ตอนที่ 5
จากเอกเป็นรอง
ข่าวลือแผ่กระจายไปทั่วเมืองหลวงอย่างรวดเร็วราวกับไฟลามทุ่ง โรงน้ำชาหรือร้านอาหารที่ใดก็หยิบยกเรื่องคุณชายรองเหยียนป๋อเหวินกับคุณหนูรองถังซูเจินขึ้นมาพูด
ข่าวลือจากปากต่อปากความจริงก็เริ่มลดลง จนกลายเป็นว่าตอนนี้ถังซูเจินกำลังตั้งท้องลูกของคุณชายรองเหยียนไปเสียแล้ว
แถมยังบอกว่าทั้งสองแอบลักลอบมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกันตั้งแต่ที่ฝ่ายหญิงยังไม่ได้ปักปิ่นด้วยซ้ำ น่าสงสารพี่สาวอย่างถังซูเจียวที่ไม่รู้เรื่องอะไรแม้แต่น้อย
ฮูหยินรองได้ยินข่าวลือก็บุกไปหาบุตรสาวที่เรือนทันที ถังซูเจินที่คิดว่าจะทำตัวตามปกติก็ต้องถูกมารดาคาดคั้น จนสุดท้ายต้องยอมเล่าความจริงทุกอย่างออกมา
“น่าอับอายยิ่งนัก ข้าสอนให้เจ้าเอาใจบุรุษแต่ใช่ว่าให้เจ้าเอาตัวเข้าแลกเช่นนี้” ฮูหยินรองหว่านผู่เยว่เอ่ยพลางทอดถอนใจ
นางสอนบุตรสาวเสมอแต่ก็ยังพลาดจนได้ ทั้งที่อุตส่าห์แย่งคู่หมั้นของนังลูกเลี้ยงมาได้แล้วเชียว
“ท่านแม่ลูกผิดไปแล้วเจ้าค่ะ ท่านแม่ต้องช่วยลูกด้วยนะเจ้าคะ เป็นเพราะนังลี่ถิงคนเดียวที่มันป่าวประกาศออกไปเช่นนั้น” ถังซูเจินเอ่ยขอร้องมารดาทั้งน้ำตา
“เจ้าไม่ต้องโทษผู้อื่น หากบิดาเจ้ารู้เรื่องนี้เจ้าตายแน่” ฮูหยินรองเอ่ยต่อว่าบุตรสาว ยังไม่ทันไรก็ได้ยินเสียงบิดาดังมาจากหน้าเรือน
“เจินเอ๋อร์เจ้าลูกอกตัญญูอกกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ!!!” น้ำเสียงของบิดาเกรี้ยวกราดอย่างที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน
“ท่านแม่ต้องช่วยลูกด้วยนะเจ้าคะ!” ถังซูเจินเอ่ยพร้อมกับเขย่าแขนมารดาไปด้วยอย่างร้อนรน
“เจ้าไม่ต้องขอร้องมารดาเจ้าเลยนางลูกไม่รักดี!! รู้หรือไม่ว่าคนทั่วเมืองหลวงพูดถึงเจ้าว่าเช่นไรบ้าง!!!” ถังซีฮั่นตวาดบุตรสาวลั่นเรือน
“ท่านพ่อลูกผิดไปแล้วเจ้าค่ะ ลูกไม่ได้ตั้งใจให้เป็นเช่นนี้เลยนะเจ้าคะ เป็นเพราะนังลี่ถิงต่างหากที่ตะโกนป่าวประกาศให้คนอื่นได้ยินกันทั่ว แถมนางยังทำร้ายลูกอีกด้วยนะเจ้าคะ ท่านพ่อดูสินางตบข้าจนใบหน้าข้าบวมไปหมดแล้ว”
ถังซูเจินเอียงหน้าให้บิดาดู พร้อมกับโยนความผิดให้สตรีอีกนางแทน
ถังซีฮั่นเห็นหน้าบุตรสาวความโกรธเมื่อครู่ก็หายไปทันที พร้อมกับรีบเข้ามาดูใบหน้าของบุตรสาวใกล้ ๆ
“เกินไปแล้ว!! ข้าจะไปเอาเรื่องลี่เฉียงชุนเดี๋ยวนี้ มันสั่งสอนบุตรสาวเช่นไรถึงได้มาทำร้ายผู้อื่นเช่นนี้!!!”
