Share

บทที่ 6 เข้าอำเภอ

last update Terakhir Diperbarui: 2025-02-16 11:24:33

ภารกิจที่ 35 : ขายคูปองรับ 200 แต้ม]

เฉินเฟิ่นอี้ที่กำลังหุงข้าวทำอาหารเช้าให้คนในบ้านสะดุ้งเมื่อกระดานใสปรากฏตรงหน้า เหลือบมองเฉินเหม่ยเย่ที่คนหม้อน้ำซุปผักอยู่ข้างๆ ก็ได้แต่ถอนหายใจ

วันนี้โรงเรียนในตำบลปิดการเรียนการสอนหลังจากสอบเสร็จแล้ว อีกสามวันจะมีการสอบเทียบ และเปิดโรงเรียนอีกครั้งคือหนึ่งเดือนหลังจากนี้พร้อมโรงเรียนในอำเภอ

ระหว่างนี้เด็กๆ ในบ้านก็ต้องออกไปทำงานเก็บแต้มในแปลงนาช่วยผู้ใหญ่ แต่จะมีการสอบเทียบในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ผู้ใหญ่ในบ้านเฉินจึงตกลงกันว่าไม่ต้องช่วยงานในแปลงนา เอาเรื่องเรียนไว้ก่อนซึ่งเธอก็เห็นด้วย การสอบแต่ละครั้งไม่ใช่เรื่องง่าย เพียงแต่เธอจะได้เปรียบคนอื่นบ้างเรื่องที่ไม่ใช่คนในโลกใบนี้

ผู้ใหญ่ออกไปทำงานตั้งแต่เช้ามืด อาหารมื้อเช้าที่เฉินเฟิ่นอี้ทำไว้ให้ก็คือคะน้าผัดไข่ไก่ ส่วนของพวกเธอก็เพิ่งจะมาทำเพราะเฉินเฟิ่นอี้กลัวว่าหากทำเยอะจะเสร็จไม่ทันทุกคน

“เหม่ยเย่เธอไปเรียกเฉินตงมาหาพี่หน่อย” เฉินเฟิ่นอี้บอกน้องสาว เธอกำลังทำอาหารอยู่หากไปเองกลัวว่ามันจะไหม้เอาได้

“ได้ค่ะ”

เฉินเหม่ยเย่เดินออกจากครัวเพื่อไปเรียกเฉินตงที่คงอ่านหนังสืออยู่ในบ้าน เฉินเฟิ่นอี้จึงใช้โอกาสนี้ลอบสอบถามระบบที่ไม่ค่อยจะตอบเธอ จริงๆ หากเธอเรียก มันก็จะตอบแต่กลัวว่าจะเป็นประสาทเสียก่อน

“นี่ๆ ระบบ ฉันอยากรู้ว่าทำไมแต้มคะแนนครั้งนี้ถึงเยอะขนาดนี้ นายเคยบอกไม่ใช่เหรอว่ามีแค่หนึ่งถึงสิบแต้ม” ใช่แล้ว นี่คือเหตุผลที่เฉินเฟิ่นอี้สะดุ้ง คะแนนสองร้อยแต้มมันเยอะกว่าคะแนนรวมของเธอในตอนนี้อีก! ครึ่งต่อครึ่งเลยด้วยซ้ำ

(ระบบ : การซื้อขายมีความเสี่ยง ภารกิจนี้เป็นภารกิจอันตราย)

“อันตราย?” เฉินเฟิ่นอี้กระพริบตาปริบๆ เมื่อกระดานใสเปลี่ยนข้อความและระบบไม่ยอมคุยกับเธอ ทั้งที่ปกติต้องโผล่ออกมาจิกกัดซึ่งถือว่าดีแล้ว

กระดานใสกระพริบสองครั้งก่อนจะหายไป เฉินเฟิ่นอี้ถอนหายใจให้กับความขี้เกียจของระบบ ใช่! เจ้าระบบเส็งเคร็งนี่ขี้เกียจตัวเป็นขน ทำให้รางวัลของเธอได้รับแต่สิ่งเล็กๆ น้อยๆ ! ซึ่งที่เธอรู้ก็เพราะมันหลุดปากออกมาสองวันก่อนว่ายังไม่ได้เอารางวัลใหญ่ใส่ระบบสุ่มให้เพราะหลับอยู่

เธอมาอยู่ที่นี่เป็นเดือนแต่เจ้าระบบกลับไม่ยอมใส่รางวัลใหญ่ลงไปในระบบสุ่ม เฉินเฟิ่นอี้แทบร้องไห้ออกมาเป็นสายเลือด ทำงานหนักมาตั้งหลายครั้งแต่ได้รับแค่ถุงแป้งเป็นของรางวัล

“มาแล้วค่ะ” เฉินเหม่ยเย่เดินออกไปไม่นานก็กลับเข้ามาพร้อมเฉินตงที่เดินงัวเงียเข้ามา

“พี่สาวสามมีอะไรเหรอครับ” เฉินตงนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเล็กก่อนเอ่ยถาม เมื่อครู่เขาเผลอหลับจนน้องสาวเข้าไปปลุกจึงตื่น

“พี่อยากเข้าอำเภอ นายพาพี่ไปได้หรือเปล่า” เธอไม่อ้อมค้อมรีบถามทันที ส่วนเรื่องการไปตลาดมืด ไปถึงที่นั่นเฉินเฟิ่นอี้จะให้เขาพาไป หากบอกว่าจะไปตลาดมืดตอนนี้เกรงว่าเขาจะปฏิเสธเอา

“เข้าอำเภอ? ไปซื้อของเหรอครับ”

ปกติคนที่ออกไปซื้อของในตำบลหรือในอำเภอส่วนมากถ้าไม่ใช่ผู้ใหญ่ในบ้านก็จะเป็นเฉินไห่หลิวกับเฉินตง เพราะเดินเท้าไปตำบลใช้เวลาเกือบสี่สิบนาที ส่วนเข้าอำเภอใช้เวลาสองชั่วโมง ผู้หญิงบ้านเฉินจึงเลือกที่จะไม่ไปซื้อเอง

“อืม” เครื่องปรุงที่มีอยู่ก็หมดแล้ว เฉินเฟิ่นอี้อยากได้เครื่องปรุงเพิ่มและหาซื้อเครื่องปรุงมาใช้ โดยเฉพาะน้ำมันที่เหลือแค่ไม่กี่ช้อน ทั้งที่หากคนในบ้านทำอาหารคงใช้ได้อีกหลายเดือน

“ผมต้องถามเฉินไห่หลิวก่อน” เพราะในบรรดาพี่ชายน้องชาย ในตอนนี้เฉินไห่หลิวถือว่าอาวุโสที่สุด เพราะพี่ใหญ่เฉินไม่ได้อยู่ที่นี่ อีกทั้งหากให้เฉินไห่หลิวพาไป คนในบ้านจะอนุญาต

“ได้”

เฉินเฟิ่นอี้มองสองข้างทางที่มีร้านค้าต่างๆ แต่ต้องใช้คูปองถึงจะสามารถซื้อของได้ ซึ่งหลังจากทำอาหารเช้าเสร็จเฉินไห่หลิวกับเฉินตงก็ตกลงที่จะพาเธอเข้าอำเภอ

หลังจากรับประทานมื้อเช้า ทำอาหารมื้อกลางวันให้ผู้ใหญ่บ้านเฉินและคนในบ้านแล้ว เฉินเฟิ่นอี้จึงได้เวลาเข้าอำเภอสักที พวกเธอได้ขออนุญาตย่าเฉินพร้อมทั้งบอกว่าจะมาซื้อเครื่องปรุง ย่าเฉินจึงนำเงินมาให้เฉินเฟิ่นอี้ห้าหยวนและคูปองบางส่วน เฉินเหม่ยเย่ไม่ได้มาด้วยเธอกลัวว่าหล่อนจะเกิดอันตราย อีกอย่างก็ต้องช่วยย่าเฉินเลี้ยงเฉินชิงชิง

“กินข้าวกันก่อนไหม” เพราะกว่าจะเดินทางถึงต้องใช้พลังงานมาก ถึงระหว่างทางจะมีรถแทรกเตอร์ขับผ่านแต่ก็มีคนอื่นๆ นั่งอยู่ด้วย เหลือที่นั่งแค่ที่เดียวซึ่งเฉินเฟิ่นอี้ไม่ยอมขึ้นไปนั่ง และเลือกเดินกับน้องชายแทน

“เราไม่มีคูปอง” เฉินไห่หลิวเตือน ถึงจะเคยรับประทานอาหารในร้านค้าของรัฐเพราะมันถูก แต่วันนี้พวกเขาไม่มีคูปอง

