จือหลินเข้าไปด้านในของมิติทันที นางยืนมองรอบๆ มิติอย่างคะนึงหา ไม่อยากจะเชื่อว่าในยามนี้ภายนอกล้วนไม่ต่างจากเมื่อก่อนเลยสักนิด
นางเดินเข้าไปด้านใน ก่อนจะหยุดมองที่ห้องทดลองของนางอย่างเหม่อลอย ในยามนี้ได้แต่ถอนหายใจออกมา เพราะสิ่งของด้านในล้วนไม่อาจนำออกมาใช้ให้ผู้อื่นในภพนี้เห็นได้ อีกอย่างเหตุการณ์ในครั้งนั้นนางก็ไม่คิดอยากจะทดลองยาตัวใดขึ้นมาอีกเลย
ข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างที่นางนำเข้ามาล้วนอยู่ครบ จือหลินเดินไปล้มตัวลงนอนที่เตียงอย่างโหยหา ก่อนนางจะหลับตาที่เหนื่อยล้าลงแล้วเข้าสู่ความฝันอย่างรวดเร็ว
จือหลินไม่รู้ว่าตอนที่นางสะดุ้งตื่นนั้นเป็นเวลาเท่าใด แต่ที่นางตกใจตื่นเพราะได้ยินเสียงร้องของมารดา จือหลินรีบออกจากมิติทันทีเพื่อดูว่าเกิดสิ่งใดขึ้น
ก็พบมารดาที่วิ่งหานางพร้อมกับร้องเรียกไปทั่วเรือน
“ท่านแม่ ข้าอยู่นี่เจ้าค่ะ” จือหลินเข้าไปหามารดาอย่างรวดเร็ว
“หลินเออร์ หลินเออร์ เจ้าหายไปที่ใดมา แม่ แม่กลัวเหลือเกิน” ลี่อินคิดว่าต้าจูหรือจินฮวามาลักพาตัวบุตรสาวของนางไปเสียแล้ว
จือหลินที่ตกใจกับท่าทางของลี่อินก็ไม่รู้จะปลอบนางเช่นไร จึงได้สวมกอดมารดาไว้แน่นเพื่อให้นางวางใจลง ลี่อินก็กอดบุตรสาวไว้แน่นอย่างหวงแหน หากขาดจือหลินไปนางก็ไม่รู้ว่าตัวนางจะใช้ชีวิตอยู่เพื่อใคร
“ท่านแม่ ท่านฟังข้าพูดก่อนเจ้าค่ะ” จือหลินประคองมารดาเข้าไปภายในห้องของนาง
“ข้าจะให้ท่านดูสิ่งหนึ่ง แต่ท่านอย่าได้ตกใจนะเจ้าคะ” จือหลินจ้องมองใบหน้าของลี่อินอย่างจริงจัง เมื่อเห็นนางพยักหน้ารับ จือหลินก็จับมือนางไว้แน่นเพื่อพาเข้าไปด้านในมิติ
นางก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะสามารถพามารดาเข้าไปด้านในด้วยได้หรือไม่ เพราะนับตั้งแต่มีมิตินางก็ยังไม่เคยพาผู้ใดเข้าไปด้านใน
ลี่อินหลับตาลงอย่างเชื่อฟัง แต่เมื่อนางลืมตาขึ้นอีกครั้งกลับพบว่านางอยู่ที่เดิม จือหลินที่อยู่ด้านข้างในยามนี้ไม่อยู่เสียแล้ว
นางมองไปรอบๆ ห้องอย่างตื่นตระหนก เวลาเพียงอึดใจ เป็นไปไม่ได้ที่จือหลินจะวิ่งไปซ่อนตัว ทันทีที่ความรู้สึกว่ามือของจือหลินหลุดออกจากมือของนาง นางก็ลืมตาทันที
“หลินเออร์” ลี่อินเอ่ยเรียกบุตรสาวอย่างคนไม่มีสติ
จือหลินที่อยู่ภายในมิติ ได้ยินเสียงของมารดาที่อยู่ด้านนอก นางจึงรู้ว่ามารดาไม่อาจเข้ามาด้านในได้ อาจจะเป็นเพราะห้วงมิติของนางอยู่ในขั้นทดลอง นางเป็นกลุ่มคนในองค์กรแรกๆ ที่ถูกเลือกให้ทดลองใช้ ต่อไปอาจจะมีการพัฒนาระบบให้สามารถพาคนเข้าออกด้วยได้ แต่ไม่ใช่กับระบบของนางในตอนนี้