“ท่านพี่ใจเย็นก่อนเถิด เรื่องสำคัญตอนนี้คือชื่อเสียงของเจินเอ๋อร์นะเจ้าคะ”
หว่านผู่เยว่เอ่ยห้ามสามีไว้ก่อน เมื่อเขาทำท่าจะเดินออกจากเรือนไปเอาเรื่องตระกูลลี่จริง ๆ
“เรื่องเป็นมาอย่างไรเจ้าพูดให้พ่อฟังซิ ห้ามโกหกเด็ดขาดไม่เช่นนั้นพ่อไม่อาจช่วยเจ้าได้” รองเจ้ากรมพิธีการเอ่ยกับบุตรสาว
ถังซูเจินจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ให้บิดาฟัง เมื่อถังซีฮั่นได้ฟังถึงกับกุมขมับอย่างปวดหัวทันที
แต่อย่างไรเรื่องที่บุตรสาวเขาเสียตัวให้คุณชายรองเหยียนนั่นเป็นเรื่องจริง เช่นนั้นคงต้องให้ทั้งสองแต่งงานกันให้เร็วที่สุด
“พ่อจะไปตระกูลเหยียน เจ้าเก็บตัวอยู่แต่ในเรือนห้ามออกไปที่ใดอีกจนกว่าเรื่องทุกอย่างจะเงียบ” ถังซีฮั่นสั่งบุตรสาวก่อนจะออกจากเรือนไป
จวนตระกูลเหยียน
“เจ้าลูกชั่ว!!!” เสียงตวาดของฮูหยินใหญ่เหยียนดังลั่นเรือน ตามด้วยแจกันที่ถูกขว้างใส่บุตรชายคนรอง
“เจ้ามันไม่มีความคิดจริง ๆ ทำอะไรทำไมไม่เก็บความลับให้ดีเห็นหรือไม่ว่าเสื่อมเสียมาถึงวงศ์ตระกูล เช่นนี้พี่ชายเจ้าที่เพิ่งได้รับใช้ใกล้ชิดฮ่องเต้จะถูกเอาไปพูดถึงอย่างไรบ้าง!!!” รองเจ้ากรมโยธาเอ่ยอย่างเกรี้ยวกราด
“ท่านพ่อลูกผิดไปแล้วขอรับ” เหยียนป๋อเหวินคุกเข่าขอโทษบิดามารดา แต่มันหาได้ช่วยลดความโกรธของบุพการีทั้งสองได้ไม่
“เกิดเรื่องอื้อฉาวเช่นนี้จะไม่แต่งนางทั้งสองเข้ามาก็ไม่ได้ เช่นนั้นก็ทำเรื่องทุกอย่างให้จบเร็วที่สุดดีกว่าเจ้าค่ะท่านพี่” จางฮุ่ยหลิงเอ่ยกับผู้เป็นสามี
“ข้าก็เห็นเป็นเช่นนั้น แต่คนทั่วเมืองหลวงรู้กันทั่วเช่นนี้จะให้แต่งถังซูเจินเป็นฮูหยินเอกอีกก็คงไม่ได้ ให้นางแต่งเข้าเป็นฮูหยินรองของเจ้าแล้วกัน” เหยียนจิ้นเหอเอ่ยกับบุตรชาย
“แต่ท่านพ่อ....”
