공유

บทที่ 7 ตลาดมืด

last update 최신 업데이트: 2025-02-16 11:25:11

สหกรณ์อำเภอเป็นแหล่งรวมสินค้าที่ผู้คนมากมายต่างมาเลือกซื้อของ ยิ่งช่วงต้นเดือนมีสินค้าเข้ามาใหม่ก็จะถูกยื้อแย่ง ใครมาเร็วก็ได้ใครมาช้าก็อด แต่ที่นี่ต้องใช้คูปอง ซึ่งหากมีเงินแต่ไม่มีคูปองก็ไม่สามารถซื้อได้อยู่ดี ยกเว้นจะมีเส้นสายหรือรู้จักพนักงานของที่นี่

เฉินเฟิ่นอี้เดินเข้าสหกรณ์พร้อมเฉินตงที่ถือตะกร้าให้ เฉินไห่หลิวต้องการหนังสือและเขามีเงินที่จะซื้อหนังสืออยู่บ้าง ซึ่งมันเป็นเงินเก็บของเขาและเฉินตง ที่พวกเขาทำงานให้เพื่อนร่วมชั้น และเป็นเงินที่ได้รับจากย่าเฉินวันละสองเฟินต่อวัน

ช่วงนี้เป็นช่วงกลางเดือน คนในสหกรณ์จึงมีไม่เยอะมาก และสินค้าต่างๆ ก็ใกล้จะหมดแล้ว เฉินเฟิ่นอี้เดินไปยังโซนเครื่องปรุงตามที่ตาเห็น เครื่องปรุงมีอะไรบ้างเธอก็จับใส่ตะกร้าให้หมด มีทั้งซอสหอย ซีอิ๊ว น้ำปลา ผงปรุงรส น้ำมัน และของอย่างอื่น ซึ่งเธอได้คำนวณไว้แล้วว่าให้พอดีกับคูปอง

“พี่สาวสาม เงินเราจะพอเหรอครับ” เฉินตงกระซิบถามเมื่อเห็นของพูนเต็มตะกร้า

“พอสิ”

นอกจากเครื่องปรุงแล้วเฉินเฟิ่นอี้ยังซื้ออาหารแห้งที่สามารถใช้บำรุงร่างกายกลับไปด้วย เฉินเฟิ่นอี้นำเงินที่ได้รับจากระบบมาด้วย เข้าอำเภอทั้งทีเธอต้องซื้อให้คุ้ม หากมีคนถามก็บอกว่าเป็นเงินเก็บของเธอก็ได้ เฉินเฟิ่นอี้มีเงินเก็บจริงแค่สามหยวนทั้งที่ควรจะมีมากกว่านี้ด้วยซ้ำ

“แอปเปิล?” เฉินเฟิ่นอี้ยิ้มกว้างเมื่อเห็นสิ่งที่เธอต้องการ ชี้นิ้วให้เฉินตงแบกกระสอบแอปเปิลที่ราคาหนึ่งหยวนมีหลายสิบลูก ก่อนจะหันไปอุ้มเอาแตงโมมาสองลูก

“ผมว่าเราพอแค่นี้เถอะครับ” เฉินตงกระซิบ ของที่หยิบใส่ตะกร้าตอนนี้ไม่น้อยเลย เขากลัวว่าเงินที่ย่าเฉินให้มาจะไม่พอ เฉินเฟิ่นอี้พยักหน้า

ระหว่างเดินไปจ่ายเงิน เฉินเฟิ่นอี้ก็เห็นกระปุกนมผงพอดีจึงหอบมาด้วยสองกระปุก ราคากระปุกละสามหยวน ซึ่งเฉินเฟิ่นอี้จะนำไปให้เฉินชิงชิงดื่ม

“ทั้งหมดเก้าหยวน สี่คูปองค่ะ” พนักงานสหกรณ์คิดเงิน

เฉินเฟิ่นอี้พยักหน้าไม่สนใจว่าเฉินตงจะอ้าปากค้าง เธอหยิบตั๋วเงินจำนวนสิบหยวนให้พนักงานสหกรณ์ ไหนๆ เธอก็จะให้เขาพาไปตลาดมืดแล้ว ให้เขารู้อีกสักเรื่องคงไม่เป็นไร

