LOGINโลมาเป็นสัตว์น้ำจืดและน้ำเค็ม มักจะอาศัยอยู่ในทะเลและความน่ารักสดใสขี้เล่นของมัน ทำให้ผู้คนที่พบเจอกลับต้องหลงอยู่เรื่อย แม้กระทั่ง ทะเล สิ่งที่ธรรมชาติสร้างขึ้นให้เป็นที่พักพิงอาศัยแก่สัตว์น้ำแต่สำหรับทะเลแห่งนี้ไม่ว่าจะมีสัตว์น้ำชนิดไหนอาศัยอยู่ก็ตาม เขาจะโอบกอดและปกป้องสิ่งเดียวเท่านั้น คือ.... โลมา เรื่องราวความรักของรุ่นพี่วิศวะปี 3 ชายหนุ่มผู้มีชื่อว่าทะเล เขาตกหลุมพรางรัก รุ่นน้องสถาปัตย์ ปี 1 อย่างน้องโลมา ตั้งแต่แรกพบ จึงทำให้เกิดที่มาของคำว่า ทะเลแอบชอบน้องโลมามา 3 ปี พอรู้ว่าน้องจะบินไปเที่ยวญี่ปุ่นคนเดียว พี่ทะเลคนนี้มีหรือจะยอมปล่อย! ก็บินตามน้องไปเลยสิ ญี่ปุ่นมันก็แค่ปากซอยครับ แอบชอบ 3 ปี ตามจีบ 3 วัน ทะเลได้น้องมาเป็นแฟน คนพี่จีบยังไงเอ่ยถึงจีบน้องติดเร็วขนาดนี้.....
View Moreโคร้ม!!!!!!
เสียงเก้าอี้ถูกโยนลอยกระทบพื้นโดยฝีมือผู้ชายร่างใหญ่เด็กหญิงคนหนึ่งหลบมุมอยู่ซอกลึกข้างหลังตู้โซมๆ สะดุ้งตกใจตัวสั่นผวาไม่กล้าออกมาจากที่ซ่อน “ฉันบอกแกแล้วใช่ไหม ห๊ะ!!” พลั่ก!!! “โอ๊ยยยฮึก ฮ....ฮึก” หญิงสาวที่ถูกพลักร้องออกมาด้วยความเจ็บ “ถ้าคิดจะหักหลังฉันแกจะเป็นยังไง” “หนูกลัวแล้ว ฮึก ฮือออ” เด็กหญิงใบหน้าหวานแต่ดวงตาหมองหมน ร่างกายถูกทำร้ายเลือดไหลตามศีรษะเป็นทาง เสื้อผ้าหลุดลุ่ย เธอสั่นตัวถอยหนีชายร่างใหญ่เดินเข้าไปใกล้ มือใหญ่บีบปากเธอแน่นกระซิบข้างหูร่างบาง เธอคนนั้นนิ้วหน้าด้วยความเจ็บ กลัวจนตัวสั่น “หลับให้สบายนะเด็กน้อย” “กรี๊ดดดดดดด” เฮือกกกกก “ท่านผู้โดยสารโปรดทราบ ขณะนี้การบินXX ได้นำท่านมาถึงที่หมายแล้วกรุณา...............” “ฝันอีกแล้วเหรอ เหมือนจริงเป็นบ้า” ใช่ค่ะ คุณฟังไม่ผิดฉันฝัน! ฝันเห็นเหตุการณ์แบบนี้มาตลอด 3 ปี เป็นฝันที่น่ากลัวมาก เหมือนมันเกิดขึ้นในชีวิตจริงเลย ในฝันภาพเด็กผู้หญิง 2 คนนั้นใบหน้าเบลอๆ จนไม่รู้ว่าคือใคร แล้วทำไมผู้ชายคนนั้นถึงต้องทำร้ายพวกเธอด้วย มันเป็นฝันร้ายที่เกิดขึ้นกับฉันเป็นครั้งคราว ฉันก็ยังหาคำตอบกับมันไม่ได้สักที แต่ช่างฝันมันเถอะเพราะตอนนี้ได้เวลาลงจากเครื่องแล้ว ประเทศญี่ปุ่น ร่างบางผมยาวประมาณกลางหลัง สีบลอนทอง สูง 160 ซม. ตัวเล็กผิวขาวเหมือนน้ำนม ใบหน้านวลใสที่ถูกแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางสีอ่อนๆ โทนสีพีช เธอลากกระเป๋าเดินทางออกจากสนามบิน “ถึงสักที ญี่ปุ่นของฉัน” ฉันชื่อ โลมาค่ะ ถามว่าทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี้ เพราะอะไรน่ะเหรอ เพราะว่า....