เรื่อง ซ่อนรักลับเมียวิศวะ สำหรับพันไมล์ หมอนอิงคือของเล่นราคาถูกที่เขาเผลอเหยียบย่ำด้วยความเข้าใจผิด แต่ใครจะรู้ว่าของเล่นชิ้นนี้ จะกลายเป็นพันธนาการที่ผูกมัดหัวใจเพลย์บอยผู้ไม่เคยศรัทธาในรักไปตลอดกาล *********** เรื่อง พันธะร้ายลงทัณฑ์รัก หัวใจแตกสลายซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพราะลบเธอออกไปจากหัวใจไม่ได้ ในเมื่อลืมไม่ได้เขาเลือกที่จะกลับมาเพื่อลงทัณฑ์รักตามราวีเธอทุกทาง แต่ทุกครั้งที่ทำให้เธอเจ็บเขากลับทรมานมากกว่าหลายเท่า
View Moreหมอนอิงต้องกลายเป็นเพียงของเล่นชิ้นหนึ่งของ พันไมล์ ทายาทหนุ่มเพลย์บอยเจ้าของธุรกิจรับเหมายักษ์ใหญ่ ซึ่งชายหนุ่มไม่เคยจริงจังกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน
ในสายตาของเขา ผู้หญิงที่ผ่านมาก็เป็นเพียงของเล่นคลายเหงาเท่านั้น โดยเฉพาะกับหมอนอิงที่เขาหลงเข้าใจผิดและทำลายเธอในคืนนหึ่งด้วยความเมา เพียงเพราะคิดว่าหญิงสาวแค่อยากรวยทางลัดด้วยการจับคนแก่คราวพ่อ ทว่าในที่สุดความชิงชังที่มีต่อของเล่นแสนสวยชิ้นนี้กลับเป็นโซ่ตรวนที่รัดทั้งร่างกายและหัวใจของเขาเอาไว้ จนเมื่อเวลาผ่านไปความสัมพันธ์ที่เริ่มต้นจากความชังก็กลายเป็นความผูกพันที่ยากจะแยกเขาและเธอออกจากกันได้ ******** "อิงกับพี่คีย์เราเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกัน" "ผู้ชายที่โทรหาผู้หญิงตอนกลางคืน มันไม่ใช่ห่วงหรอก มันหิวมากกว่า!" เขาแค่นหัวเราะในลำคออย่างเยาะเย้ย "พอได้แล้ว! อิงทนอยู่กับคนแบบคุณไม่ได้แล้ว!" "จะหนีไปไหน?" "อย่านะ คุณจะทำบ้าอะไรน่ะ!" "ถ้าเธอคิดจะหนีฉันก็จะขังเธอไว้ตรงนี้" "ปล่อยอิง อิงไม่ใช่สัตว์เลี้ยงของคุณ" "อยากทำตัวเป็นสัตว์ให้ฉันเลี้ยงเองทำไม"***************************
เสียงสะอื้นแผ่วเบาเจือปนกับลมหายใจสั่นเทา ก้องอยู่ภายในห้องนอนเก่าโทรมของบ้านเช่าเล็กๆ กลางชุมชนแออัด
“ทำไมต้องเป็นอิงทำไมแม่ถึงทำกับอิงแบบนี้...” เสียงของหมอนอิงรำพึงเบาๆ ดวงตาบวมแดงจากหยาดน้ำตาที่ไม่มีท่าทีจะหยุดไหล
เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน เธอถูกเจ้าหนี้บุกมาถึงหน้าบ้าน ทวงเงินก้อนโตพร้อมเสียงตะโกนประจานให้คนทั้งซอย
“แม่คุณติดหนี้นายผมเป็นแสนจะใช้คืนเมื่อไหร่!”
