับหน้าจวน” เอ่ยพลางย่อกายเล็กน้อย ใบหน้างามประดับไปด้วยรอยยิ้มบาง ๆ
ไม่ต้องบอกว่าถังซูเจียวงามได้ใคร เพราะทุกอย่างประจักษ์อยู่ตรงหน้านี้แล้ว
“อี๋เอ๋อร์มานั่งข้างแม่นี่มา” ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยเรียกสะใภ้เอกไปนั่งข้างขวาของตน ส่วนฝั่งซ้ายเป็นถังซูเจียวนั่งอยู่
“ท่านแม่เดินทางมาเหน็ดเหนื่อยไปพักก่อนดีหรือไม่” ถังซีฮั่นเอ่ยบอกมารดาอย่างเป็นห่วง
“เจ้าไม่ต้องห่วงข้าหรอก ข้ายังแข็งแรงดีแถมดูเหมือนจะแข็งแรงกว่าทุกวันเสียด้วย” ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยพลางปรายตามองบุตรชาย ทำให้ถังซีฮั่นรีบหลบสายตามารดาทันที
“....”
“เรามาสะสางเรื่องทุกอย่างให้จบวันนี้เลยดีกว่า เริ่มจากแม่นมของเจ้าหว่านผู่เยว่” ฮูหยินผู่เฒ่าหันไปมองสะใภ้คนรองด้วยสายตาคาดโทษ
“ท่านแม่โปรดอภัยให้บ่าวของข้าด้วย นางคงเพียงอยากสั่งสอนคุณหนูใหญ่เท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาเป็นอื่นเลยแม้แต่น้อย” ฮูหยินรองคุกเข่าก่อนจะเอ่ยแก้ตัวแทนบ่าวของตน
“หึ!! เจ้าเห็นข้าตาบอดหรือไง บ่าวในจวนทุกคนต่างก็เห็นว่าคนของเจ้าวิ่งเอาแส้ไล่ตีคุณหนูใหญ่อย่างเอาเป็นเอาตาย แต่เจ้ากลับบอกว่าบ่าวของเจ้าแค่สั่งสอนหลานสาวข้าหรือ เช่นนี้หลานสาวข้าคงได้ตายก่อนพอดี!!!” ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยอย่างโมโห
“ท่านย่าอย่าโกรธแม่นมมู่เลยเจ้าค่ะ นางก็เป็นนายคนหนึ่งเหมือนกัน ให้อภัยนางสักครั้งเถอะนะเจ้าคะ”
สิ่งที่ถังซูเจียวเอ่ยทำให้คนที่อยู่ตรงนั้นงุนงง แต่แม่นมมู่ตาโตจนแทบถลนออกมาแล้ว
ตอนพิเศษ5งานเลี้ยงถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ราวกับงานประจำปี มีการจัดเลี้ยงถึงเจ็ดวันเจ็ดคืน จัดตั้งโรงทานนานถึงหนึ่งเดือนเต็ม เรียกได้ว่าคนกองธงนั้นไม่ต้องทำอาหารกินกันเป็นเดือนเลยก็ว่าได้ฮ่องเต้ ฮองเฮาและไทเฮาไม่อาจเดินทางมาร่วมงานเลี้ยงได้ จึงได้ส่งของขวัญมาแทน โดยมีตัวแทนเป็นอ๋องเจิ้งหู่เดินทางมาส่งมอบให้ฮองไทเฮาเองก็เช่นกัน เพราะเข้าฝึกตนไม่อาจรับรู้เรื่องภายนอกได้ ผู้เป็นอาจารย์ที่ได้รับจดหมายจึงอาสามาแทน ความจริงคือหาเรื่องออกมาเที่ยวเล่นขนอกภูเขาท่านั้น“ข้าเป็นตัวแทนของฮองไทเฮามาร่วมแสดงความยินดีกับพระชายาและชินอ๋อง