เขาไม่เคยพบคนแรงมากเพียงนี้มาก่อน รู้สึกเพียงว่าเพียงฝ่ามือเดียว กระดูกเขาก็ใกล้จะแหลกออกจากกันแล้ว!ซ่งจิ่งเซินมองท่าทางลงมืออย่างไร้เมตตาของซ่งจืออวี้ เพียงรู้สึกสงสัยว่าคนผู้นี้จะวู่วามชั่วขณะจนตีคนตายไปหรือไม่!นี่หากตายไป พี่ใหญ่ก็ไม่สามารถแก้แค้นด้วยตนเองได้แล้วไม่ใช่หรือ?“พอแล้ว ถอย!”ซ่งจืออวี้ได้ยินเสียงเตือนของซ่งจิ่งเซิน แม้รู้สึกว่ายังตีได้ไม่หนำใจ แต่ก็พาคนถอยกลับไปอย่างไม่ลังเล!อ๋าวเจี๋ยเห็นกลุ่มคนหนีไปอย่างว่องไวไม่เห็นแม้แต่เงา รู้สึกอึดอัดคับข้องใจอย่างที่สุด!เหตุใดคนของราชวงศ์ฉู่โยวไร้ยางอายถึงเพียงนี้!ตีเรียบร้อยแล้วก็หนีไป ตกลงอีกฝ่ายมีฐานะเยี่ยงไรเขาก็จำไม่ได้!ครั้งนี้ สองสามคนนอนอยู่บนพื้น ไม่อาจลุกขึ้นในทันทีเลยได้ทีแรกโมโหเกรี้ยวกราดอยากไปสั่งสอนซ่งเยี่ยนโจวดีๆ สักที ปรากฏว่ายังไม่ทันถึงสนามประลองยุทธ์ก็ถูกสั่งสอนถึงสองยกแล้วพวกที่มาด้วยกันล้วนนึกเสียใจภายหลังขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ วันนี้พวกเขาก็หาเหตุผลไม่มาแล้วทีแรกคิดว่าเป็นงานง่าย ใครคิดเล่าว่าต่อมาจะถูกตีอยู่ตลอดเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ยังถูกตีจนกลายเป็นเช่นนี้ไปแล
ซ่งจิ่งเซินสบมองท่าทางเปี่ยมไปด้วยความสงสัยของซ่งจืออวี้ก็รู้สึกไม่น่าไว้ใจสักเท่าใดอุปนิสัยของเจ้าสามเป็นเช่นไร เขารู้ดีมากนัก ทำร้ายอ๋าวเจี๋ยสักทีเป็นความคิดของพวกเขา แต่หากมาผิดที่ นั่นก็คือพลาดโอกาสครั้งใหญ่ไป!“พวกเจ้าไปสืบดูสักหน่อย มาผิดตำแหน่งที่อ๋าวเจี๋ยอยู่หรือไม่”ซ่งจิ่งเซินออกคำสั่งผู้อยู่ใต้อาณัติข้างกาย หากสถานที่ไม่ผิดแล้วล่ะก็ อิงตามเวลานัดหมาย อ๋าวเจี๋ยน่าจะมาแล้วถึงจะถูกจากนั้น ตอนผู้อยู่ใต้อาณัติเตรียมไปสืบ ก็ได้เห็นคนกลุ่มหนึ่งเดินทางมาจากทางด้านหน้า“มาแล้ว! เป็นพวกอ๋าวเจี๋ยขอรับ!”ดวงตาซ่งจืออวี้ทอประกายวูบหนึ่ง เขาก็บอกแล้วตนเองสืบข่าวมาไม่ผิดจากนั้น หลังทั้งสองคนได้เห็นสภาพน่าสงสารของอ๋าวเจี๋ยก็สบตากันแวบหนึ่งอย่างอดไม่ได้ สีหน้าเปี่ยมคำว่าไม่เข้าใจ“ดูท่าแล้วคนผู้นี้เป็นที่รังเกียจของทุกคนในเมืองหลวงพวกเรา พวกเรายังไม่ทันลงมือ เหตุใดคนผู้นี้ก็ถูกตีจนกลายเป็นเช่นนี้ไปแล้วเล่า?”ซ่งจืออวี้นึกสนุกขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ ในฐานะพี่น้องแท้ๆ เขารู้ดีมากว่าก่อนหน้านี้พี่ใหญ่ต้องลำบากมากเพียงใด ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะอ๋าวเจี๋ย!บัดนี้อ๋าวเจี๋ยเป็นฝ่ายมาหาพวกเขาก่
