ระหว่างที่กำลังรออาหารมาเสิร์ฟ ตรีชฎาก็เริ่มเปิดฉากชวนสิบทิศคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้สารพัด ที่เธอจะสรรหามาคุยกับเขา ส่วนมากหญิงสาวมักจะถามเขาเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวเสียมากกว่า เพื่อที่จะเก็บไว้เป็นข้อมูลว่าเขาชอบอะไรไม่ชอบอะไร สิบทิศก็ต้องจำใจตอบทุกครั้งเวลาที่เธอถามมา เพราะสายตาของผู้เป็นมารดาจ้องมองเขาเสียจนตาแทบจะถลนออกมาจากเบ้า ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกอึดอัดเป็นที่สุด
ที่มารดาชวนตรีชฎามาทานข้าวเย็นด้วยกัน ทำไมเขาถึงไม่เอะใจตั้งแต่แรกนะ ว่านี่คือแผนการที่มารดาได้วางไว้ เพื่อต้องการจะจับคู่ให้เขา ชายหนุ่มไม่เข้าใจเลยว่า ผู้หญิงคนนี้มีดีอะไรนักหนา มารดาของเขาถึงอยากจะได้เธอมาเป็นลูกสะใภ้นัก
‘เหอะ ถ้าอยากจะจับก็จับไปเถอะ เขาไม่สนใจหรอก เพราะยังไงเขาก็ไม่มีวันหลวมตัวไปกับแผนการของมารดา เอาแม่นางยั่วคนนี้มาทำเมียหรอก ฮึ่ย! แค่คิดก็ขยะแขยงเต็มทน ผู้หญิงที่สวยแต่รูปกาย แต่ข้างในยับเยินไม่มีชิ้นดีอย่างแม่นางยั่วคนนี้ ใครจะเอาลง’
‘คนอย่างสิบทิศจะแต่งงานทั้งที ผู้หญิงที่เขาจะเลือกมาเป็นภรรยาและแม่ของลูก จะต้องสะอาดผุดผ่องเท่านั้น!’
“สิบ ตักปลากะพงให้น้องหน่อยสิลูก”
“หมูทอดอีก น้องตักไม่ถึง”
“ตักต้มยำให้น้องด้วยสิตาสิบ”
คุณหญิงสิรินดาคอยกำกับเขาจนแทบจะกระดิกตัวไปไหนไม่ได้ ต้องคอยตักอาหารให้ตรีชฎาตามคำสั่งของคุณแม่บังเกิดเกล้า ด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ ตกลงนี่เขาเป็นลูกของนางหรือเป็นทาสของแม่นางยั่วกันแน่
“ขอบคุณค่ะ”
เสียงหวานใสกล่าวขอบคุณ ใช้ช้อนตักอาหารรับประทานอย่างเอร็ดอร่อยไปถึงทรวงใน
ตั้งแต่เกิดมาเธอไม่เคยทานอาหารที่ไหนอร่อยได้เท่าวันนี้เลย ก็อย่างว่าล่ะนะ สุดที่รักของเธอเป็นคนตักให้นี่
‘เฮ้อ สงสัยมื้อนี้เธอคงอิ่มอกอิ่มใจไปหลายวันเลยทีเดียว’ เธอคิด
“คุณสิบ ไม่ทานล่ะคะ อาหารไม่ถูกปากเหรอ”
ดวงตากลมโตมองชายหนุ่มที่เอาแต่เขี่ยข้าวในจานไปมา ไม่ยอมตักเข้าปากสักที ก็อดที่จะถามเขาด้วยความสงสัยไม่ได้
เมื่อเห็นว่าสิบทิศไม่ตอบ หญิงสาวเลยตัดสินใจหยิบกุ้งเผาตัวโตให้เขาทันทีอย่างไม่ต้องรอคำอนุญาต
