“ยด..”
เด็กหญิงตัวกลมก้าวขาป้อมรีบเดินเข้ามาหาคนเป็นแม่เมื่อเห็นว่ามีรถเก๋งคันสีขาวขับเข้ามาจอดที่หน้าบ้านพราวพิ้งค์ยิ้มต้อนรับคนที่มาใหม่หน้าระรื่นไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นปลายฝันว่าที่เจ้าสาวของพ่อเลี้ยงแดนไทยเพื่อนรักของเธอเอง
“ไงจ๊ะ..เจ้าหมูอ้วนของน้าปลายมาให้น้าฟัดหน่อยเร็ว” ฟอดด ฟอดด
ปลายฝันหญิงสาวที่กำลังท้องโตหน้าตาจิ้มลิ้มเดินถือถุงกระดาษปรี่ตรงมาอุ้มหนูน้อยกอดหอมฟอดใหญ่คิดถึงไม่ได้เจอหน้าหลานสาวหลายวันเพราะต้องกลับไปเอาชุดแต่งงานที่กรุงเทพและอยู่กับครอบครัวต่อเป็นอาทิตย์
“ที่ไร่ไม่ยุ่งแล้วหรือถึงปลีกตัวมาที่นี่ได้”
“ไม่มีอะไรยุ่งแล้วล่ะที่จะวุ่นก็เห็นจะเป็นพรุ่งนี้เพราะต้องเตรียมตัวรับแขกที่บ้านฉันกับบ้านคุณแดน..เออ..วันนี้พ่อเลี้ยงคีรินฝากชุดมาให้”
ปลายฝันชี้ไปที่ถุงกระดาษข้างตัวที่ถือมาตั้งแต่ลงจากรถ
“ถ้าฉันไม่ใส่จะดูเสียมารยาทหรือเปล่า”
พราวพิ้งค์ว่าด้วยท่าทีลำบากใจ
“แน่นอน”
ปลายฝันรีบพยักหน้าสายตาของเธอบ่งบอกว่าอยากให้เพื่อนเธอนั้นรับรักพ่อเลี้ยงคีรินเสียที
“ทำยังไงพ่อเลี้ยงถึงจะเข้าใจว่าฉันไม่ได้คิดอะไรเกินไปกว่าพี่น้อง”
“พ่อเลี้ยงเค้าตามจีบเธอมาตั้งแต่เธอท้องยังไม่ยอมใจอ่อนกับเค้าอีกเหรอ..ทั้งหล่อทั้งรวยทั้งแสนดีไม่มีตรงไหนเข้าตาบ้างเลยเหรอพิ้งค์”
“เกินเลยไม่ได้จริงๆ..ฉันบอกเธอไปเป็นร้อยรอบแล้วหยุดเชียพ่อเลี้ยงให้ฉันได้แล้วไม่อย่างนั้นจะไม่คุยด้วยจริงๆด้วย”
พราวพิ้งค์มองค้อนปลายฝันตาเขียวเพราะดูท่าเพื่อนเธอจะทำลำบากใจอีกคน
“ก็ได้.ก็ได้..แค่นี้แม่เราก็ต้องดุน่าด้วยเนอะ”
“จ่ะ”
ปลายฝันยิ้มกริ่มเมื่อหลานตัวกลมหันมาพยักหน้าทำท่าเข้าใจในสิ่งที่ผู้ใหญ่เค้าพูดกัน
ตกดึกหลังจากยัยหนูพลอยขวัญหลับลงได้คนเป็นแม่ก็นั่งเขียนไดอารี่ประจำวันเหมือนเดิมเช่นที่เคยทำการเขียนเรื่องราวในชีวิตประจำวันเช่นนี้เธอทำมาตั้งแต่มาอยู่ที่นี่เพราะมันทำให้เธอเหมือนได้มีเพื่อนคุยระบายไม่ว่าเรื่องราวทุกข์สุขที่ผ่านมาแต่ละวันจะเป็นเช่นไรเธอก็จะจดบันทึกไว้ทั้งหมด
มือเรียวจับปากกาเขียนได้ประมาณครึ่งหน้าเธอก็พับเก็บสมุดเล่มหนาลงดวงตากลมโตมองลอดผ่านบานหน้าต่างกระจกไปมองยังดวงจันทร์ที่สว่างไสวเต็มดวงนับว่าปลายฝันโชคดีเหลือเกินเพราะแม้นฤดูกาลนี้จะเป็นช่วงฝนลงหนักแต่สองสามวันมานี้ฟ้าเปิดตลอดไม่มีแม้ลมฟ้าลมฝนให้เห็นทำให้งานแต่งที่กำลังจะเริ่มไม่มีปัญหาอะไร
วันต่อมา