“ท่านแม่” จือหลินปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าลี่อิน
ลี่อินตกใจจนถอยหลังหนี เพราะอยู่ดีๆ บุตรสาวก็เหมือนจะโผล่ขึ้นมาจากความว่างเปล่าได้ นางเคยพบเจอเรื่องเช่นนี้ที่ใดเล่า
“เจ้า เจ้า” ลี่อินชี้มือไปที่จือหลินอย่างตื่นตกใจ
“ท่านแม่ ฟังข้าเล่าก่อนเจ้าค่ะ”
จือหลินบอกเรื่องที่นางมีห้วงมิติอีกแห่งที่มีเพียงนางเท่านั้นที่สามารถเข้าออกได้ ด้านในเป็นที่อยู่อาศัย ที่นางเคยใช้ชีวิตเมื่อภพก่อนอย่างที่นางเคยเล่าให้มารดาได้ฟังไม่แล้ว
ยิ่งเห็นสีหน้าตกตะลึงของมารดา จือหลินจึงเรียกตั๋วเงินที่นางนำเข้าไปซ่อนตอนที่ต้าจูเข้ามาในเรือนออกมาให้มารดาได้ดู และเก็บเข้าไปใหม่อยู่หลายครั้งจนมารดาหายตกใจจึงได้หยุดมือลง
“อย่างที่ท่านเห็น ข้าก็ไม่รู้ว่ามันติดตัวข้ามาได้อย่างไร วันที่ต้าจูเข้ามาในเรือน ระบบก็กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง” จือหลินเอ่ยอย่างเรียบเฉย
นางยังนำของกินเล่นที่อยู่ด้านในมิติของนางออกมาให้มารดาได้ลองกินอีกด้วย ความจริงนางอยากจะเอาที่นอน หมอน ผ้าห่ม ออกมาใช้ แต่มีเพียงแค่ชุดเดียวยหากนางใช้แล้วมารดาเล่า
จะให้ย้ายมานอนห้องเดียวกันนางก็ไม่คุ้นชินเท่าใดนัก เพราะภพก่อนนางก็ใช้ชีวิตเพียงตัวคนเดียวมาจนชินเสียแล้ว
สองแม่ลูกพูดคุยเล่นกันอีกไม่นาน จือหลินนางก็ออกจากห้องไปจัดการเรื่องอาหารให้มารดา เพราะเหตุการณ์เมื่อคืนที่เกิดเรื่องขึ้นกว่าพวกนางจะได้พักสายตาก็เกือบฟ้าสว่างแล้ว
เมื่อตื่นขึ้นอีกครั้งก็เป็นเวลาตะวันตรงหัวแล้วพอดี จือหลินเข้าไปในมิติเพื่อนำอาหารแช่แข็งที่นางเก็บไว้เป็นจำนวนมากไปอุ่นเพื่อให้มารดาได้ลองกินสิ่งแปลกๆ บ้าง
ลี่อินที่ไม่เคยสัมผัสรสชาติอาหารอย่างอื่นนอกจากความเค็มของเกลือ และความหวานจากน้ำตาล เมื่อได้ลิ้มรสอาหารที่ครบทุกรสชาติก็อดที่จะติดใจไม่ได้
“ท่านแม่ เรื่องที่ท่านพูดว่าอยากจะออกไปอยู่ที่อื่นจริงหรือไม่เจ้าคะ” จือหลินเอ่ยถามทันที เมื่อทั้งคู่ทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว กล่องอาหารนางก็เก็บเข้าไปในมิติ นางไม่กล้าทิ้งไว้ด้านนอกหากมีผู้ใดมาพบเข้าจะเกิดเรื่องวุ่นวายได้
“แม่คิดอยากจะไป แต่ไม่รู้จะไปอยู่ที่ใด” ลี่อินเหม่อมองไปทางอื่นอย่างสับสน
นางใช้ชีวิตอยู่ที่หมู่บ้านไห่เหอมาตั้งแต่เกิด จะให้นางย้ายไปอยู่ที่อื่น นางก็หวาดกลัวการเปลี่ยนแปลง แต่ถ้าไม่ไปก็ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะมีเรื่องยุ่งยากเพียงใดเข้ามาอีก
จินฮวาที่ถูกหย่าขาดกับจางอู๋ไม่มีทางยอมให้นางสองแม่ลูกได้ใช้ชีวิตสงบเป็นแน่ หากมีชาวบ้านคนอื่นที่ละโมบเช่นเดียวกับต้าจู นางกับจือหลินเป็นเพียงสตรีบอบบางจะจัดการเรื่องนี้ได้อย่างไร