“ไม่มีแต่ เจ้าจะเอาสตรีที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่วมาเชิดหน้าชูตาให้ชาวเมืองหัวเราะเยาะหรือ คิดว่าตระกูลเจ้าเป็นแค่ชาวบ้านหาเช้ากินค่ำหรืออย่างไร!!!” เหยียนจิ้นเหอเริ่มมีอารมณ์อีกครั้ง เมื่อบุตรชายทำท่าจะแย้งตน
“ก็ได้ขอรับ” เหยียนป๋อเหวินรับคำอย่างเลี่ยงไม่ได้
“ส่วนสตรีตระกูลลี่ก็ให้นางเป็นอนุเจ้าแล้วกัน อย่างไรเจ้ากับนางก็มีสัมพันธ์ลึกซึ้งกันแล้วเดี๋ยวแม่จะส่งเกี้ยวไปรับนาง ส่วนตระกูลถังแม่จะไปคุยเอง” จางฮุ่ยหลิงเอ่ย
แต่ไม่ทันที่จะได้ไปจวนตระกูลถังคนก็มาแจ้งเสียก่อนว่าถังซีฮั่นมาขอพบ เหยียนจิ้นเหอจึงให้บุตรชายกลับเรือนไปก่อน
“ท่านรองเจ้ากรมโยธาสบายดีหรือไม่” ถังซีฮั่นเอ่ยทักเจ้าบ้านก่อนเมื่อคนพามาพบ
“ข้าสบายดี แต่ท่านคงไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่นักสินะ” ผู้เป็นเจ้าบ้านเอ่ยถามออกไปอย่างไม่อ้อมค้อม
“เป็นเช่นนั้น ตอนนี้ในเมืองหลวงเกิดข่าวลือเรื่องบุตรชายของท่านกับบุตรสาวของข้า เรื่องนี้นอกจากจวนเราจะเสื่อมเสียแล้ว ยังส่งผลต่อหน้าที่การงานของทั้งสองจวนด้วย” ถังซีฮั่นเอ่ย
“ข้าจะเร่งจัดงานแต่งให้คนทั้งสองเองท่านวางใจได้”
“เห้อ!! ดียิ่งข้าเองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน”
“แต่มีข้าแม้คือข้าให้นางแต่งเข้ามาเป็นได้เพียงฮูหยินรองเท่านั้น ด้วยชื่อเสียงที่ด่างพร้อยของนางไม่อาจเชิดหน้าชูตาให้แก่วงศ์ตระกูลของสามีได้อีก หวังว่านายท่านถังจะเข้าใจข้าด้วย”
เหยียนจิ้นเหอเอ่ยด้วยใบหน้าเรียบเฉย แต่คนฟังนั้นตกใจจนใบหน้าซีดเผือด
“สัญญาหมั้นหมายของสองตระกูลแต่เดิมไม่ใช่แบบนี้นี่ขอรับ” ถังซีฮั่นแย้ง
“หากเป็นก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่องข้ายินดีรับบุตรสาวท่านเป็นฮูหยินน้อยบุตรชายข้า แต่ตอนนี้นางมีชื่อเสียงฉาวโฉ่วยามออกงานต่าง ๆ คนคงได้หัวเราะเยาะจวนตระกูลเหยียนกันพอดี”
“....” เมื่อได้ฟังคำของฮูหยินใหญ่เหยียนเขาก็ไม่อาจปฎิเสธได้
“เอาเช่นนี้ให้นางแต่งเข้ามาเป็นฮูหยินรองไปก่อน พอเรื่องเริ่มซาลงแล้ว เมื่อนางมีบุตรชายค่อยแต่งตั้งให้นางเป็นฮูหยินเอกทีหลังก็ได้เจ้าค่ะ” จางฮุ่ยหลิงเอ่ยโน้วน้าว