“นี่ค่ะ กุ้งเผาตัวโต เนื้อเยอะน่าทานมากเลยนะคะ”
ใบหน้าคมคายผินไปมองหน้าสวยเนียน พร้อมกับทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ ไม่พอใจนักที่เธอถือวิสาสะหยิบกุ้งเผามาใส่ในจานของเขา
“อ้าว คุณสิบขา ไม่ทานล่ะคะ กุ้งเผาอร่อยมากเลยนะคะ เอ หรือว่าคุณสิบขี้เกียจแกะ ไม่เป็นไรค่ะ งั้นเอามานี่ ผิงจะแกะให้”
ตรีชฎาสรุปความเองคนเดียว เพราะเข้าใจว่าคุณสิบของเธอคงจะขี้เกียจแกะกุ้งตัวนี้ เธอเลยอาสาทำหน้าที่ในการแกะกุ้งให้คุณชายสิบทิศทานเอง
“มาค่ะ เดี๋ยวผิงป้อนนะคะ อ้ำสิคะ”
กุ้งเผาตัวโตถูกยื่นมาตรงหน้าชายหนุ่มอย่างเอาใจราวกับเขาเป็นเด็กเล็ก
สิบทิศอึกอักอยู่สักพัก แต่เมื่อเหลือบไปเห็นสายตานางพญาสิรินดาจ้องมา เป็นการบังคับให้เขาทาน ริมฝีปากบางเฉียบจึงต้องอ้าปากรับกุ้งตัวโตที่หญิงสาวป้อนอย่างว่าง่าย ตรีชฎาฉีกยิ้มหวานรู้สึกปลาบปลื้มใจเป็นพิเศษที่ได้ป้อนกุ้งเผาให้ชายหนุ่มทาน
และแล้วการรอคอยให้ถึงเวลานี้ก็สิ้นสุดลง สิบทิศรู้สึกดีใจอย่างเหลือล้นที่จะได้รอดพ้นจากความอึดอัดนี้เสียที แค่นั่งกินข้าวกับแม่นางยั่ว เขาก็เบื่อจะตายอยู่แล้ว อยากจะหนีไปให้รู้แล้วรู้รอด
แต่เห็นทีเขาคงต้องดีใจเก้อ เมื่อคุณหญิงสิรินดามารดาของเขาดันมาเจอเพื่อนเก่าขณะกำลังเดินออกจากร้านอาหารเสียนี่ นางจึงขออยู่คุยกับเพื่อนเก่า แล้วจะโทร.บอกให้คนขับรถที่บ้านมารับ ส่วนตรีชฎานางก็ให้เขาเป็นคนไปส่งเธอ เนื่องจากตอนมา นางให้หญิงสาวนั่งรถมาด้วยกัน ฉะนั้นจึงเป็นหน้าที่ของเขา ที่ต้องไปส่งเธอให้ถึงที่
โอ๊ย! วันนี้มันเป็นวันอะไรกันวะเนี่ย ช่างซวยซ้ำซวยซ้อนจริงจริ๊ง’
สิบทิศร่ำร้องอยู่ในใจ แต่รู้สึกว่าวันนี้จะเป็นวันที่ดีแสนดีของตรีชฎาเสียจริง ที่ได้มีโอกาสอยู่กับเขาตามลำพังสองต่อสอง
‘เฮ้อ ทำไมโชคชะตาถึงได้เข้าข้างแกแบบนี้นะยายผิง’
ระหว่างการเดินทางกลับ ตรีชฎารู้สึกอึดอัดใจมาตลอดทาง เพราะตั้งแต่ขึ้นรถมากับเขา สิบทิศก็เอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาขับรถ ไม่มีการพูดคุยกับเธอใด ๆ ทั้งสิ้น บรรยากาศในรถปกคลุมด้วยความเงียบงันมานาน ทำให้หญิงสาวมิอาจทนต่อไปได้ ริมฝีปากอิ่มเคลือบลิปสติกสีสวยจึงเอ่ยขึ้น
