ก่อนที่สติของรินลดาจะดับลง เธอกำลังจะเปลี่ยนเสื้อผ้าตามที่เจ้มีญ่าบอก แต่อยู่ๆ ไฟในห้องก็ดับลง และเหมือนมีบางอย่างมาปิดปากของเธอ รินลดาดิ้นสุดแรง และไม่กี่นาทีเธอก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย จนถึงตอนนี้
“ใครจับตัวเรามา แล้วเขาจะทำอะไรกับเราข้าว เราไม่ได้รู้จักหรือเป็นศัตรูกับคนพวกนี้นะ”
“ข้าวก็ไม่รู้เหมือนกัน ป่านนี้พวกเจ้จะเป็นยังไงบ้าง จะทำยังไงกันดีล่ะนับดาว”
แกร๊ก!! เสียงประตูบานใหญ่ถูกเปิด สายตาทั้งคู่พุ่งไปยังเป้าหมายนั้นทันที
“คุณคะ!!!” รินลดารีบถลาเข้าไปหาผู้มาเยือน
“ข้านำอาหารมาให้”
เซริหัวหน้าสาวใช้วัยสี่สิบปี สื่อสารด้วยภาษาพื้นเมือง พร้อมกับภาษามือเพื่อให้หญิงต่างชาตินี้เข้าใจ เซริได้รับมอบหมายให้ดูแลหญิงสาวทั้งสี่คนที่นายท่านสั่งการมาโดยเฉพาะ
“ฉัน จะ กลับ บ้าน” รินลดาพยายามสื่อสารด้วยภาษามือ
“...” เซริมองหญิงสาวชาวไทยที่หน้าตางดงามสะสวย ผิวพรรณของนางช่างเนียนละเอียดดุจแพรไหมออกชมพูระเรื่อราวกับคนสุขภาพดี แบบนี้นี่เองที่นายท่านลงทุนลักพาตัวนางมาเก็บไว้แบบนี้
“ฉัน ต้องการ ที่จะ กลับบ้าน”
รินลดาใช้ภาษาอังกฤษเพื่อสื่อสารกับผู้หญิงตรงหน้าอีกครั้ง แต่ทว่านางกลับไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอนั้นบอกเลยสักนิด
“นับดาวว่าเขาคงไม่เข้าใจที่เราพูดหรอกข้าว...ดูเหมือนเขาจะเป็นคนรับใช้หรือเปล่า ดูจากการแต่งตัวแล้วน่าจะเป็นแบบนั้น”
“ท่าน ทาน อาหารนี้เถิด”
เซริเอ่ยขึ้น เมื่อเธอเห็นว่าหญิงชาวไทยสองคนนี้ พยายามจะร้องขอให้เธอปล่อยตัวออกไปจากที่นี่ ช่างแตกต่างกันกับอีกห้องหนึ่งนัก
“นางไม่ยอมทานอาหารของคุณเซริหรอก นางคงจะตกใจหวาดกลัว ข้าว่าให้พวกสาวใช้ จับนางทั้งสองอาบน้ำแต่งตัวกันเถิด อาหารวางไว้ตรงนี้ เดี๋ยวนางหิวเมื่อไหร่นางก็คงจะกินเอง”
โบอาสาวใช้วัยยี่สิบห้าปีออกความคิดเห็นกับหัวหน้าของเธอ ซึ่งตำแหน่งของเธอก็คือผู้ช่วยนางต้นห้องในฮาเร็มนั่นเอง
“งั้นเจ้าไปตามคนมาเพิ่มอีกสี่คน ดูแล้วนางสองคนนี่น่าจะพยศน่าดู นางคงไม่สยบง่ายๆ เหมือนสองคนนั้น”