ขณะที่เพื่อนบ้านยืนมุงมองบางคนก็ส่ายหน้า บางคนก็ซุบซิบเพราะเหตุการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก หมอนอิงทำได้เพียงยืนตัวแข็ง สะอึกสะอื้นกลางแสงแดดจ้า หัวใจเหมือนถูกบีบจนแทบขาด
หลังเหตุการณ์อัปยศ แม่ของเธอกลับพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ราวกับเรื่องทั้งหมดไม่ใช่เรื่องใหญ่ เหมือนจะขายลูกกินเสียมากกว่า
“ถ้ามึงยังรักครอบครัวอยากให้อิงฟ้ามันได้เรียนสูงๆ มึงก็ไปเป็นเมียเก็บพวกมาเฟีย” พรทิพย์ไม่สงสารลูกสาวคนโตเพราะเกลียดที่ลูกคนนี้เพราะไม่ได้รู้สึกรักในตัวของพ่อหมอนอิงเลย
ราชันนักธุรกิจหนุ่มผู้มีอิทธิพล เขาคือเจ้าหนี้คนใหม่ ของครอบครัว และเขาไม่ได้ต้องการเงินคืนสิ่งที่เขาต้องการคือเธอ
“ไปอยู่เป็นเด็กในบำเรอเขาแค่ไม่กี่ปีหนี้หมด น้องก็ได้เรียนต่อหรือจะปล่อยให้ทุกอย่างพัง?” ประโยคนั้นคือคำตัดสิน
“ทำไมต้องเป็นอิง” เพราะเธอต้องเสียสละให้น้องทุกอย่าง จนแทบไม่มีชีวิตเป็นของตัวเองแม่ส่งน้องเรียน แต่เธอต้องทำงานหาเงินส่งตัวเองเรียน
“อีนี่กูบอกว่ามึงต้องไปก็ต้องปิน้องมึงอายุยังน้อยๆ อยู่เลย”
อิงฟ้าอายุห่างจากเธอแต่ปีเดียวเพราะแม่เลิกกับพ่อ แม่แต่งงานใหม่ทันที เรียกว่ายังไม่เลิกกันดีด้วยซ้ำแม่รักอิงฟ้ามากกว่าเธอมาตลอด
หัวใจหมอนอิงร่วงลงเหวลึก มืดมิดและไร้ทางหนี
เธออยากกรีดร้องอยากขัดขืน แต่เสียงในใจของเธอชัดเจนยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด ไม่มีทางเลือกอื่นเลยเพราะแม่ติดการพนันจนหนี้สินพันตัวรถแท็กซี่แล่นเข้ามาจอดสนิทตรงหน้าประตูทางเข้าใหญ่ หมอนอิงยกมือกำกระเป๋าแน่น หัวใจเต้นแรงอย่างควบคุมไม่อยู่
เธอไม่รู้ว่ากำลังจะเผชิญกับอะไร แค่รู้ว่าเธอไม่ได้มาในฐานะแขก พรทิพย์ลากลูกสาวตนโตเดินเข้าไปในบ้านพร้อมกัน
ชายวัยกลางคนในชุดลำลองสีอ่อนยืนรออยู่ก่อนแล้ว ใบหน้ายิ้มละไม ดวงตาเปี่ยมเมตตา
“หมอนอิงใช่ไหม? มาเหนื่อยๆ ฉันให้แม่บ้านเตรียมห้องไว้ให้แล้ว” เสียงทุ้มอบอุ่นเกินกว่าที่เธอจินตนาการไว้
นี่คือคนที่ควรจะมองเธอด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม ที่ควรจะแสดงท่าทีเหมือนเธอคือเด็กที่ถูกส่งมาแลกหนี้
แต่เปล่าเลยเขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ยื่นมือมาแตะแขนเธอเบาๆ
“ไม่ต้องเกร็งนะบ้านนี้ไม่ใช่คุกถ้ามีอะไรไม่สบายใจ บอกฉันได้เสมอ”
“ขอบคุณผู้ใหญ่เข้าสิเขาจะได้รักเอ็นดู” พระทิพย์ตะคอกลูกเสียงดังจนหมอนอิงสะดุ้งรีบยกมือไหวเจ้าของบ้านทันที
“ขอบคุณค่ะ” เธอพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้
“ฉันพามันมาส่งแต่ขอค่าบุญคุณที่เลี้ยงมันมาจนโตหน่อย”
“ลูกนะไม่ใช่สิ่งของ” ราชันมองสาววัยกลางคนที่ตอนนี้เป็นลูกหนี้ของเขา
“โอ๊ยยย คุณราชันตอนมันเกิดมาฉันไม่เอาขี้เถ้ายัดปากมันก็ดีแค่ไหนแล้ว” พรทิพย์ไม่สนใจว่าลูกสาวจะเสียใจแค่ไหน หากได้ยินคำนี้
“5 ล้าน!” ราชันเสนอเงินให้
“คะ ค่าอะไรจ๊ะตั้ง 5 ล้าน” พรทิพย์กลัวว่าเขาจะเก็บดอกเบี้ยเพิ่ม ใบหน้าเริ่มซีดเผือด
“ถือว่าขายขาดกันฉันจะให้เงินเธอไป 5 ล้านและอย่ามาวุ่นวายกับลูกสาวอีก” ราชันสั่งให้ลูกน้องคนสนิทนำเช็คเงินสดมาให้ เขาเขียนจำนวนเงินตามที่บอก
พรทิพย์รีบหยิบมาทันทีมองดูตัวเลขอย่างพอใจ ก่อนจะเดินหันหลังออกไปไม่ร่ำลาลูกสาวสักคำ
หมอนอิงเช็ดน้ำตาด้วยความขมขืนที่แม่ทำกับเธอแบบนี้ ในเมื่อโชคชะตามันโหดร้ายแบบนี้เธอก็จะยอมรับมัน
.
