“พี่รอง นังหนูฝูกับนังหนูหรงกลับมาแล้ว ท่านแม่ให้มาตามพวกพี่ไปที่บ้านใหญ่ รีบตามมาเร็วเข้า!”นางหวางตะโกนเสียงดังอยู่ด้านนอกนางหลี่เปิดประตูออกมา และเตรียมที่จะเดินตามนางหวางไปแต่จมูกของนางหวางนั้นดีมาก นางรู้สึกว่ามีกลิ่นแปลกๆอยู่ในห้อง จึงรีบกระโจนเข้ามาในทันทีนางหลี่รู้สึกเย็นวาบขึ้นมาทันที เพราะเกรงว่านางจะเห็นกระดูกไก่ที่อยู่ในโถดินเผา จึงรีบนางออกไป“น้องสาม เจ้าบอกว่าท่านแม่กำลังรออยู่ที่บ้านใหญ่ไม่ใช่เหรอ พวกเราไปกันเถอะ”นางหวางมองสำรวจไปทั่ว แต่ก็ไม่พบอะไรที่น่าสงสัยหรือว่าจมูกของนางผิดปกติไปแล้ว?ทั้งๆที่นางได้กลิ่นของเนื้ออย่างชัดเจน และก็ยังเป็นเนื้อไก่อีกด้วย!“ไปกันเถอะ”นางหวางยิ้มอย่างกลบเกลื่อน แต่ก็ยังรู้สึกแปลกๆอยู่ดี หากไม่ใช่เพราะนางหลี่ดึงตัวเอาไว้ นางจะต้องพลิกห้องค้นหาอย่างแน่นอนซูหวั่นจ้องเขม็งไปที่แผ่นหลังของนางหวาง และแอบก่นด่าว่าจมูกดีเหมือนสุนัขอยู่ลับๆโชคดีที่นางมือเท้าไวและเก็บทุกอย่างเข้าไปในพื้นที่จินตนาการอย่างทันท่วงที โดยที่กำชับให้ซูลิ่วหลางอยู่ในห้อง จากนั้นซูหวั่นก็เดินตามทั้งสองไปอย่างรวดเร็วบ้านใหญ่ กำลังวุ่นวายไปหมดในตอนนี้ซู
ระหว่างทาง ซูหวั่นพูดกำชับด้วยเสียงที่เบามาก“ท่านแม่ เราทำเป็นว่าไม่รู้อะไรเลยเสียดีกว่านะคะ ท่านแม่ก็อย่าคิดมากไปเลย ปล่อยให้พวกเขาจัดการเรื่องนี้กันเองเถอะ!”เรื่องใหญ่ขนาดนี้จะไม่ให้คิดได้ยังไงกันนางหลี่ไม่อยากให้ลูกสาวต้องเป็นกังวล นางจึงพยักหน้าแล้วพูดว่า“แม่รู้ แค่กลัวว่าท่านย่ากับลุงใหญ่ของเจ้าจะมาก่อกวนพวกเรา เพราะเมื่อกี้เราได้ยินเรื่องทั้งหมดแล้วนะ”ซูหวั่นพยายามปลอบโยนอย่างเต็มที่“ถ้าพวกเขากล้ามา ข้าก็กล้าที่กระทืบพวกเขาด้วยเหมือนกัน”ที่ประตูของบ้านใหญ่นางหวางบิดตัวและหัวเราะกลบเกลื่อนไปสองสามที จากนั้นก็กลับไปที่ห้องตะวันตก เมื่อครู่นี้นางคิดที่จะดึงนางหลี่ให้มาเป็นแพะรับบาปที่มาแอบฟังเรื่องราวด้วยกันแต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะถูกซูฉางฝูจับได้เสียแล้ว“เจ้าคงไม่รู้ว่าข้าไปได้ยินอะไรมาเมื่อครู่นี้!”ทันทีที่กลับมาถึงห้อง นางหวางก็ขยิบตากับซูฉางโซว่และซูฉางโซว่ที่กำลังนอนอยู่บนเตียงอิฐไฟก็พลิกตัว แล้วถามว่า“ไปได้ยินอะไรมา?”ส่วนซูซานหลาง ซื่อหลาง และอู่หลางก็ได้ขยับเข้ามาฟังด้วยนางหวางเพิ่มระดับเสียงให้ดังขึ้น เพราะกลัวว่าทุกคนจะไม่ได้ยิน“นังหนูซูฝูอะไรนั่นท้องแล้