ว่า...น้องงงง เป็นสาวขอนแก่นยังบ่เคยมีแฟน บ้านอยู่แดนอีสานนน อะ อะ อะ อะอะ พอ! โลมาจะเป็นอิสระแล้วโว้ย จะแอบเที่ยวให้เต็มอิ่มเลย ว่าไปนั้น ^^ ที่จริงฉันมาหาหมอค่ะ อ่า....ไม่บอกหรอกนะว่ามาหาทำไม ประจวบเหมาะกับที่พี่ชายที่สุดแสนจะน่ารักของน้อง โทรเช้า โทรกลางวัน โทรเย็นจนน้องที่น่ารักต้องบินมาหาถึงที่ พูดแล้วก็คิดถึงโทรหาสักหน่อยดีกว่า …Trrrrrrrrr… (ว่าไงยัยตัวแสบ) “คิดถึงฉลาม” (คิดถึงก็มาหาพี่สิ ปิดเทอมแล้วนี่) “ไม่เอาหรอกน้องไม่อยากไปกวนฉลามทำงาน ฉลามจะได้ไม่เหนื่อยที่ต้องมาดูแลน้องด้วย” (ห้ามพูดแบบนี้อีกนะสำหรับพี่ โลมาคือความสุขของพี่ครับ ไม่มีทางที่พี่จะเหนื่อยกับโลมา เข้าใจมั้ย) “เข้าใจค่ะ แค่นี้ก่อนนะโลมาจะไปห้างกับคุณป๊า” (ครับๆ ดูแลตัวเองดีๆนะ ฝากบอกคิดถึงคุณป๊าด้วย) “ค่ะ รักฉลามนะ” ^^ หึๆ แค่คิดก็ฟินแล้ว อิสระ 3 วันของฉันมาเที่ยวญี่ปุ่นโดยที่ไม่บอกฉลาม ไม่ใช่ว่าไม่บอกนะแค่จะมาเซอร์ไพรส์พี่ชายเฉยๆ อุส่าหคิดแผนตั้ง 2 วันเอาตีนก่ายหน้าผากก็แล้ว เขี่ยอุนจิเจ้ากวางตุ้ง (หมา) ก็แล้ว จนคุณป๊าเดินมาเขกหัวบอกว่ามันสกปรก โป๊ะเชะ! กับคุณหมอที่รักษาย้ายไปประจำการที่ญี่ปุ่นพอดี ฉันเลยขอคุณป๊ามารักษาโรคบ้าๆ นี้ และมาเซอร์ไพรส์พี่ชายด้วย แต่ก่อนจะเซอร์ไพรส์ขอเที่ยวให้หนำใจ 3 วันก่อนแล้วกัน โตเกียวดิสนีย์แลนด์จ้า รอโลมาก่อนนะจ๊ะ ตุ้บ ตุ้บ ปัก (-_-) ยังไม่พ้นสนามบินเลยตัวฉันนั้น ก็ได้เบิกฤกษ์ความซวยซะแล้ว เสียงที่หนึ่ง คือเสียงกระเป๋าฉันเองคะ ส่วนสองนั้น มือถือสุดหรูที่พึ่งถอยใหม่มาสดๆ ร้อน และสาม ตัวฉันนั้น ได้เนรเทศก้นตัวเองลงไปนั่งพับเพียบกับพื้น ช่างเป็นกุลสตรีจริงๆ -_-! โลมายัยซุ่มซาม!! “เจ็บ” “เป็นอะไรไหม” เสียงทุ้มสำเนียงไทยแท้ดังขึ้นเป็นจังหวะที่ฉันลุกขึ้นยืนเงยหน้ามองเจ้าของร่างสูงตรงหน้า ชั่วขณะที่สบตากับดวงตาคมดุคู่นั้น ความรู้สึกบางอย่างของก้อนเนื้อข้างซ้ายที่เต้นไม่เป็นจังหวะยามรอยยิ้มมุมปากของคนตรงหน้าเผยออกมา “ม...