พันไมล์ เดินเข้ามาด้วยสีหน้าเรียบเฉยเขาเพิ่งกลับจากมหาลัยยังเหนื่อยล้าแต่ยังแวะมานั่งกินข้าวตามที่ผู้ใหญ่นัดไว้
ตรงข้ามกับเขาหญิงวัยกลางคนที่แต่งตัวหรูหราดูแพง กำลังยกไวน์ขึ้นจิบอย่าง เขาไม่รู้สึกผูกพันเพราะแม่ไม่ได้เลี้ยงดูเขา อีกฝ่ายแต่งงานมีครอบครัวใหม่แล้ว
“ลูกมานั่งเลยเดี๋ยวจะเย็นหมด” ราชันเรียกลูกรู้ว่าสองแม่ลูกเขาไม่ค่อยร่องรอยกันเท่าไร เพราะเรื่องในอดีต
“มาที่นี่สามีใหม่ไม่ว่าเอาเหรอ ไหนจะลูกอีกแปลกนะคนเราลูกตัวเองไม่อยากจะเลี้ยง!” พันไมล์รับสั้นๆ มองผู้หญิงคนนั้น แม่ของเขาที่นั่งอยู่ด้วยสายตาไร้อารมณ์
“ไนท์ลูก...” ฐิตารีพูดไม่ออก บรรยากาศกำลังนิ่งสงบจนราชันวางช้อน
“หมอนอิงเข้ามาสิ”
พันไมล์เงยหน้าขึ้นทันที พร้อมกับผู้หญิงอีกคนตรงข้าม ร่างบางของหมอนอิงก้าวเข้ามาช้าๆ ท่ามกลางสายตาของคนทั้งโต๊ะชุดเรียบง่ายผมถูกรวบไว้หลวมๆ ดวงตาทอแววระวังตัว
“นี่หมอนอิงเธอจะมาอยู่ที่บ้านเราสักพัก” เสียงราชันพูดเรียบง่าย แต่ทุกคำเหมือนระเบิดที่หย่อนลงกลางโต๊ะ
“อะไรนะครับหมายความว่ายังไง” พันไมล์ เลิกคิ้วทันทีเด็กคนนี้อายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับเขา ไม่รู้ว่าเข้ามาในบ้านของเขาเพื่อหวังอะไร
“ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร ทำไมถึงได้เข้ามาอยู่ในบ้านนี้?” ฐิตารีไม่พอใจเช่นกัน กลัวว่าสมบัติของราชันจะถูกหารไปให้ผู้หญิงคนนี้ น้ำเสียงเปื้อนความรังเกียจ
หมอนอิงยืนนิ่ง ขาแข็งเหมือนหิน เธอไม่รู้ควรจะพูดอะไร
“คุณพ่อคิดอะไรอยู่ครับเอาคนแปลกหน้าเข้าบ้านโดยไม่บอกกันสักคำ?” พันไมล์หันไปสบตาพ่อ สีหน้าเริ่มไม่พอใจ
“หนูหมอนอิงเป็นแขกของพ่อ พ่อรับรองเองไม่มีอะไรต้องกังวล”
“หน้าด้านไร้ยางอาย” เสียงของฐิตารีดังขึ้น