“ไว้ข้าลองถามเรื่องหัวเมืองต่างๆ ในแคว้นเสียก่อน ท่านค่อยตัดสินใจก็ยังไม่สาย” จือหลินยิ้มให้มารดาเล็กน้อยก่อนที่นางจะประคองมารดาเข้าไปพักด้านในห้อง
นางคิดว่าจะเข้าไปในมิติ เพื่อดูว่ามีตัวยาตัวใดที่สามารถรักษาอาการเจ็บป่วยของมารดานางได้หรือไม่
จือหลินนางพาชิงชางเข้าไปภายในมิติ ชิงชางเมื่อรู้ตอนนี้ตนอยู่ที่ใดเขาก็อุ้มจือหลินเข้าไปในห้องของนางนางรู้ว่าเขาต้องการทำสิ่งใดกับนางก็อดที่จะเอ่ยถามอย่างสงสัยไม่ได้“ท่านอยู่ในขั้นใด”“ข้าเร่งเดินลมปราณ เพื่อวันนี้หลินหลิน”ชิงชางไม่ยอมบอกนางแต่เขากับจุมพิตนางอย่างดูดดื่มแทน จือหลินราวกับต้องมนต์เมื่อได้รับสัมผัสที่อ่อนโยนของเขาชิงชางไล้นิ้วไปตามเรือนร่างของนาง พร้อมทั้งปลดชุดของนางอย่างรวดเร็ว“เจ้างามยิ่งนักหลินหลิน” เมื่อได้เห็นเรือนร่างที่เปลือยเปล่าไร้เสื้อผ้าของนาง เขาก็อดที่จะจ้องมองอย่างตกตะลึงมิได้จือหลินนางก็ไม่ได้มีท่าทีที่เขินอายเช่นหญิงสาวทั่วไป กลับใจกล้ากว่าที่เขาคิด เพียงนางช้อนสายตายั่วยวนเขา ชิงชางก็รีบปลดชุดออกด้วยมือที่สั่นเทาก่อนจะขึ้นคร่อมตัวนางพร้อมกับมอบจุมพิตที่ร้อนแรงเต็มไปด้วยไฟปรารถนา จือหลินโอบรอบคอของเขาไว้ พร้อมทั้งใช้มือที่ซุกซนของนางสัมผัสไปที่เครื่องเพศของเขาโดยตรง“หลินหลิน เจ้าช่าง ซุก ซนนัก” ชิงชางเอ่ยแสงสั่นเทาออกมาอย่างไม่อาจควบคุมอารมณ์ได้จือหลินนางเงยหน้าขึ้นหัวเราะอย่างชอบใจเมื่อเห็นสีหน้าที่อดกลั้นของเขา แต่ต่อมานางก็รู้ตัวว่านางนั้นคิดผ
ภายในมิติผ่านมาได้สองปี แต่ด้านนอกเพียงผ่านไปแล้วสี่เดือนเท่านั้น ชิงชางก็คิดจะออกไปจัดการเรื่องของตนในวังหลวง แม้แต่ขั้นระดับเขาก็ไม่ให้จือหลินตรวจสอบนางก็ไม่ว่าอันใด พาเขาออกไปส่งด้านนอกอย่างที่เขาต้องการ ชิงชางมองจือหลินอย่างลึกซึ้งก่อนจะเดินจากไปโดยที่เขาไม่เอ่ยอันใดสักคำจือหลินยืนมองแผ่นหลังของเขาอย่างสะท้านในอก นางคิดว่าตัวนางไม่อยากยึดติดหรือหวังในตัวของชิงชางแล้วแต่ก็ยังอดเศร้าใจไม่ได้“ชางเออร์เจ้ากลับมาเสียที” หลีจิ้งมองบุตรชายที่รูปร่างและกลิ่นอายที่เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างแปลกใจ“เสด็จพ่อ เสด็จแม่ ลูกมีเรื่องจะพูดกับพวกท่าน”“หากเป็นเรื่องของหลินเออร์ พ่อเข้าใจ แต่เจ้าก็ต้องรู้ว่าต่อไปเจ้ามิอาจมีนางเพียงผู้เดียวได้”หลีจิ้งมองบุตรชายอย่างจริงจัง เพราะตัวเขาที่คิดจะมีเพียงอี้หนิงในวังหลังเพียงหนึ่งเดียวยังไม่อาจทำได้เขาจำต้องรับบุตรสาวของตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง ทั้งผู้ที่เคยช่วยเหลือจนเขาได้นั่งในบัลลังก์ครั้งนี้ไว้อย่างเสียไม่ได้เพียงปีเดียวก็มีพระสนมมากถึงนับสิบคนแล้วชิงชางฟังคำพูดของบิดาหน้าก็ไม่ได้เปลี่ยนไปแต่อย่างใด“ลูกไม่คิดจะเป็นฮ่องเต้เช่นเสด็จพ่อ ลูกต้องการออกเดิ