“คุณสิบขา”
“อะไร”
น้ำเสียงห้วนกระชากเปล่งออกมา ด้วยความหงุดหงิดปนรำคาญ
“คุณสิบไปเที่ยวที่ผับบ่อยไหมคะ”
นัยน์ตาหวานซึ้งมองหน้าชายหนุ่มอย่างรอคำตอบ สิบทิศถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย
“แล้วแต่อารมณ์ จะถามทำไม”
เขาตอบเสียงเรียบ ในขณะที่สายตาก็ยังจ้องมองถนนหนทางด้านหน้า
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ผิงแค่ถามเฉย ๆ ผิงก็ไปที่นั่นออกจะบ่อย ไม่เห็นจะเจอคุณสิบเลย”
เสียงหวานติดจะงอนเขานิดหนึ่ง ที่เธอถามแล้วเขาก็ดันมาย้อนถามเธออีก เธอก็แค่อยากรู้ว่าเขาไปที่นั่นบ่อยแค่ไหน ถ้าไปบ่อยแล้วทำไมเธอถึงเพิ่งจะได้เจอเขาเมื่อไม่กี่วันมานี้เองก็เท่านั้น
“เจอหรือไม่เจอ แล้วคุณจะถามให้มันได้อะไรขึ้นมาฮะ น่ารำคาญ”
เสียงเข้มยอกย้อน ก่อนจะสบถด้วยความรำคาญใจเป็นที่สุด
“ก็ผิงอยากรู้นี่คะ ถามไม่ได้เหรอ”
นัยน์ตากลมโตจ้องเขาตาแป๋วอย่างไร้เดียงสา สิบทิศเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้
‘ดูเอาเถอะ แม่นางยั่ว ทำมาเป็นมองเขาตาแป๋ว โธ่เอ๊ย คิดว่าตัวเองน่ารักตายแหละ หึ กระแดะจริง ๆ’
“คัต! พักกองได้”เสียงสั่งคัตจากผู้กำกับ เป็นผลให้มาเรียต้องผละออกจากนักแสดงหนุ่มตัวประกอบแทบจะทันที มือบางกรีดกรายอย่างมีจริต ปัดเนื้อปัดตัวด้วยท่าทางสะอิดสะเอียนเต็มทน“เชอร์รี่ ไปเอาแอลกอฮอล์มาซิ”มาเรียตะโกนสั่งผู้จัดการส่วนตัว แต่เมื่อเห็นว่าคนที่เธอเรียกหา ยังไม่กระดิกตัวไปทำตามคำสั่ง สายตาแหลมก็หันขวับมาจิกตาขวาง“นี่! นังเชอร์รี่ มัวนั่งบื้ออยู่ทำไมยะ ไปเอาแอลกอฮอล์มาเร็ว ๆ สิ ฉันขยะแขยงสัมผัสจากไอ้บ้านั่นเต็มทีแล้ว เร็ว ๆ”เสียงแหลมสั่งกำชับอีกครั้ง ผู้จัดการชายใจสาวจึงต้องรีบวิ่งหน้าตั้งไปหยิบแอลกอฮอล์มาให้นางแบบสาวอย่างเร่งด่วน เพราะถ้าขืนชักช้ากว่านี้ เจ้าหล่อนเป็นได้โวยวายใส่ จนปวดหัวไปสามวันเจ็ดวัน“นี่ค่ะ คุณมาเรียขา แอลกอฮอล์ที่สั่งได้แล้วค่ะ”เชอร์รี่ยื่นแอลกอฮอล์ขวดใหญ่ พร้อมสำลีหนึ่งห่อส่งให้ร่างโปร่งบางที่นั่งไขว่ห้างอยู่เมื่อรับขวดแอลกอฮอล์กับสำลีมาได้ เจ้าหล่อนก็รีบใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์ แล้วมาเช็ดตามเนื้อตัว เพื่อกำจัดสิ่งสกปรกออกจากร่างกาย“คุณมาเรียขา เช็ดแค่นี้คราบสกปรกมันออกไม่หมดหรอกค่ะ ทำไมไม่อาบไปเลยล่ะคะ รับรองว่ากำจัดทั่วทุกซอกทุกมุมแน่ค่ะ” เชอร์รี่จีบปา