พ่อและแม่ของปลายฝันมาถึงที่บ้านของพราวพิ้งค์ในช่วงบ่ายทั้งสองและปลายฝันต้องมาอยู่ที่นี่เพื่อที่พรุ่งนี้เช้าจะมีพิธีแห่ขันหมากมารับตัวเจ้าสาวไปที่งานแต่งที่ไร่เหมวัต
“บ้านพิ้งค์ค่อนข้างเล็กคุณพ่อกับคุณแม่อาจจะไม่ค่อยสะดวกหน่อยนะคะ”
“พ่อกับแม่อยู่ได้สบายอยู่แล้วลูก”
เปรมสุดาและปกรณ์ไม่ได้มีปัญหากับพื้นที่แม้แต่น้อยกลับชอบบ้านหลังเล็กของพราวพิ้งค์มากเสียด้วยซ้ำเพราะทั้งร่มรื่นสะอาดสะอ้านดูสบายตาไปเสียทุกส่วนเพราะตัวบ้านเป็นสีขาวเฟอร์นิเจอร์เป็นสีน้ำตาลอ่อนผ้าม่านก็จัดตกแต่งโทนขาวครีมทั้งหมดคนที่มาที่นี่จึงชอบบ้านของพราวพิ้งค์กันทุกคน
“เมื่อตอนปลายฝันเล็กๆพ่อกับแม่ก็อยู่กันแบบนี้..”
ปกรณ์ชายวัยกลางคนร่างผอมสูงหันมาพูดกับพราวพิ้งค์ก่อนจะวาดแขนโอบกอดภรรยาตัวเล็ก
“ได้อยู่ที่นี่แล้วก็นึกถึงเมื่อตอนที่เราช่วยกันสร้างตัวนะคุณ”
“นั่นสิคะ..ตอนนั้นลูกเรายังเล็กๆอยู่เลยตอนนี้จะแต่งงานมีครอบครัวแล้วสิเวลาผ่านไปเร็วจริงๆ”
เปรมสุดานึกถึงวันเก่าๆก็ใจหายเพราะจูๆก็มารู้เมื่อไม่นานมานี้ว่าลูกสาวตัวเองตั้งท้องและกำลังจะแต่งงาน
พราวพิ้งค์เห็นสองสามีภรรยากำลังนึกหวนคำนึงถึงความหลังเธอก็ได้แต่ยืนอมยิ้มอ่อนก่อนจะค่อยๆปลีกตัวจากทั้งสองออกมาหายัยหนูที่วิ่งเล่นอยู่ที่หน้าบ้านกับปลายฝัน
เกือบที่จะเย็นหลังจากฝากลูกสาวกับปลายฝันได้พราวพิ้งค์ก็รีบขับรถเก๋งสีขาวคันเก่งของเธอออกจากบ้านเพื่อไปหาซื้ออาหารที่ตลาดสดในตัวอำเภอเพื่อมาทำอาหารเย็นต้อนรับครอบครัวของปลายฝัน
หญิงสาวเดินเลือกซื้อของอยู่พักใหญ่จนได้ทุกอย่างครบแล้วจึงรีบกลับด้วยกลัวว่าจะทำอาหารไม่ทันมื้อเย็นรถเก๋งคันเก่งวิ่งกลับจากตลาดสดจนมาใกล้ปากทางเข้าซอยบ้านจู่ๆเครื่องยนต์ก็เกิดดับโดยที่ไม่มีสาเหตุทำคนที่ยิ่งรีบร้อนรนใจพอสมควร
“มาเสียอะไรตอนนี้เนี่ย..ยัยคนเก่งของฉัน”
พราวพิ้งค์ในชุดเดรสสั้นชมพูหวานเดินลงมาเปิดฝากระโปรงรถได้ควันก็พวยพุ่งออกมาจนเธอต้องรีบก้าวถอยหลังยกมือเรียวโบกปัดไปมาด้วยสีหน้าเหยเก
“คุณพิ้งค์...รถเป็นอะไรเหรอครับ”
รถกระบะสี่ประตูสีดำเข้ามาจอดด้านหน้ารถของพราวพิ้งค์เป็นคีรินพ่อเลี้ยงหนุ่มแห่งไร่เพียงกมลหนุ่มหล่อที่สาวๆต่างก็หมายปองแต่เขาเลือกที่จะสนใจพราวพิ้งค์เพียงคนเดียวแม่นจะมีลูกติดมาแล้วเขาก็ไม่สนเพราะเอ็นดูยัยหนูพลอยขวัญมากด้วยเห็นมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก
และแล้ววันเวลาก็ผ่านไปร่วมอาทิตย์ที่สามพราวพิ้งค์ก็ยังไม่มีทีท่าใจอ่อนคุยกับภคพลง่ายๆจนทุกคนต่างก็เห็นใจชายหนุ่มพอสมควรในตอนนี้ภูริชก็เข้ามาพักฟื้นที่บ้านของแดนไทยยัยหนูพลอยขวัญที่ปู่ไปรับมาทุกวันจึงทำให้ภคพลนั้นได้อยู่กับลูกนานๆบ้างนับว่าความสุขนี้ได้จากบารมีของคนเป็นพ่อล้วนๆ“งานหินเลยสิ..”ภูริชหันมาถามภคพลที่กำลังนั่งมองลูกสาวตัวกลมนั่งทานขนมไม่วางตา“หินจริงๆครับคุณพ่อ”ภคพลหันมาพยักหน้ากับคนเป็นพ่อหน้าเจื่อน“ทีหลังจะเล่นอีกหรือเปล่า”“เข็ดแล้วครับ”“ฮ่าๆๆ..”ภูริชหัวเราะร่าเมื่อเห็นพราวพิ้งค์จะเป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้ลูกชายจอมเอาแต่ใจของเขาใจเสียได้นานขนาดนี้เช้าวันต่อมาพราวพิ้งค์ไปส่งยัยหนูให้ภูริชที่บ้านของแดนไทยเรียบร้อยเธอจึงขับรถมาที่ไร่เพียงกมลเพื่อมาหาฟองจันทร์ด้วยรู้ว่าหญิงสาวจะไปจากที่นี่เพื่อไปทำงานที่กรุงเทพในอีกวันสองวันที่จะถึง“เลือกทางนี้จริงๆใช่ไหม”พราวพิ้งค์มาที่นี่เพื่อคุยกับฟองจันทร์ให้แน่ใจว่าสิ่งที่หญิงสาวเลือกนั้นตรงกับใจที่ต้องการจริงๆหรือเปล่า“จันทร์ว่าจันทร์ขอออกไปอยู่คนเดียวก่อนดีกว่าค่ะ... แล้วค่อยคิดดูว่าตอนนั้นจะอยู่ได้หรือเปล่า”ฟองจันทร์เงียบค
วันต่อมาพราวพิ้งค์มาถึงโรงพยาบาลในช่วงเช้าเธอต้องตกใจเมื่อเห็นแคทเธอรีนกำลังจะเดินเข้าไปในห้องของภคพลจึงรีบรั้งตัวหญิงสาวเอาไว่ก่อน“คุณมาที่นี่ทำไมคะ”“พอลโทรให้ฉันมาหาบอกว่าอยากให้ฉันมาดูแล”แคทเธอรีนตอบกลับพราวพิ้งค์หน้าระรื่น“งั้นก็กลับไปเถอะค่ะ..เพราะหน้าที่นี้เป็นของฉันค่ะ”“ไม่กลับค่ะ..ฉันไม่รู้หรอกนะคะว่าคุณเป็นอะไรกับพอลแต่ในเมื่อพอลเลือกที่จะให้ฉันมาดูแลคุณนั่นแหละที่ต้องกลับ”แคทเธอรีนว่าจบก็เปิดประตูเข้าห้องภคพลไปโดยมีพราวพิ้งค์ตามหลังเข้ามาติดๆ“ฉันมาแล้วค่ะพอล”แคทเธอรีนเอ่ยทักทายภคพลที่กำลังนั่งเลื่อนมือถืออยู่บนเตียงเสียงใส“ฉันบอกแล้วไงคะว่าคนที่จะดูแลคุณได้คือพยาบาลที่นี่”พราวพิ้งค์ค่อนข้างมีท่าทีเดือดดาลพอสมควรดวงตากลมโตจ้องมองภคพลเขม็งอย่างไม่วางตา“ก็ผมต้องการให้แคทมาดูแลคุณมีปัญหาอะไรอยากจะพักผ่อนผมก็ให้โอกาสคุณได้พักแล้วไง”“บอกให้เธอกลับไปเดี๋ยวนี้”“ไม่..”ภคพลตวัดหางตาคมมองหญิงสาวด้วยสายตากวนประสาท“ได้..เดี๋ยวได้รู้กัน”พราวพิ้งค์เดินกัดฟันกรอดออกนอกห้องไปไม่นานนักเหล่าชายฉกรรจ์คนของภูริชสามสี่คนก็เข้ามาลากตัวของแคทเธอรีนกลับไปส่งที่อยู่ของเธอครู่ต่อมา“