ซูหวั่นถือกะละมังไม้ออกมาล้างหน้า ราวกับว่าไม่ได้ยินอะไรเลยแม้แต่น้อยซูหรงจึงเดินเข้ามาแย่งกะละมังไม้ไปอย่างเกรี้ยวกราด พร้อมกับพูดขึ้นมาว่า“ข้าพูดกับเจ้าอยู่นะ!”“ตัวเองอยากจะล้างหน้าก็ไปตักน้ำมาเองสิ?ไม่มีมือไม่มีเท้าหรือไง!”ซูหวั่นปัดมือของซูหรงออกไปอย่างเต็มแรง“เจ้า!”ซูหรงคิดไม่ถึงเลยว่าซูหวั่นที่หัวอ่อนมาโดยตลอดจะลุกขึ้นมาต่อต้านแบบนี้ได้ มันทำให้นางตกใจจนพูดไม่ออกเลยทีเดียว“จะมาเจ้าอะไรอยู่ พูดไม่คล่องก็ไม่ต้องพูด รนแต่จะให้ใครเขารำคาญเอาเสียเปล่าๆ”ซูหวั่นยกน้ำที่ผ่านการล้างหน้ามาแล้วไปให้นาง“เอ้า อยากจะได้น้ำไม่ใช่เหรอ เอาไป ค่อยๆล้างนะ!”พอพูดจบ นางก็หันหลังและเดินออกไปทันทีซูหรงมองตามแผ่นหลังของซูหวั่น และคิดว่านังเด็กนี่มันเปลี่ยนไปแล้วงั้นเหรอ!นางถือกะละมังเอาไว้ มองดูน้ำสกปรกที่อยู่ข้างใน และกระทืบเท้าอย่างเต็มแรงซูฝูขมวดคิ้วและสัมผัสไปที่ท้องอย่างไม่รู้ตัว“อาหรง อย่าโกรธนางไปเลย ต่อไปหากข้าได้เป็นท่านหญิงสกุลเจียงแล้วละก็ ข้าจะซื้อคนรับใช้มาให้เจ้าสักสองสามคนแน่นอน”นางมีลูกอยู่ในท้องต่อให้เจียงถงลู่จะไม่ยอมรับ แต่นางก็ยังสามารถให้แม่เฒ่าเซี่ยงช่วยคิดหาวิธ
นางเซี่ยงกวาดตามองสำรวจไปรอบๆขณะที่นางกำลังจะพูด เจิ้งซื่อหลางก็ดึงแขนเสื้อของนาง แล้วชี้ไปที่ซูฝูและซูหรง“ท่านแม่ ข้าไม่ต้องการนาง ข้าต้องการพวกนางสองคนนั้น”และใบหน้าของซูหรงก็ดำคล้ำขึ้นมาทันทีเจิ้งซื่อหลางคนนี้เป็นเพียงคางคกที่อยากจะกินเนื้อหงส์เท่านั้น!ซูหวั่นเม้มริมปาก จับนางหลี่ที่คิดจะพูดอะไรออกมาเอาไว้ และยืนอยู่ข้างๆนางและแม่เฒ่าเซี่ยงก็อดกลั้นเอาไว้ไม่อยู่ตามที่คิดเอาไว้“ซื่อหลาง ไม่ใช่ว่าข้าจะต่อว่าเจ้านะ เจ้าก็ไม่ใช่เด็กๆแล้ว ทำไมยังจะมาจู้จี้จุกจิกอีก!”คางคกที่อยากจะกินเนื้อหงส์ยังต้องส่องกระจกมองดูตัวเองนะนางไม่ค่อยจะถูกชะตากับหลานคนนี้มาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว หากไม่เห็นแก่น้องสาวของตัวเองแล้วละก็ แม่เฒ่าเซี่ยงก็คงจะหยิบท่อนไม้ไล่ออกไปตั้งนานแล้วเจิ้งซื่อหลางเลียใบหน้าที่เจ้าเล่ห์ของตัวเอง แล้วโน้มตัวเข้ามา“ท่านน้า ท่านน้าพูดแบบนี้ข้าไม่ค่อยจะชอบมากนัก ไม่ว่าจะอย่างไรข้าก็ไม่สนใจหรอกนะ รับเงินอัดข้าไปแล้วก็ต้องส่งคนมาให้ข้า!”นางเซี่ยงรักเจิ้งซื่อหลางลูกชายคนนี้มากที่สุด เขาพูดอะไรก็เป็นอย่างนั้นมาโดยตลอด“ท่านพี่ ชีวิตนี้ข้าไม่เคยขอร้องอะไรพี่เลยนะ ข้าขอพี่คร
