Masukเธอเพิ่งจะเข้าใจ...ว่าการใช้ชีวิตคู่ มันไม่ได้สวยหรูเหมือนในนิยาย “แค่อุ้มท้องลูกให้ฉัน อย่าหลงตัวเองว่าฉันจะพิศวาสเธอล่ะ”
Lihat lebih banyak"สวัสดีค่ะคุณแม่ เพิ่งมาถึงขนส่งค่ะ ใช่ค่ะ เพิ่งลงจากรถตอนนี้กำลังจะไปเรียกแท็กซี่ค่ะ"
"แล้วนี่ลูกจะไปที่บริษัททันไหม เข้าทำงานวันนี้วันแรกไม่ใช่หรือไง"
"หนูว่าจะฝากสัมภาระไว้ที่หมอชิตก่อนน่ะค่ะ แล้วค่อยกลับมาเอาตอนเลิกงาน เดี๋ยวหนูจะหาที่อาบน้ำก่อนแล้วจะได้เข้าไปที่บริษัทเลย"
"ถ้าเลิกงานแล้วอย่าลืมโทรไปตามเบอร์ที่แม่ส่งไปให้ด้วยล่ะลูก"
"ได้ค่ะคุณแม่ งั้นหนูขอไปเตรียมตัวก่อนนะคะ เดี๋ยวจะไปเข้างานไม่ทัน เริ่มงานวันแรกด้วย"
"ตั้งใจนะลูก พอไปยื่นใบสมัครงานเสร็จแล้วอย่าลืมโทรไปเบอร์เบอร์ที่ส่งให้ในไลน์ด้วยล่ะ แม่ขออวยพรให้การทำงานวันแรกผ่านไปด้วยดีนะลูก แม่เป็นกำลังใจให้"
"ขอบคุณมากค่ะคุณแม่ งั้นหนูขอวางสายก่อนนะคะ"
ข้าวหอมรีบอาบน้ำที่จุดบริการอาบน้ำอย่างรวดเร็ว หลังจากที่เอาสัมภาระไปฝากไว้ที่จุดรับฝากกระเป๋าแล้ว เธอก็รีบไปเรียกแท็กซี่เพื่อไปยังบริษัทนำเข้ารถยนต์ที่เธอต้องไปยื่นใบสมัครเพื่อยืนยันการเป็นพนักงานในวันนี้
ข้าวหอมเงยหน้ามองตึกสูงด้วยความตื่นเต้น ก่อนจะสูดหายใจเข้าเต็มปอดเพื่อเรียกความมั่นใจให้กับตัวเอง แล้วเดินเข้าไปที่ประชาสัมพันธ์พร้อมกับถือแก้วกาแฟที่แวะซื้อข้างทาง แล้วเข้าไปสอบถามเรื่องที่เธอเข้ามาทำงานที่นี่วันแรก
"สวัสดีค่ะ ฉันเป็นพนักงานใหม่ที่จะมายื่นใบเอกสารรายงานตัวแล้วเริ่มทำงานวันนี้วันแรกน่ะค่ะ"
"ใช่พนักงานที่จะมาทำในแผนกการตลาดหรือเปล่า"
"ใช่ค่ะ"
"ไปที่ฝ่ายบุคคลนะ ขึ้นลิฟต์ตรงนั้นแล้วกดไปที่ชั้นห้า แล้วเดี๋ยวฝ่ายบุคคลจะจัดการทุกอย่างให้เอง"
"ขอบคุณมากนะคะ" ข้าวหอมยกมือไหว้เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ก่อนที่จะเดินไปกดลิฟต์ตามที่สาวสวยคนนั้นบอก