เซริเอ่ยถึงหญิงสาวชาวไทยอีกสองคนที่อยู่ห้องถัดไป ตอนแรกนางทั้งสองตกใจและกรีดร้อง แต่พอผ่านไปได้สักพักนางก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี นางน่าจะเป็นคนฉลาดพอสมควร เพราะคำถามที่นางถามนั้นคือ ‘ใครเป็นคนจับตัวฉันมา’ คำตอบที่นางได้รับกลับทำให้นางนิ่งงัน และไม่โต้ตอบใดๆ อีกเลย
“เจ้าค่ะคุณเซริ”
“ภาษาของเขาไม่ใช่ภาษาที่เราจะเข้าใจง่ายๆ เลยนะข้าว นับดาวคิดว่าเราพยายามพูดทีละคำบวกกับใช้ภาษามือดีกว่านะ ข้าวดูตรงประตูตอนที่ผู้หญิงอีกคนกำลังเดินออกไปนะ เราจะสังเกตว่าด้านนอกห้องนั้นเป็นอะไรและแบบไหน”
ธาริกาจ้องไปยังประตูตอนที่นางรับใช้คนนั้นเดินออกไป
“เราจะต้องช่วยกันคิดหาทางหนีนะนับดาว พวกเขาฟังเราไม่รู้เรื่องแต่เขาคงน่าจะเข้าใจภาษากายเราบ้างแหละนะ”
รินลดาพูด พลางสะบัดตัวออกจากการโดนจับของผู้หญิงทั้งสี่คน ที่เข้ามารุมเธอซ้ายขวา
“ปล่อยนะ! ช่วยด้วย!!!!!!!” รินลดาตะโกนสุดเสียง
“ช่วยด้วยค่ะ!!!!!!!!!!!” ธาริการ้องออกมาดังสุดเสียงเช่นกัน
ปึก! เสียงวัตถุบางอย่างร่วงลงบนพื้น
“อุ้ย!!” หนึ่งในสาวใช้ถูกแรงเหวี่ยงจากสองสาวที่แผลงฤทธิ์ดิ้นพล่านไม่หยุด สะบัดจนกระเด็นไปคนละทิศละทาง
“ปล่อยนะ!!!” ธาริการ้องเสียงดังลั่น เธอไม่ยอมให้สาวใช้ทั้งสี่คนจับเธอได้ เธอพยายามดิ้น ทั้งเตะและถีบจนข้าวของกระจัดกระจายหล่นบนพื้นห้อง
“กรี๊ด!!” รินลดากรีดร้องสุดเสียง จนสาวใช้รีบปล่อยมือจากเธอเพราะความตกใจ
“คุณเซริเจ้าคะ...ไม่ไหวแล้วนะเจ้าคะ คุณเซริต้องเพิ่มกำลังอีกนะเจ้าคะ นางมีพละกำลังมากมายเหลือเกินเจ้าค่ะ”
“เดี๋ยวข้าจะไปตามคนมาช่วย”
หัวหน้าสาวใช้เดินกุมขมับออกไป เธอไม่คิดว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ สองคนแค่นี้จะมีพละกำลังถึงเพียงนี้ ไม่รู้ว่านายท่านฮาซีฟจะต้องปราบนางสองคนนี้อย่างไร ถึงจะได้เชยชมนางม้าพยศนี่
[อีกฟากฝั่ง...ของห้อง]
“เธอได้ยินเสียงร้องมั้ยปราง ฉันว่ามันเสียงคุ้นๆ นะ”
อริสาอยู่ในชุดพื้นเมืองยาวบางเบาที่ถูกตกแต่งเรียบร้อยจากสาวใช้ เครื่องประดับต่างๆ ถูกบรรจงแต่งแต้มบนเรือนร่างของเธอ อัญมณีเปล่งประกายระยิบระยับ เธอถูกลักพาตัวมา ซึ่งตอนนี้อริสาพอจะทราบคร่าวๆ แล้วว่าใครเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้
“ได้ยิน...เสียงร้องน่าจะเป็นข้าวฟ่างกับนับดาวนะ”