“อุ๊ย!ดับสิๆ คอยดูก็แล้วกันว่าข้าจะจัดการกับนังเด็กคนนี้ยังไง!”แม่เฒ่าเซี่ยงยังคงสาปแช่งต่อไปพลังการต่อสู้นั้นน่าทึ่งมาก แต่สองหมัดจะสู้สี่มือได้อย่างไร และเศษเงินอัดในกระเป๋าก็ถูกนางเซี่ยงแย่งเอาไปทั้งหมดแล้วโดยที่ซูหวั่นได้เฝ้ามองสถานการณ์นี้ตั้งแต่ต้นจนจบนางกระตุกมุมปากขึ้นมาอย่างเย้ยหยัน โดยที่นึกตลกขึ้นมาในใจว่า คนชั่วก็ต้องให้คนชั่วจัดการกันเองสินะประโยคนี้ช่างสมเหตุสมผลเสียจริงๆในฐานะลูกสะใภ้ นางหลี่ก็ได้เข้าไปช่วยห้ามด้วยเช่นกัน แต่ก็ถูกตบกลับมาสองสามฉาดแทน เดิมทีซูหวั่นก็คิดอยากจะเข้าไปช่วยนาง แต่คิดไปคิดมานางก็หยุดฝีเท้าลงเพราะเห็นว่าการดับไฟค่อนข้างจะตึงเครียดมากยิ่งกว่าแม้ว่านางจะจุดไฟ แต่นางก็ไม่อยากจะเผาบ้านให้มอดไหม้ไปหรอกนะ เพราะไม่เช่นนั้นแล้วนาง แม่ และน้องชายจะไปอยู่ที่ไหนได้?“ปัง!”หมู่บ้านซีสุ่ยมีขนาดไม่ใหญ่นัก เมื่อมีเพลิงไหม้เกิดขึ้นก็จะมีคนถือถังไม้มาช่วยดับไฟในทันทีเมื่อผลักเปิดประตูไม้ออกมา ทุกคนก็ต้องตกตะลึงกับภาพที่อยู่ด้านในและเมื่อหญิงชราคนหนึ่งได้เห็นแม่เฒ่าเซี่ยงที่เสื้อผ้ารุ่งริ่งไปหมดก็ถามขึ้นมาว่า“เกิดอะไรขึ้น ทำไมต้องลุกขึ้นมาต
“ท่านย่า มีอะไรหรือเปล่าคะ?”ซูหวั่นหยุดฝีเท้าลงอย่างไม่แยแสและแม่เฒ่าเซี่ยงก็เงื้อมือขึ้นมาและการตบฉาดนี้ก็ไม่มีเสียงดังขึ้นตามที่คาดเอาไว้ ซูหวั่นบีบข้อมือของแม่เฒ่าเซี่ยงเอาไว้ และผลักกลับอย่างเต็มแรงและดุดัน“คิดจะตีข้างั้นเหรอ?”“นังเด็กจิตใจต่ำทราม โอ๊ย เอวข้า!”แม่เฒ่าเซี่ยงจับเอวและร้องไห้คร่ำครวญ เหงื่อท่วมตัวด้วยความเจ็บปวด“ซูหวั่น เจ้าไสหัวออกจากสกุลซูไปเดี๋ยวนี้ บ้านสกุลซูของเราไม่มีหลานสาวอย่างเจ้า!”ซูหวั่นบุ้ยๆปาก และทำหูทวนลมต่อคำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยงหลังจากแบกกระบุงหาบขึ้นหลังแล้ว นางก็พาซูลิ่วหลางขึ้นไปบนภูเขาทันทีนางหลี่รู้ดีว่ามันคงไม่เป็นผลดีแน่หากจะอยู่ประจันหน้ากับแม่เฒ่าเซี่ยงต่อไป นางจึงหยิบจอบและลงไปทำนาด้วยเช่นกันและซูฝูก็ได้ประคองแม่เฒ่าเซี่ยงให้ขึ้นไปบ้านใหญ่“ท่านย่า เมื่อครู่ท่านย่าได้ยินหรือเปล่า ซูหวั่นเกือบจะพูดเรื่องของข้าออกไปแล้ว”“นังเด็กบ้า!”แม่เฒ่าเซี่ยงกุมเอว ดวงตาหย่อนคล้อย พร้อมกับพูดว่า“รอให้พ่อของนางกลับมาเสียก่อนเถอะ ข้าจะต้องขายนางออกไปอย่างแน่นอน!”ซูฝูยิ้มๆและพัดวีให้กับแม่เฒ่าเซี่ยง“ท่านย่า ข้ารู้จักครอบครัวดีๆอยู่ เราสามารถได้เ