“คุณหยุดพูดจะดีกว่านี้มันเรื่องในครอบครัวของผม” คำพูดแทงใจ ทำให้บรรยากาศเริ่มหม่นหมอง
“นี่คุณราชัน!” เธอจึงเงียบเพราะกลัวว่าจะถูกเขาจับโยนออกจากบ้าน
พันไมล์ลุกขึ้นยืนช้าๆ มองหมอนอิงตั้งแต่หัวจรดเท้า แววตาไม่ใช่รังเกียจ แต่คือการปิดกั้นเขาตั้งกำแพงทันทีโดยไม่ต้องรู้จักกัน
“กล้าดียังไงมานั่งโต๊ะเดียวกับฉัน คิดว่าตัวเองเป็นใคร?” ฐิตารีตวาด แล้วเงื้อมือจะฟาดเข้าที่หน้าหมอนอิงเต็มแรง
หมับ
เสียงมือถูกจับกลางอากาศก่อนที่มันจะถึงแก้มหมอนอิง พันไมล์คว้ามือแม่ไว้ทันเวลาพอดี
“พอเถอะ” น้ำเสียงเขานิ่งเย็น แต่น้ำเสียงนั้นกลับทำให้แม่ของเขาชะงัก
“ตาคุณกลับไปได้แล้ว อย่ามาสร้างปัญหาที่นี่คุณอยากเจอลูกผมก็ยอมแล้ว”
“หลงมันล่ะสิ ฉันกลับก็ได้แต่ระวังจะถูกมันหลอกเอา”
“ผมขึ้นไปข้างบนแล้วไม่อยากคุยกับใคร เชิญคุณพ่อกินกับคนของคุณพ่อให้อร่อย” พันไมล์เดินออกไปจากห้องอาหาร และมุ่งตรงไปที่ห้องนอนของเขา
.
ตกดึกหมอนอิงหิวน้ำจึงเดินลงมา ในระหว่างที่กำลังล้างแก้วดันมีเสียงของเขาดังขึ้น จนเธอสะดุ้ง
“คิดยังไงถึงเอาคนแก่คราวพ่อมาทำผัว!”
“คุณ” เธอมองเขาแบบประหม่า
เขาก้าวเข้ามาใกล้เธอ มากพอจนได้ยินเสียงหายใจของกันและกัน แล้วโน้มตัวลงมากระซิบชิดใบหูเธอด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น แต่แฝงไปด้วยการเสียดสี
“เธอมีดีอะไรนักหนาถึงได้ให้พ่อฉันคลุมหัวเหมือนลูกสาวดีๆ แบบนี้?”
หมอนอิงกลืนน้ำลายไม่ลงดวงตาสั่นระริกเธอไม่ตอบ ราวกับกลัวว่าถ้าเอ่ยปาก เสียงของเธอจะสั่นเกินควบคุม น้ำตาเม็ดหนึ่งไหลลงอาบแก้มขาว
เขาขยับใบหน้าเข้ามาใกล้อีกนิด แล้วพูดต่อด้วยเสียงเย็นยะเยือก
“ฉันชักอยากรู้แล้วสิว่าเธอมีของดีตรงไหนบ้าง” มือหนาเอื้อมมาเชยคางเธอขึ้นเบาๆ สายตาไม่ใช่ความหลงใหลแต่เป็นการท้าทาย
“หรือเธอเองก็คงเต็มใจให้ตรวจสอบอยู่แล้วล่ะมั้ง?”