ข้าวหอมกอดเอกสารแนบอกด้วยความตื่นเต้น เป็นครั้งแรกที่เธอได้ออกมาอยู่ไกลบ้านแบบนี้หลังจากเรียนจบได้สองปี แล้วเป็นครั้งแรกที่เธอได้มาเหยียบที่กรุงเทพฯ ซึ่งสภาพแวดล้อมจากบ้านเธอที่อยู่ต่างจังหวัดอย่างสิ้นเชิง
พอลิฟต์ไปถึงที่หมาย ข้าวหอมก็รีบเดินออกจากลิฟต์ด้วยความรีบเร่ง เธอที่ไม่ทันระวังก็ปะทะเข้ากับร่างสูงใหญ่ราวกับกำแพงสุดแกร่ง แก้วกาแฟที่เธอถืออยู่ก็หกใส่ชุดสูทหรูอย่างจัง
"แย่แน่ ๆ เด็กคนนั้นโดนไล่ออกแน่ ๆ" พนักงานที่อยู่ชั้นห้าก็พากันหันไปตามเสียงแก้วพลาสติกที่ตกลงพื้นจนน้ำแข็งและกาแฟหกกระจาย พร้อมกับสีหน้าเกรี้ยวกราดของคนตัวสูงที่ทำสีหน้าถมึงทึงไม่ความไม่พอใจ
"ขะ...ขอโทษค่ะ เดี๋ยวฉันจะรีบเช็ดให้นะคะ" ข้าวหอมรีบยกมือไหว้คนตรงหน้าอัตโนมัติก่อนจะรีบคว้าผ้าเช็ดหน้าที่กระเป๋าออกไปเช็ดให้อย่างรวดเร็ว
"อย่ามาแตะต้องตัวฉัน! แล้วเอาผ้าสกปรก ๆ ของเธอออกจากชุดของฉันเดี๋ยวนี้!" มือหนาปัดมือเล็กออกไปอย่างไม่ใยดีจนผ้าเช็ดหน้าร่วงลงบนพื้น
"ขอโทษจริง ๆ นะคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ ค่ะ"
"ออกไป! ออกไปจากบริษัทของฉันเดี๋ยวนี้!"
"เอ๊ะ? ออกไปหรือคะ แต่ว่าฉันเพิ่งจะมาเข้ามาทำงานวันนี้เป็นวันแรกนะคะ"
"ฉันไล่เธอออก"
"มะ...ไม่นะคะ ฉันขอโทษจริง ๆ ค่ะ จะให้ฉันทำอะไรก็ได้แต่อย่าไล่ฉันออกเลยนะคะ ฉันตั้งใจและคาดหวังที่จะได้ทำงานที่นี่มากเลย อย่าไล่ออกเลยนะคะ"
"ออกไป! คนที่บังอาจมาทำให้ฉันอยู่ในสภาพนี้มันต้องโดนไล่ออกสถานเดียวเท่านั้น"
"เดี๋ยวฉันขอชดใช้ให้ได้ไหมคะ แต่อย่าไล่ฉันออกเลย"
"ชดใช่หรือ? ได้สิ งั้นเธอก็ชดใช้มา ชุดฉันราคาแสนห้า จ่ายมาสิ ถ้าเธอเอาเงินทั้งหมดมากองให้ฉันในตอนนี้ได้ ฉันอาจจะยอมให้เธอทำงานที่นี่ก็ได้นะ แต่อย่างเธอจะมีปัญญาหามาได้หรือเปล่า ดูจากสภาพแล้วคงไม่มีหรอกมั้ง"
"แสนเลยหรือคะ ฉะ...ฉัน..."