นี่เป็นของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ จากข้า”หลี่ซินเหมยผู้เป็นอาจารย์ของฮองไทเฮาเอ่ยพลางยื่นกล่องไม้เรียบ ๆ ให้ถังซูเจียว“ขอบคุณนายหญิงหลี่ที่อุตส่าห์เดินทางมา ไม่ทราบว่าท่านมี ที่พักหรือยังเจ้าคะ หากไม่รังเกียจข้าจะจัดที่พักในจวนให้ท่าน” ถังซูเจียวเอ่ยพลางยิ้มให้ผู้มีพระคุณตรงหน้านางรู้ว่าสตรีตรงหน้าเป็นอาจารย์ของแม่สามีตัวเอง และที่มาในวันนี้นอกจากมาแทนฮองไทเฮาแล้วคงมีธุระอย่างอื่นด้วย“เช่นนั้นรบกวนพระชายาด้วย”“อย่าใช้คำราชาศัพท์กับพวกข้าเลยขอรับ ข้าไม่ได้เป็นชินอ๋
ตอนพิเศษ4หลังจากทิ้งจดหมายไว้ให้ฮ่องเต้แล้ว หวงเฟยหมิงกับถังซูเจียวก็ออกเดินทางท่องเที่ยวตามแผนที่วางไว้ทันทีโดยทิ้งปัญหาทุกอย่างเอาไว้ข้างหลังแบบที่ไม่คิดจะรับผิดชอบใด ๆ ทั้งสิน“ท่านพี่เจ้าคะ เราจจะไปที่ใดก่อนดี ข้าอยากกินอาหารทะเลอีกแล้ว อยากไปเดินเล่นเก็บเปลือกหอยด้วย” นางเอ่ยออดอ้อนสามี ที่ตนกำลังพิงอกเขาอยู่ “เช่นนั้นเราไปเมืองหมิงเว่ยที่กองธงที่หกดีหรือไม่ ที่นั้นมีชายหาดให้เจ้าเดินเล่นด้วย แถมยังมีพระอาทิตย์ตกดินที่งามนัก สามีว่าเจ้าต้องชอบมาก ๆ แน่” เขาตอบอย่างเอาใจนาง แต่ยังไม่ทันได้คุยอะไรกันต่อ ก็มีเสียงตะโกนมาจากนอกรถม้าเสียก่อน เสียงนั่นฟังดูอาฆาตแค้นอย่างมาก“พวกท่านจะหนีไปโดยทิ้งปัญหาไว้เช่นนี้จริง ๆ หรือ ท่านอาออกมามาคุยกับข้าก่อนเลยนะ!!!” เป็นอ๋องเจิ้งหู่นั้นเองทั้งสองหัมมามองหน้ากันทันที นี่นางเดินทางออกจากเมืองหลวงมาไกลตั้งหลายลี้แล้วนะ เหตุใดยังตามมาทันอีก“หยุดรถม้า!!” หวงเฟยหมิงเอ่ยสั่งคนขับรถม้า ขบวนเดินทางของพวกเขาเลยถือโอกาสแวะพักข้างทางไปด้วย“เจียวเจียว เจ้าต้องช่วยข้านะ!!!” เมื่อนางลงจากรถม้าอ๋องเจิ้งหู่ก็ตรงมากอดขานางแน่นทันที พลางร้องห
ตอนพิเศษ3.2ฮองไทเฮาเริ่มแผนการโดยให้คนไปเชิญถังซูเจียวมาพบ ทั้งที่ในใจตนเองนั้นตื่นเต้นราวกับกำลังจะได้พบหน้าบุรุษที่ตนเองรักก็ไม่ปาน“ฮองไทเฮาเพคะ ท่านหญิงถังซูเจียวมาถึงแล้วเพคะ” พระนางมองสำรวจหญิงสาวตั้งแต่หัวจรดเท้า แม้ใบหน้าจะซีดเซียวจากพิษไข้ไปบ้าง แต่ก็ยังมองออกถึงความงดงาม"คารวะฮองไทเฮาเพคะ" หญิงสาวตรงหน้าคารวะแบบเต็มพิธีการ พระนางมองคนตรงหน้าเพลินไปหน่อยจนคนของตนเอ่ยทัก“ฮองไทเฮานางไม่สบายอยู่นะเพคะ” นางกำนัลคนสนิทเอ่ยเตือนเบา ๆ พระนางจึงมองค้อนมามาคนสนิทไปเล็กน้อย“ลุกขึ้นเถอะ” เสียงทรงอำนาจเอ่ยขึ้น ถังซูเจียวจึงลุกขึ้นแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ว่าง"ขอบพระทัยเพคะ"ระหว่างนั้นมามาคนสนิทก็แสร้งโน้มตัวลงมารินชาให้พระนาง ก่อนจะกระซิบ ข่าวลือ เมืองหลวง"เจ้ารู้หรือไม่ว่าคนที่เมืองหลวงพูดถึงเจ้าว่าอย่างไรบ้าง" ฮองไทเฮาเอ่ยขึ้นทันทีที่นางนั่งลง“ไม่ทราบเพคะ”"หึ!! เช่นนั้นเปิ่นกงจะบอกให้ก็ได้ คนเขาพูดกันทั่วว่าเจ้าเป็นสตรีแพศยา สามีหย่าขาดแล้วจึงรีบหาที่คุ้มหัวใหม่ ยอมแม้กระทั่งเป็นสตรีของชายตัดแขนเสื้ออย่างอดีตชินอ๋อง" แล้วมหกรรมแสร้งขับไล่ว่าที่ลูกสะใภ้ก็เกิดขึ้น พระนางยกเอาทั้งเร
ตอนพิเศษ3.1ฮองไทเฮาได้รับข่าวว่าบุตรชายคนเล็กพาสตรีเข้าจวน ตนจึงเร่งเดินทางมาหาทันทีด้วยความร้อนใจแต่ใจจริงคืออย่างมาดูให้เห็นกับตาต่างหาก จึงได้เร่งร้อนจนแทบไม่เอาอะไรไปสักอย่าง หากมามาคนสนิทไม่ห้ามไว้ก่อน พระนางคงควบม้าไปแต่ตัวแล้วกว่าจะเดินทางมาถึงก็ใช้เวลาหลายวันเลยทีเดียว ป่านนี้คนของพระนางที่ส่งมาก่อนคงกำลังแสดงอำนาจอย่างเต็มที่ เพราะพระนางเลือกแต่คนที่หน้าไหว้หลังหลอกมาทั้งนั้นและก็เป็นเช่นนั้นจริง เพียงพระนางก้าวขาลงจากรถม้าก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวนแหลมเล็กของเหล่าขันทีดังมาให้ได้ยิน“ฮองไทเฮาต้องท่องไว้นะเพคะ ต้องสง่างาม น่าเกรงขาม และเด็ดขาดให้เหมือนแม่สามีผู้ร้ายกาจ” มามาคนสนิทเอ่ยเตือนนายตนฮองไทเฮาที่มายืนอยู่หน้าจวนบุตรชายสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพยักหน้ารับก่อนจะเดินเข้าจวนไปที่มามาเอ่ยเช่นนั้นเพราะพระนางจะทดสอบว่าที่ลูกสะใภ้ผู้นี้นั่นเอง และที่ผ่านมาในสายตาบุตรชายพระนางเป็นสตรีสูงศักดิ์เกินเอื้อมถึง ทำให้ความสัมพันธ์แม่ลูกไม่ค่อยดีนัก“ฮองไทเฮาเสด็จ!!!” ท่ามกลางเสียงร้องโหยหวยมีเสียงขันทีประกาศการมาถึงของพระนาง ทำให้ทุกคนที่อยู่ในลานกว้างรีบคุกเข่าก้มหน้ากับพื้นทันท