“ที่ฮูหยินข้าพูดมาก็เป็นทางออกที่ดีนะขอรับ ท่านถังลองพิจารณาดูเถิดอย่างไรนางก็เป็นบุตรสาวท่าน ข้าเข้าใจได้ว่าบิดามารดาย่อมอยากให้ลูกได้สิ่งที่ดีที่สุด” เหยียนจิ้นเหอพูดให้ชายตรงหน้าคิด
ถังซีฮั่นกลับจวนมาก็ฟ้ามืดแล้ว ฮูหยินรองที่รออยู่รีบออกมาต้อนรับอย่างร้อนใจ
“ท่านพี่เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ ทางนั้นว่าอย่างไรบ้าง”
“ทางนั้นจะเร่งจัดพิธีแต่งงานให้เร็วที่สุด แต่เจินเอ๋อร์ของเราต้องแต่งเข้าในฐานะฮูหยินรองเท่านั้น” ถังซีฮั่นเอ่ยอย่างลำบากใจ
“ว่าอย่างไรนะเจ้าคะ!!!” ถังซูเจินมาได้ยินเข้าพอดีจึงถามซ้ำอย่างไม่เชื่อหู
“เจินเอ๋อร์เจ้าฟังพ่อก่อน เพราะเรื่องของเจ้าดังจนตอนนี้คนรู้ทั่วเมืองหลวง ฮูหยินใหญ่เหยียนจึงให้เจ้าแต่งเป็นฮูหยินรองไปก่อน พอเรื่องเงียบลงค่อยเลื่อนขั้นเจ้าเป็นฮูหยินเอก” ผู้เป็นบิดาอธิบาย แต่ดูเหมือนบุตรสาวจะไม่ฟังอะไรแล้ว
“ไม่เจ้าค่ะ!! หากข้าไม่ได้แต่งเป็นฮูหยินเอกของคุณชายรองเหยียน ข้าจะไม่แต่งเด็ดขาด!!!” ถังซูเจินตอนนี้ขาดสติไปแล้ว
เพี๊ยะ!!!
“เจ้าพูดอะไรออกมารู้ตัวหรือไม่ เจ้ามีเรื่องฉาวโฉ่วเพียงนี้จวนตระกูลเหยียนยังแต่งเจ้าเป็นฮูหยินรองก็บุญแล้ว หากเป็นจวนอื่นคงให้เจ้าเป็นได้เพียงอนุเท่านั้นแหละ!!!” ถังซีฮั่นตะคอกใส่หน้าบุตรสาว
“ท่านพี่พูดเช่นนี้เจินเอ๋อร์เสียใจนะเจ้าคะ!!” ฮูหยินรองเอ่ยพร้อมกับกอดประคองบุตรสาวเอาไว้ในอ้อมกอด
“เห้อ!!! เจ้าไปพูดกับลูกให้เข้าใจแล้วกัน ข้าปวดหัวนักขอไปพักก่อน แล้วเจ้าเก็บตัวอยู่แต่ในจวนห้ามออกไปไหนจนกว่าจะแต่งเข้าจวนตระกูลเหยียน เข้าใจหรือไม่” เอ่ยจบก็เดินจากไปทิ้งสองแม่ลูกไว้ตรงนั้น
ตอนพิเศษ5งานเลี้ยงถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ราวกับงานประจำปี มีการจัดเลี้ยงถึงเจ็ดวันเจ็ดคืน จัดตั้งโรงทานนานถึงหนึ่งเดือนเต็ม เรียกได้ว่าคนกองธงนั้นไม่ต้องทำอาหารกินกันเป็นเดือนเลยก็ว่าได้ฮ่องเต้ ฮองเฮาและไทเฮาไม่อาจเดินทางมาร่วมงานเลี้ยงได้ จึงได้ส่งของขวัญมาแทน โดยมีตัวแทนเป็นอ๋องเจิ้งหู่เดินทางมาส่งมอบให้ฮองไทเฮาเองก็เช่นกัน เพราะเข้าฝึกตนไม่อาจรับรู้เรื่องภายนอกได้ ผู้เป็นอาจารย์ที่ได้รับจดหมายจึงอาสามาแทน ความจริงคือหาเรื่องออกมาเที่ยวเล่นขนอกภูเขาท่านั้น“ข้าเป็นตัวแทนของฮองไทเฮามาร่วมแสดงความยินดีกับพระชายาและชินอ๋อง