"ชุดสูทของฉันราคาเกือบสองแสน ยังไม่รวมรองเท้าที่เปียกเลอะไปด้วยกาแฟราคาถูก ๆ ของเธอเลยนะ เอาล่ะ จะออกไปดี ๆ หรือจะให้ฉันเรียกรปภ. ลากตัวเธออกไป"
"เอ่อ...แต่ว่า"
"เธอเป็นเด็กที่จะมาทำงานวันนี้สินะ รีบออกไปเถอะ เธอทำเรื่องใหญ่โตตั้งแต่ยังไม่ทำงานเลย บอสเป็นคนที่ชอบความสมบูรณ์แบบมากนะ มาวันแรกก็ซุ่มซ่ามแบบนี้ไม่โดนไล่ออกก็แปลกแล้วล่ะ งั้นรีบออกไปเถอะ เดี๋ยวถ้าเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาแล้วบอสโมโหมากกว่านี้ เธอไม่โดนแค่นี้หรอกนะ"
"อะไรกัน" ข้าวหอมเดินไปที่ลิฟต์ตามแรงของพนักงานในบริษัทแล้วแอบกลั้นความเสียใจเอาไว้ เพราะเธอคาดหวังที่จะได้ทำงานที่นี่มาก แถมครอบครัวที่อยู่ต่างจังหวัดก็ยังคาดหวังอยากจะเห็นความสำเร็จของเธอที่จะได้ทำงานที่ตัวเองชอบ ถึงทางบ้านจะไม่ได้กดดันว่าเธอต้องทำให้สำเร็จ แต่เธอก็ไม่อยากทำให้ครอบครัวผิดหวังเลย แล้วแบบนี้เธอจะกล้าบอกเรื่องที่โดนไล่ออกกับครอบครัวได้ยังไง
ข้าวหอมเดินคอตกออกจากบริษัทส่งออกรถยนต์ เพียงเพราะความไม่ระวังตัวของเธอจึงทำให้เธอต้องตกงานทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้เริ่มงานเลยด้วยซ้ำ
"ชีวิตในวัยยี่สิบสี่ปีของเรามีอุปสรรคมากเหลือเกินนะ แล้วนี่เราจะทำยังไงต่อไปดีล่ะ"
ตั้งแต่เรียนจบมาสองปีเธอก็อยู่ช่วยครอบครัวทำธุรกิจสวนผลไม้ที่เป็นธุรกิจของครอบครัว แต่ไม่นานนี้จู่ ๆ มารดาของเธอก็บอกว่าเธอควรจะได้ทำงานในห้องแอร์เย็น ๆ ใช้ความรู้ที่ร่ำเรียนมาอย่างเต็มที่ ไม่ต้องมาตากแดดตากลมแบบนี้ แต่ถึงเธอจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่ครอบครัวก็อยากจะเห็นความสำเร็จของเธอมากกว่าที่จะให้เธอไปต้องมีชีวิตที่ลำบากเหมือนท่านทั้งสองแบบนี้
ข้าวหอมเดินออกจากบริษัทเหมือนคนหมดอาลัยตายอยาก เธออยากจะร้องไห้แต่ก็อายผู้คนที่เดินผ่านไปมาเหลือเกิน ข้าวหอมเหลือบไปเห็นสวนสาธารณะที่อยู่ไม่ไกลจากบริษัท ก็เลยแวะเข้าไปนั่งที่ม้านั่งตรงที่มีไม่ค่อยมีคนเดินพลุกพล่านมากนัก แล้วก้มหน้าร้องไห้อยู่คนเดียวแบบนั้น
เธอคิดไม่ออกเลยว่าจะต้องทำยังไงต่อไป หลังจากที่ร้องไห้จนพอใจแล้วเธอก็รีบกลับมาตั้งสติอีกครั้ง เธอจะต้องอ่อนแอไม่ได้เด็ดขาด ต่อให้ตอนนี้เธอจะไม่ได้ทำงานที่นั่นอีกต่อไปแล้ว แต่ก็ยังมีบริษัทอีกมากมายที่อาจจะรับสมัครพนักงานอยู่ ถึงจะไม่ใช่งานตามสายที่เรียนมาก็ต้องทำไปก่อน เพราะตอนนี้เธอจะต้องเดินหน้าต่อไปเท่านั้น ถ้ามัวแต่มานั่งร้องไห้อ่อนแออยู่แบบนี้ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรอยู่ดี