“สวัสดีครับคนสวย เมื่อกี้คุณเต้นได้เซ็กซี่มากเลย ผมรู้สึกถูกใจคุณมากเลยล่ะ ถ้าผมจะชวนคุณไปต่อ คุณจะให้เกียรติไปต่อกับผมคืนนี้ไหมครับ”ชายคนที่ฉุดแขนเธอไว้เอ่ยชวน พร้อมกับไล่มองเรือนร่างของเธอด้วยสายตาโลมเลียอย่างน่าเกลียด ตรีชฎาหน้าตึงไปชั่วขณะ ทั้งโกรธและอายมาก ที่ผู้ชายตรงหน้ามาพูดจาหยามเกียรติหยามศักดิ์ศรีเธอเช่นนี้“ปล่อยนะ ฉันไม่ใช่ผู้หญิงขายตัว”เสียงหวานตะโกนใส่หน้า แล้วสะบัดแขนออกจากคนหื่นกาม“แหม ไม่มีใครเขาเชื่อหรอก ว่าคุณไม่ใช่ เอ หรือว่าที่ทำเป็นโมโหแบบนี้ เพราะอยากจะโก่งค่าตัวเหรอครับ ลีลาดีอย่างคุณเนี่ย ผมขอเหมาสองคืนเลย เท่าไหร่ล่ะ ผมจ่ายไม่อั้นอยู่แล้ว ยิ่งถ้าคุณเด็ดถูกใจผมล่ะก็ ผมจะจ่ายให้เป็นสองเท่าเลย สนใจไหม”ผู้ชายตรงหน้ายังคงต่อรองอย่างยียวนชวนให้ตรีชฎาโกรธจัด มือบางจึงฟาดลงไปที่ซีกแก้มของอีกฝ่ายเต็มแรง“เพียะ! ไอ้บ้า ฉันไม่ใช่ผู้หญิงขายตัว ต่อให้แกจ่ายให้ฉันเท่าไหร่ ฉันก็ไม่เอา แล้วจำไว้ ว่าคนอย่างฉันมีค่าพอ ไม่จำเป็นต้องเอาตัวไปเสนอให้แกหรอก ไอ้หื่นกาม” ตรีชฎาตะคอกกลับ ทำท่าจะเดินหนี แต่อีกฝ่ายก็กระชากเธออย่างแรง ร่างบางถูกดันจนหลังติดกำแพงด้วยคนที่มีพละกำลังม
“ไม่ค่ะ ผิงดื่มไม่เป็นสักอย่าง”ตรีชฎาส่ายหน้า ตั้งแต่เกิดมาเธอไม่เคยลองแตะของพวกนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว“ผู้หญิงอย่างคุณมาที่นี่ก็ออกบ่อยไม่ใช่เหรอ ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะดื่มของพวกนี้ไม่เป็น อย่างคุณเนี่ย หน้าไม่ให้เป็นคนไร้เดียงสาเลยนะ หรือคุณทำเป็นแอ๊บแบ๊วว่าไม่เคยดื่มให้ตัวเองดูดีฮะ”“ผิงดื่มไม่เป็นจริง ๆ นะคะ ทำไมคุณสิบต้องมายัดเยียดข้อหาให้ผิงด้วย”“แล้วปกติคุณมาที่นี่ทำไมถ้าไม่ได้มาดื่มสังสรรค์ อ้อ ใช่สิ ผมลืมไปที่คุณมาที่นี่บ่อย ๆ ก็เพราะว่าจะมาหาเหยื่อรวย ๆ ไว้ถลุงเงินเล่นล่ะสิท่า”วาจาเผ็ดร้อนแดกดันหญิงสาวอย่างเหยียดหยามเป็นที่สุด