LOGINเมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
ฉันมาทำอะไรที่นี่~ ณ ตอนนี้เพลงนี้กำลังกรีดร้องถามอยู่ในใจฉัน เพราะว่าฉันอยู่บนรถพี่หมีพูห์นะสิคะ หมีพูห์คือใคร ใครคือหมีพูห์น่ะเหรอ ก็คนที่ขับรถข้างๆ ฉันนี่ไง เรียกหมีพูห์ก่อนแล้วกัน มันดูเข้ากับหน้าพี่แกดี แต่นี่ไม่ใช่ประเด็น ประเด็นมันอยู่ตรงที่ หลังจากที่หมีพูห์บอกว่าจะไปส่ง ฉันจะอ้าปากปฏิเสธออกไปแต่หมีพูกลับไม่ฟัง ลากกระเป๋าเดินทางฉันไปไว้ที่รถเสร็จสรรพ พี่แกก็ลากตัวฉันไปนั่งในรถฝั่งข้างคนขับหน้าตาเฉย พอพี่แกเดินไปขึ้นฝั่งคนขับ ฉันแค่พูดว่า ไม่ต้อง พี่แกก็หันมาส่งสายตาคมดุบอกเป็นนัยๆ ว่า ‘อย่าดื้อ’ อึ้ง อึ้งสิคะ โลมาพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ตอนนี้ได้แต่นั่งตัวเกรงไม่กล้าขยับเลย “ซี” “อ... อะไรนะคะ” แกจะตะกุกตะกักทำไม ยัยโลมา “ฉันชื่อซี แล้วเธอล่ะ” “โลมาค่ะ” แล้วฉันจะไปบ้าจี้ตอบหมีพูห์ทำไมอีกเนี่ย >< “เด็ก” “โลมาไม่ใช่เด็กแล้วนะ” ได้ไงฉันไม่ใช่เด็กซะหน่อย “มาหาแฟน?” “โลมาไม่ได้มาหาแฟน ทำไมหมีพูห์ต้องคิดงั้นด้วย”เริ่มหงุดหงิดแล้วนะ “หืม? หมีพูห์” เห๊ยลืมไปเลย หงุดหงิดไปหน่อยจนเผลอเรียกชื่อที่ตั้งให้พี่เขา โอ้ยยัยโลมาแกจะแถยังไงเนี่ย “อะไรคะ ใครหมีพูห์” แถไปทำหน้าใสซื่อ เอียงขอเล็กน้อย แถไปข้างๆ คูๆ ถูไปให้ถลอกเลยฉัน “หึ ช่างเถอะ” “////” แค่...ยิ้มมุมปากทำไมฉันถึงละสายตาจากหมีพูห์ไม่ได้เลย ใบหน้าเรียวเนียนใส สายตาคม บางทีก็ดุ บางทีก็โอนโยน พี่เขาดูอบอุ่น ปากอมชมพูได้รูป จมูกที่โดดเด่นเข้ากับใบหน้าอีก หล่อแบบวัวตายความล้มอ่ะบอกเลย แม่เจ้า! ใจฉันสั่น ตึกตัก ตึกตัก “มองอะไร” ฉันเผลอจ้องหน้าพี่เขานานทำให้คนที่กำลังขับรถจอดรถแล้วหันหน้ามาถาม บ้าจริงฉันเผลอจ้องหมีพูนานขนาดนี้ได้ยังไง “ปะ... เปลา โลมาเเค่มองวิวฝั่งนู้น” ว่าจบชี้นิ้วผ่านหน้าหมีพูห์เพื่อยืนยัน “ป้อมยาม” (-__-) เพล้ง! แตกสิคะหน้าฉัน แถไม่เนียน ยังไม่ดูทางอีก รถมาจอดถึงโรงแรมฉันยังไม่รู้ตัวอีก “โอ๊ะ! ถึงโรงแรมแล้ว ขอบคุณนะคะที่มาส่ง” ว่าจบ ยกมือไหว้เสร็จสรรพ รีบลงจากรถเตรียมตัวจะวิ่งเข้าโรงแรม แต่… “กระเป๋า” ผมยืนมองโลมาที่ตั้งใจเลี่ยงคำตอบอย่างขำๆ คนตัวเล็กหันกลับมาด้วยใบหน้าแดงๆ 'น่ารักชะมัด' ผมหยิบกระเป๋าเดินทางส่งให้น้อง “ขอบคุณค่ะ” “อืม” ว่าจบน้องหันหลังกลับลากกระเป๋าเดินทางวิ่งเข้าโรงแรมไป ผมเดินเข้าไปในรถหยิบของลงจากรถ ล็อกรถเสร็จสรรพเดินเข้าโรงแรม ใช่ครับ ผมพักอยู่โรงแรมเดียวกันกับน้อง ผมเดินเข้าไปเช็คอินเสร็จ กำลังเดินขึ้นลิฟต์เห็นโลมากำลังก้มหาอะไรบางอย่างในกระเป๋าอยู่ “ชั้นไหน” น้องเงยหน้ามองผม “หมีพูห์” คนละคำตอบอีกแล้ว “ชั้นไหน” ผมถามน้องอีกครัง “15 ค่ะ” ชั้นเดียวกัน ตึง~ เสียงลิฟต์เปิดบ่งบอกว่าถึงที่หมาย ผมลากกระเป๋าเดินทางของน้องและของตัวเองออกจากลิฟต์ “จะเอากระเป๋าของโลมาไหนคะ” “ห้องไหน” จ้องมองคนตรงหน้าเพื่อเอาคำตอบ “156” อ่า...ห้องข้างกัน “อย่าบอกนะคะ พี่ตามโลมามาอ่ะ” (-__- ) คนตรงหน้าเบิกตากว้างเขยิบถอยห่างจากผมรีบโอบตัวเองไว้ เธอชี้นิ้วกล่าวหาผม “ฉันพักอยู่โรงแรมนี้” “ไม่เชื่อ พี่เป็นโรคจิตใช่ไหม” ร่างบางตรงหน้าผม ยกมือขวาและซ้ายกำหมัดเล็กแน่น เหมือนตั้งการ์ด ใช่ไหมวะ “เฮ้อ” ผมลากกระเป๋าเดินทางไปยังหน้าห้องของโลมาวางกระเป๋าโลมาไว้หน้าห้อง เเล้วลากกระเป๋าตัวเองไปที่ห้อง 157 หยิบคีย์การ์ดสแกนเข้าห้องตัวเอง ทิ้งเด็กเอ๋อที่ทำหน้างงไว้คนเดียว ติงต๊องจริงๆ ภายในห้องถูกคลุมโทนด้วยสีดำและขาว เฟอร์นิเจอร์สุดหรูและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ รวมไปถึงความเด็นชัดของวิวใจกลางเมืองกรุงโตเกียว ร่างสูงว่างกระเป๋าเดินเข้าไปในห้องนอนล้มตัวลงนอนด้วยความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง …..Trrrrrrrr… “ครับม๊า” (เป็นไงบ้างทะเล ถึงที่พักหรือยัง) “ถึงแล้วครับ” (แกจะเข้าบริษัทตอนไหน) เสียงป๊าผมแทรกถามขึ้น (เอ๊ะ นี่คุณ ลูกพึ่งถึง คุณจะเร่งลูกทำไม) (ผมเปล่านะคุณ ผมถามมันเฉยๆ) (แล้วคุณจะมาแย่งฉันคุยทำไม) (ผมคุยกับลูกชายไม่ได้ไง!) เอาเเล้วครับป๊าผมกำลังท้าทายอำนาจมืดครับ (!!! คุณวัชระ!!) (อุ้ย! ขอโทษครับเมีย คุยเลยครับผมจะไม่กวนเเล้วครับ) (ไม่คุย อยากคุยก็คุยไปเลย) เอาแล้วป๊าโดนม๊างอนแล้ว (เพราะแกเลย เมียป๊าเดินไปนู่นเลย) “เกี่ยวอะไรกับผมล่ะ แม่ลูกเขาจะคุยกันป๊านั่นแหละกีดกันผมกับม๊า” (นั้นเมียป๊าไหม เดียวค่อยง้อแหละกัน สรุปแกจะเข้าบริษัทวันไหน) “อีก2 วันครับ ผมอยากเที่ยวก่อน” (เที่ยวหรือติดสาวเอาดีๆ ไอ้ลูกชาย อย่าคิดว่าป๊าไม่รู้นะ) “แย่งม๊าคุยกับผมเพราะอยากรู้เรื่องนี้เหรอครับ” (ก็เออสิวะ ยอมลงทุนให้ม๊าแกงอนเลยนะเว้ย สรุปยังไง แกจริงจัง?) “เรื่องของอนาคตน่ะป๊า”ผมตอบกวนป๊า เอาคืนหน่อยแล้วกันโทษฐานที่กีดกันผมกับม๊า (มึงอย่าตอบแบบดาราสิเว้ยยย) “ไว้กลับไทยเมื่อไร ผมจะเล่าให้ฟัง แค่นี้ก่อนนะครับ” (เห้ยยยยเดี๋ยวก่อนไอ้ทะเล ปะ…) คิดเอาไว้ไม่มีผิด ผมไม่มีทางหลบสายตาป๊าได้เลยเพราะโรงแรมที่ผมพักอยู่เป็นโรงเเรมในเครือบริษัทป๊า และที่ผมต้องมาญี่ปุ่นเพราะบ้านผมทำธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตเครื่องมือแพทย์ในไทยและต่างประเทศช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมผมเลยมาดูงานที่ญี่ปุ่นตามคำสั่งป๊า ตอนนี้ผมบริหารบริษัทยังไม่เต็มตัว ยังอยู่ภายใต้การดูแลของป๊าอยู่ ตอนแรกผมกะจะเริ่มงานวันพรุ่งนี้เลย แต่ว่าดันเจอสิ่งน่าสนใจซะก่อน “หึ บังเอิญจริงๆ”“ข้อตกลงของเรา” “ข้อตกลงอะไรคะ?” ร่างสูงขมวดคิ้วเป็นปม บนใบหน้าเผลอแสดงความหงุดหงิดออกมา ใช้มือเสยผมตัวเองก่อนจะหลับตาเหมือนกำลังจะระงับอารมณ์บางอย่างไม่ให้ออกมา “เฮ้อ ลืมแล้วสินะ” เสียงถอนหายใจของเจ้าตัวดังขึ้นก่อนที่จะลืมตาขึ้นมาจ้องมองด้วยแววตาและใบหน้าที่ผิดหวัง ฉันได้แต่ยืนขมวดคิ้วมึนงง ฉันลืมอะไร “มันไม่สำคัญเลยใช่ไหมว่ะ” ร่างสูงพูดเสียงเบาๆ เหมือนพึมพำกับตัวเอง ซีปล่อยมือที่กุมมือฉันไว้ ขยับตัวถอยห่างฉันก้าวหนึ่ง “ช่างเถอะ ห้องนอนเดินตรงไปเลี้ยวขวาห้องสุดท้าย” น้ำเสียงเรียบนิ่ง รู้สึกรับรู้ได้ถึงบรรยากาศที่แสนจะเย็นเยือก ซีละสายตาจากฉัน นั่งลงดูทีวีเงียบๆ โดยไม่มองมาที่ฉันอีกเลย เป็นอะไรของเขา ฉันหันหลังด้วยความมึนงงเลือกที่จะเดินไปเอาของในห้องนอน “เจอแล้ว อยู่นี่เอง” ฉันเข้าไปในห้องนอนของซี กวาดสายตามองหาของก็เจอของๆ ฉันว่างไว้ข้างโต๊ะที่น่าจะเป็นโต๊ะทำงานของเจ้าตัว ทว่า ขณะที่ฉันเดินเข้าไปใกล้ๆ โต๊ะมากเท่าไร สายตาของฉันดันไปสะดุดเข้ากับรูปหลายๆ แผ่นที่ว่างไว้บนโต้ะ “นี่มัน….” รูปฉัน!!! เป็นรูปที่เราไปเที่
“คือ เมื่อคืนโลมาอยู่ในห้องตัวเองได้ยังไง?” “จำไม่ได้?” ฉันสายหน้าตอบคนตรงหน้า “เธอหลับ” อ่าาา… หลับนี่เอง ถึงว่าละ “ซีก็เลยปลุกโลมาใช่ไหม” ต้องใช่แน่ๆ ฉันต้องเดินขึ้นห้องมาเองต้องใช่แน่ๆ (^~^) “ใช่ ปลุกแล้ว” ว่าแหละ “แต่โลมาไม่ยอมตื่น” “!!!” “เลย… อุ้มมา” “ห๊ะ” (0 [] 0) แม่เจ้า “อะ…อุ้ม” ฉันถามซีอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ “อืม (-__-) ” ร่างสูงพยักหน้ายืนยันคำตอบ “ได้ไงอะ โลมายังไม่อนุญาตเลยนะ” “ต้องขอด้วยเหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยถามหน้านิ่ง “ต้องค่ะ!” “แต่เธอหลับ”เออใช่วะ “กะ…ก็… โลมาไม่กวนซีแล้วดีกว่า ฮะๆ” ตอบคนตรงหน้าด้วยแววตาและสีหน้าใสซื่อหันหลังรีบชิ่งไปนั่งรอที่เดิม จะรออยู่ใยในเมื่อเถียงไปเหตุผลก็คือ ฉันหลับ หลับแบบสนิทชนิดที่ว่าเอาหินมาปาใส่ก็ม่ายตื่นเจ้าค่ะ ฮืออออ~น่าอายจริงเลย นั่งรอสักพักร่างสูงนำแซนด์วิชมาวางไว้ตรงหน้า แทบัก!!! ฉันมองแซนด์วิชกับคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามสลับกันไปมา ไม่น่าเชื่อว่าซีจะทำได้น่ากินขนาดนี้ “ซีทำอาหารเป็นด้วยเหรอ”
จึก จึก “ซี ตื่นได้แล้ว” โลมาใช้นิ้วชี้จิ้มตรงไหลผมเรียกให้ผมตื่น “ขบวนเสร็จแล้ว?” ผมผละจากไหลน้อง เลิกคิ้วเชิงถามคนตัวเล็กตรงหน้า “อืม เสร็จแล้ว” “ป่ะ” โลมาลุกขึ้นยืนพร้อมกับยืนมือมารอผม หึ เป็นเด็กที่รักษาสัญญาดีนี่ ผมเอื้อมมือจับมือโลมาแล้วลุกขึ้นตามร่างบาง “ไปดูการแสดงไฟ Celebration Street กันต่อค่ะ” “ห๊ะ” what!! ยังไม่จบอีกเหรอวะ “เนี่ยยังมีอีกเยอะเลยนะ ไหนจะม้าหมุน ปราสาทตอนกลางคืนก็สวยมากๆ เลย… บลาๆ” และน้องก็ไปอย่างที่พูดจริงๆ ครับ จนตอนนี้ 4 ทุ่มสวนสนุกปิด ผมถึงลากโลมาออกมาได้ “สนุกมากๆ เลยอ่ะ ตอนกลางคืนคือสวยมาก”น้องที่นั่งอยู่บนรถหันมายิ้มให้ผม จนผมอดยิ้มตามไม่ได้ “ดีแล้ว” ผมยกมือขึ้นลูบหัวโลมาอย่างเอ็นดู แล้วหันมาขับรถต่อ “โลมาอยากกินอะไรอีกไหม พี่จะได้แวะซื้อให้ก่อนเข้าโรงแรม” “....” เงียบ~ “โลม….” ผมหันมองคนนั่งข้างๆ “ZzzzzZzzzz” หลับ (-_-) ยัยเด็กน้อย ผมจอดรถข้างทางเอื้อมมือไปหยิบเสื้อกันหนาวของตัวเองด้านหลังมาห่มให้โลมา แล้วหันไปขับรถต่อ โรงแรม
“อยากเป็นคนของโลมา” ผมเงยหน้ามองใบหน้าแดงๆ ของโลมา ใช้มือข้างหนึ่งลูบหัวน้องเบาๆ “ได้ไหมครับ” ถามลองเชิงคนตัวเล็กตรงหน้าเผื่อได้คำตอบที่ต้องการ “คือโลมา….” พรึบ! “หึ ล้อเล่นน่ะ” ผละตัวออกจากคนตัวเล็กใช้นิ้วชี้เคาะหัวโลมาเบาๆ “โลมาตกใจหมด เล่นอะไรก็ไม่รู้” คนตัวเล็กถอนลมหายใจออกมาอย่างโหล่งอกมองผมแบบดุๆ ยัยแมวน้อย “นี่พี่ทำให้แมวตื่นเหรอ หืมมม” ผมดึงจมูกน้องเล่นอย่างหมั่นเขี้ยว “อืออออ ซี มันเจ็บน่าาา >” น้องจับจมูกตัวเองมองผมแก้มป่องๆ อ่า…..จะทำให้ผมหลงถึงไหน “ยังจะยิ้มอีก ไม่คุยด้วยแล้ว ดูของต่อดีกว่า” ผมมองโลมาเลือกของอย่าตั้งใจทำเป็นไม่สนใจผม ถามว่าทำไมผมถึงไม่รอคำตอบจากโลมา ทำไมถึงบอกว่าล้อเล่น ที่จริงผมไม่ได้ล้อเล่นหรอกครับ ผมพูดจริง แต่เพราะเห็นสีหน้าและสายตาที่ดูสับสนของน้องแล้ว บอกเลยว่าผมกลัวคำตอบของน้อง กลัวน้องจะปฏิเสธผม น้องพึ่งรู้จักผมแค่ 2 วัน แต่สำหรับผมรู้จักน้องมา 3 ปี ใช่ครับ ผมเคยเจอโลมามาก่อน ผมชอบน้องตั้งแต่แรกเห็น แต่ตอนนั้นน้องยังเด็กเกินไปสำหรับผม ผมเลยทำได้แค่เฝ