“เคร้ง!”แม่เฒ่าเซี่ยงไม่ชอบใจกับน้ำเสียงเช่นนี้ของนาง และตะเกียบก็กระเด้งสองสามทีแล้วตกลงไปบนพื้น“หมายความว่าไง แม่เจ้าอยู่ที่ไหนข้าจะไปรู้ได้ไง คนทั้งคนข้าจะซ่อนเอาไว้ได้งั้นเหรอ ข้าไม่ได้ต่อว่านางที่ขี้เกียจไม่หุงหาอาหารก็ดีแค่ไหนแล้ว!”แม่เฒ่าเซี่ยงราวกับว่าได้กินดินปืนเข้าไป นางพูดพร่ำต่อไปอย่างไม่หยุดหย่อนและทุกอย่างที่กินเข้าไปในปากก็ได้พุ่งออกมาตามรอยฟันแล้วซูหวั่นขมวดคิ้ว หากนางไม่ได้สนใจกฎหมายของยุคสมัยนี้ นางก็คงเข้าไปกระทืบแม่เฒ่าเซี่ยงจนฟุบพื้นไปแล้ว“อาหวั่น เกิดเรื่องกับแม่ของเจ้าแล้ว รีบไปดูที่ที่นากันเถอะ......”มีป้าสองสามคนมายืนตะโกนอยู่ที่หน้าประตู และซูหวั่นก็รีบกระโจนออกไปโดยไม่ต้องคิด โดยที่วิ่งไปตามเส้นทางของความทรงจำนั้นโดยกลุ่มคนที่อยู่ในห้องก็มองหน้ากัน แต่ก็ยังกินข้าวอยู่อย่างนั้นโดยไม่ขยับเขยื้อนแต่อย่างใด......นางหลี่นอนหมดสติอยู่บนท้องนา โดยมีปุ๋ยหมักธรรมชาติตกกระจายไปทั่วและกลิ่นนั้นก็ฉุนเอาเสียมากๆจนแทบจะอาเจียนออกมาเลยทีเดียวซูหวั่นรีบเดินเข้าไปทันที แต่โชคดีที่ไม่มีอาการบาดเจ็บหรือปุ๋ยอยู่บนร่างกายของนางหลี่“ท่านแม่!”นางเอื้อมม
ทางด้านทิศตะวันตกของบ้านใหญ่ซูฝูจับมือนางจางเอาไว้อย่างกระวนกระวายใจ“ท่านแม่ ท่านแม่ว่าจู่ๆท่านปู่ก็กลับมา หรือเขาจะรู้เรื่องของข้าแล้ว?”นางจางสัมผัสได้ว่ามือและเท้าของซูฝูเย็นเฉียบด้วยความกลัว และนางก็เจ็บปวดแทบขาดใจ“อาฝูเจ้าอย่ากลัวไปเลยนะ ต่อให้ท่านปู่ของเจ้าจะรู้เรื่องแล้ว แม่ก็จะปกป้องเจ้าจนสุดชีวิตเอง”แม้นางจะพูดออกไปแบบนี้ แต่ในใจกลับครุ่นคิดว่าใครกันแน่ที่เป็นคนปล่อยข่าวออกไปแล้วข่าวได้แพร่กระจายออกไปเร็วขนาดนี้ได้ยังไง?ดวงตาของซูฝูแดงก่ำ นางปาดน้ำตาที่หางตาแล้วพูดว่า“ข้าไม่อยากจะถูกจับลงกรงหมู ท่านแม่ ท่านแม่ต้องช่วยข้านะ!”“ชู่ว์!”นางจางปิดปากซูฝูเอาไว้แน่น พร้อมกับส่งสัญญาณว่าให้นางพูดเบาๆหน่อย“แม่จะออกไปดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เจ้าอยู่รอในห้องห้ามออกไปไหนนะ อาหรง เจ้าอยู่เป็นเพื่อนพี่ด้วย”ซูหรงเข้ามาจับมือของซูฝูและดึงนางไปที่เตียงอิฐไฟ“ท่านพี่ต้องคิดมากไปแน่ๆ ท่านปู่จะรู้เรื่องได้เร็วขนาดนี้ได้ยังไงกัน ต่อให้ซูหวั่นจะป่าวประกาศไปยังเมืองที่อยู่ใกล้ๆ มันก็ต้องใช้เวลาทั้งวันทั้งคืนเลยนะ!”ซูฝูจึงค่อยๆดึงสติกลับมาได้ และปลายนิ้วมือของนางก็อุ่นขึ้น“อาหรง เจ้