ปรางทิพย์มองเพื่อนในวงการของเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า การแต่งกายของอริสานั้นไม่แตกต่างจากเธอมากนัก เธอถูกจับแต่งตัวเพื่อรอทำอะไรบางอย่าง เธอก็ไม่รู้ว่า ‘นายท่าน’ ที่บรรดาสาวใช้บอกนั้นเป็นอย่างไร แต่ปรางทิพย์ก็พอจะรู้ว่า นายท่านคนนี้น่าจะไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน สังเกตเครื่องเพชรนิลจินดาบนเรือนร่างของเธอและอริสานั้นบอกได้เป็นอย่างดีว่าร่ำรวยขนาดไหน
“ทำไมต้องจับมันสองคนมาด้วย ฉันไม่เข้าใจ! แล้วนี่เจ้มีญ่าโดนจับมาด้วยหรือเปล่าเนี่ย แล้วเจ้จะตามหาเราสองคนมั้ย”
อริสารู้สึกเหมือนกับว่าเด็กใหม่สองคนนั้นจะพยายามอยู่ในระดับเดียวกันกับเธอตลอด การโดนลักพาตัวมาครั้งนี้ สร้างความหนักใจให้กับอริสาหรือเปล่า ไม่เลย! เธอคิดว่าแค่เครื่องเพชรพลอยบนเรือนร่างของเธอนั้น ถ้าขายก็คงได้ราคานับสิบล้านเลยทีเดียว ‘ใครกันนะ ที่ถูกใจเธอ ถึงขั้นทำแบบนี้ ชีคหนุ่มหล่อมหาเศรษฐีหรือเปล่า’ อริสากำลังครุ่นคิดถึงชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงหน้าเวทีตอนที่เธอกำลังเดินแบบ ‘หรือจะเป็นเขาคนนั้น’ ที่จ้องเธอจนตาแทบไม่กระพริบ
“ฉันก็ไม่รู้ สองคนนั่นคงพยายามที่จะหนีแน่นอน ฉันว่าเราสองคนหาทางหนีกันเถอะ เราจะอยู่แบบนี้ไม่ได้นะ คนพวกนั้นอาจจะจับตัวเรามาฆ่าก็ได้นะโมนา...”
“ฉันไม่คิดว่าเขาจะพาเรามาฆ่าหรอกนะปราง เธอไม่เห็นเหรอว่าพวกนางรับใช้พวกนั้นอาบน้ำแต่งตัวให้เราแบบนี้ หมายถึงอะไร เธอดูชุดสิ...ไม่ต้องพยายามถอดก็พร้อมที่จะหลุดอยู่แล้ว ฉันถามพวกคนรับใช้แล้ว พวกหล่อนบอกว่า นายท่านสั่ง ฉันว่านายท่านก็น่าจะเป็นใครสักคนที่ร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีแน่นอน เธอดูห้องข้าวของเครื่องใช้สิ”
[ภายในคฤหาสน์หลังใหญ่] “เจ้าแน่ใจนะบาอิล ว่านางผู้นั้นได้หนีออกไปจากที่นี่แล้ว” “ขอรับนาย...