Share

บทที่ 6 กินซุปไก่

เมื่อได้อาหารตามที่ต้องการแล้ว ซูหวั่นและนางหลี่ก็เดินกลับไปที่ห้องตะวันออกทันที

โดยไม่สนใจว่าแม่เฒ่าเซี่ยงจะกระทืบเท้าและสาปแช่งตามหลังนางมากแค่ไหน

โจ๊กนั้นมีไม่มาก ดังนั้นนางหลี่จึงแบ่งเป็นสามส่วน โดยส่วนของนางเองน้อยที่สุด และซาลาเปาก็แบ่งเพียงเศษไปเท่านั้น

ซูหวั่นเพิ่งจะกินผลไม้ไปจึงไม่หิวสักเท่าไหร่ ดังนั้นนางจึงแบ่งส่วนที่เกินมาให้กับนางหลี่ไป“ท่านแม่ ข้าไม่หิว ท่านแม่ทานเถอะนะ พรุ่งนี้ท่านแม่ยังจะต้องออกไปทำนาอีก”

แม้ว่านางจะไม่ใช่เจ้าของร่างเดิม แต่นางก็รู้สึกถึงความห่วงใยของนางหลี่ได้อย่างแท้จริง

นางหลี่รู้ว่าซูหวั่นร่างกายอ่อนแอเลยปฏิเสธที่จะรับมัน แต่ซูหวั่นก็ได้พูดเกลี้ยกล่อมอยู่นานและยังหยิบลูกพีชออกมาอีกด้วย จากนั้นนางหลี่ถึงกินโจ๊กไปทั้งน้ำตาแบบนั้นได้

ซูลิ่วหลางยื่นมือไปเช็ดน้ำตาให้กับนาง“ท่านแม่อย่าร้องไห้ไปเลยนะ ต่อไปลิ่วหลางจะต้องทำให้ท่านแม่มีความเป็นอยู่ที่ดีกว่านี้ให้ได้”

“ได้!”นางหลี่เปลี่ยนน้ำตาให้เป็นเสียงหัวเราะ และดึงซูลิ่วหลางและซูหวั่นเข้ามาในอ้อมแขน“แม่ต่างหากที่ไม่เอาไหน พวกเจ้าทั้งสองถึงได้ถูกรังแกแบบนี้ได้ แม่ต้องขอโทษพวกเจ้าจริงๆ”

หลังมื้ออาหาร แม่และลูกๆก็ช่วยกันเก็บกวาดก่อนที่จะเข้านอน

โดยที่ซูหวั่นได้เข้าไปในพื้นที่จินตนาการอีกครั้งเพื่อศึกษาสิ่งต่างๆที่อยู่ภายใน หลังจากทำความคุ้นเคยกับสิ่งที่อยู่ภายในเป็นอย่างดีแล้วถึงออกมาและเข้านอนในที่สุด

ก่อนรุ่งสาง ประตูบานไม้ก็ถูกเคาะจนเสียงดังสนั่นหวั่นไหว

“พี่รอง วันนี้ถึงตาพี่ทำอาหารเช้าแล้วนะ รีบตื่นเร็วๆเข้า!”นางหวางตะโกนเสียงดังอยู่ด้านนอกพร้อมกับเคาะประตูอย่างไม่หยุดหย่อน

“มาแล้ว!”นางหลี่สวมเสื้อผ้าเสร็จและกำลังจะเดินออกไป

จากนั้นแม่เฒ่าเซี่ยงก็เปิดหน้าต่างพร้อมก่นด่าออกมาว่า“แหกปากอยู่ได้ พูดเบาๆหน่อยไม่ได้หรือไง ข้ายังนอนอยู่นะ!”

และนางหวางก็หัวเราะคิกคักออกมา“ท่านแม่ ก็ข้ากำลังเรียกให้พี่รองลุกขึ้นมาทำอาหารอยู่นี่นา ไม่ได้อยากจะทำเสียงดังจนปลุกให้ท่านแม่ตื่นสักหน่อย เรื่องนี้จะโทษข้าไม่ได้นะ”

ทุกอย่างที่ไม่ดีก็สาดมาที่ตัวของนางหลี่จนหมด เพราะถึงอย่างไรนางหลี่ก็พูดแก้ต่างไม่เป็นอยู่แล้ว

“ปัง——”

แม่เฒ่าเซี่ยงปิดหน้าต่างอย่างเต็มแรง และคำสาปแช่งก็ยังคงดังอยู่อย่างนั้น

สิบห้านาทีต่อมา ซูหวั่นก็ลุกขึ้นมาช่วยนางหลี่จุดไฟและหุงหาอาหารด้วยเช่นกัน ซึ่งนางหลี่อยากให้ซูหวั่นนอนต่ออีกสักหน่อยเพราะความสงสารนาง“เจ้าเพิ่งจะหายป่วย มาห้องครัวทำไมกัน รีบกลับไปนอนต่ออีกสักหน่อยเถอะ”

“ท่านแม่ ข้าคงข่มตานอนไม่ได้หรอก เดี๋ยวท่านย่าก็คงจะเข้ามาสาปแช่งอีกแน่นอน”

นางหลี่รู้สึกว่าสิ่งที่นางพูดก็ดูสมเหตุสมผลด้วยเช่นกัน

จากนั้นนางก็ถอนหายใจยาวๆออกมาอย่างไม่สบายใจ แต่ก็ยังคิดว่าแม่เฒ่าเซี่ยงเป็นผู้ใหญ่อยู่