เฉินเฟิ่นอี้รีบหาคูปองอาหารในกระเป๋าผ้าของเธอ ถ้าจำไม่ผิดเธอได้มาไม่กี่วันก่อนจำนวนห้าใบ ซึ่งหาไม่นานก็เจอเพราะมีคูปองที่ย่าเฉินให้มาด้วย

“เจอแล้ว”

“พี่เอามาจากไหน?” เฉินตงสงสัย พี่สาวสามไม่ได้ทำงานการที่มีคูปองจึงเป็นไปไม่ได้ ยิ่งคูปองของบ้านหากไม่จำเป็นก็จะไม่เอาออกมาใช้ ส่วนคูปองที่ย่าเฉินให้มาเขามั่นใจว่าไม่มีคูปองอาหารแน่

“ลุงสามให้ไว้น่ะ จะกินหรือเปล่าล่ะ” เฉินเฟิ่นอี้ไม่ใช่คนโง่ ย่าเฉินยื่นคูปองอาหารให้ก็จริงแต่มันมีแค่ใบเดียว ส่วนลุงสามเขาเอ็นดูเฉินเฟิ่นอี้มากกว่าหลานคนอื่นจะได้คูปองก็ไม่แปลก

“ได้ครับ”

เฉินไห่หลิวเดินนำเฉินตงและเฉินเฟิ่นอี้เข้าไปในร้านอาหารรัฐที่เขาเคยเข้า มันเป็นร้านที่ราคาถูก อร่อย ที่สำคัญยังให้เยอะมาก จานละไม่กี่เฟินเท่านั้นเอง ระหว่างเดินเข้าในร้านก็มีคนนั่งเต็มทุกโต๊ะ การันตีได้เลยว่าร้านนี้เป็นร้านอันดับหนึ่งในอำเภอ

“นั่งรอตรงนี้ครับ ผมไปเอาให้เอง”

เฉินเฟิ่นอี้พยักหน้านั่งลงตรงโต๊ะที่ว่างอยู่ ปล่อยให้น้องชายทั้งสองไปซื้ออาหารมาให้ เธอเป็นคนที่รับประทานอะไรก็ได้ไม่เรื่องมากอีกทั้งยังต้องนั่งเฝ้าโต๊ะเอาไว้ด้วย

“ดูสิเราเจอใคร”

ระหว่างนั่งรอน้องชายไปซื้อข้าว เฉินเฟิ่นอี้ก็ได้ยินน้ำเสียงที่คุ้นหูเธอจึงเงยหน้าขึ้นมอง ตรวจสอบครู่หนึ่งจึงจำได้ว่ากลุ่มคนตรงหน้าเป็นใคร มีผู้ชายสามคนและผู้หญิงสามคน สองคนในนั้นเป็นใครไม่ได้เลย หมิงหลานฮุ่ยกับอี้เหม่ยเฟิ่งอดีตคู่หมั้นหมายของเฉินเฟิ่นอี้กับญาติผู้พี่ที่เป็นอดีตคนสนิทนั่นเอง

“เรียกฉันเหรอคะ” เฉินเฟิ่นอี้ถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งไม่ต่างจากใบหน้า

เธอไม่ได้รู้จักกับพวกเขามาก แต่ในความทรงจำก็พอจะจำได้ว่าใครเป็นใครบ้าง ผู้ชายเป็นเพื่อนของหมิงหลานฮุ่ยส่วนผู้หญิงเป็นเพื่อนตอนประถมของอี้เหม่ยเฟิ่งที่ไม่ได้เรียนต่อ

“ได้ยินว่าเธอล้มป่วยนี่ หายดีแล้วเหรอ” หนึ่งในกลุ่มผู้ชายเป็นคนเอ่ยปากถาม

“ค่ะ”

“แค่ถูกถอนหมั้นยังป่วย แบบนี้จะมีคนแต่งหล่อนเป็นสะใภ้เหรอ” เพื่อนของอี้เหม่ยเฟิ่งเหยียดยิ้มอย่างดูถูก แต่ก่อนเฉินเฟิ่นอี้ถูกนำมาเปรียบเทียบกับพวกหล่อน ดูตอนนี้สิเทียบพวกหล่อนไม่ติดเลย