"จริงสิ เราต้องโทรไปหาคนที่คุณแม่ทิ้งเบอร์ไว้ให้นี่นา" ข้าวหอมรีบหยิบกระดาษโน้ตออกมาด้วยความรีบเร่งเพราะอาจจะมีธุระสำคัญก็ได้
"สวัสดีค่ะ"
"สวัสดีค่ะ พอดีคุณแม่บอกให้โทรหาเบอร์นี้น่ะค่ะ" ปลายสายครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะร้องอ๋อออกมาทันที
"หนูคือลูกสาวของเกษมสินะ พอดีป้าเป็นรุ่นพี่สมัยเรียนของพ่อหนูน่ะจ้า แล้วหนูรู้เรื่องแต่งงานแล้วใช่ไหม"
"แต่งงาน? เอ่อ...แต่งงานอะไรหรือคะคุณป้า หนูไม่เข้าใจน่ะค่ะ"
"เอ...นี่พ่อหนูยังไม่ได้บอกหนูสินะ"
"เปล่านี่คะ ไม่เห็นคุณพ่อกับคุณแม่บอกอะไรหนูเลยนะคะ"
"ตอนนี้หนูอยู่ที่ไหนล่ะลูก ป้าจะได้ให้คนไปรับ"
"ขอโทษที่เสียมารยาทถามนะคะ แต่ทำไมคุณป้าถึงจะให้คนมารับหนูล่ะคะ"
"เดี๋ยวมาที่นี่ก็รู้เองแหละลูก ที่หนูถามคงจะกลัวสินะว่าป้าเป็นใคร ป้าน่ะรู้จักหนูและเห็นหนูมาตั้งแต่เด็กเพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวป้าหรอก ไม่ต้องกลัวนะ ถ้าหนูไม่มั่นใจก็โทรหาพ่อหนูก่อนก็ได้ ถามว่าป้ากานดาคือใครน่ะ"
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ก็คุณแม่ให้เบอร์หนูมาแล้ว แสดงว่าคงไม่ผิดคนหรอกค่ะ ขอบคุณมากเลยนะคะ แต่หนูต้องไปที่หมอชิตก่อนน่ะค่ะ พอดีสัมภาระยังอยู่ที่นั่นเลย"
"งั้นเดี๋ยวป้าส่งคนไปรับที่หมอชิตนะลูก ถ้าถึงหมอชิตแล้วก็ติดต่อป้ากลับด้วยล่ะ"
"ได้ค่ะ สวัสดีค่ะ" ข้าวหอมยังรู้สึกค้างคาใจอย่างบอกไม่ถูก เรื่องแต่งงานที่เธอได้ยินเมื่อกี้มันคืออะไร ระหว่างที่ข้าวหอมกำลังเรียกแท็กซี่เพื่อไปเอาสัมภาระ เธอก็ต่อสายไปหามารดาของเธอด้วย เพื่อจะโทรไปถามเรื่องที่เธอยังค้างคาใจอยู่
"เป็นอย่างที่ฉันคิดจริง ๆ สินะ นึกแล้วไม่มีผิดเลย""อะ...โอ๊ย!""จะหนีไปไหนล่ะ คิดว่าทำอะไรกับฉันไว้แล้วจะหนีไปง่าย ๆ หรือไง คิดตื้นไปหน่อยล่ะมั้ง" ข้อเท้าเล็กถูกมือใหญ่จับไว้ก่อนจะใช้แรงทั้งหมดกดคนตัวเล็กลงบนเตียงอีกครั้ง จากนั้นก็ฉีกกระโปรงออกตามเสื้อไปจนร่างกายขาวผ่องเหลือเพียงแค่ชุดชั้นในเท่านั้น"ฉันก็บอกความจริงไปแล้ว ปล่อยฉันเถอะนะคะ""เธอคิดว่าคนอย่างฉันจะปล่อยให้คนที่มาลอบกัดข้างหลังลอยนวลไปหรือไง มันต้องสั่งสอนให้หลาบจำ จะได้ไม่ต้องไปทำแบบนั้นอีก เธอผิดเองนะที่กล้ามาหัวหมอกับคนอย่างฉัน""อื้อ...