ชิงชางอับอายจนใบหูของเขาแดงก่ำ ตัวเขาจะเคยทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร ที่ทำกับนางก็เป็นครั้งแรกของเขาเช่นกันแล้วสตรีเช่นนางกับพูดเรื่องเช่นนี้ออกมาได้อย่างไม่อายบอก หรือว่านางเคยถูกผู้ใดจุมพิตมาแล้วชิงชางยิ่งคิดก็ยิ่งเกิดอาการหึงหวง เขาเดินเข้าไปจับใบหน้าของนางไว้แล้วจุมพิตนางอีกครั้งอย่างรุนแรงแต่ครั้งนี้จือหลินนางตกตะลึงอย่างแท้จริง เพราะไม่คิดว่าชิงชางจะจุมพิตนางอีกครั้ง นางคิดว่าคำพูดของนางจะทำให้เขาเกิดอยากเปลี่ยนใจจือหลินกลับเป็นฝ่ายดึงรั้งคอของชิงชางไว้ แล้วเริ่มใช้เรียวลิ้นของนางหยอกล้อกับเรียวลิ้นของชิงชางแทนในตอนแรกชิงชางก็นิ่งชะงักอย่างตกตะลึง เขาไม่คิดว่านางจะจุมพิตได้ช่ำชองเช่นนี้ แต่ไม่นานก็เปลี่ยนเป็นความรัญจวนที่นางมอบให้ทั้งสองไม่รู้ว่าตนจุมพิตกันนานเพียงใด แต่เมื่อจือหลินนางถอนริมฝีปากออก ชิงชางกลับอาลัยอาวรณ์อย่างไม่สิ้นสุด“หลินเออร์ เหตุใดเจ้า”“ท่านอยากจะรู้ว่าเหตุใดข้าถึงจุมพิตเป็นใช่หรือไม่”จือหลินนางจ้องมองเด็กน้อยตรงหน้าอย่างหยอกล้อ ก่อนจะเล่าเรื่องที่นางไม่ใช่คนในภพนี้ให้ชิงชางได้ฟังทั้งคู่เข้ามานั่งในห้องนั่งเล่นที่โซฟาแทนห้องทดลองของจือหลินนางบอกเล่า
บ่าวไพร่ในจวนตระกูลถานรวมทั้งองครักษ์ของชิงชางต่างแตกตื่นกันให้วุ่น เพราะเรื่องที่จือหลินและชิงชางหายตัวไปจากห้องนอนในเรือนของป๋อฉิวอย่างไร้ร่องรอยลี่อินที่ยังไม่หายดีก็ให้ตงฟางประคองตนมาที่ห้องของจือหลินอย่างร้อนใจจือหลินนางออกทันเห็นคนกำลังเข้าช่วยมารดาที่หมดสติอยู่ในห้องของนางพอดี“เกิดเรื่องใดขึ้นหรือเจ้าคะ” เสียงของนางทำให้ทุกคนหยุดนิ่งอยู่กับที่ คนที่มีสติที่สุดเห็นจะเป็นตงฟางที่วิ่งเข้ามากอดเอวพี่สาวไว้แน่น แล้วปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อายใครจือหลินต้องลูบหลังปลอบประโลมเขาอยู่พักใหญ่กว่าจะเงียบเสียงลง คงมีแต่สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าตงฟางต้องแสร้งเข้มแข็งมากเพียงใด เมื่อเกิดเรื่องขึ้นกับพี่สาวของตน เพราะเขาต้องดูแลมารดาที่ล้มป่วยทั้งยังน้องชายคนเล็กที่เสียขวัญอีกด้วย“หลินเออร์ เจ้ากลับมาหาแม่แล้ว” ลี่อินเมื่อได้สติก็ลุกขึ้นดึงตัวบุตรสาวเข้ามาสวมกอดอย่างหวงแหนท่านผู้เฒ่ากับฮูหยินผู้เฒ่าเมื่อบ่าวไปแจ้งว่าพบตัวจือหลินแล้วก็รีบร้อนเดินมาทันที“หลินเออร์” ผู้เฒ่าถานมองหลานสาวด้วยดวงตาที่เออคลอไปด้วยน้ำตาส่วนฮูหยินผู้เฒ่าถานเดินเข้ามาสวมดอกนางไม่ต่างจากที่ลี่อินทำเลย“พวกท่านใจเย็นก่