….TrrrrTrrrrrr… “ฮ... ฮะโหล ฮัลโหล”เสียงแกจะสั่นทำไมเนี่ย (อยู่ไหน!!) “!!!” ปลายสายตะคอกให้ฟังลักษณะของอารมณ์หรืออาจจับได้ว่าเป็น “…. ฉลามว่าอะไรนะ” ภายในใจฉันเต้นเร็ว ๆ นี้ควบคุมเสียงให้เป็นปกติที่สุด (อย่ากล่าวหากูไม่รู้นะว่าไปทำอะไรมา) อึ้งใจว่าร้ายแตกสลายแขนขาร่วงเมื่อทราบปลายสายพูดคำในเสียงฉลามต้องโกรธมากอาจจะสามารถพูดออกมาได้เพราะว่าฉันจะดื้อหรือเกเรไม่พูดถึงฉลามอย่างมากก็ไม่เคยพูดถึงอย่างชัดเจนถึงความสำคัญเลย “ฉะฉลามฮึก” ฉันไม่รู้จักอย่างเป็นทางการ กลอนน้ำตาที่คลอไม่ให้ไหลรินออกมา (เสียงร้องต้นฉบับวะ เห๊ยยย!!! โลมาพี่อีกครั้งคุยกับลูกน้องอยู่) อา อ้าวววคุณพระ!!! อีแม่นั้นเก็บน้ำตาที่ร่วงหล่นลงมาทัน “กลิ่นของโลมาตกใจหมดเลย” “พี่ขอโทษสำหรับลูกน้องมันทำงานพลาดนะลูกน้องมันทำงานพลาดอย่างนึงเลยตั้งใจไป” เพราะไม่ได้อกไปทีคิดว่าจะจับได้ในส่วน “ไม่ได้ว่าโลมาส่วน” ฉันย้ำอีกครั้งในเรื่องของสิ่งนี้ (ไม่ครับๆ สำหรับลูกน้องมันมาขัดพี่ตอนโทรหาโลมาพอดีพี่ข่าวคราวครับ) บางออยังไม่ค่อยจะพูดถึงจ
“ฉันไม่ใช่เด็กซะหน่อย” ฉันเดินบ่นออกจากร้านโดยที่ไม่รอซี มันน่าหงุดหงิดจริงๆ “ไอหมีพูห์บ้า” “ว่าใคร” หันไปมองเสียงทุ้มที่เอ่ยออกมาข้างๆ จะตามมาทำไมก็ไม่รู้ “ว่าหมีพูห์” หมีพูห์ไม่ได้ชื่อซีซะหน่อย “พี่สินะ” รู้ตัวเองด้วย ฉันหันหน้าหนีไม่ตอบคำถามคนตรงหน้า หมับ ~ ซีจับมือฉันแล้วลากฉันไปที่รถ “โลมาไปเองได้”ฉันยังยืนยันคำตอบเดิม ร่างสูงไม่ตอบแต่เปิดประตูรถเลิกคิ้วเชิงบอกให้ฉันนั่งในรถ รู้จักโลมาน้อยไปแล้ว ฉันยกมือขึ้นชี้ตรงปากตัวเองเพื่อย้ำคนตรงหน้า “โลมา-ไม่-ไป” พรึ่บ! “เห๊ยพี่” ฉันร้องออกมารีบเอามือคว้าคอคนตรงหน้ากันตก เมื่อคนตัวโตอุ้มฉันเหนือพื้นแล้ววางไว้ในรถอย่างเบามือ พร้อมกับคำพูดที่ไม่ดีกับใจฉันเอาซะเลย “อยู่นิ่งๆ ไม่งั้นจะไม่จบอยู่แค่อุ้ม” “ค......คิดว่ากลัว” สู้สิโลมาอย่ายอม “หรือจะลองครับ”น้ำเสียงเจ้าเล่ห์เอ่ยออกมา ซีโน้มตัวเอาหน้าเข้ามาใกล้ๆ ฉันรีบเอามือดันคนที่ตัวโตกว่าให้ขยับออกห่าง แต่ดูเหมือนจะไม่ขยับเลยสักนิด ตัวหนักเป็นบ้า “>ยอมแล้วๆ โลม