“เงินทอนค่ะ”

ร้านหนังสืออยู่ถัดจากสหกรณ์ไปไม่ไกล เฉินเฟิ่นอี้จึงเดินไปหาเฉินไห่หลิวที่เลือกหนังสือยังไม่เสร็จ ท่ามกลางความเงียบของเฉินตงที่มองมาอย่างสงสัยแต่ก็ไม่ได้ถาม

เฉินไห่หลิวเลือกซื้อหนังสืออยู่บริเวณหน้าร้านหนังสือ เฉินตงจึงรีบสาวเท้าเข้าไปหาเขา แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเฉินเฟิ่นอี้ถึงก่อน จะปากโป้งหรือ ฝันไปเถอะ!

“นายยังเลือกไม่เสร็จใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นก็ฝากดูแลของพวกนี้ด้วยนะ ฉันจะไปดูของเพิ่มอีกหน่อย” เฉินเฟิ่นอี้วางของในมือลงบนที่วางของในร้านหนังสือ

“ได้ครับ” เฉินไห่หลิวมองอย่างงๆ เมื่อเห็นของเยอะ ทั้งเฉินตงยังมีสีหน้าแปลกๆ อีก

“เฉินตงเร็วๆ สิ!”

“ครับ!” เฉินตงรีบวางตะกร้าที่เขาแบกมา สองขารีบวิ่งไปหาพี่สาวที่เดินออกไปก่อนแล้ว ไม่มีเวลาให้แม้แต่สอบถาม หลังจากกลับจากอำเภอคงต้องคุยกับเฉินไห่หลิวแล้ว

เฉินเฟิ่นอี้หยุดเดินมองซ้ายมองขวาเมื่อเข้ามาอยู่ในซอยเปลี่ยวซอยหนึ่ง ซึ่งมันเป็นซอยตันที่มั่นใจว่าไม่มีคนแอบฟังหรือได้ยินสิ่งที่เธอต้องการพูดแน่

“ฉันต้องการไปตลาดมืด” เธอรีบบอกทันที จากการคาดเดา อีกไม่นานเฉินไห่หลิวก็คงเลือกหนังสือเสร็จ เฉินเฟิ่นอี้ต้องทำเวลาเพราะยังต้องซื้อเนื้อและไข่ด้วย

“ไม่ได้!” เฉินตงรีบปฏิเสธพลางมองซ้ายขวาอย่างหวาดระแวงเพราะกลัวคนอื่นได้ยิน ซึ่งสถานที่นี้หากถูกเยาวชนแดงได้ยินจะถูกจับตัวไป หากเขามาเพียงลำพังหรือมาพร้อมเฉินไห่หลิวเขาไปได้ แต่กับเฉินเฟิ่นอี้เขาพาไปไม่ได้จริงๆ

“เฉินตงนายคงเห็นแล้วว่าฉันมีเงิน ฉันจำเป็นต้องไปที่ตลาดมืดจริงๆ” อย่างน้อยขายคูปองหนึ่งใบเธอคงได้ไม่ต่ำกว่าสองหยวน หรืออาจได้มากกว่านั้นพร้อมแต้มคะแนนที่สูง

“พี่จะไปทำอะไร” เฉินตงถาม สินค้าในตลาดมืดแพงมาก ซึ่งพวกเขาไม่มีปัญญาซื้อแน่ๆ

“ขายคูปอง” เฉินเฟิ่นอี้ถอนหายใจและนึกข้ออ้างออกแล้วว่าทำไมถึงมีคูปองและเงินมากขนาดนี้ เธอจะบอกว่าหมิงหลานฮุ่ยเคยให้เธอเมื่อนานมาแล้วทุกคนจะได้ไม่สงสัย อย่าลืมสิบ้านของเขามีฐานะ ของแค่นี้จะให้ได้ก็ไม่แปลก

“ขายคูปอง!”