ไม่เป็นไรค่ะ” ฉันยกมือขึ้นโบกไปมาเพื่อปฏิเสธ “แต่ว่ามือคุณมีเลือดออก” คนตรงหน้าพูดจบ ฉันยกมือตัวเองขึ้นมองดู อ่า… ได้เเผลจนได้ “ไปทำแผล” เสียงของคนตรงหน้าบอกฉันพร้อมกับเก็บของที่ตก มืออีกข้างจับมือฉันที่เป็นแผลลากฉันเดินไปร้านคาเฟ่ใกล้ๆ วางของที่ถือไว้ตรงหน้าจับฉันให้นั่งลง “นั่งรอตรงนี้ก่อน” เสียงทุ้มน่าฟังเอ่ยบอกฉันแล้ววิ่งออกจากร้านไป กะพริบตาปริ่มๆ ด้วยความมึนงง แล้วทำไมฉันต้องมากับเขา ยัยโลมาแกเชื่อฟังคนไม่รู้จักได้ไงเนี่ย มืออีกข้างจับเพื่อฟังเสียงก้อนเนื้อข้างซ้ายที่กลับมาเต้นปกติแล้ว เมื่อกี้มันคืออะไรฉันเป็นอะไรไป นั่งเถียงกับตัวเองสักพักร่างสูงตรงหน้าที่หายไปวางถุงอะไรบางอย่างตรงหน้าฉัน “?” “เฮ้อ” เสียงถอนหายใจคนตรงหน้าพร้อมกับเอื้อมมือฉันไปจับเอง ด้วยความตกใจฉันพยายามดึงมือกลับ สายตาคมดุจับจ้องมาที่ฉันเพื่อเป็นการบอกนัยๆ “อย่าดื้อ” “โลมาทำเองได้” ด้วยความตกใจลืมตัวจนเผลอพูดชื่อแทนตัวเองขึ้นมา ร่างสูงตรงหน้าเปิดถุงหยิบอุปกรณ์ออกมาทำแผลอย่างเบามือ “พี่ทำให้ครับ” ตึกตัก ตึกตัก อีกแล้วใจฉันเต้นอีกแล้ว มือเบาจังรู้สึกอุ่นๆ คนที่พึ่งเจอตรงหน้าเขาเป็นใครกันนะ “โอ๊ะ เจ็บ” ฉันสะดุ้งเมื่อเบต้าดีนโดนแผล รีบชักมือกลับแต่คนตรงหน้าไม่ยอมปล่อยมือเลย ฟู่ ฟู่ ~ สิ่งที่ทำให้ฉันตกใจมากกว่านั้น คือคนตรงหน้าก้มลงมาเป่าแผลให้ฉัน อีกแล้วใจเต้นอีกแล้ว ฉันจะตายไหมเนี่ย >< “หายแสบหรือยัง” “หะ หายแล้วค่ะ” “หึ” คนตรงหน้าเผยยิ้มมุมปากมองหน้าฉัน “เอ๋ พี่เป็นคนไทยเหรอคะ” ลืมไปเลยว่าเราคุยกันภาษา ไทยอยู่ ดูจากรูปร่างแหละความสูงพี่เขาแล้วน่าจะอายุเยอะกว่าฉัน “อืม” เสียงทุ้มเอ่ยตอบสั้นๆ จากนั้นนำพลาสเตอร์ลายหมีพูห์...ที่ดูไม่เข้ากับพี่แกเลย ปิดแผลให้ฉัน เสร็จสักที “ขอบคุณค่ะ” “มาคนเดียว?” “คะ เอ่อ… มาคนเดียวค่ะ” “พักอยู่ที่ไหน” สายตาคมจ้องมองคนตัวเล็กตรงหน้ารอคำตอบ “โรงแรมxxx ค่ะ” นี่ฉันเป็นอะไรไปทำไมต้องบ้าจี้ไปตอบพี่เขาทุกคำถามด้วย “เอ่อ…ฉันต้องไปแล้ว ขอบคุณที่ทำแผลให้นะคะแล้วก็ขอโทษด้วยที่เดินชนค่ะ” ฉันลุกขึ้นยืนเก็บของ ลากกระเป๋าเตรียมจะออกจากร้าน ไม่ลืมที่จะก้มหัวขอบคุณเขาอีกครั้ง แล้วเดินออกจากร้านไป ทว่า ในขณะที่จะเดินออกจากร้านนั้น แขนกลับถูกคว้าไว้ด้วยมือใหญ่ของร่างสูงที่เป็นคนแปะพลาสเตอร์หมีพูห์ให้ ฉันเอียงคอเลิกคิ้วข้างหนึ่งเชิงถามคนตรงหน้าที่เลื่อนมือจากแขนลากลงมากุมมือฉันไว้ “เดี๋ยวไปส่ง”“ข้อตกลงของเรา” “ข้อตกลงอะไรคะ?” ร่างสูงขมวดคิ้วเป็นปม บนใบหน้าเผลอแสดงความหงุดหงิดออกมา ใช้มือเสยผมตัวเองก่อนจะหลับตาเหมือนกำลังจะระงับอารมณ์บางอย่างไม่ให้ออกมา “เฮ้อ ลืมแล้วสินะ” เสียงถอนหายใจของเจ้าตัวดังขึ้นก่อนที่จะลืมตาขึ้นมาจ้องมองด้วยแววตาและใบหน้าที่ผิดหวัง ฉันได้แต่ยืนขมวดคิ้วมึนงง ฉันลืมอะไร “มันไม่สำคัญเลยใช่ไหมว่ะ” ร่างสูงพูดเสียงเบาๆ เหมือนพึมพำกับตัวเอง ซีปล่อยมือที่กุมมือฉันไว้ ขยับตัวถอยห่างฉันก้าวหนึ่ง “ช่างเถอะ ห้องนอนเดินตรงไปเลี้ยวขวาห้องสุดท้าย” น้ำเสียงเรียบนิ่ง รู้สึกรับรู้ได้ถึงบรรยากาศที่แสนจะเย็นเยือก ซีละสายตาจากฉัน นั่งลงดูทีวีเงียบๆ โดยไม่มองมาที่ฉันอีกเลย เป็นอะไรของเขา ฉันหันหลังด้วยความมึนงงเลือกที่จะเดินไปเอาของในห้องนอน “เจอแล้ว อยู่นี่เอง” ฉันเข้าไปในห้องนอนของซี กวาดสายตามองหาของก็เจอของๆ ฉันว่างไว้ข้างโต๊ะที่น่าจะเป็นโต๊ะทำงานของเจ้าตัว ทว่า ขณะที่ฉันเดินเข้าไปใกล้ๆ โต๊ะมากเท่าไร สายตาของฉันดันไปสะดุดเข้ากับรูปหลายๆ แผ่นที่ว่างไว้บนโต้ะ “นี่มัน….” รูปฉัน!!! เป็นรูปที่เราไปเที่
“คือ เมื่อคืนโลมาอยู่ในห้องตัวเองได้ยังไง?” “จำไม่ได้?” ฉันสายหน้าตอบคนตรงหน้า “เธอหลับ” อ่าาา… หลับนี่เอง ถึงว่าละ “ซีก็เลยปลุกโลมาใช่ไหม” ต้องใช่แน่ๆ ฉันต้องเดินขึ้นห้องมาเองต้องใช่แน่ๆ (^~^) “ใช่ ปลุกแล้ว” ว่าแหละ “แต่โลมาไม่ยอมตื่น” “!!!” “เลย… อุ้มมา” “ห๊ะ” (0 [] 0) แม่เจ้า “อะ…อุ้ม” ฉันถามซีอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ “อืม (-__-) ” ร่างสูงพยักหน้ายืนยันคำตอบ “ได้ไงอะ โลมายังไม่อนุญาตเลยนะ” “ต้องขอด้วยเหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยถามหน้านิ่ง “ต้องค่ะ!” “แต่เธอหลับ”เออใช่วะ “กะ…ก็… โลมาไม่กวนซีแล้วดีกว่า ฮะๆ” ตอบคนตรงหน้าด้วยแววตาและสีหน้าใสซื่อหันหลังรีบชิ่งไปนั่งรอที่เดิม จะรออยู่ใยในเมื่อเถียงไปเหตุผลก็คือ ฉันหลับ หลับแบบสนิทชนิดที่ว่าเอาหินมาปาใส่ก็ม่ายตื่นเจ้าค่ะ ฮืออออ~น่าอายจริงเลย นั่งรอสักพักร่างสูงนำแซนด์วิชมาวางไว้ตรงหน้า แทบัก!!! ฉันมองแซนด์วิชกับคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามสลับกันไปมา ไม่น่าเชื่อว่าซีจะทำได้น่ากินขนาดนี้ “ซีทำอาหารเป็นด้วยเหรอ”