“มีอะไรกันเหรอครับ” เฉินตงเห็นว่ามีคนมามุงบริเวณที่พี่สาวนั่งอยู่ จึงรีบถือจานข้าวตนเองมาก่อนเฉินไห่หลิวที่กำลังจ่ายเงิน

“ไม่มีอะไรหรอกเฉินตง”

เฉินเฟิ่นอี้ส่ายหน้า เธอมีเรื่องที่ต้องไปทำจึงไม่ต้องการจะสนทนากับใคร คนพวกนี้ก็เป็นได้เพียงเสียงนกเสียงกาสำหรับเฉินเฟิ่นอี้ อีกอย่างมันก็ยังไม่ถึงเวลาที่จะเอาคืน รอให้เธอมีทุกอย่างก่อนเถอะ

“หลบด้วยผมจะนั่ง” เฉินตงโบกมือไล่หมิงหลานฮุ่ยที่ยืนขวางอยู่ ทั้งที่จริงเขาสามารถนั่งได้เลย

เสียงกระซิบบางอย่างดังอยู่ข้างๆ เฉินเฟิ่นอี้ยกแก้วน้ำที่เฉินตงถือมาด้วยขึ้นจิบและฟังสิ่งที่ได้ยินไปด้วย โต๊ะทั้งหมดเต็มแล้วยกเว้นโต๊ะที่พวกเธอกำลังนั่งอยู่ พวกเขาต้องการจะรับประทานอาหารที่นี่พอดี

“ของพี่ครับ”

“ขอบใจ” เฉินเฟิ่นอี้รับจานอาหารจากเฉินไห่หลิว เป็นข้าวราดแกงอะไรสักอย่างพร้อมหมูผัดถั่วงอก ซึ่งปริมาณเยอะมากเมื่อเทียบกับราคาสองเฟิน

‘เอายังไงดีคะ’

‘แต่โต๊ะที่นี่มันเต็มแล้วนะ’

‘ก็นั่งโต๊ะนี้’

‘เธอจะบ้าหรือ!’

‘โรงหนังใกล้เปิดแล้วนะ ถ้าไม่รีบพวกเราจะไปไม่ทัน'

“เฉินเฟิ่นอี้”

เฉินเฟิ่นอี้เงยหน้าขึ้นมองอี้เหม่ยเฟิ่งที่เรียกเธอ เสียงกระซิบเมื่อครู่เธอได้ยินทั้งหมดแต่ไม่ได้ปฏิเสธหรือตอบรับ เพราะพวกเขายังไม่ได้ขอเธอ

“พวกฉันนั่งด้วยสิ โต๊ะเต็มหมดแล้ว”

[ภารกิจพิเศษ : ปฏิเสธอี้เหม่ยเฟิ่งรับ 100 แต้ม]

ดวงตาเฉินเฟิ่นอี้เป็นประกายเมื่อเห็นภารกิจพิเศษและคะแนนที่ลอยอยู่ หากเธอทำภารกิจวันนี้ก็จะได้ถึงหกร้อยแต้ม! เธอส่ายหน้าพลางเอ่ยตอบ

“ไม่ได้หรอก น้องชายฉันไม่ชอบคนเยอะ” และมันก็เป็นเรื่องจริง เฉินไห่หลิวไม่ชอบคนเยอะ ขนาดเข้ามาในร้านนี้เขายังไม่ค่อยชอบเลยถ้าไม่ติดว่าเธอต้องการรับประทานอาหาร

หากเป็นเมื่อก่อน ตอนนี้กลุ่มคนมาใหม่คงได้นั่งลงนานแล้วเพราะเฉินเฟิ่นอี้ไม่เคยปฏิเสธ ต่อให้เฉินไห่หลิวจะไม่ชอบแต่ก็ไม่ได้ขัดใจพี่สาว และครั้งนี้ที่เฉินเฟิ่นอี้ปฏิเสธจึงสร้างความแปลกใจให้กับทุกคนโดยเฉพาะพี่น้องบ้านเฉิน ทั้งยังไม่สนใจหมิงหลานฮุ่ยเหมือนกับที่ผ่านมา

“ผมต้องไปโรงหนังต่อ เฉินเฟิ่นอี้คุณให้พวกเรานั่งด้วยไม่ได้เหรอ” เพราะได้สัญญาณจากคนรักและเพื่อนสนิท หมิงหลานฮุ่ยที่ตอนแรกไม่ยอมพูดอะไรถึงกล้าพูดกับเฉินเฟิ่นอี้