“เฉินตง!” เฉินเฟิ่นอี้รีบใช้มือปิดปากเฉินตงที่โพล่งออกมาอย่างลืมตัว โชคดีที่เธอพาเขาเดินออกมาตั้งไกล ไม่อย่างนั้นคงได้ยินกันหมดแล้ว

“ฉันจำเป็นจริงๆ คูปองนี้เป็นของหมิงหลานฮุ่ยที่เคยให้มา ฉันจึงต้องการขาย”

“ได้ ตามผมมา”

อ้าว ง่ายๆ แบบนี้? เฉินเฟิ่นอี้มองตามเฉินตงที่เดินนำไปอย่างปวดหัว เธอมีข้ออ้างดีๆ ไม่ยอมพาไป แต่พอบอกว่าเป็นของใครกลับรีบเดินนำไปอย่างเร็ว

โชคดีที่พวกเธอนำหมวกไม้ไผ่สานมาด้วย ทำให้ไม่เสียเวลาหาสิ่งปิดใบหน้า อย่างที่รู้ๆ กันว่าตลาดมืดคือสถานที่ผิดกฎหมาย ผู้คนที่เข้าไปต่างใช้ของปิดบังใบหน้าและทำตัวกลมกลืนให้ได้มากที่สุด ซึ่งมันจะจริงหรือไม่จริงอันนี้เฉินเฟิ่นอี้ก็ไม่รู้ เธอเคยอ่านนิยายมันบอกแบบนั้น และนี่เป็นครั้งแรกที่เธอมา

“สายลมหวนผ่านสองวสันต์” เฉินตงอยู่ๆ ก็เอ่ยขึ้นหน้าประตูไม้ในบ้านหลังหนึ่ง ก่อนที่มันจะถูกเปิดออก เฉินตงรีบกระชากมือเฉินเฟิ่นอี้เข้าไปด้านในและประตูก็ปิดลง

เฉินเฟิ่นอี้มองสำรวจด้านในที่ทรุดโทรมเหมือนกับไม่มีคนอยู่ แต่ด้านหน้าของพวกเธอมีผู้ชายใส่หน้ากากนั่งอยู่กลางบ้าน ก่อนที่จะชี้ไปยังประตูอีกบานที่อยู่ด้านใน

“ขอบใจ”

ประตูห้องถูกเปิดออกก่อนที่เฉินตงจะก้มลงดึงอะไรบางอย่างที่หน้าประตู เขาเปิดมันออกอย่างคุ้นเคยและปรากฏทางเดินบันไดที่ลงไปยังใต้ดิน เฉินเฟิ่นอี้ตาโตและรีบก้าวเดินตามเขาไปอย่างเร่งรีบ สองมือกำกระเป๋าผ้าไว้แน่น

“ระวังตัวด้วย” ไม่นานเฉินตงก็หยุดลงที่ประตูบานหนึ่งและหันมาบอกเฉินเฟิ่นอี้ที่เดินตามหลัง เธอรีบพยักหน้าทันที เขาจึงเปิดประตูออกไป

สิ่งที่ปรากฏตรงหน้ามันเกินความคาดหมายของเธอไปมาก ที่เคยอ่านมานักเขียนจะบอกว่ามันมืดและเงียบมาก แต่ตรงหน้าของเธอนั้นมีแสงไฟสว่างตลอดเส้นทาง มีผู้คนเดินผ่านไปมาและเสียงพูดคุยก็ไม่เบาเลย เหมือนตลาดในชีวิตก่อนชัดๆ

‘มาจ้า ไข่งามๆ ทางนี้จ้า’

‘ตรงนี้มีผักสวยๆ จ้ะ’

‘ทางนี้มีเนื้อหมูนะ เร็วหน่อยๆ ใกล้หมดแล้ว’

‘ข้ามีหนังสือใหม่มาขาย’

“เฉินตงนายพาฉันมาถูกที่แน่นะ” เฉินเฟิ่นอี้ถามย้ำเฉินตงที่แวะดูหนังสือ

“ถูกแล้ว”

เฉินเฟิ่นอี้มองเฉินตงที่สนใจหนังสือจึงกระซิบบอกว่าเดี๋ยวเธอกลับมาให้รอตรงนี้ เธอจะขายคูปองเนื้อไปด้วยหากเฉินตงไปด้วยคงไม่ดีแน่ๆ