จะ...เจ็บ ปล่อยฉันเถอะนะคะ" เนินอกสวยภายใต้ชุดชั้นในสีหวานถูกมือใหญ่ขย้ำอย่างแรง เธอทั้งเจ็บทั้งอายเพราะเป็นครั้งแรกที่โดนผู้ชายสัมผัสร่างกายแบบนี้ ด้วยสภาพที่หมิ่นเหม่แทบจะเปลือยกายล่อนจ้อนข้าวหอมพูดอะไรไม่ออกและร่างกายก็ถึงตรึงด้วยร่างแกร่ง ได้แต่คิดในใจว่าเธอคิดผิดเหลือเกินที่โกหกออกไปแบบนั้น เพราะยิ่งกระตุ้นให้เขาโกรธเคืองเธอมากกว่าเดิมอีก"ช่วยไม่ได้นะ เธอมายั่วให้ฉันไม่พอใจเอง เตรียมรับผลกรรมที่ทำไว้ด้วยแล้วกัน เพราะฉันไม่มีวันยกโทษให้!" อาภรณ์ชิ้นสุดท้ายถูกมือหนากระตุกออกด้วยค
ข้าวหอมกดลิฟต์ไปยังชั้นแผนกบุคคล เพราะเธอเคยมาที่นี่ครั้งหนึ่งแล้วจึงไม่ได้ถามรายละเอียดอะไรกับใครอีก แล้วก็ตรงไปที่ชั้นนั้นทันทีข้าวหอมระมัดระวังตัวเองมากขึ้น ทุกย่างก้าวต้องมีสติจะผิดพลาดแบบที่ผ่านมาไม่ได้อีกแล้ว"เริ่มทำงานวันนี้ได้เลยนะ เดี๋ยวจะให้คนนำทางไปที่ฝ่ายการตลาด""ของคุณมากนะคะ" ข้าวหอมยกมือไหว้ด้วยความนอบน้อม ก่อนจะเดินตามคนนำทางไปที่ห้องของฝ่ายการตลาดซึ่งต้องขึ้นลิฟต์ไปอีกหลายชั้น"เด็กคนนี้ใช่คนที่โดนบอสไล่ออกตั้งแต่วันแรกที่มาสมัครงานเมื่อวันก่อนหรือเปล่า""จริงหรือ ฉันก็ว่าอยู่หน้าตาคุ้น ๆ นะ""ใช่แน่นอน เพราะฉันเป็นคนพาน้องเขาออกไปจากบริษัทเอง ฉันจำหน้าตาได้แม่น ใช่เด็กคนนั้นอย่างแน่นอน""แปลกนะ ทั้ง ๆ ที่โดนไล่ออกแล้วแต่ทำไมยังกลับเข้ามาทำงานที่นี่ได้อีกล่ะ""เป็นเด็กเส้นหรือเปล่านะ หรือไม่ก็พ่อแม่มีเงิน เป็นลูกคุณหนูงี้หรือเปล่า""นั่นสิ จะใช่ไหมนะ ทำบอสหัวเสียขนาดนั้นแต่กลับเข้ามาทำงานที่นี้ได้ก็ไม่ธรรมดาแล้วล่ะ""อย่ามัวแต่นินทาอยู่เลย เดี๋ยวบอสมาได้ยินก็เป็นเรื่องหรอก แยกย้ายกันไปทำงานได้แล้ว""ทำงานได้ดีเลยนี่ เคยทำงานที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า""ไม่มีประสบการณ์เล