พวกนางรับใช้เป็นพยานได้ขอรับ นางบอกว่าพวกนางออกไปในเมืองเพื่อซื้อของ และหนึ่งในนั้นมีหญิงคนหนึ่งไปด้วย ซึ่งสาวรับใช้ที่ไปด้วยคิดว่านางคนนั้นคือเพื่อนของนาง แต่ปรากฏว่าพวกนางตามหากันทั่วตลาดกลับไม่พบเจอ สุดท้ายคนที่พวกนางไปด้วยนั้นไม่ใช่เพื่อนของนาง เพราะนางกลับมาเจอเพื่อนของนางที่นี่ขอรับ และอีกอย่างเราเช็คจากกล้องวงจรปิดขอรับ นางผู้นั้นออกไปจริงๆ ขอรับ” “งั้นแสดงว่าเธอผู้นั้นได้ออกจากที่นี่ไปแล้ว เจ้าให้คนของเราออกติดตามนางไป โรงแรมที่พักของเหล่านางแบบชาวไทยอยู่ในเมือง ถ้านางรอดไปข้าคิดว่านางก็คงจะไปที่นั่นอย่างแน่นอน” “ขอรับนาย” “ส่วนผู้หญิงอีกคนล่ะเจ้าเช็คกล้องวงจรปิดแล้วเจอหรือไม่” “เอ่อ...เจอขอรับนาย...แต่ว่าทางเราเข้าไปตรวจสอบนางไม่ได้ขอรับ...เพราะนางได้เข้าไปในห้องของนายท่านคาริสขอรับ” “ห๊ะ! เจ้าพูดว่าอะไรนะ! เข้าไปห้องท่านพี่คาริสหรือ?” “ขอรับนาย...เราย้อนดูกล้องแล้ว นางเข้าไปแล้วและยังมิได้ออกจากห้องนายท่าน
อิลยาสขอสืบเรื่องนี้ ก่อนที่จะเผยความจริง เขารู้จักนิสัยของท่านพี่ฮาซีฟและท่านพี่คาริสดีว่าเป็นอย่างไร ตอนนี้อิลยาสขอดูท่าทีเรื่องทั้งหมดไปก่อน “แต่เพื่อนของฉันล่ะคะ” “ข้าจะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เจ้าไม่ต้องกังวล นี่ก็เวลาดึกแล้ว ข้าเองคิดว่าเรื่องต่างๆ ไม่น่าจะเลวร้าย เดี๋ยวข้าจะเดินดูรอบๆ ในบริเวณภายในตึกเพื่อหาเพื่อนของเจ้า อีกอย่างข้าก็ไม่อยากให้ใครสงสัยเรื่องของเจ้า เจ้าต้องระวังอย่าให้ใครเห็นเจ้า แม้กระทั่งสาวใช้ที่เข้ามาในห้องนี้”อิลยาสนึกถึงสตรีอีกนางหนึ่งขึ้นมาทันที กว่าเขาจะปลีกตัวจากการรับประทานอาหารมื้อค่ำกับเธอมาได้ก็นานพอสมควร ราเนียมีจุดมุ่งหมายที่จะจับเขาให้ได้ โดยเธอพยายามออดอ้อนเขาต่อหน้าท่านพ่อกับท่านแม่ของเขา ซึ่งอิลยาสอึดอัดใจและปฏิเสธไม่ได้ “แต่ว่า...” ธาริกาเป็นห่วงรินลดา แค่อยากรู้ว่าเพื่อนเธอยังปลอดภัยดีหรือเปล่า รินลดาก็ดื่มยาไปเหมือนกัน และอาจจะโดนมากกว่าเธอด้วยซ้ำ ขนาดธาริกายังขนาดนี้ แล้วรินลดาล่ะจะอดทนต่อสู้ได้ไหม ธาริกากังวลใจมากๆ “วางใจข้าเถิด...เจ้าแค่รออยู่ตรงนี้ และถ้าข้ายังไม่กลับมา เจ้าก็นอนพักผ่อนตามสบาย