ในใจก็ไพล่คิดไปว่าผู้หญิงอย่างแม่นางยั่วคนนี้จะมีอะไร นอกเสียจากมาล่าเหยื่อกระเป๋าหนักไปนอนด้วย“คุณสิบ! ทำไมคุณต้องว่าผิงแบบนี้ด้วยคะ ผิงดูเป็นผู้หญิงแบบนั้นมากเลยเหรอ ผิงมาที่นี่ก็แค่มาแดนซ์กับเพื่อน ๆ เพื่อความสนุกสนานเท่านั้น ไม่ได้มาทำอะไรอย่างที่คุณสิบกล่าวหาผิงสักหน่อย”หน้าสวยเรียบตึงทันที เมื่อถูกเขาว่าร้าย เธอไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมเขาจะต้องหาเรื่องด่าว่าเธอได้ตลอดเวลา เขาไม่คิดบ้างเลยหรือไง ว่าเธอจะเสียใจแค่ไหนกับคำพูดที่ออกมาจากปากเขา“หึ ไม่ต
“โอ๊ย พอได้แล้ว หยุดสักที แสบแก้วหูจะตายอยู่แล้วนะ”มือหนายกขึ้นปิดหูทั้งสองข้างไว้อย่างรำคาญใจ เยื่อในหูจะฉีกขาดหมด ก็เพราะเสียงแจ๋น ๆ ของเธอนี่แหละ“คุณสิบต้องบอกมาก่อนว่าจะไปกับผิง ถ้าไม่อย่างนั้น ผิงก็จะตะโกนแบบนี้ จนคุณสิบหูแตกไปเลย”หน้าสวยสะบัดเชิดใส่เขา ก่อนจะตะโกนขึ้นมาดัง ๆ อีกรอบ“คุณสิบใจร้าย ๆ ใจร้ายที่สุดเลย ไม่ยอมไปเที่ยวกับผิง คุณสิบใจร้าย ๆ คุณสิบใจร้าย ๆ คุณสิบใจร้าย ๆ”“หยุดสักที ผมบอกให้หยุด!” เสียงเข้มตะโกนแทรกขึ้นมา“ไม่หยุด! คุณสิบใจร้าย ๆ คุณสิบใจร้าย ๆ”“โอ๊ย จะแหกปากอะไรนักหนา พอได้แล้ว ผมยอมแล้ว ไปก็ไป แต่หยุดตะโกนสักทีได้ไหม ปวดหูไปหมดแล้วเนี่ย”ในที่สุดสิบทิศก็ต้องยอมจำนนให้กับตรีชฎาจนได้ ที่ยอมไม่ใช่เพราะใจอ่อนหรอกนะ แต่ยอมเพราะทนไม่ไหวกับเสียงใสแสบแก้วหูของเธอเสียมากกว่า ถ้าขืนเธอตะโกนนานมากกว่านี้ มีหวังขี้หูออกมาเต้นระบำกันเป็นแถวแน่“จริง ๆ นะคะคุณสิบขา คุณสิบไปกับผิงจริง ๆ นะคะ พูดแล้วห้ามคืนคำนะ”ร่างบางรีบกระโดดมานั่งตักเขาด้วยความดีใจจนเกินเหตุ ก่อนจะกอดคอเขา พลางขอคำยืนยันอีกครั้ง เพราะกลัวว่าชายหนุ่มจะเปลี่ยนใจไม่ไปกับเธอ“อืม บอกจะไปก็ไปสิ นี่
“ท่านประธานคะ คุณผิงมาขอพบค่ะ”เมื่อได้ยินเสียงของเลขานุการสาวดังมาจากอินเตอร์คอม ร่างสูงก็ต้องถอนหายใจดังเฮือก“มาอีกแล้วเหรอเนี่ย โอ๊ย อยากจะบ้าตาย เมื่อไหร่จะหลุดพ้นจากบ่วงกรรมสักทีวะไอ้สิบเอ๊ย”มือหนาตบศีรษะตัวเองเบา ๆ อย่างนึกเซ็ง ไม่รู้ว่าเธอจะมาทำไมทุกวี่ทุกวัน