หลังเดินเข้าใกล้อีกนิด ก็ได้เห็นใบหน้าเรียวเล็กเท่าฝ่ามือสะท้อนความสุข ปากบ่นพึมพำ มองเห็นแล้วแววตาเขาพลันปรากฏรอยยิ้มวูบหนึ่งฮูหยินของเขา ยิ่งมองก็ยิ่งน่ารัก“หากเจ้าอยากเรียนวิชายุทธ์ ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปข้าจะเริ่มสอนเจ้า”ซ่งรั่วเจินเลื่อนสายตามาก็เห็นว่าฉู่จวินถิงมาแล้ว สายตาสะท้อนแววแปลกใจ “ท่านมาตั้งแต่ยามใด?”“เพิ่งมา เรื่องเช่นนี้ถึงขั้นไม่เรียกข้า?” ฉู่จวินถิงเอ่ยซ่งรั่วเจินผายมืออย่างระอา “เมื่อวานพวกเขาเองก็ยังไม่กำหนดเวลา คิดไม่ถึงเลยว่าจู่ๆ วันนี้ก็จะกำหนดเวลาแล้ว กะทันหันเกินไป ดังนั้นหม่อมฉันจึงทำได้เพียงหาคนมาช่วยเพคะ”พูดถึงตรงนี้ ซ่งรั่วเจินผลิยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง “ท่านอ๋อง ท่านฝึกฝนผู้อยู่ใต้อาณัติได้ยอดเยี่ยมยิ่งนัก เพียงครู่เดียวก็ทำให้เขาไม่อาจตอบโต้ได้แล้ว”“ฮูหยินพอใจก็ดีแล้ว” ฉู่จวินถิงหัวเราะเบาๆ ขยิบตาให้อวิ๋นหยางทีหนึ่งอวิ๋นหยางเข้าใจความหมายของท่านอ๋องตนในทันใด รีบปิดหน้าแล้วปรี่ถลันเข้าไปในกลุ่มคนซ่งรั่วเจินเห็นว่าอวิ๋นหยางพกหน้ากากติดตัวตลอดเวลา สายตาพลันสะท้อนแววตกตะลึงวูบหนึ่ง สมเป็นแขนซ้ายแขนขวาของจวินถิง เตรียมการไว้พร้อมสรรพ!จู่ๆ อวิ๋นหยางก
คนที่ซ่งรั่วเจินพามาล้วนเป็นวิชายุทธ์ แต่ละคนหูดีมาก ชั่วขณะได้ยินความเคลื่อนไหวนี้ หัวใจทุกคนพลันหนักอึ้งไปพระชายาพูดไม่ผิดไปเลยสักนิด ทั้งๆ ที่อ๋าวเจี๋ยรู้ว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซ่งเยี่ยนโจว ปากยังพูดว่ามีเพียงพวกเขาสองคน แต่แท้จริงแล้วเตรียมแผนอื่นเอาไว้วันนี้คนผู้นี้ไม่ใช่เตรียมประลองฝีมือหาผู้แข็งแกร่ง แต่ต้องการเอาชีวิตซ่งเยี่ยนโจว!ชิงเถิงและไป๋จื่อชะงักไป ภายในสายตาเปี่ยมความตกตะลึง โชคดีพระชายานึกถึงเรื่องนี้ได้ตั้งแต่แรก หาไม่แล้วจะต้องแย่แน่!“พระชายา ตอนนี้พวกเราสมควรทำเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ?” จ้าวหลงเอ่ยถามซ่งรั่วเจินยกมุมปากเบาๆ แล้วพูดว่า “ยังรออันใดเล่า? บุกเข้าไปเลย! จำเอาไว้อย่าตีจนตาย จะต้องให้เขาเหลือลมหายใจไปที่สนามประลองยุทธ์”ได้ยินดังนั้น ทุกคนสบตากันแวบหนึ่ง รีบร้องรับคำ “พ่ะย่ะค่ะ!”พวกอ๋าวเจี๋ยมุ่งไปข้างหน้าด้วยความมั่นใจ แท้จริงแล้วพวกเขาเตรียมแผนสำรองไว้ตั้งแต่แรกพวกเขามุ่งหน้าไปยังสนามประลองยุทธ์ก่อน ส่วนคนที่เหลือวางกับดักซ่งเยี่ยนโจว ถึงตอนนั้นทำร้ายซ่งเยี่ยนโจวจนได้รับบาดเจ็บสาหัสก่อน รอไปถึงสนามประลองยุทธ์แล้ว ด้วยอุปนิสัยของซ่งเยี่ยนโจวจะต้องไม่ยอม