“แน่นอน...เจ้าโดนยาปลุกกำหนัด...และโดนปริมาณมาก ซึ่งคนที่โดนขนาดนี้ บางคนเกิดอาการช็อกก็มี ข้ารู้ว่านี่เป็นการกระทำของพี่ชายของข้า ถ้าเจ้าจะแจ้งความจับพี่ชายของข้า ข้าก็มิได้ขัดขวางเจ้าเลย”“ฉันไม่แจ้งความค่ะ ขอแค่คุณช่วยพาฉันและเพื่อนกลับไปที่เดิมเท่านั้นก็พอค่ะ”รินลดาอยากออกไปจากตรงนี้ ความบอบช้ำทั้งร่างกายและจิตใจของเธอนั้น รินลดาจะถือว่ามันเป็นอุบัติเหตุในชีวิตของเธอ และเธอจะลืมทุกสิ่งที่นี่“เจ้ากับข้าร่วมรักกันไปหลายครั้ง ข้ามิได้ป้องกันเลย เจ้าเองคิดว่าตัวเองจะกลับประเทศไปโดยไม่มีอะไรอยู่ในท้องของเจ้าหรือไง”อารมณ์ของชีคหนุ่มเริ่มเดือดขึ้น“เอ่อ...ฉันไม่เอาความคุณหรอกค่ะ ฉันแค่อยากกลับบ้านค่ะ แค่คุณส่งฉันกลับก็พอแล้วค่ะ”“ถ้าเกิดเจ้าตั้งครรภ์ลูกของข้าล่ะ เจ้าจะทำอย่างไร”“ไม่ค่ะ! ฉันไม่คิดว่าตัวเองจะโชคร้ายขนาดนั้นหรอกค่ะ ถึงแม้ว่า เอ่อ ฉันจะท้องจริงๆ ฉันก็ต้องยอมรับ และเลี้ยงเขาได้ค่ะ”“นี่เจ้า! จะเลี้ยงบุตรของข้าคนเดียวงั้นหรือ ทั้งที่ข้าก็ยังอยู่เนี่ยนะ”คาริสสูดลมหายใจอย่างแรง เพื่อระงับความโกรธที่มีต่อหญิงสาวตรงหน้า ทำไมเขาถึงคิดที่จะรับผิดชอบเธอ เพราะความเป็นสุภาพบุรุษงั
[ฮาเร็มฮาซีฟ] “คุณเซริก็แค่บอกท่านฮาซีฟไปว่า นางทั้งสามหนีไปได้สิเจ้าคะ จะได้ไม่มีปัญหา ข้าออกตามหาทั่วคฤหาสน์แล้ว ก็เหลือแต่ห้องของนายท่านคาริสเจ้าค่ะ เพราะสาวรับใช้คอยสกัดข้าไว้ เกือบหลุดไปแล้ว ดีนะข้าอ้างว่ามาตาหาท่านเซริ ไม่งั้นคงแย่เป็นแน่แท้...ส่วนห้องของนายท่านอิลยาสก็มีคุณราเนียอยู่ในนั้นด้วย ก็คงไม่มีอะไรเจ้าค่ะ” “ข้าจะบอกนายท่านฮาซีฟอย่างที่เจ้าแนะนำได้อย่างไรโบอา เจ้าก็รู้นี่ว่านายท่านฮาซีฟพึงพอใจนางสาวคนไทยคนนั้นมากแค่ไหน”เซริจะแก้ปัญหาเหล่านี้ได้อย่างไร นายท่านอาจไม่พอใจเพราะเธอทำงานไม่สำเร็จ “แต่ข้าไม่คิดแบบคุณเซรินะเจ้าคะ ข้าว่านางสาวคนไทยที่ชื่อโมนานั่น น่าจะทำให้นายท่านฮาซีฟพึงพอใจอยู่ไม่น้อยเลยนะเจ้าคะ ข้าว่านางมีเสน่ห์แพรวพราวและทำให้นายท่านฮาซีฟอยู่หมัด คุณเซริสังเกตไหม ว่านายท่านฮาซีฟจะอารมณ์เย็นทันที เมื่อเจอคุณโมนาคนนั้นออดอ้อนเอาใจ” “ก็จริงอย่างที่เจ้าพูดนะโบอา แต่ข้าก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี ถ้าเกิดนายท่านคาริสรู้เรื่องนี้ล่ะเป็นเรื่องใหญ่แน่นอน เพราะนายคาริสเคยมาบุกค้นที่ฮาเร็มนี่แล้ว แต่นายท่านฮาซีฟปฏิเสธไปทุกทาง ข้าว่าเรื