สองข้างทางเต็มไปด้วยแผงลอยพ่อค้าแม่ค้า ทุกคนปิดบังใบหน้าทั้งหมดแต่ก็ไม่ได้น่ากลัว อีกอย่างยังมีแสงไฟส่องสว่างทั้งบริเวณ เฉินเฟิ่นอี้สาวเท้าไปตามทางเรื่อยๆ เธอต้องการคนที่อยากได้คูปองเพราะจะได้เงินเยอะกว่าหาคนแลก

“พี่สาวๆ ต้องการคูปองไหมคะ” เฉินเฟิ่นอี้ร้องถามผู้หญิงในผ้าคลุมที่เมื่อครู่ได้ยินว่าต้องการคูปอง แต่ด้วยระยะทางที่ยืนอยู่เธอไม่ได้ยินว่าหล่อนต้องการคูปองอะไร

“เธอมีหรือเปล่าล่ะ” พี่สาวที่เฉินเฟิ่นอี้เลือกหันมาถาม เฉินเฟิ่นอี้สำรวจดูครู่หนึ่งก็เห็นว่าผู้หญิงตรงหน้าอวบอิ่มมาก ต้องเป็นคนมีเงินแน่ๆ

“ฉันมีค่ะ แต่ไม่รู้ว่าพี่สาวต้องการคูปองอะไร” เฉินเฟิ่นอี้มีคูปองเนื้อสองชั่งห้าใบ คูปองอุตสาหกรรมสิบใบ คูปองอาหารเหลือสามใบ และยังมีอีกหลายคูปองที่ลืมไปแล้ว ทั้งหมดเป็นคูปองไม่จำกัดระยะเวลาใช้

“ฉันต้องการคูปองอุตสากรรมสองใบ แต่หามาหลายวันแล้วก็ยังไม่มี” หล่อนว่าน้ำเสียงอ่อนล้า

ไม่แปลกที่จะไม่มีคนขายหรือแลก เพราะคูปองอุตสาหกรรมหายากจริงๆ ในบ้านเฉินคงมีไม่ถึงห้าใบ เพราะบางครั้งก็นำไปซื้อของ อย่างหม้อที่ย่าเฉินตัดสินใจซื้อ ใช้คูปองไปถึงสามใบเลยทีเดียว

“ฉันมีค่ะ ฉันมี” เฉินเฟิ่นอี้ลอบยิ้ม โชคเข้าข้างเธอแล้วจริงๆ ที่มาถามถูกคน กระเป๋าผ้าถูกเปิดออกก่อนที่จะยื่นมือเข้าไปค้นหา เฉินเฟิ่นอี้หยิบคูปองออกมาสองใบ ที่เหลือเก็บไว้หากต้องการใช้หรือมาขายวันอื่น

“เธอจะขายเท่าไหร่! ฉันให้ใบละสิบหยวน เอ๊ะ น้อยไปหรือไม่ ฉันให้ใบละยี่สิบหยวนก็แล้วกัน ขายให้ฉันเถอะนะ” หล่อนถามด้วยน้ำเสียงคาดหวัง คูปองอุตสาหกรรมเป็นคูปองที่บ้านของหล่อนต้องการใช้

เฉินเฟิ่นอี้ยืนนิ่งเมื่อได้ยินราคาของคูปอง เธอคิดไว้ว่าคงไม่เกินห้าหยวน แต่อีกฝ่ายกลับให้ราคาถึงใบละยี่สิบหยวน! ซึ่งหากเธอขายไปก็จะได้รับเงินจำนวนสี่สิบหยวน

“ตกลง” ไม่รอช้าเฉินเฟิ่นอี้ตกลงที่จะขายทันที

เมื่อตกลงราคาและแลกกันแล้วเฉินเฟิ่นอี้ก็เดินออกจากตรงนั้น รีบสาวเท้ากลับไปหาเฉินตงที่ยืนรออยู่อย่างเร่งรีบ ขายแค่นี้ก็พอแล้ว เธอไม่จำเป็นต้องเอาของออกมาขายอีก ทั้งกระเป๋าผ้าเสี่ยงต่อการถูกแย่งชิงมาก