วันต่อมาพราวพิ้งค์ใจเสียตั้งแต่เมื่อวานยังไม่หายเพราะจนป่านนี้แล้วภคพลก็ยังไม่ยอมฟื้นขึ้นมา“เมื่อไรคุณจะตื่นมาคะ..คุณจะไล่ฉันต่อว่าฉันอีกกี่คำก็ได้ขอแค่ตื่นมาได้ไหม”สาวเจ้านั่งเอ่ยเสียงอู้อี้อยู่ข้างเตียงของชายหนุ่มพรางยกมือปาดน้ำตาลวกๆ“อืม..”ขณะที่พราวพิ้งค์นั่งหน้าหน้าเคร่งเครียดอยู่พักใหญ่ภคพลก็มีทีท่าว่าจะขยับตัวตื่น“คุณพอล”มือเรียวรีบกดเรียกพยาบาลทันทีที่เห็นว่าภคพลลืมตาไม่นานนักณดลและพยาบาลผู้ช่วยอีกหนึ่งคนก็เข้ามาในห้องพราวพิ้งค์จึงหลบไปนั่งมุมห้องเงียบๆขณะที่หมอหนุ่มกำลังลงมือตรวจอาการภคพล“จำได้หรือเปล่าว่าก่อนปวดหัวเกิดอะไรขึ้น..”ณดลเริ่มถามคนที่มีอาการสะลึมสะลือภคพลยังคงเงียบเขาเปรยสายตาไปยังหญิงสาวที่นั่งใจจดใจจ่อจ้องมองมายังตัวเองอยู่ที่มุมห้องก่อนจะเงยหน้าส่ายหัวกับณดล“..ไม่รู้ฉันจำไม่ได้”“แล้วตอนนี้ยังมีอาการปวดหัวอยู่หรือเปล่า”“ไม่..ฉันโอเค.. ขอพักผ่อนก่อน”ท่าทีของภคพลดูเหนื่อยอ่อยเป็นพิเศษณดลจึงไม่ได้เค้นถามอะไรเพื่อนตนมากเมื่อไม่มีอาการปวดหัวภคพลก็ไม่ได้น่าเป็นห่วงอะไร“อีกสี่ชั่วโมงฉันจะมาดูนายอีกรอบ”“อืม..”“ฉันขออยู่เฝ้านะคะจะอยู่เงียบๆ”พราวพิ้งค์ไม
“ก็อยากดูแลไม่ใช่หรือไง”ดวงตาคมจ้องมองยังใบหน้าที่บึ้งตึงของหญิงสาวด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ทั้งยังส่งน้ำเสียงยียวนกวนประสาทเธอตลอดเวลาทำพราวพิ้งค์หน้านิ่วคิ้วขมวดเพราะเห็นท่าแล้วว่าภคพลคงจะอยากเล่นสงครามประสาทกับเธอเพราะเห็นว่าเธอดูแลเข้าหน่อยก็ใช้สารพัด“เจ้านายของนายเค้าปากไม่ค่อยตรงกับใจเท่าไรเลย”ณดลมองดูภคพลและพราวพิ้งค์ผ่านประตูกระจกด้านนอกกับก้องภพเขาดูออกว่าเพื่อนตนนั้นไม่ได้อยากจะไล่พราวพิ้งค์ไปจริงๆที่ทำไปเพียงเพราะโกรธเคืองเรื่องเธอหนีไปก็เท่านั้น“ครับ”ก้องภพเปรยสายตามองไปยังคนในห้องก็อมยิ้มอ่อนรู้ว่าจิตใจของนายเขาซับซ้อนซ่อนเงื่อนอยู่พอสมควรและที่หายวันหายคืนเช่นนี้ก็คงเป็นเพราะมีคนที่ตัวเองเอ่ยปากไล่มาอยู่ดูแลทุกวันนั่นเองRrrrr“ฉันขอตัวเดี๋ยวนะคะ”พราวพิ้งค์เห็นสายคีรินเข้ามาเธอก็รีบลุกออกจากเก้าอี้ทั้งที่ยังไม่ทันที่จะป้อนข้าวให้ภคพลเสร็จ“ค่ะคุณคีริน”หญิงสาวกดรับสายคุยกับคนที่โทรมาหาขณะที่กำลังจะเดินถึงประตูหลังจากนั้นก็เดินหายเงียบออกไปข้างนอก“คีริน”ภคพลขมวดคิ้วมองตามหลังร่างบางไม่วางตาเขารู้ว่าไม่เคยรู้จักคนๆนี้แต่ทำไมคุ้นกับชื่อคีรินที่หญิงสาวเอ่ยเรียกปลายสายแปลกๆ