นี่เป็นของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ จากข้า”หลี่ซินเหมยผู้เป็นอาจารย์ของฮองไทเฮาเอ่ยพลางยื่นกล่องไม้เรียบ ๆ ให้ถังซูเจียว“ขอบคุณนายหญิงหลี่ที่อุตส่าห์เดินทางมา ไม่ทราบว่าท่านมี ที่พักหรือยังเจ้าคะ หากไม่รังเกียจข้าจะจัดที่พักในจวนให้ท่าน” ถังซูเจียวเอ่ยพลางยิ้มให้ผู้มีพระคุณตรงหน้านางรู้ว่าสตรีตรงหน้าเป็นอาจารย์ของแม่สามีตัวเอง และที่มาในวันนี้นอกจากมาแทนฮองไทเฮาแล้วคงมีธุระอย่างอื่นด้วย“เช่นนั้นรบกวนพระชายาด้วย”“อย่าใช้คำราชาศัพท์กับพวกข้าเลยขอรับ ข้าไม่ได้เป็นชินอ๋
ตอนพิเศษ4หลังจากทิ้งจดหมายไว้ให้ฮ่องเต้แล้ว หวงเฟยหมิงกับถังซูเจียวก็ออกเดินทางท่องเที่ยวตามแผนที่วางไว้ทันทีโดยทิ้งปัญหาทุกอย่างเอาไว้ข้างหลังแบบที่ไม่คิดจะรับผิดชอบใด ๆ ทั้งสิน“ท่านพี่เจ้าคะ เราจจะไปที่ใดก่อนดี ข้าอยากกินอาหารทะเลอีกแล้ว อยากไปเดินเล่นเก็บเปลือกหอยด้วย” นางเอ่ยออดอ้อนสามี ที่ตนกำลังพิงอกเขาอยู่ “เช่นนั้นเราไปเมืองหมิงเว่ยที่กองธงที่หกดีหรือไม่ ที่นั้นมีชายหาดให้เจ้าเดินเล่นด้วย แถมยังมีพระอาทิตย์ตกดินที่งามนัก สามีว่าเจ้าต้องชอบมาก ๆ แน่” เขาตอบอย่างเอาใจนาง แต่ยังไม่ทันได้คุยอะไรกันต่อ ก็มีเสียงตะโกนมาจากนอกรถม้าเสียก่อน เสียงนั่นฟังดูอาฆาตแค้นอย่างมาก“พวกท่านจะหนีไปโดยทิ้งปัญหาไว้เช่นนี้จริง ๆ หรือ ท่านอาออกมามาคุยกับข้าก่อนเลยนะ!!!” เป็นอ๋องเจิ้งหู่นั้นเองทั้งสองหัมมามองหน้ากันทันที นี่นางเดินทางออกจากเมืองหลวงมาไกลตั้งหลายลี้แล้วนะ เหตุใดยังตามมาทันอีก“หยุดรถม้า!!” หวงเฟยหมิงเอ่ยสั่งคนขับรถม้า ขบวนเดินทางของพวกเขาเลยถือโอกาสแวะพักข้างทางไปด้วย“เจียวเจียว เจ้าต้องช่วยข้านะ!!!” เมื่อนางลงจากรถม้าอ๋องเจิ้งหู่ก็ตรงมากอดขานางแน่นทันที พลางร้องห
ตอนพิเศษ3.2ฮองไทเฮาเริ่มแผนการโดยให้คนไปเชิญถังซูเจียวมาพบ ทั้งที่ในใจตนเองนั้นตื่นเต้นราวกับกำลังจะได้พบหน้าบุรุษที่ตนเองรักก็ไม่ปาน“ฮองไทเฮาเพคะ ท่านหญิงถังซูเจียวมาถึงแล้วเพคะ” พระนางมองสำรวจหญิงสาวตั้งแต่หัวจรดเท้า แม้ใบหน้าจะซีดเซียวจากพิษไข้ไปบ้าง แต่ก็ยังมองออกถึงความงดงาม"คารวะฮองไทเฮาเพคะ" หญิงสาวตรงหน้าคารวะแบบเต็มพิธีการ พระนางมองคนตรงหน้าเพลินไปหน่อยจนคนของตนเอ่ยทัก“ฮองไทเฮานางไม่สบายอยู่นะเพคะ” นางกำนัลคนสนิทเอ่ยเตือนเบา