“ข้าไม่เข้าใจในสิ่งที่ท่านพูด” คนขับรถแท็กซี่ตอบกลับ “ฉัน จะ ไป โรงแรม กะ-กุม เบ”ปรางทิพย์พยายามออกเสียงชื่อของโรงแรมที่เธอและพวกเจ้มีญ่าพักอยู่ ขอให้เธอได้ไปถึงที่โรงแรมให้ได้เสียก่อนเถอะ “กุม-เบ” ชายพื้นเมืองพยายามแกะข้อความจากเสียง “ใช่! กุม-เบ โรงแรมกุมเบ” ปรางทิพย์ยิ้มออกมาทันที “อะไรคะ?” ปรางทิพย์หยิบกระดาษจากมือของชายขับแท็กซี่ที่ส่งมาให้เธอดู เธอเห็นตัวหนังสือที่อ่านไม่ออก แต่มีตัวเลขหลายๆ ตัวปนอยู่ ปรางทิพย์คาดเดาได้ทันที ว่านี่คือค่าตอบแทนที่เธอต้องจ่ายถ้าเขาจะพาเธอไปยังจุดหมายนั้น “โอเค!” ปรางทิพย์โชว์สัญลักษณ์มือ พร้อมกับยิ้มและดีใจเป็นอย่างมาก ถ้าเธอไปถึงโรงแรมเมื่อไหร่ก็ค่อยแก้ปัญหาอีกที ปรางทิพย์คิดว่า ยังไงเจ้มีญ่าคงไม่หนีกลับไปอย่างแน่นอน... [ห้องอิลยาส] “เย็นนี้เจอกันที่โต๊ะอาหารนะคะท่านพี่” “ครับ” “งั้นราเนียไปพักผ่อนก่อนนะคะ เดี๋ยวเจอกันค่ะ” “ครับ แล้วเจอกันครับ” ปึ่ง! ประตูบานใหญ่ถูกปิด “เฮ้อ!” อิลยาสถอนหายใจออกมาทันที ไม่รู้ว่าเขาจะทนราเนียได้อ
เพลงรักบรรเลงไปอย่างดุเด็ด เผ็ดมัน ทั้งสองพลางหอบหายใจถี่รัว ความปวดหนึบตรงช่วงล่างผสมกับเสียวซ่านแล่นผ่านร่างเล็ก เสียงเต้นของหัวใจถี่รัว ก่อนจะดีดเด้งร่างงามเมื่อความเสียวซ่านทะยานขึ้นสุดจนระเบิดน้ำรักออกทำให้ร่างบางชักเกร็งไปด้วยความเสียวกระสันที่ไม่อาจอดกลั้นไว้ได้ เพียงไม่กี่วินาทีร่างหนาก็พาตัวเองทะยานขึ้นไปจนสุดและปลดปล่อยความเป็นชายจนหมดสิ้น ระเบิดลาวาร้อนออกมาจนท่วมท้นในร่องรักของหญิงสาว“ฮึก...” เสียงหอบกระเส่าปรากฏขึ้นหลังจากบทรักร้อนแรงนั้นผ่านพ้นไป“เจ้า...” คาริสก้มหน้าซุกซบเข้ากับซอกคอของหญิงสาว เมื่อการร่วมรักแสนดุเดือดนั้นจบลง ริมฝีปากร้อนจูบซับไปที่ลำคอของเธอเพื่อเป็นการปลอบใจ โดยที่ช่วงล่างของเขา ยังมิได้ถอดถอนท่อนแห่งความเป็นชายออกแต่อย่างใด“มะ-ไม่ ฮึก!” รินลดาพยายามฝืนร่างของเธอออก แต่ยังไม่ทันที่ร่างงามนั้นจะเบี่ยงกายออก บางอย่างกลับคุกรุ่นขึ้นมาอย่างกระทันหัน“อะ อ๊ะ!” ความร้อนกระสันตีเข้าแทรกร่างเล็กอีกครั้ง“โอววว์” เสียงครางแหบพร่าของชีคหนุ่มดังขึ้นทันที เมื่อร่างบางนั้นเบียดแซะเข้าหาร่างของเขาอย่างอัตโนมัติ ‘ปริมาณยาปลุกกำหนัดในร่างของนางคงมีอยู่ไม่น้อยเลยท