“ปล่อย!” หมอนอิงหลับตาแน่นพยายามกลั้นเสียงสะอื้นที่จุกอยู่ในลำคอ
“ถ้าเธอจะอยู่ที่นี่ เธอก็ต้องทำตัวให้เหมือนคนอาศัย อย่าทำตัวเป็นเจ้าของ” เสียงเย็นชาเอ่ยขึ้น ก่อนเขาจะเดินออกจากโต๊ะโดยไม่หันกลับมา
หมอนอิงกลืนก้อนสะอื้นลงคอเธอไม่คาดหวังว่าจะถูกรับขวัญ แต่เธอก็ไม่คิดว่ามันจะเจ็บขนาดนี้
ตอนพิเศษ 2พิมพ์ดาวในวัยสิบห้าเริ่มโตเป็นสาวเต็มตัวหน้าตาน่ารักเหมือนแม่ แต่แววตานิ่งๆ ซ่อนความลึกซึ้งแบบพ่อทั้งยังมีมุมติสต์ๆ ชอบอ่านชอบวาดรูปหมอนอิงรู้ทันทุกอย่างโดยเฉพาะความเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ในลูกสาวคนเดียว“วันนี้หนูรีบไปโรงเรียนเหรอคะ?” หมอนอิงถามพลางเหลือบตามองลูกสาวที่แต่งตัวเรียบร้อยกว่าทุกวัน กระโปรงยาวพอดีเข่าผมถักเปียหลวมๆ สองข้างแถมยังทาลิปบาล์มบางๆ กับพ่นน้ำหอมกลิ่นผลไม้จางๆ“มีพรีเซนต์ค่ะดาวต้องรีบไปซ้อมหน่อย” พิมพ์ดาวสะดุ้งเล็กน้อย แต่แกล้งทำเสียงนิ่ง“อื้ม แต่ไม่เห็นเอาอะไรไปเลย” หมอนอิงอมยิ้มมองลูกสาวที่เริ่มหน้าแดงขึ้นมาโดยไม่ต้องถามอะไรต่อ“คือมีงานกลุ่มค่ะเพื่อนในห้องจะช่วยติวให้ก่อนเริ่มเรียน” พิมพ์ดาวอ้อมแอ้ม“เพื่อนผู้ชายหรือผู้หญิง?” หมอนอิงถามหน้าตาเฉยระหว่างที่กำลังป้อนข้าวเจ้าสองแสบ ลูกชายฝาแฝดวัยสองขวบ“ผู้ชายก็มี ผู้หญิงก็มีค่ะ” แล้วก็รีบวิ่งหนีออกจากห้องครัวหมอนอิงยิ้มมุมปากนิดๆ เด็กสาวคนนี้น่ะต่อให้ไม่พูดก็รู้ว่าเริ่มมีความรักแล้วแต่ตอนเย็นพอพันไมล์กลับบ้าน แล้วไม่เห็นพิมพ์ดาวตามเวลา เขาก็เอะใจ“ยังไม่กลับเหรอ?” เขาถามเมียทันที“ยังเลยค่ะเห็นบอกว่าทำรา
ตอนพิเศษ 1พิธีแต่งงานถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย ในสวนหลังบ้านหลังใหม่ของทั้งสองคน บ้านที่พวกเขาเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันหลังจากผ่านเรื่องราวมากมาย และที่แห่งนี้เขาลงมือปลูกต้นไม้ตัดหญ้า และดูแลทุกกระเบียดนิ้วด้วยตัวเอง เพื่อวันนี้วันที่เธอจะเป็นเจ้าสาวของเขาไม่มีซุ้มดอกไม้อลังการมีเพียงเสียงนกร้องเบาๆ ลมเอื่อยที่พัดใบไม้ไหว และญาติสนิทเพียงไม่กี่คนที่มาร่วมเป็นพยานในความรักของพวกเขาเธอสวมเพียงชุดเดรสสีครีมเรียบๆ ที่ขับผิวให้ดูอ่อนหวาน ไม่มีเครื่องประดับราคาแพง ไม่มีสร้อยเพชรหรือแหวนเพชรเม็ดโต มีเพียงดอกไม้สดจากสวนที่เขาเพิ่งเด็ดมาตอนเช้า แนบกลีบอ่อนๆ ลงบนผมของเธออย่างแผ่วเบาและตั้งใจ“สวยแล้ว” เขาว่าพลางยิ้มเห็นแววตาของเธอวาววับขึ้นมาเล็กน้อยส่วนเขาเองก็แต่งตัวธรรมดาเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนพับกับกางเกงสแล็คเรียบๆ ดูไม่เหมือนเจ้าบ่าวในพิธีทั่วไป แต่ทุกอย่างกลับลงตัวและงดงามที่สุดสำหรับเธอ เพราะคนที่ยืนอยู่ข้างๆ คือเขาผู้ชายที่เธอเลือกจะใช้ชีวิตที่เหลือด้วย“เราจะไม่พาหนูพิมพ์ดาวไปด้วยจริงๆ เหรอคะ” หมอนอิงมองลูกสาววัยหนึ่งขวบห้าเดือน สามีจะพาไปฮันนีมูนที่ต่างประเทศ แต่เธอเป็นห่วงลูกสาว“คุณ