เฉินเฟิ่นอี้เงยหน้าขึ้นสบตากับเขา นี่คือหมิงหลานฮุ่ยอดีตคู่หมั้นของเฉินเฟิ่นอี้หรือ? หน้าตาก็งั้นๆ สู้เฉินไห่หลิวกับเฉินตงไม่ได้ด้วยซ้ำ ไม่อยากเชื่อว่าหล่อนจะตกหลุมรักผู้ชายตรงหน้า

“ไปโรงหนังฉันต้องไปกับพวกคุณเหรอคะ? ถ้ารีบก็แค่หาร้านอื่นหรือไม่ก็รอโต๊ะว่าง”

“นี่!”

“หมิงหลานฮุ่ยไม่ต้องค่ะ ฉันว่าเราไปร้านอื่นกันดีกว่า” น้ำเสียงอ่อนโยนเรียกสติคนรักตนเองของอี้เหม่ยเฟิ่งสร้างความพึงพอใจให้กับหมิงหลานฮุ่ยเป็นอย่างมาก

“ไปกันเถอะ”

เฉินเฟิ่นอี้ส่ายหน้ามองหมิงหลานฮุ่ยที่เดินฟึดฟัดออกไปอย่างไม่เชื่อสายตาเท่าไร ในความทรงจำที่ได้รับมาหมิงหลานฮุ่ยผู้นี้เป็นคนใจเย็นมาก และเขาถูกเรียกว่าอัจฉริยะตั้งแต่ประถม ทำให้มีคนไปถามเกี่ยวกับเรื่องเรียนเยอะมากซึ่งเขาไม่เคยมีท่าทีแบบนี้

“หมิงหลานฮุ่ยนิสัยเสียจริงๆ” เฉินตงบ่น

“เอาเถอะ อย่าไปยุ่งกับพวกเขาเลย” เฉินเฟิ่นอี้ส่ายหน้า วันสอบเทียบพวกเธอก็คงต้องเจอกันอีกแน่

“จะไปสหกรณ์ต่อใช่ไหมครับ” เฉินไห่หลิวที่นั่งเงียบเอ่ยถามพร้อมกับรับประทานอาหารไปด้วย

“อ้อ ใช่ พวกนายจะไปไหนกันต่อหรือเปล่า ร้านหนังสือก็อยู่ใกล้ๆ กันนี่” หลังจากซื้อของเสร็จเฉินเฟิ่นอี้จึงจะให้เฉินตงพาเข้าไปในตลาดมืด ส่วนเฉินไห่หลิวนั้นเขาเงียบมาก เธอจะล่อให้เขาเข้าไปที่ร้านหนังสือแทน

“จริงสิ นายจะซื้อหนังสือนี่ไห่หลิว”

“อืม”

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ทะลุมิติมาอยู่ในร่างสาวน้อยพร้อมระบบเส็งเคร็งยุค 70   บทส่งท้าย

    วันที่ 5 เดือน 3 ปี 1984 งานมงคลสมรสของเฉินเฟิ่นอี้และโอวหยางจิงจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ แขกที่ได้รับเชิญต่างพากันเข้าร่วมงานอย่างหนาแน่น เฉินเฟิ่นอี้ต้องลุกมาแต่งตัวตั้งแต่เช้ามืด ทั้งต้องคอยถามถึงหน้างานเพื่อไม่ให้มีอะไรผิดพลาดในชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่ง สิ่งที่รอคอยนั่นคือการแต่งงานสักครั้งในชีวิต ในตอนที่เป็นแป้งร่ำ เธอพลาดโอกาสนั้นแล้ว ครั้งนี้เฉินเฟิ่นอี้ย่อมไม่พลาด"พี่สาวสามสวยมาก" เฉินเหม่ยเย่เอ่ยชมพี่สาวด้วยความตื่นเต้น ทั้งที่ไม่ใช่งานของตนเองนาน ๆ ที เฉินเฟิ่นอี้จะได้แต่งหน้าและแต่งตัว หากไม่ใช่วันสำคัญ แต่ก็ไม่ได้จัดเต็มเหมือนวันนี้ ภายใต้ชุดสีแดงมงคล เฉินเฟิ่นอี้เป็นผู้หญิงที่สวยมากในสายตาของน้องสาว"พี่สาวสามของเธอเป็นคนสวยมาตั้งนานแล้ว หล่อนแค่ไม่แต่งตัวเหมือนกับเธอที่ต้องทำงาน" พี่สาวใหญ่เดินเข้ามานั่งใกล้น้องสาวภายในห้องเจ้าสาวตอนนี้ มีพี่สาวใหญ่ พี่สาวรอง เฉินเหม่ยเย่ และเฉินเฟิ่นอี้ที่เป็นเจ้าสาว ทั้งสี่คนเป็นหลานสาวสายหลักของลุงสามที่เป็นผู้นำตระกูล ต่อให้แต่งงานแล้วแต่ยังเป็นคนสำคัญเฉินเฟิ่นอี้แต่งงานแล้วเธอจะเป็นคนของตระกูลโอวหยาง แต่ว่ายังสามารถมีปากเสียงในตระกูลเ