งานแต่งงานถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย โดยมีผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายและคนในครอบครัวของแต่ละฝ่ายที่มาร่วมเป็นสักขีพยานเท่านั้น เพราะนั่นคือคำขอของภูผาเองหลังจากที่สวมแหวนแต่งงานและถ่ายรูปเสร็จ งานแต่งงานเล็ก ๆ แต่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายของครอบครัวอย่างเต็มเปี่ยมก็ทำให้ข้าวหอมยิ้มออกมาได้บ้าง แต่ก็ยิ้มได้เพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น เพราะคนข้างกายเธอได้แต่ทำหน้าบอกบุญไม่รับ แล้วเธอก็ไม่เคยเห็นรอยยิ้มของเขาปรากฎบนใบหน้าหล่อเหลาเลยแม้แต่ครั้งเดียวรถหรูสองคันเคลื่อนตัวออกไปจากบ้านหลังใหญ่ จุดหมายปลายทางคือคอนโดหรูที่เป็นห้องชุดแบบเพนท์เฮ้าส์ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวงที่ราคาสูงลิ่ว ทั้งสองครอบครัวกำลังส่งตัวเจ้าบ่าวและเจ้าสาวไปที่นั่น เพราะเป็นคอนโดที่ภูผาอาศัยอยู่เป็นหลักมาหลายปีแล้ว แถมยังเดินทางสะดวกและไม่ไกลจากบริษัทด้วย"แม่ดีใจด้วยนะลูกที่ได้เป็นฝั่งเป็นฝาสักที จงเป็นภรรยาที่ดีและดูแลสามีให้ดีที่สุดด้วยนะลูก ขอให้ลูกมีความสุขในคืนแต่งงานนับตั้งแต่วันนี้และตลอดไปนะ""ขอบคุณมากนะคะคุณแม่""แม่ขอฝากลูกสาวด้วยนะลูก" มารดาของข้าวหอมหันไปพูดกับเจ้าบ่าวที่ฝืนยิ้มเล็กน้อย ซึ่งยุพินก็ทราบดีว่าเป็นการแต่งงานแบ
"ตาภู ทำไมถึงได้ทำหน้าตาน่ากลัวแบบนั้นล่ะ แม่แค่ชวนมาทานดินเนอร์และจะได้ถือโอกาสแนะนำว่าที่เจ้าสาวให้รู้จักแท้ ๆ อย่าทำสีหน้าบอกบุญไม่รับแบบนั้นสิ""นี่คุณแม่เอาจริงหรือครับ มันหมดยุคสมัยคลุมถุงชนกันแล้วนะครับ ผมก็นึกว่าคุณแม่จะพูดเล่นเสียอีก""พูดเล่นที่ไหนกันล่ะ แล้วนี่อย่าบอกนะว่าลูกลืมไปหมดแล้วน่ะตาภู เรื่องแต่งงานที่เราเคยพูดกันก่อนหน้านี้""นี่คุณแม่เอาจริงหรือครับเนี่ย""แม่ก็บอกอยู่นี่ไงว่าแม่ไม่ได้พูดเล่น เรื่องแบบนี้ใครจะไปพูดเล่นกัน งั้นแม่ไปดูในครัวก่อนนะ แม่ให้แม่บ้านทำของโปรดลูกด้วย" ภูผาหย่อนกายลงนั่งบนโต๊ะอาหารระหว่างรอมารดาเดินไปในครัว ส่วนข้าวหอมที่เดินลงจากห้องนอนชั้นบนก็เดินลงไปที่ห้องอาหารตามที่กานดาสั่ง"เธอมันคนเมื่อตอนเช้านี่ มาทำอะไรที่บ้านของฉัน!""คุณ...เอ่อ...คุณคนเมื่อเช้านี่คะ""ฉันถามว่าเธอมาทำอะไรที่นี่" ร่างสูงลุกขึ้นแล้วเดินไปคว้าต้นแขนเล็กอย่างแรงโดยไม่ยั้งมือ ใบหน้าใสนิ่วหน้าด้วยความเจ็บแล้วเซไปตามแรงดึงของคนตัวสูง"ฉันเจ็บค่ะคุณ""หวังว่าเธอคงจะไม่ใช่ผู้หญิงที่ฉันจะแต่งงานด้วยหรอกนะ คงไม่ใช่สินะ จริงไหม!" ข้าวหอมที่ได้ยินแบบนั้นก็ตกใจยิ่งกว่า เพราะ