เสียงร้องไห้กรีดร้องของนทีดังลั่นไปทั่วห้องโถง จนทำให้บ้านทั้งหลังแทบสั่นสะเทือน หมื่นลี้นั่งกอดอกเอนหลังอยู่บนโซฟา มองลูกชายแฝดสองคนที่กำลังแย่งของเล่นกันตาไม่กะพริบ“ปะป๊าบอกแล้วใช่มั้ย ว่าแค่ชั่วโมงเดียวจะไม่ห้ามจะให้ลูกเคลียร์กันเอง” เขาพึมพำกับตัวเองทั้งที่ในใจแทบอยากจะเข้าไปแยก แต่ก็ยังนั่งนิ่งเอาความใจแข็งเข้าข่มนาวินแฝดพี่กอดรถของเล่นแน่น แถมยังยักคิ้วยียวนใส่น้องชายที่ร้องไห้เสียงดัง นทีทำหน้าบูดมือเล็กๆ ทุบกับพื้นไปด้วย ความไม่พอใจปะปนกับน้ำตาไหลพรากไม่หยุด“อ๊ะ…เอาคืน!” นทีพยายามคว้ารถคืน แต่ก็โดนพี่ชายหันหลังหนีไปอีกทางหมื่นลี้ถอนหายใจหนักๆ พลางเหลือบตามองยี่หวาที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องครัวพร้อมจานผลไม้ เธอถึงกับส่ายหน้าเมื่อเห็นสามีกอดอกนั่งเฉย“เดย์นี่จริงๆ เลยนะ ปล่อยให้เด็กสองขวบทะเลาะกันเป็นชั่วโมง” “ลูกผู้ชายต้องหัดแก้ปัญหากันเองบ้างสิ” เขายักไหล่ทำหน้าราวกับไม่รู้ไม่ชี้ยี่หวาเดินไปวางจานผลไม้ แล้วก้มลงอุ้มนทีขึ้นมากอดปลอบ เด็กน้อยยังสะอึกสะอื้นซบไหล่แม่ ส่วนนาวินเมื่อเห็นน้องถูกอุ้มก็เหมือนจะรู้สึกผิดเล็กน้อย เดินเอารถไปวางใส่มือแม่แทน ก่อนจะยืนก้มหน้างอนๆ
ยี่หวากำลังควานหาของในกระเป๋า แต่หาเท่าไรก็ไม่เจอ เธอถอนหายใจแล้วตัดสินใจเทของทั้งหมดออกมากองบนโต๊ะ สิ่งที่เธอตามหาก็ยังไม่ปรากฏ จนกระทั่งได้ยินเสียงเล็กๆ ดังขึ้น“มะมี้ขาาา~”เสียงใสๆ ของน้องฟ้าใสวัยสองขวบเรียกขึ้นมา ยี่หวาหันไปมองตามเสียงก็ถึงกับตกใจ เมื่อเห็นใบหน้ากลมๆ ของลูกสาวเต็มไปด้วยรอยลิปสติกแดงสดที่เลอะจนทั่วแก้ม“ตายแล้วลูก! ทำอะไรของหนูเนี่ย” ยี่หวารีบอุ้มลูกสาวขึ้นมาอย่างเอ็นดูปนขำ “หนูอยากสวยเหมือนมะมี้ค่ะ” น้องฟ้าใสยิ้มแป้นตากลมแวววาว “โอ๊ยย ลูกแม่สวยอยู่แล้วค่ะไม่ต้องแอบเอาลิปสติกมะมี้มาทาก็ได้” เธอหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วใช้ทิชชูค่อยๆ เช็ดแก้มเลอะๆ ของลูก “สวยๆ ~” เด็กน้อยทำตาใสปิ๊งแล้วย้ำเสียงใสๆยี่หวากอดลูกแน่นรู้สึกทั้งขำทั้งอบอุ่นในหัวใจความซนเล็กๆ น้อยๆ ของลูกสาวยิ่งทำให้บ้านหลังนี้เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ“ปะป๊าไปไหนมะมี้จะตีทั้งปะป๊าทั้งลูกเลย” เธอทำเสียงดุทั้งที่ในใจอยากหัวเราะกับสภาพลูกสาวที่เลอะลิปสติกเต็มหน้า ไม่นานหมื่นลี้ก็โผล่มาจากครัว เขาถือจานข้าวในมือวิ่งหอบมาพร้อมใส่ผ้ากันเปื้อนสีอ่อน ผมถูกรวบมัดจุกไว้กันไม่ให้ปรกหน้า ภาพล