ตอนพิเศษ2.3ฮูหยินใหญ่ตระกูลฮุ่ยถึงกับหลั่งเหงื่อเย็น เพราะจากสภาพที่นางพบฮุ่ยเยว่เล่อเมื่อเช้าก็มีความเป็นไปได้ตามที่ชายเหล่านั้นเอ่ยไม่นานบ่าวอาวุโสคนนั้นก็กลับมาด้วยใบหน้าซีดเผือด ก่อนจะเข้ามานั่งคุกเข่าตรงหน้านายท่านหวังตอนนี้เหล่าชายหนุ่มทั้งหลายถูกเชิญเข้ามาคุยกันในจวนแล้ว เพราะแขกเหรื่อที่มางานเริ่มออกมามุงดูอย่างสนใจ“เป็นอย่างไรเจ้าลองพูดมาซิ” นายท่านหวังสั่ง“เออ...สภาพของอี๋เหนียงเล็ก...เออ...”“จะอะไรเจ้าก็รีบพูดมาสิ จะมัวอ้ำอึ้งทำไม” คุณชายหวังเอ่ยอย่างหงุดหงิด“อี๋เหนียงมีสภาพราวกับเพิ่งผ่านคืนวสันต์มาไม่ผิดแน่เจ้าค่ะ ข้าน้อยมีประสบการณ์กล้ารับประกันได้” บ่าวอาวุโสเอ่ยพร้อมกับ ก้มหน้าหลบสายตาทุกคนแต่คนที่อยู่ตรงนั้นตกใจจนทำอะไรไม่ถูก แขกที่มาในงานเริ่มซุบซิบกันจนเกิดเสียงอื้ออึงไปทั่วบริเวณฮูหยินใหญ่หวังนั่นเป็นลมไปแล้ว นายท่านฮุ่ยกับฮูหยินใหญ่ฮุ่ยเองก็ไม่ต่างกันมากนัก ส่วนนายท่านหวังนั่นโกรธจนเลือดขึ้นหน้า“ไปลากตัวนางมา!!!” คุณชายหวังตวาดบ่าวของตน“นายท่านฮุ่ยท่านจะอธิบายเรื่องนี้อย่างไร” นายท่านหวังหันไปถามบิดาฝ่ายเจ้าสาว“ข้าขออภัยนายท่านหวัง เรื่องในวันนี้ข้าขอ
ตอนพิเศษ2.2รถม้าเคลื่อนมาหยุดที่หน้าโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง ก่อนจะมีชายรูปร่างสูงใหญ่ใส่หมวกสานเข้ามาอุ้มหญิงสาวบนรถม้าออกไปขึ้นรถม้าอีกคัน“ท่านรู้หรือไม่นั่นน่ะนายท่านของข้าเอง เขามารับภรรยากลับจวนเพราะนางต้องไปเฝ้าไข้มารดาตั้งเป็นเดือน ที่นางหลับไม่รู้เรื่องเช่นนี้คงเพราะนางอ่อนเพลียมากเป็นแน่ น่าสงสารนายหญิงของข้าจริง ๆ ”ชายที่ร่วมคารวานมาด้วยเอ่ยกับหลงจู้โรงเตี๊ยมพลางมองไปที่ผู้เป็นนายทั้งสองอย่างปลาบปลื้มใจ“นายท่านของเจ้าช่างรักภรรยายิ่งนัก ข้าละนับถือจิตใจเขาจริง ๆ ว่าแต่พวกท่านจะเดินทางไปที่ใดงั้นหรือ” หลงจู้เอ่ยถามตามมารยาท“พวกข้าจะไปเมืองหลวงกัน ข้าคงต้องไปแล้วไว้พบกันใหม่” ชายผู้นั้นเอ่ยก่อนจะรีบวิ่งไปขึ้นม้าตัวเอง แล้วคารวานนั้นก็ออกเดินทางไปฮุ่ยเยว่เล่อตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าตัวเองอยู่ในห้องที่ประดับไปด้วยผ้าแดง กลิ่นกำยานแสบจมูกจนนางต้องยกมือขึ้นมาปิด“นางตื่นพอดีเลยเจ้าค่ะนายท่าน” เสียงสตรีแหลมเล็กดังขึ้นขณะที่ประตูถูกเปิดเข้ามาภาพตรงหน้าเป็นเฉินโม่วโฉวกับสตรีร่างท้วมแต่งหน้าจัดนางหนึ่ง ด้านนอกมีกลุ่มบุรุษหน้าตาโหดเหี้ยมอีกนับสิบ“ดีเลย นางจะได้รับรู้ถึงความสุขที่ข้