  • ทะลุมิติมาอยู่ในร่างสาวน้อยพร้อมระบบเส็งเคร็งยุค 70   บทที่ 156 เติบโต

    ต่อให้เร่งมากแค่ไหน การสร้างบ้านยังต้องใช้เวลาสองเดือน เฉินเฟิ่นอี้จึงใช้เวลาที่ว่างในการช่วยเฉียนลี่เซียนเปิดร้านตัดเย็บ มันเป็นเพียงการตัดเย็บที่ลูกค้าสั่งตัดไม่เกินห้าตัว ปะซ่อมบริเวณที่ขาดกว่าบ้านจะเสร็จ ร้านตัดเย็บเฉียนก็เริ่มเข้าที่แล้ว เฉินเฟิ่นอี้ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยว เธอปล่อยให้หล่อนจัดการร้านเอาเอง เพราะมีเฉียนเฟยเข้ามาช่วยจึงไม่ค่อยห่วงนักบ้านที่สร้างใหม่เป็นบ้านปูนห้าห้องนอน ล้อมรั้วแข็งแรงไม่ให้คนนอกเข้าไป แต่เฉินเฟิ่นอี้ฝากกุญแจให้ผู้ใหญ่บ้านจ้างคนไปทำความสะอาดข้างนอกบ้านให้ รวมถึงถางหญ้าในที่ดิน ค่าดูแลเดือนละยี่สิบหยวน แน่นอนว่าเฉินเฟิ่นอี้ยอมจ่ายทันทีที่บ้านเสร็จ กลุ่มของเฉินเฟิ่นอี้ก็เดินทางกลับปักกิ่งเพื่อเริ่มงาน พวกผู้หญิงมีงานถ่ายแบบเข้ามาบ้าง เฉินเฟิ่นอี้อนุญาตให้ทำและลดเงินเดือนบางส่วนของพวกหล่อนลงร้านผ้าถุงเซี่ยเซี่ยอีกสองสาขาอยู่ห่างจากสาขาใหญ่พอสมควร แต่เป็นบริเวณที่มีคนเดินผ่าน แน่นอนว่าร้านของเธอพี่ใหญ่เฉินเป็นคนหาให้ไม่ต้องจ่ายค่าเช่าสาขาที่สองเป็นสาขาที่เฉินเฟิ่นอี้สร้างร่วมกับน้องชายน้องสาว ส่วนสาขาใหญ่ตอนนี้มันเป็นเพียงชื่อของเธอ ซึ่งแน่นอนว่าการ