“นายทำอะไรของนายรู้ก็รู้ว่าแคททำกับนายขนาดไหนยังจะอยู่ใกล้อีก”ณดลเริ่มสวดเพื่อนของเขาหลังจากที่ห้องนี้เหลือเพียงสองคน“ฉันทำเพราะอยากให้พิ้งค์ไปไกลๆต่างหาก”ภคพลตอบปัดเสียงอ่อนคิดว่าแค่นี้เพื่อนของเขาจะรู้ใจเสียอีกว่าคนอย่างเขาไม่มีทางดีกับคนที่เคยทำร้ายตัวเองมาก่อนแน่นอน“แกโกรธคุณพิ้งค์แค่เรื่องที่เธอหนีไปแล้วไม่บอกนายแค่นั้นเหรอ”ภคพลยังคงเงียบเป็นคำตอบ ณดลเริ่มขมวดคิ้วไม่รู้ว่าเพื่อนตนที่ยังเป็นมีนิสัยเก่าๆเป็นคนคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องผู้หญิงด้วย“คุณพิ้งค์ก็กลับมาแล้วไงเธอกลับมาเพราะเป็นห่วงนาย...ตลอดที่นายนอนเป็นผักคนที่ดูแลนายไม่ใช่พยาบาลแต่เป็นคุณพิ้งค์..เธอคอยเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้นายพูดคุยกับนายตลอด..ตอนนายไข้ขึ้นเธอก็ไม่เคยได้หลับได้นอน..แต่พอนายฟื้นมากลับเอาแต่ไล่ให้เธอไปไกลๆมันยุติธรรมแล้วเหรอ”ณดลว่าเสียงแข็งหากเขาพูดเรื่องยัยหนูพลอยขวัญได้เขาก็อยากจะพูดใจจะขาดภคพลจะได้รู้ว่าตอนนี้ตัวเองเป็นพ่อคนแล้วไม่ควรทำตัวงี่เง่าประชดใครเหมือนเด็กแต่ติดตรงที่พราวพิ้งค์ขอเอาไว้“ตอนเธอหนีฉันไปทิ้งให้ฉันเคว้งคว้าง...ยุติธรรมกับฉันเหมือนกันหรือไง”“นายไม่ได้คิดกับเธอแค่คู่นอนใช่หรือเปล่า
ก๊อกๆๆสายตาของสองหนุ่มมองไปยังประตูที่กำลังจะมีคนเข้ามาเมื่อภคพลเห็นว่าเป็นใครเขาก็มีสีหน้าไม่สบอารมณ์ในทันที“คุณพอลคะ”พราวพิ้งค์สาวเท้าเข้ามานั่งข้างเตียงของภคพลด้วยใบหน้าระรื่นมือเรียวรีบกอบกุมมือของชายหนุ่มเอาไว้แน่นด้วยความดีใจที่เห็นเขานั้นฟื้นขึ้นมาได้เสียที“กลับมาทำไม”ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะถามไถ่อาการของภคพลกับณดลคำถามน้ำเสียงเสียงห้วนของคนเจ็บก็ทำให้พราวพิ้งค์หน้าเสียกะทันหันไม่รู้ว่าเขาจะแกล้งอะไรเธอถึงได้ทักทายกันเช่นนี้“ผมขอคุยกับคุณพิ้งค์หน่อยครับ”ณดลรีบเรียกพราวพิ้งค์ออกมาคุยกันข้างนอกเพราะมีเรื่องที่หญิงสาวจะต้องรับรู้ถึงอาการที่ไม่ค่อยจะดีนักของภคพล“พอลความทรงจำหายไป...ที่จำได้ก็น่าจะสามปีที่แล้วครับ”“สามปีที่แล้วเหรอคะ?”พราวพิ้งค์เสียงสั่นมือไม้อ่อนเท่ากับว่าภคพลคนที่เจ็บอยู่ตอนนี้ยังเป็นคนเดิมคนที่เอาแต่ใจโผงผางเจ้าชู้และข้อสำคัญคือเขายังคงมองเธอเป็นแค่คู่นอนที่ไม่ต้องการให้มีอะไรผูกมัดฟึ่บบ“คุณพิ้งค์”ณดลรีบประคองพราวพิ้งค์เมื่อร่างบางฟุบกองลงกับพื้นดั่งคนไร้เรี่ยวแรงอาการข้างเคียงหลังการบาดเจ็บของภคพลนี่คือสิ่งที่พราวพิ้งค์ไม่อยากให้เกิดที่สุดหลังจากที่ไ