“เสร็จแล้วเหรอครับ” เฉินตงที่ยืนรออยู่ถาม

“อืม แล้วนายล่ะ ไม่เอาหนังสือเหรอ” เพราะก่อนที่เธอจะไป เฉินเฟิ่นอี้เห็นเขาหยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมาด้วยความอยากได้ จึงแปลกใจที่เขาไม่ซื้อ

“ไม่เอาครับ เฉินไห่หลิวคงซื้อแล้ว”

“อ้อ ไปกันเถอะ”

เฉินเฟิ่นอี้เดินนำหน้าเฉินตง เหมือนว่าแถวๆ นี้จะมีแผงไข่อยู่ เธอจะลองเอาคูปองเนื้อมาแลกดู ไม่รู้ว่าเขาจะรับหรือเปล่า แต่ถ้าไม่รับก็จะไปซื้อข้างนอกเอา เดินไม่ไกลทั้งสองก็เจอกับร้านไข่ไก่ที่ตั้งแผงขายอยู่

“คุณรับแลกคูปองหรือเปล่าคะ” เฉินเฟิ่นอี้ถามพ่อค้าที่นั่งอยู่

“คูปองอะไรล่ะ ผมรับแค่คูปองเนื้อและคูปองอุตสาหกรรม” พ่อค้าไข่ถามกลับ

“คูปองเนื้อสองชั่ง”

“รับ! ผมรับครับ คูปองหนึ่งใบ ผมให้ไข่ไก่ห้าชั่ง”

“ตกลง ฉันมีสองใบค่ะ”

เฉินเฟิ่นอี้ใช้เวลาที่พ่อค้าเตรียมไข่ไก่ยื่นคูปองให้เฉินตงจัดการ ส่วนเธอลืมซื้อของบางอย่างจึงจะกลับไปดูหน่อย ใช้เวลาไม่ถึงห้านาทีเฉินเฟิ่นอี้ก็กลับมาหาน้องชายที่ยืนถือไขไก่สิบชั่ง

“ครบแล้ว ไปซื้อเนื้อกันเถอะ”

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • ทะลุมิติมาอยู่ในร่างสาวน้อยพร้อมระบบเส็งเคร็งยุค 70   บทส่งท้าย

    วันที่ 5 เดือน 3 ปี 1984 งานมงคลสมรสของเฉินเฟิ่นอี้และโอวหยางจิงจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ แขกที่ได้รับเชิญต่างพากันเข้าร่วมงานอย่างหนาแน่น เฉินเฟิ่นอี้ต้องลุกมาแต่งตัวตั้งแต่เช้ามืด ทั้งต้องคอยถามถึงหน้างานเพื่อไม่ให้มีอะไรผิดพลาดในชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่ง สิ่งที่รอคอยนั่นคือการแต่งงานสักครั้งในชีวิต ในตอนที่เป็นแป้งร่ำ เธอพลาดโอกาสนั้นแล้ว ครั้งนี้เฉินเฟิ่นอี้ย่อมไม่พลาด"พี่สาวสามสวยมาก" เฉินเหม่ยเย่เอ่ยชมพี่สาวด้วยความตื่นเต้น ทั้งที่ไม่ใช่งานของตนเองนาน ๆ ที เฉินเฟิ่นอี้จะได้แต่งหน้าและแต่งตัว หากไม่ใช่วันสำคัญ แต่ก็ไม่ได้จัดเต็มเหมือนวันนี้ ภายใต้ชุดสีแดงมงคล เฉินเฟิ่นอี้เป็นผู้หญิงที่สวยมากในสายตาของน้องสาว"พี่สาวสามของเธอเป็นคนสวยมาตั้งนานแล้ว หล่อนแค่ไม่แต่งตัวเหมือนกับเธอที่ต้องทำงาน" พี่สาวใหญ่เดินเข้ามานั่งใกล้น้องสาวภายในห้องเจ้าสาวตอนนี้ มีพี่สาวใหญ่ พี่สาวรอง เฉินเหม่ยเย่ และเฉินเฟิ่นอี้ที่เป็นเจ้าสาว ทั้งสี่คนเป็นหลานสาวสายหลักของลุงสามที่เป็นผู้นำตระกูล ต่อให้แต่งงานแล้วแต่ยังเป็นคนสำคัญเฉินเฟิ่นอี้แต่งงานแล้วเธอจะเป็นคนของตระกูลโอวหยาง แต่ว่ายังสามารถมีปากเสียงในตระกูลเ