จึก จึก “ซี ตื่นได้แล้ว” โลมาใช้นิ้วชี้จิ้มตรงไหลผมเรียกให้ผมตื่น “ขบวนเสร็จแล้ว?” ผมผละจากไหลน้อง เลิกคิ้วเชิงถามคนตัวเล็กตรงหน้า “อืม เสร็จแล้ว” “ป่ะ” โลมาลุกขึ้นยืนพร้อมกับยืนมือมารอผม หึ เป็นเด็กที่รักษาสัญญาดีนี่ ผมเอื้อมมือจับมือโลมาแล้วลุกขึ้นตามร่างบาง “ไปดูการแสดงไฟ Celebration Street กันต่อค่ะ” “ห๊ะ” what!! ยังไม่จบอีกเหรอวะ “เนี่ยยังมีอีกเยอะเลยนะ ไหนจะม้าหมุน ปราสาทตอนกลางคืนก็สวยมากๆ เลย… บลาๆ” และน้องก็ไปอย่างที่พูดจริงๆ ครับ จนตอนนี้ 4 ทุ่มสวนสนุกปิด ผมถึงลากโลมาออกมาได้ “สนุกมากๆ เลยอ่ะ ตอนกลางคืนคือสวยมาก”น้องที่นั่งอยู่บนรถหันมายิ้มให้ผม จนผมอดยิ้มตามไม่ได้ “ดีแล้ว” ผมยกมือขึ้นลูบหัวโลมาอย่างเอ็นดู แล้วหันมาขับรถต่อ “โลมาอยากกินอะไรอีกไหม พี่จะได้แวะซื้อให้ก่อนเข้าโรงแรม” “....” เงียบ~ “โลม….” ผมหันมองคนนั่งข้างๆ “ZzzzzZzzzz” หลับ (-_-) ยัยเด็กน้อย ผมจอดรถข้างทางเอื้อมมือไปหยิบเสื้อกันหนาวของตัวเองด้านหลังมาห่มให้โลมา แล้วหันไปขับรถต่อ โรงแรม
“อยากเป็นคนของโลมา” ผมเงยหน้ามองใบหน้าแดงๆ ของโลมา ใช้มือข้างหนึ่งลูบหัวน้องเบาๆ “ได้ไหมครับ” ถามลองเชิงคนตัวเล็กตรงหน้าเผื่อได้คำตอบที่ต้องการ “คือโลมา….” พรึบ! “หึ ล้อเล่นน่ะ” ผละตัวออกจากคนตัวเล็กใช้นิ้วชี้เคาะหัวโลมาเบาๆ “โลมาตกใจหมด เล่นอะไรก็ไม่รู้” คนตัวเล็กถอนลมหายใจออกมาอย่างโหล่งอกมองผมแบบดุๆ ยัยแมวน้อย “นี่พี่ทำให้แมวตื่นเหรอ หืมมม” ผมดึงจมูกน้องเล่นอย่างหมั่นเขี้ยว “อืออออ ซี มันเจ็บน่าาา >” น้องจับจมูกตัวเองมองผมแก้มป่องๆ อ่า…..จะทำให้ผมหลงถึงไหน “ยังจะยิ้มอีก ไม่คุยด้วยแล้ว ดูของต่อดีกว่า” ผมมองโลมาเลือกของอย่าตั้งใจทำเป็นไม่สนใจผม ถามว่าทำไมผมถึงไม่รอคำตอบจากโลมา ทำไมถึงบอกว่าล้อเล่น ที่จริงผมไม่ได้ล้อเล่นหรอกครับ ผมพูดจริง แต่เพราะเห็นสีหน้าและสายตาที่ดูสับสนของน้องแล้ว บอกเลยว่าผมกลัวคำตอบของน้อง กลัวน้องจะปฏิเสธผม น้องพึ่งรู้จักผมแค่ 2 วัน แต่สำหรับผมรู้จักน้องมา 3 ปี ใช่ครับ ผมเคยเจอโลมามาก่อน ผมชอบน้องตั้งแต่แรกเห็น แต่ตอนนั้นน้องยังเด็กเกินไปสำหรับผม ผมเลยทำได้แค่เฝ