ภายนอกมิติต่างวิ่งวุ่นตามหมอกันไปทั่ว เพราะหลายวันแล้วที่จือหลินนางนอนอย่างไม่ได้สติ พวกเขาที่รอเวลาให้นางตื่นก็ไม่อาจทนรอได้อีกหมอที่มาตรวจก็ไม่อาจหาสาเหตุที่ทำให้จือหลินนางหมดสติเช่นนี้ได้ เพราะร่างกายของนางเหมือนกับคนที่หลับสนิทเท่านั้นหลีจิ้งเมื่อจัดการเรื่องภายในวังหลวงเสร็จสิ้นก็มารับอี้หนิงกับอวี่ซีกลับเข้าวังหลวง เพื่อสถาปนาตนเองขึ้นเป็นฮ่องเต้และฮองเฮาพระองค์ใหม่ป๋อฉิวถูกราชโองการแต่งตั้งเป็นเสนาบดีกรมกลาโหมทันทีที่หลีจิ้งขึ้นนั่งบัลลังก์ เขาไม่ได้รู้สึกยินดีกับตำแหน่งที่ได้จวนตระกูลถานยังไม่เปิดรับผู้คนที่เดินทางมาร่วมแสดงความยินดี เพราะบุตรสาวที่ยังนอนไม่ได้สติอยู่ในเรือนของเขาชิงชางเมื่อช่วยบิดาจัดการเรื่องในวังหลวงเสร็จสิ้น ตัวเขาก็แทบจะอยู่ที่จวนตระกูลถานไม่ยอมขยับไปที่ใด ได้แต่นั่งเฝ้าจือหลินที่นอนหลับอยู่บนเตียงเขามักจะนำตำรา หรือเรื่องที่พบเจอมาตลอดที่ไม่ได้อยู่กับนางมาเล่าให้นางฟัง จนคนที่เข้ามาพบเห็นอกเห็นใจเขาไม่ได้ป๋อฉิวก็ไม่ทำใจไล่เข้ากลับวังไม่ลง จึงปล่อยให้เขานั่งพูดอยู่เช่นนั้น เรื่องร้านค้าของจือหลินก็ไม่มีปัญหา เพราะของที่นางทำไว้ยังมีอีกมาก ลี่อินที่
ป๋อฉิวไม่เคยเห็นด้านที่อ่อนแอเช่นนี้ของนาง เขาอดที่จะจุกในอกไม่ได้ สุดท้ายแล้วอย่างไรนางก็เป็นเด็กสาวที่ต้องการคนปลอบประโลมชิงชางกับหลีจิ้งทรุดตัวลงอย่างสิ้นแรง ทุกคนล้วนได้รับผลกระทบจากการระเบิดพลังครั้งนี้ของจือหลินแต่เพียงไม่นาน ร่างกายที่ทุกคนได้รับบาดเจ็บ แม้แต่โรคที่รักษาไม่หายเมื่อถูกแสงสีขาวของจือหลินต่างก็หายราวปาฏิหาริย์ เรื่องนี้ชาวเมืองที่หนีไม่ทันจากแสงก็รับรู้ได้เช่นกันชาวชราที่เดินกลับเรือนเขาไม่อาจวิ่งหนีได้เช่นคนหนุ่มสาว เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งร่างกายที่ทรุดโทรมก็กลับแข็งแรงขึ้นอย่างน่าประหลาดใจคนขอทานที่ขาหัก ล้มอยู่ที่พื้น เพราะโดนชนจนหนีไม่ทันก็กลับมาลุกขึ้นเดินได้เมื่อแสงสีขาวหายไปกลายเป็นที่ร่ำลือไปทั่ว ชาวเมืองทั้งหมดต่างออกจากเรือนเพื่อมารอแสงสีขาวอีกครั้ง แต่ก็ไม่เคยปรากฏขึ้นอีกเลยป๋อฉิวประคองบุตรสาวขึ้น ก่อนที่ทั้งคู่จะร่ำลาสองพ่อลูกกับจวนของตนไป“หลินเออร์” ชิงชางร้องเรียกนาง“ท่านจัดการเรื่องของท่านเถิด ข้าจะกลับจวนเพื่อไปดูมารดาและน้องชาย” จือหลินนางไม่ได้หันไปมองชิงชางเลยสักนิดจือหลินพูดจบนางก็หมดสติไปทันที เพราะการระเบิดพลังและการเลื่อนขั้นที่เกิดข