อูเยว่เอ๋อร์กำหมัดแน่น เหตุที่นางเสียหน้าไปจนหมดสิ้น ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะซ่งรั่วเจิน!บัดนี้ ไม่ว่าอย่างไรนางก็ต้องตอบโต้กลับไปให้ได้!“เจ้าไปบอกอ๋าวเจี๋ย การต่อสู้ในคืนนี้ จะต้องชนะเท่านั้น!”“ไม่เพียงต้องชนะ ข้ายังต้องการให้ซ่งเยี่ยนโจวตายอีกด้วย!” สายตาอูเยว่เอ๋อร์เปี่ยมความโหดเหี้ยม “ในเมื่อซ่งรั่วเจินพูดว่าพวกเขาสกุลซ่งจัดงานมงคลแต่ไม่เชิญข้า เช่นนั้นข้าก็จะทำให้พวกเขาจัดงานอัปมงคลแทน!”“เพคะ องค์หญิง”......หลังซ่งรั่วเจินได้รู้เวลาและสถานที่ที่ซ่งเยี่ยนโจวและอ๋าวเจี๋ยนัดหมายกันไว้ดีแล้ว ภายในสายตาสะท้อนแววนึกสนุก“ชิงเถิง ไป๋จื่อ เมื่อวานพวกเจ้าเองก็ได้พบอ๋าวเจี๋ยแล้ว สามารถตัดสินวรยุทธ์ของเขาได้หรือไม่ว่าเป็นเช่นไร?”ชิงเถิงและไป๋จื่อสบตากันแวบหนึ่ง ทันใดนั้นสีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นมา“พระชายา อ๋าวเจี๋ยคนนั้นเป็นแม่ทัพในสนามรบ มือเปื้อนโลหิตนับไม่ถ้วน วรยุทธ์ย่อมไม่แย่” ชิงเถิงพูดด้วยสีหน้าจริงจังเมื่อก่อนตอนพวกนางฝึกวิชายุทธ์ภายในค่ายทหาร ได้พบคนวรยุทธ์แข็งแกร่งไม่น้อย เพียงมองผ่านลมหายใจก็สามารถรู้ได้อย่างชัดเจน“พละกำลังของอ๋าวเจี๋ยคนนั้นแข็งแกร่งจริงๆ แต่
วันต่อมา อูเยว่เอ๋อร์หลับไปช่วงหนึ่งก็ตื่นขึ้นมา เมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ก็รู้สึกราวกับเป็นฝันร้ายฉากหนึ่ง นางเสียใจจริง ๆ ที่ตนไม่สามารถชิงลงมือก่อน กลับกลายเป็นว่าให้ซ่งรั่วเจินชิงนำไปหนึ่งก้าว เป็นเหตุให้ตนไม่มีโอกาสระบายความแค้นด้วยซ้ำ กลับถูกคนอื่นหัวเราะเยาะแทน! “ปี้เอ๋อร์ วันนี้เหล่าองค์ชายบอกว่าจะไปที่ใด?” อูเยว่เอ๋อร์เอ่ยถามอย่างไม่ใส่ใจ สาวใช้ที่อยู่ข้าง ๆ เมื่อได้ยินคำพูดนี้ก็อดมิได้ที่จะสบตากันไปมา แววตาฉายแววลนลานออกมาแวบหนึ่ง “มีอะไรหรือ?” อูเยว่เอ๋อร์ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “องค์หญิง วันนี้ไม่มีการนัดหมายใด ๆ เพคะ” ปี้เอ๋อร์เอ่ยด้วยท่าทีกล้า ๆ กลัว ๆ “อะไรนะ?” แววตาอูเยว่เอ๋อร์ฉายแววไม่อยากจะเชื่อ “เหตุใดจึงไม่มีการนัดหมายเล่า? พวกเจ้าเข้าใจผิดไปหรือไม่?” นับตั้งแต่นางมาถึงเมืองหลวง ทุกวันล้วนมีการนัดหมายจากเหล่าองค์ชาย แม้ว่านางตั้งใจจะแต่งงานกับฉู่จวินถิง แต่การได้ไปมาหาสู่กับองค์ชายทั้งหลายนั้น นางก็รู้สึกยินดีไม่น้อย หญิงงามผู้มีคุณธรรม ชายชาตรีย่อมใฝ่หา ในนั้น นางรู้สึกว่าองค์ชายเจ็ดก็ไม่เลวเลย เพียงแต่ หล