ๆ พระนางจึงมองค้อนมามาคนสนิทไปเล็กน้อย“ลุกขึ้นเถอะ” เสียงทรงอำนาจเอ่ยขึ้น ถังซูเจียวจึงลุกขึ้นแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ว่าง"ขอบพระทัยเพคะ"ระหว่างนั้นมามาคนสนิทก็แสร้งโน้มตัวลงมารินชาให้พระนาง ก่อนจะกระซิบ ข่าวลือ เมืองหลวง"เจ้ารู้หรือไม่ว่าคนที่เมืองหลวงพูดถึงเจ้าว่าอย่างไรบ้าง" ฮองไทเฮาเอ่ยขึ้นทันทีที่นางนั่งลง“ไม่ทราบเพคะ”"หึ!! เช่นนั้นเปิ่นกงจะบอกให้ก็ได้ คนเขาพูดกันทั่วว่าเจ้าเป็นสตรีแพศยา สามีหย่าขาดแล้วจึงรีบหาที่คุ้มหัวใหม่ ยอมแม้กระทั่งเป็นสตรีของชายตัดแขนเสื้ออย่างอดีตชินอ๋อง" แล้วมหกรรมแสร้งขับไล่ว่าที่ลูกสะใภ้ก็เกิดขึ้น พระนางยกเอาทั้งเร
ตอนพิเศษ3.1ฮองไทเฮาได้รับข่าวว่าบุตรชายคนเล็กพาสตรีเข้าจวน ตนจึงเร่งเดินทางมาหาทันทีด้วยความร้อนใจแต่ใจจริงคืออย่างมาดูให้เห็นกับตาต่างหาก จึงได้เร่งร้อนจนแทบไม่เอาอะไรไปสักอย่าง หากมามาคนสนิทไม่ห้ามไว้ก่อน พระนางคงควบม้าไปแต่ตัวแล้วกว่าจะเดินทางมาถึงก็ใช้เวลาหลายวันเลยทีเดียว ป่านนี้คนของพระนางที่ส่งมาก่อนคงกำลังแสดงอำนาจอย่างเต็มที่ เพราะพระนางเลือกแต่คนที่หน้าไหว้หลังหลอกมาทั้งนั้นและก็เป็นเช่นนั้นจริง เพียงพระนางก้าวขาลงจากรถม้าก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวนแหลมเล็กของเหล่าขันทีดังมาให้ได้ยิน“ฮองไทเฮาต้องท่องไว้นะเพคะ ต้องสง่างาม น่าเกรงขาม และเด็ดขาดให้เหมือนแม่สามีผู้ร้ายกาจ” มามาคนสนิทเอ่ยเตือนนายตนฮองไทเฮาที่มายืนอยู่หน้าจวนบุตรชายสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพยักหน้ารับก่อนจะเดินเข้าจวนไปที่มามาเอ่ยเช่นนั้นเพราะพระนางจะทดสอบว่าที่ลูกสะใภ้ผู้นี้นั่นเอง และที่ผ่านมาในสายตาบุตรชายพระนางเป็นสตรีสูงศักดิ์เกินเอื้อมถึง ทำให้ความสัมพันธ์แม่ลูกไม่ค่อยดีนัก“ฮองไทเฮาเสด็จ!!!” ท่ามกลางเสียงร้องโหยหวยมีเสียงขันทีประกาศการมาถึงของพระนาง ทำให้ทุกคนที่อยู่ในลานกว้างรีบคุกเข่าก้มหน้ากับพื้นทันท