หากเมื่อวานไม่ถูกบีบบังคับอย่างจนตรอก นางก็คงไม่ทำให้แม่เฒ่าเซี่ยงอับอายต่อหน้าผู้คนมากมายแบบนั้นหรอกนะ

ขณะที่แม่และลูกสาวกำลังหุงอาหารในครัว แม่เฒ่าเซี่ยงก็ลุกขึ้นมาจากเตียงและยืนอยู่ที่ประตูของห้องครัว โดยใช้ดวงตาที่เหี่ยวย่นมองดูพวกนาง เพราะเกรงว่าอาหารจะถูกขโมยเอาไปกิน

ระหว่างมื้ออาหาร หลังจากที่แม่เฒ่าเซี่ยงแบ่งอาหารเสร็จแล้วนั้น นางยังคงรู้สึกโกรธอยู่และไม่พูดอะไรเลยสักคำ

ซึ่งนางหลี่ก็เคยชินกับทัศนคติแบบนี้ของนางมานานแล้ว

นางจึงก้มหน้าลงและไม่พูดไม่พา เพราะไม่อยากจะทำให้เกิดปัญหามากไปกว่านี้ หลังจากมื้ออาหารยังต้องไปทำนาอีก ซูหวั่นเพิ่งจะฟื้นจะอาการป่วย นางหลี่จึงรับหน้าที่ทำงานต่อและปล่อยให้นางพักผ่อนที่บ้าน

หลังจากพวกเขาได้ออกไปแล้ว ซูหวั่นก็แบกกระบุงขึ้นหลังแล้วเตรียมที่จะพาซูลิ่วหลางขึ้นไปบนเขาเพื่อหาของป่า

ตามความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม นางก็เดินมาถึงป่าไผ่แห่งหนึ่ง

ด้วยสายตาที่เฉียบคม นางก็ได้เหลือบไปเห็นไก่ตัวผู้กำลังกินน้ำที่คูน้ำในป่าไผ่ โดยใช้จะงอยปากจิกน้ำและเงยหน้าขึ้น ลำตัวเต็มไปด้วยขนที่สวยงาม

เห็นได้ชัดว่ามันเป็นไก่ป่า หนักประมาณกิโลกว่าๆเลยทีเดียว!

“พี่ครับ”ซึ่งซูลิ่วหลางก็เห็นด้วยเช่นกัน เขาดึงชายเสื้อของซูหวั่นขณะที่กดเสียงพูดให้เบาลง

ซูหวั่นส่งเสียงจุ๊ๆออกมา จากนั้นก็ค่อยๆหยิบกระบุงขึ้นมาและครอบไปที่หัวของไก่ป่าตัวนั้น

โดยที่ไก่ป่ายังคงกินน้ำอยู่จึงไม่ทันได้วิ่งหนีไป

จนกระทั่งรู้สึกถึงความมืดที่หัว

มันถึงร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง!

“คราวนี้อาหารเย็นก็เป็นอันว่าเรียบร้อยแล้วนะ”ซูหวั่นตบกระบุงพร้อมกับยิ้มจนตาหยี

เดิมทีพวกเขากำลังกลุ้มใจเกี่ยวกับอาหารเย็นอยู่เลยทีเดียว เพราะด้วยนิสัยของแม่เฒ่าเซี่ยงแล้ว พวกนางคงกินไม่อิ่มอย่างแน่นอน และไม่คิดว่าไก่ป่าตัวนี้จะเข้ามาทันเวลาอย่างพอดิบพอดี

ซูหวั่นอุ้มไก่ป่าโดยให้ซูลิ่วหลางไปจุดไฟ ขณะที่ตัวเองซ่อนตัวอยู่ที่มุมห้องและหยิบหม้อและกระทะออกมาจากที่นั่นไป

ซึ่งซูลิ่วหลางก็แค่สงสัยว่าหม้อและกระทะมาจากไหน แต่เขาไม่ถามอะไรไปมากกว่านั้น

เขาแค่จุดไฟอย่างตั้งใจ เพราะยังไงเสียพี่สาวก็ไม่คิดร้ายกับเขาอย่างแน่นอน

นอกจากคนล่าสัตว์ก็แทบจะไม่มีใครเข้ามาในพื้นที่ป่าแห่งนี้เลย ซูหวั่นจึงจัดการกับไก่ป่าตัวนี้ได้อย่างสบายใจ และตุ๋นไฟเอาไว้โดยมีซูลิ่วหลางคอยเฝ้าอยู่

ส่วนนางก็เดินไปรอบๆภูเขาเป็นเวลาครู่ใหญ่

ระหว่างนั้นนางก็ได้พบกับแม่ไก่ป่าอีกตัวหนึ่งที่กำลังฟักไข่อยู่ นางจึงหยิบทั้งรังและแม่ไก่ยัดลงไปในพื้นที่จินตนาการนั้นเอาไว้

จากนั้นนางก็ไปจับปลาและกุ้งที่ริมลำธาร ซึ่งนางก็ได้ใส่เข้าไปในพื้นที่จินตนาการด้วยเช่นกัน

นางแบกกระบุงกลับมาหาซูลิ่วหลาง โดยครุ่นคิดอยู่ในใจว่าโชคดีนี้เรียกว่าปลาคราฟนำโชคหรือไม่?

“พี่ครับ พี่กลับมาแล้ว!”ดวงตาของซูลิ่วหลางกลอกไปมา และกลืนน้ำลายอยู่ไม่หยุด

ซุปไก่หม้อนี้หอมเหลือเกิน!

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status