  • ทะลุมิติมาอยู่ในร่างสาวน้อยพร้อมระบบเส็งเคร็งยุค 70   บทที่ 155 ยุติการขาย

    งานมงคลผ่านไปแล้ว มีแต่คนอิจฉาเจ้าสาวเพราะได้รับสินสอดจำนวนมาก หลังงานมงคลเฉินเฟิ่นอี้เรียกผู้รับเหมาเข้าไปดูบ้านพร้อมกับสร้างบ้านใหม่ด้วยเวลาอันน้อยนิด เฉินเฟิ่นอี้จ่ายไม่อั้นเพื่อให้บ้านเสร็จก่อนกลับปักกิ่ง แต่ถึงจะเสร็จไม่ทันเธอก็จะรอให้มันเสร็จก่อนอยู่ดี ต่อให้มีคนนินทาและด่าว่าโง่ที่เอาเงินมาทิ้งกับบ้านที่ไม่ได้อยู่ เฉินเฟิ่นอี้ก็ไม่ได้สนใจ"พี่จัดการเรื่องผ้าถุงเสร็จแล้ว พวกเรากลับไปที่ร้านกันก่อนเถอะครับ" โอวหยางจิงบอกคนรักที่นั่งรออยู่ในโรงงานวันนี้เฉินเฟิ่นอี้เข้ามาจัดการเรื่องที่จะให้โรงงานส่งผ้าถุงเข้าไปในปักกิ่ง ค่าใช้จ่ายในการขนส่งแน่นอนว่าเฉินเฟิ่นอี้ยินดีจ่าย ขอแค่ให้ของไปถึงมือส่วนร้านเซี่ยเซี่ยร้านแรกของเธอจะยุติการขาย เรื่องนี้ได้คุยกับลุงเหว่ยเทาไปแล้วตอนที่กลับมาถึงวันแรก แต่ต้องเข้าไปคุยอีกทีเพื่อยกเลิกสัญญาพอมีการประกาศออกไปดูเหมือนว่าทุกคนจะตกใจและรีบมาซื้อเก็บเอาไว้ สินค้าจะมีเหลือให้ขายเพียงห้าพันผืนสุดท้าย หากขายหมดก่อนร้านจะปิดลงทันที"ค่ะ"หากเป็นเมื่อก่อนเฉินเฟิ่นอี้กับโอหยางจิงคงปั่นจักรยานกัน แต่ตอนนี้คุณลุงโอวหยางให้คนรักของเธอนำรถมาใช้งานระหว่างอยู

  • ทะลุมิติมาอยู่ในร่างสาวน้อยพร้อมระบบเส็งเคร็งยุค 70   บทที่ 154 บ้านหลังแรก

    วันที่เจ็ดเดือนสามปี 1982 กลุ่มของเฉินเฟิ่นอี้เดินทางมาถึงบ้านพักในอำเภอจวี่ที่เป็นบ้านหลังเดิม และเพื่อนของลุงสามเป็นคนจัดพื้นที่เอาไว้ให้แล้วการเดินทางในครั้งนี้ไม่ได้มีผู้ใหญ่บ้านเฉินเดินทางมาด้วย มีเพียงผู้ปกครองที่เดินทางกลับบ้าน เฉินเฟิ่นอี้พร้อมกับน้อง ๆ ต้องการมาเข้าร่วมงานมงคลของเว่ยฟ่งกับเจียวซีถึงได้ตามกันมา ยกเว้นเฉินชิงชิงน้องชายคนเล็กของบ้านที่ปีนี้อายุสิบเอ็ดปีแล้วเฉินเฟิ่นอี้รับกุญแจจากลุงเหว่ยเทาทันทีที่มาถึง บ้านพักหลังนี้ถือว่าเป็นความทรงจำของเธอก็ว่าได้ อยู่มาตั้งหลายปี ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม"คุณลุงเหว่ยไม่ได้ปล่อยบ้านให้คนอื่นเช่าเหรอคะ" เฉินเฟิ่นอี้หันไปถามเจ้าของบ้านที่นั่งอยู่ในห้องโถง และสอบถามเรื่องราวระหว่างที่ไปอยู่ในปักกิ่ง"บ้านหลังนี้หลานบอกว่ามันเป็นความทรงจำไม่ใช่หรือ ถึงลุงไม่ได้ขายให้แต่ก็เก็บเอาไว้รอพวกหลานกลับมา" เหว่ยเทายิ้มเล็กน้อยเขาไม่ได้แต่งงานมีภรรยา สมบัติที่มีอยู่จึงเป็นของเขาและมีรายได้จากการปล่อยเช่าห้องพัก ไม่จำเป็นต้องปล่อยเช่าบ้านหลังนี้ให้คนอื่น และเด็กบ้านเฉินก็เหมือนลูกเหมือนหลานของเขา"ขอบคุณค่ะ""ลุงสามฝากบอกว่าถ้ามีเวลาให้ขึ