ตอนพิเศษ2.3ฮูหยินใหญ่ตระกูลฮุ่ยถึงกับหลั่งเหงื่อเย็น เพราะจากสภาพที่นางพบฮุ่ยเยว่เล่อเมื่อเช้าก็มีความเป็นไปได้ตามที่ชายเหล่านั้นเอ่ยไม่นานบ่าวอาวุโสคนนั้นก็กลับมาด้วยใบหน้าซีดเผือด ก่อนจะเข้ามานั่งคุกเข่าตรงหน้านายท่านหวังตอนนี้เหล่าชายหนุ่มทั้งหลายถูกเชิญเข้ามาคุยกันในจวนแล้ว เพราะแขกเหรื่อที่มางานเริ่มออกมามุงดูอย่างสนใจ“เป็นอย่างไรเจ้าลองพูดมาซิ” นายท่านหวังสั่ง“เออ...สภาพของอี๋เหนียงเล็ก...เออ...”“จะอะไรเจ้าก็รีบพูดมาสิ จะมัวอ้ำอึ้งทำไม” คุณชายหวังเอ่ยอย่างหงุดหงิด“อี๋เหนียงมีสภาพราวกับเพิ่งผ่านคืนวสันต์มาไม่ผิดแน่เจ้าค่ะ ข้าน้อยมีประสบการณ์กล้ารับประกันได้” บ่าวอาวุโสเอ่ยพร้อมกับ ก้มหน้าหลบสายตาทุกคนแต่คนที่อยู่ตรงนั้นตกใจจนทำอะไรไม่ถูก แขกที่มาในงานเริ่มซุบซิบกันจนเกิดเสียงอื้ออึงไปทั่วบริเวณฮูหยินใหญ่หวังนั่นเป็นลมไปแล้ว นายท่านฮุ่ยกับฮูหยินใหญ่ฮุ่ยเองก็ไม่ต่างกันมากนัก ส่วนนายท่านหวังนั่นโกรธจนเลือดขึ้นหน้า“ไปลากตัวนางมา!!!” คุณชายหวังตวาดบ่าวของตน“นายท่านฮุ่ยท่านจะอธิบายเรื่องนี้อย่างไร” นายท่านหวังหันไปถามบิดาฝ่ายเจ้าสาว“ข้าขออภัยนายท่านหวัง เรื่องในวันนี้ข้าขอ
ตอนพิเศษ2.2รถม้าเคลื่อนมาหยุดที่หน้าโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง ก่อนจะมีชายรูปร่างสูงใหญ่ใส่หมวกสานเข้ามาอุ้มหญิงสาวบนรถม้าออกไปขึ้นรถม้าอีกคัน“ท่านรู้หรือไม่นั่นน่ะนายท่านของข้าเอง เขามารับภรรยากลับจวนเพราะนางต้องไปเฝ้าไข้มารดาตั้งเป็นเดือน ที่นางหลับไม่รู้เรื่องเช่นนี้คงเพราะนางอ่อนเพลียมากเป็นแน่ น่าสงสารนายหญิงของข้าจริง ๆ ”ชายที่ร่วมคารวานมาด้วยเอ่ยกับหลงจู้โรงเตี๊ยมพลางมองไปที่ผู้เป็นนายทั้งสองอย่างปลาบปลื้มใจ“นายท่านของเจ้าช่างรักภรรยายิ่งนัก ข้าละนับถือจิตใจเขาจริง ๆ ว่าแต่พวกท่านจะเดินทางไปที่ใดงั้นหรือ” หลงจู้เอ่ยถามตามมารยาท“พวกข้าจะไปเมืองหลวงกัน ข้าคงต้องไปแล้วไว้พบกันใหม่” ชายผู้นั้นเอ่ยก่อนจะรีบวิ่งไปขึ้นม้าตัวเอง แล้วคารวานนั้นก็ออกเดินทางไปฮุ่ยเยว่เล่อตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าตัวเองอยู่ในห้องที่ประดับไปด้วยผ้าแดง กลิ่นกำยานแสบจมูกจนนางต้องยกมือขึ้นมาปิด“นางตื่นพอดีเลยเจ้าค่ะนายท่าน” เสียงสตรีแหลมเล็กดังขึ้นขณะที่ประตูถูกเปิดเข้ามาภาพตรงหน้าเป็นเฉินโม่วโฉวกับสตรีร่างท้วมแต่งหน้าจัดนางหนึ่ง ด้านนอกมีกลุ่มบุรุษหน้าตาโหดเหี้ยมอีกนับสิบ“ดีเลย นางจะได้รับรู้ถึงความสุขที่ข้