เสียงกระดิ่งหน้าร้านไอติมดังขึ้นเบาๆ เมื่อหมื่นลี้จูงมือยี่หวาเข้ามา กลิ่นหวานหอมของวานิลลาและสตรอว์เบอร์รีลอยอบอวลไปทั่ว“อยากกินรสไหนบอกมาเลยเบบี๋อยากกินอะไรเดย์จัดให้หมด” เขาพูดด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน พร้อมวางมือไว้บนเอวเธอเบาๆ อย่างห่วงใย“พูดเหมือนจะซื้อได้ทั้งร้านเลยนะ” เธอหัวเราะคิก“ก็ได้หมดแหละขออย่างเดียวกินแล้วลูกแข็งแรง คุณแม่อารมณ์ดีคุณพ่อก็แฮปปี้แล้ว”คำพูดของเขาทำเอาเธอหน้าแดงใจอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ก่อนจะเลือกไอติมรสช็อกโกแลตมิ้นท์แก้วใหญ่ พอหมื่นลี้ตักป้อนให้ สายตาสาวๆ โต๊ะข้างๆ ก็แอบมองตามด้วยแววตาชื่นชม “อร่อยจังเลยค่ะคุณพ่อ ลูกคงอิ่มอารมณ์ดีทั้งวัน” เธอรีบโน้มตัวเข้าไปซบไหล่เขา แล้วพูดเสียงดังพอให้ได้ยิน “หวงขนาดนี้เลยเหรอ” หมื่นลี้ถึงกับหัวเราะออกมา เสียงดังลั่นร้าน“ก็ใช่น่ะสิ!” เธอแกล้งทำหน้าบึ้งแต่ตากลับเป็นประกายระยิบระยับ “ไม่ต้องหวงหรอก หัวใจเดย์มีเจ้าของแล้วทั้งแม่ทั้งลูกเต็มไปหมดแล้วเนี่ย” เขาโน้มหน้าลงกระซิบที่ข้างหูหญิงสาวยิ่งหน้าแดงจัดรีบตักไอติมเข้าปากเพื่อกลบเกลื่อน แต่หัวใจกลับเต้นแรงจนแทบจะละลายเหมือนไอติมตรงหน้า ผลของการทำข้อสอบได้ใ
แสงแดดสาดลงบนลานกว้างของมหาวิทยาลัย บรรยากาศเต็มไปด้วยสีสันของชุดครุยและรอยยิ้ม ยี่หวาสวมชุดครุยสีดำตัดทองยืนยิ้มกว้างอยู่ท่ามกลางเพื่อนๆ ที่เข้ามาแสดงความยินดีไม่ขาดสายด้านหลังมีหมื่นลี้ในชุดเรียบหรูยังคงยืนอยู่ไม่ไกล สองมือหอบช่อดอกไม้ ตุ๊กตา ของขวัญสารพัดจนแทบล้น แต่สายตากลับจับจ้องอยู่เพียงหญิงสาวตรงหน้า ไม่ว่าจะมีใครรายล้อม ยี่หวาในสายตาเขาก็ยังโดดเด่นที่สุดเขามองเธอหัวเราะกับเพื่อนๆ เสียงใสที่เคยทำให้หัวใจเขาอุ่นซาบซ่านกลับมาอีกครั้ง ยี่หวากำลังมีความสุขความสุขที่เขาเฝ้าปรารถนาอยากเป็นคนมอบให้ตลอดมาเพื่อนๆ ผลัดกันหยอกล้อ แซวกันเสียงดังยี่หวายกมือขึ้นปัดผมที่ปลิวตามลมก่อนจะยิ้มหวานจนดวงตาโค้งสวย หมื่นลี้มองภาพนั้นอย่างเงียบงัน รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุน เหลือเพียงเธอที่ส่องสว่างอยู่ในใจเขาเขาอยากเดินไปกอดเธอต่อหน้าทุกคน อยากบอกว่า “เก่งที่สุดแล้วว่าที่ภรรยาของเดย์” แต่ก็ได้เพียงยืนมองอยู่ข้างหลัง รอคอยเวลาให้เธอหันกลับมาเห็นว่าไม่ว่าจะวันสำคัญแค่ไหน เขาก็ยังอยู่เคียงข้างเสมอ“สวัสดีค่ะคุณลุง” เธอหันมายกมือไหว้ให้ผู้มีพระคุณที่ช่วยส่งเสียเธอเรียนจนจบ โดยไม่มีข้อแลกเปลี่ยนอะ
Comments