  • ทะลุมิติมาอยู่ในร่างสาวน้อยพร้อมระบบเส็งเคร็งยุค 70   บทที่ 156 เติบโต

    ต่อให้เร่งมากแค่ไหน การสร้างบ้านยังต้องใช้เวลาสองเดือน เฉินเฟิ่นอี้จึงใช้เวลาที่ว่างในการช่วยเฉียนลี่เซียนเปิดร้านตัดเย็บ มันเป็นเพียงการตัดเย็บที่ลูกค้าสั่งตัดไม่เกินห้าตัว ปะซ่อมบริเวณที่ขาดกว่าบ้านจะเสร็จ ร้านตัดเย็บเฉียนก็เริ่มเข้าที่แล้ว เฉินเฟิ่นอี้ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยว เธอปล่อยให้หล่อนจัดการร้านเอาเอง เพราะมีเฉียนเฟยเข้ามาช่วยจึงไม่ค่อยห่วงนักบ้านที่สร้างใหม่เป็นบ้านปูนห้าห้องนอน ล้อมรั้วแข็งแรงไม่ให้คนนอกเข้าไป แต่เฉินเฟิ่นอี้ฝากกุญแจให้ผู้ใหญ่บ้านจ้างคนไปทำความสะอาดข้างนอกบ้านให้ รวมถึงถางหญ้าในที่ดิน ค่าดูแลเดือนละยี่สิบหยวน แน่นอนว่าเฉินเฟิ่นอี้ยอมจ่ายทันทีที่บ้านเสร็จ กลุ่มของเฉินเฟิ่นอี้ก็เดินทางกลับปักกิ่งเพื่อเริ่มงาน พวกผู้หญิงมีงานถ่ายแบบเข้ามาบ้าง เฉินเฟิ่นอี้อนุญาตให้ทำและลดเงินเดือนบางส่วนของพวกหล่อนลงร้านผ้าถุงเซี่ยเซี่ยอีกสองสาขาอยู่ห่างจากสาขาใหญ่พอสมควร แต่เป็นบริเวณที่มีคนเดินผ่าน แน่นอนว่าร้านของเธอพี่ใหญ่เฉินเป็นคนหาให้ไม่ต้องจ่ายค่าเช่าสาขาที่สองเป็นสาขาที่เฉินเฟิ่นอี้สร้างร่วมกับน้องชายน้องสาว ส่วนสาขาใหญ่ตอนนี้มันเป็นเพียงชื่อของเธอ ซึ่งแน่นอนว่าการ

  • ทะลุมิติมาอยู่ในร่างสาวน้อยพร้อมระบบเส็งเคร็งยุค 70   บทที่ 155 ยุติการขาย

    งานมงคลผ่านไปแล้ว มีแต่คนอิจฉาเจ้าสาวเพราะได้รับสินสอดจำนวนมาก หลังงานมงคลเฉินเฟิ่นอี้เรียกผู้รับเหมาเข้าไปดูบ้านพร้อมกับสร้างบ้านใหม่ด้วยเวลาอันน้อยนิด เฉินเฟิ่นอี้จ่ายไม่อั้นเพื่อให้บ้านเสร็จก่อนกลับปักกิ่ง แต่ถึงจะเสร็จไม่ทันเธอก็จะรอให้มันเสร็จก่อนอยู่ดี ต่อให้มีคนนินทาและด่าว่าโง่ที่เอาเงินมาทิ้งกับบ้านที่ไม่ได้อยู่ เฉินเฟิ่นอี้ก็ไม่ได้สนใจ"พี่จัดการเรื่องผ้าถุงเสร็จแล้ว พวกเรากลับไปที่ร้านกันก่อนเถอะครับ" โอวหยางจิงบอกคนรักที่นั่งรออยู่ในโรงงานวันนี้เฉินเฟิ่นอี้เข้ามาจัดการเรื่องที่จะให้โรงงานส่งผ้าถุงเข้าไปในปักกิ่ง ค่าใช้จ่ายในการขนส่งแน่นอนว่าเฉินเฟิ่นอี้ยินดีจ่าย ขอแค่ให้ของไปถึงมือส่วนร้านเซี่ยเซี่ยร้านแรกของเธอจะยุติการขาย เรื่องนี้ได้คุยกับลุงเหว่ยเทาไปแล้วตอนที่กลับมาถึงวันแรก แต่ต้องเข้าไปคุยอีกทีเพื่อยกเลิกสัญญาพอมีการประกาศออกไปดูเหมือนว่าทุกคนจะตกใจและรีบมาซื้อเก็บเอาไว้ สินค้าจะมีเหลือให้ขายเพียงห้าพันผืนสุดท้าย หากขายหมดก่อนร้านจะปิดลงทันที"ค่ะ"หากเป็นเมื่อก่อนเฉินเฟิ่นอี้กับโอหยางจิงคงปั่นจักรยานกัน แต่ตอนนี้คุณลุงโอวหยางให้คนรักของเธอนำรถมาใช้งานระหว่างอยู