  • ทะลุมิติมาอยู่ในร่างสาวน้อยพร้อมระบบเส็งเคร็งยุค 70   บทที่ 153 เวลาไม่รอคอย

    หลังงานเลี้ยงจบลง ข่าวที่หลายคนจับตามองมากที่สุดไม่พ้นหลานชายหลานสาวของตระกูลเฉินมีคนรักแล้ว หลายคนยังคงต้องการขยับความสัมพันธ์ เผื่อว่าวันหน้าจะมีโอกาส จึงจ้างกลุ่มของเฉินเฟิ่นอี้ไปร่วมงานอยู่บ่อย ๆช่วงปิดภาคเรียนเป็นช่วงที่ต้องทำหลายอย่าง กว่าจะลงตัวก็เปิดภาคเรียนแล้ว ภาคเรียนที่สองเป็นภาคเรียนที่เหนื่อยมาก บ่อยครั้งที่เฉินเฟิ่นอี้ต้องนอนในหอพักของมหาวิทยาลัยความสัมพันธ์ของกลุ่มเพื่อนยังคงหนาแน่น ยิ่งที่บ้านย้ายเข้าไปอยู่ในเขตตระกูลเฉิน ทุกคนย้ายเข้าไปอยู่บ้านพักทำให้ได้พบเจอหน้ากันทุกวันยิ่งได้อยู่ด้วยกันกับเฉินเฟิ่นอี้ ทุกคนต่างลงความเห็นที่จะทำงานกับเพื่อนสาว เว่ยฟ่งถึงขั้นต่อสายมาหาพ่อกับแม่เรื่องที่เขาเรียนจบแล้วจะกลับไปแต่งงานกับเจียวซีแล้วจะกลับมาอยู่ในปักกิ่งคนอื่น ๆ ก็มีท่าทีไม่ต่างกัน ผู้ชายเข้าไปช่วยรุ่นพี่โอวหยางจิงทำงาน ผู้หญิงช่วยเฉินเฟิ่นอี้ในร้านผ้าถุงเซี่ยเซี่ย ตอนนี้ได้ค่าตอบแทนน้อย แต่ถือว่าคุ้มเพราะช่วยอยู่เบื้องหลังแค่มาเรียนปีแรกก็ทำเอาผู้ปกครองปวดหัวแล้ว ปีที่ีสองยิ่งปวดหัวมากกว่าเดิม ไม่มีใครกลับบ้านในช่วงปิดภาคเรียน ถ้าอยากเจอก็ให้เดินทางมาหาความสัมพัน

  • ทะลุมิติมาอยู่ในร่างสาวน้อยพร้อมระบบเส็งเคร็งยุค 70   บทที่ 152 งานเลี้ยงต้อนรับ

    หลานชาย หลานสาว รวมถึงกลุ่มเพื่อนสนิทถูกจับแต่งตัวให้เหมาะสมกับงานสำคัญ อันที่จริงกลุ่มเพื่อนของเฉินเฟิ่นอี้ไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมก็ได้ แต่ทุกคนลงความคิดเห็นว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ภายใต้การดูแลของบ้านเฉินแล้วแขกภายในงานมีหลายคนที่เคยสนิทกับคนในตระกูลเฉิน เพราะฉะนั้นเฉินเฟิ่นอี้จึงพยายามบอกคนอื่นให้หลีกเลี่ยงเท่าที่จะทำได้เฉินเฟิ่นอี้มองชุดที่ออกแบบด้วยฝีมือของพี่เยี่ยฉิงจากร้านเยว่ซิน ทันทีที่จะมีการจัดเตรียมงานเธอได้ทำการติดต่อขอตัดเย็บเสื้อผ้าให้ และตระกูลเยี่ยคือหนึ่งในพันธมิตรของปู่เธอ"เสียดายจริง ๆ ที่เธอไม่คิดจะทำงานในวงการบ้างหรือ" เยี่ยฉิงมองชุดบนตัวของเฉินเฟิ่นอี้"ไม่ละค่ะ ฉันชอบทำงานเบื้องหลังมากกว่า" เธอรีบส่ายหน้าปฏิเสธไป ให้ช่วยแต่งหน้าหรือทำอย่างอื่นได้ แต่จะให้ถ่ายแบบเธอทำไม่ได้จริง ๆ"อื้อ ๆ ฉันก็ว่าแบบนั้นดูเป็นเธอมากกว่า" หล่อนหัวเราะเฉินเฟิ่นอี้เป็นเจ้าของร้านผ้าถุงที่ออกแบบลวดลายเอง เยี่ยฉิงเป็นเจ้าของร้านเสื้อผ้าที่ไม่ถ่ายแบบงานตัวเอง จึงเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่ายเยี่ยฉิงที่ช่วยเฉินเฟิ่นอี้แต่งตัวแล้วเดินไปช่วยคนอื่นต่อ ทั้งที่ตัวเองยังไม่ได้แต่งตัว แน่นอนว่างานส

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status