พอมาก็มานั่งเฝ้าเขาทำงานบ้างแหละ มาป่วนเขาบ้างแหละ จนพักหลัง ๆ มานี้ เขาไม่ค่อยจะมีสมาธิในการทำงานสักเท่าไหร่ เพราะแม่ยอดยุ่งที่ชื่อตรีชฎานี่แหละ“อืม”สิบทิศครางในลำคออนุญาตให้เธอเข้ามา ทั้งที่ใจก็ไม่ได้อยากจะทำอย่างนี้เสียด้วยซ้ำ แต่ถึงจะให้เธอเข้ามาหรือไม่ให้เข้ามาก็มีค่าเท่ากันเพราะครั้งก่อนเขาไม่อนุญาตให้เธอเข้ามา คุณเธอก็ไม่แคร์สื่อใด ๆ ทั้งสิ้น นั่งรอเขาอยู่หน้าห้องอย่างไม่รู้สึกเบื่อ พอเขาออกมาก็หนีเธอไม่พ้นอยู่ดี ก็เธอเล่นดักเขาเสียขนาดนั้น ถ้าเขาหนีรอดไปได้ ก็คงไม่มานั่งกลุ้มอยู่อย่างนี้หรอก“คุณสิบขา ผิงคิดถึงคุณจังเลยค่ะ”นี่ก็เป็นประโยคเด็ดที่เธอจะต้องพูดเป็นประจำทุกวัน ว่าคิดถึงเขาอย่างโน้น คิดถึงเขาอย่างนี้ตรีชฎาเดินยิ้มหน้าระรื่นมานั่งตรงที่พิงแขนเก้าอี้ ก่อนจะโอบกอดร่างสูงให้หายคิดถึง ทำอย่างกับว่าเธอไ
ผู้คนจำนวนไม่น้อยยืนต่อคิวสั่งกาแฟแถวยาวเหยียดในร้านกาแฟเล็ก ๆ เนื่องจากมนุษย์เงินเดือนที่ทำงานอยู่ในออฟฟิศ มักจะใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีมานั่งดื่มกาแฟใกล้บริษัท แทนการรับประทานอาหารเช้าจากที่บ้าน เพราะความสะดวกสบายและไม่ต้องเสียเวลามากนัก จึงทำให้ผู้คนนิยมที่จะบริหารเวลาของตัวเองเช่นนี้ ซึ่งมันก็ค่อนข้างประหยัดเวลาได้มากเลยทีเดียวณภัทรถือกาแฟและคุกกี้เนยสดของโปรดเดินมาหาที่นั่งทาน ซึ่งดูท่าแล้วจะไม่มีโต๊ะว่างให้เธอนั่งเลยสักโต๊ะเดียว เพราะมองไปทางไหนก็มีแต่คนนั่งกันเต็มหมดแล้ว ดวงตาคู่สวยกวาดมองไปทั่วร้าน จนมาสะดุดอยู่ที่โต๊ะหนึ่ง มีเก้าอี้ว่างให้เธอสามารถเข้าไปนั่งได้พอดิบพอดี เห็นดังนั้น หญิงสาวจึงรีบย่ำเท้ามุ่งตรงไปที่โต๊ะนั้นโดยไม่รีรอ“ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่ามีใครนั่งหรือเปล่าคะ ถ้าไม่มีฉันขอนั่งด้วยคนนะคะ”ณภัทรเอ่ยขอชายหนุ่มที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้เอ่ยคำอนุญาตใด ๆ ร่างบางก็จัดแจงจะนั่งเก้าอี้ตัวที่ว่างทันทีแต่ในจังหวะที่หญิงสาวก้าวขาเข้ามา หมายจะนั่งเก้าอี้ตัวนั้น ขาเรียวงามของเธอก็ดันไปสะดุดเข้ากับขาเก้าอี้โดยไม่ได้ตั้งใจ ส่งผลให้กาแฟที่ถืออยู่ในมือหกเลอะมื