  • ทะลุมิติมาอยู่ในร่างสาวน้อยพร้อมระบบเส็งเคร็งยุค 70   บทที่ 154 บ้านหลังแรก

    วันที่เจ็ดเดือนสามปี 1982 กลุ่มของเฉินเฟิ่นอี้เดินทางมาถึงบ้านพักในอำเภอจวี่ที่เป็นบ้านหลังเดิม และเพื่อนของลุงสามเป็นคนจัดพื้นที่เอาไว้ให้แล้วการเดินทางในครั้งนี้ไม่ได้มีผู้ใหญ่บ้านเฉินเดินทางมาด้วย มีเพียงผู้ปกครองที่เดินทางกลับบ้าน เฉินเฟิ่นอี้พร้อมกับน้อง ๆ ต้องการมาเข้าร่วมงานมงคลของเว่ยฟ่งกับเจียวซีถึงได้ตามกันมา ยกเว้นเฉินชิงชิงน้องชายคนเล็กของบ้านที่ปีนี้อายุสิบเอ็ดปีแล้วเฉินเฟิ่นอี้รับกุญแจจากลุงเหว่ยเทาทันทีที่มาถึง บ้านพักหลังนี้ถือว่าเป็นความทรงจำของเธอก็ว่าได้ อยู่มาตั้งหลายปี ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม"คุณลุงเหว่ยไม่ได้ปล่อยบ้านให้คนอื่นเช่าเหรอคะ" เฉินเฟิ่นอี้หันไปถามเจ้าของบ้านที่นั่งอยู่ในห้องโถง และสอบถามเรื่องราวระหว่างที่ไปอยู่ในปักกิ่ง"บ้านหลังนี้หลานบอกว่ามันเป็นความทรงจำไม่ใช่หรือ ถึงลุงไม่ได้ขายให้แต่ก็เก็บเอาไว้รอพวกหลานกลับมา" เหว่ยเทายิ้มเล็กน้อยเขาไม่ได้แต่งงานมีภรรยา สมบัติที่มีอยู่จึงเป็นของเขาและมีรายได้จากการปล่อยเช่าห้องพัก ไม่จำเป็นต้องปล่อยเช่าบ้านหลังนี้ให้คนอื่น และเด็กบ้านเฉินก็เหมือนลูกเหมือนหลานของเขา"ขอบคุณค่ะ""ลุงสามฝากบอกว่าถ้ามีเวลาให้ขึ

  • ทะลุมิติมาอยู่ในร่างสาวน้อยพร้อมระบบเส็งเคร็งยุค 70   บทที่ 153 เวลาไม่รอคอย

    หลังงานเลี้ยงจบลง ข่าวที่หลายคนจับตามองมากที่สุดไม่พ้นหลานชายหลานสาวของตระกูลเฉินมีคนรักแล้ว หลายคนยังคงต้องการขยับความสัมพันธ์ เผื่อว่าวันหน้าจะมีโอกาส จึงจ้างกลุ่มของเฉินเฟิ่นอี้ไปร่วมงานอยู่บ่อย ๆช่วงปิดภาคเรียนเป็นช่วงที่ต้องทำหลายอย่าง กว่าจะลงตัวก็เปิดภาคเรียนแล้ว ภาคเรียนที่สองเป็นภาคเรียนที่เหนื่อยมาก บ่อยครั้งที่เฉินเฟิ่นอี้ต้องนอนในหอพักของมหาวิทยาลัยความสัมพันธ์ของกลุ่มเพื่อนยังคงหนาแน่น ยิ่งที่บ้านย้ายเข้าไปอยู่ในเขตตระกูลเฉิน ทุกคนย้ายเข้าไปอยู่บ้านพักทำให้ได้พบเจอหน้ากันทุกวันยิ่งได้อยู่ด้วยกันกับเฉินเฟิ่นอี้ ทุกคนต่างลงความเห็นที่จะทำงานกับเพื่อนสาว เว่ยฟ่งถึงขั้นต่อสายมาหาพ่อกับแม่เรื่องที่เขาเรียนจบแล้วจะกลับไปแต่งงานกับเจียวซีแล้วจะกลับมาอยู่ในปักกิ่งคนอื่น ๆ ก็มีท่าทีไม่ต่างกัน ผู้ชายเข้าไปช่วยรุ่นพี่โอวหยางจิงทำงาน ผู้หญิงช่วยเฉินเฟิ่นอี้ในร้านผ้าถุงเซี่ยเซี่ย ตอนนี้ได้ค่าตอบแทนน้อย แต่ถือว่าคุ้มเพราะช่วยอยู่เบื้องหลังแค่มาเรียนปีแรกก็ทำเอาผู้ปกครองปวดหัวแล้ว ปีที่ีสองยิ่งปวดหัวมากกว่าเดิม ไม่มีใครกลับบ้านในช่วงปิดภาคเรียน ถ้าอยากเจอก็ให้เดินทางมาหาความสัมพัน

  • ทะลุมิติมาอยู่ในร่างสาวน้อยพร้อมระบบเส็งเคร็งยุค 70   บทที่ 152 งานเลี้ยงต้อนรับ

    หลานชาย หลานสาว รวมถึงกลุ่มเพื่อนสนิทถูกจับแต่งตัวให้เหมาะสมกับงานสำคัญ อันที่จริงกลุ่มเพื่อนของเฉินเฟิ่นอี้ไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมก็ได้ แต่ทุกคนลงความคิดเห็นว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ภายใต้การดูแลของบ้านเฉินแล้วแขกภายในงานมีหลายคนที่เคยสนิทกับคนในตระกูลเฉิน เพราะฉะนั้นเฉินเฟิ่นอี้จึงพยายามบอกคนอื่นให้หลีกเลี่ยงเท่าที่จะทำได้เฉินเฟิ่นอี้มองชุดที่ออกแบบด้วยฝีมือของพี่เยี่ยฉิงจากร้านเยว่ซิน ทันทีที่จะมีการจัดเตรียมงานเธอได้ทำการติดต่อขอตัดเย็บเสื้อผ้าให้ และตระกูลเยี่ยคือหนึ่งในพันธมิตรของปู่เธอ"เสียดายจริง ๆ ที่เธอไม่คิดจะทำงานในวงการบ้างหรือ" เยี่ยฉิงมองชุดบนตัวของเฉินเฟิ่นอี้"ไม่ละค่ะ ฉันชอบทำงานเบื้องหลังมากกว่า" เธอรีบส่ายหน้าปฏิเสธไป ให้ช่วยแต่งหน้าหรือทำอย่างอื่นได้ แต่จะให้ถ่ายแบบเธอทำไม่ได้จริง ๆ"อื้อ ๆ ฉันก็ว่าแบบนั้นดูเป็นเธอมากกว่า" หล่อนหัวเราะเฉินเฟิ่นอี้เป็นเจ้าของร้านผ้าถุงที่ออกแบบลวดลายเอง เยี่ยฉิงเป็นเจ้าของร้านเสื้อผ้าที่ไม่ถ่ายแบบงานตัวเอง จึงเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่ายเยี่ยฉิงที่ช่วยเฉินเฟิ่นอี้แต่งตัวแล้วเดินไปช่วยคนอื่นต่อ ทั้งที่ตัวเองยังไม่ได้แต่งตัว แน่นอนว่างานส

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status