นานายืนงงอึ้งกับภาพตรงหน้าเพราะที่นี่มันคือโกดังสินค้าที่เธอต้องการจะรู้ แต่วันนี้โชคเข้าข้างรึไงกันเพราะมันโผล่มาให้เห็นตรงหน้า
“เออ บะ บอสค่ะที่มันคือ” เธอลองหยั่งเชิงถามถึงแม้จะรู้อาชีพของเขาคืออะไรก็ตาม แต่เพราะไม่อยากตายไวเลยทำเป็นไม่รู้เรื่องเป็นเด็กใสซื่อดีที่สุด เพราะเขาบอกแล้วเป็นโคแก่อยากกินหญ้าอ่อน ดังนั้นเธอจะเป็นหญ้าอ่อนให้เขาเอง
“ที่ทำงานฉันไง” เสียงเย็นตอบกลับและนำเดินเข้าไป
“ที่ทำงานงานบอสไม่ใช่ที่ผับเหรอคะ”
“เธอคิดว่าฉันจะมีแค่งานนั้นงานเดียวรึไง ทำอันนั้นแค่อันเดียวคิดว่าฉันจะรวยแบบนี้รึสาวน้อย” มาเฟียหนุ่มหันมาพูดและหัวเราะในลำคอ
“บอสทำอาชีพอะไรกันแน่ อย่าบอกนะว่าข้างในเป็นยาบ้า”
“มั้ง หึ หึ”
โรคจิต! มันเป็นเสียงหัวเราะที่โรคจิตมาก รู้สึกไม่ดีจนอยากจะวิ่งหนีออกไปจากตรงนี้เหลือเกิน สัญชาตญาณมันบอกเธอว่าถ้าเขาเปิดประตูโกดังนั้นชีวิตของเธอคงไม่มีอีกแล้ว
ครืด~~~~
“บอสค่ะ!” เธอวิ่งเข้ามาและจับชายสูทของเขาเอาไว้ แต่มือแกร่งเลื่อนเปิดประตูโกดังสินค้าแล้วเรียบร้อย
และในนั้นเห็นแล้วมันชวนให้น่าอ้วกเหลือเกิน เพราะสภาพคนที่นอนสะบักสะบอมอยู่เบื้องหน้ามันช่างน่ารันทด ครั้งนี้เธอก็เห็นเลือดอีกแล้ว แต่ที่แปลกไปคือข้างหน้าเธอคิดว่าเป็นแหล่งผลิตยานรก แต่ผิดคาดเพราะมันเป็นคลังอาวุธที่มีแทบทุกชนิด ให้ตายสิผู้ชายคนนี้ยิ่งได้รู้จักยิ่งน่ากลัวสู้ให้เขาผลิตยาบ้ามันดีเสียกว่าอีก
“เป็นไงสาวน้อยข้างหน้าที่เธอเห็นมันน่าสนุกไหม” เขาหันมาถามพร้อมกับยิ้มที่เหมือนคนโรคจิต
หญิงสาวยืนหายใจติดขัดพยายามนับหนึ่งถึงสิบเพื่อให้ใจเย็นลง
“พานานามาเพื่อให้ทำความสะอาดเหรอคะ” เธอถามและมองรอยเลือดที่มันน่าขยะแขยงกลิ่นคาวคลุ้งมากกว่าที่ผับเป็นครั้งไหน ๆ
“เปล่า แต่วันนี้ฉันพาเธอมาเล่นสนุกเฉย ๆ”
“เฮ้อ เฮ้อ เล่นสนุกเหรอคะ” เธอหัวเราะแห้ง ๆ เล่นสนุกอะไรกันนี่มันโรคจิตชัด ๆ
“เมธา”
“ครับนาย”
“ไปพาตัวมา” เสียงเย็นจนน่าขนลุกเอ่ยสั่งและกระดิกนิ้วเรียกให้หญิงสาวเดินเข้ามาหา
“เธอเลือกของเล่นมาสักชิ้นสิ ชอบชิ้นไหนก็หยิบมา” มาเฟียหนุ่มพูดเสียงตื่นเต้นและส่งสายตาบังคับให้หญิงสาวเลือกอาวุธที่วางเรียงอย่างเป็นระเบียบบนโต๊ะ
เธอกัดฟันเพราะยังไงก็ต้องเลือกแต่ละอย่างนี่มันของเล่นเหรอ หรือเป็นมาเฟียแล้วชอบเล่นของเล่นแบบนี้กัน
ขาเรียวยืนมาหยุดตรงกลางที่อาวุธวางเรียงเอาไว้บนโต๊ะใช้สายตาสอดส่องว่าจะเลือกชิ้นไหน เพราะแต่ละชิ้นมันไม่น่าเลือกมาเล่นเลย เพราะมีแต่ของอันตรายเช่น ปืน มีด กรรไกรตัดหญ้า คีมตัดลวด เลื่อย ประแจ และค้อน และมีอย่างอื่น แล้วเธอจะเลือกอะไรได้ จึงตัดสินใจหยิบคีมตัดลวดขึ้นมาเพราะคิดว่ามันดูอันตรายน้อยที่สุดในบรรดาของอย่างอื่น
“หึ เลือกได้น่ารักเหมาะกับเธอดี” มือหนารับคีมตัดลวดที่หญิงสาวส่งให้มาถือไว้ และใช้เคาะกับมือไปมาและผิวปากฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี
“บอสค่ะ แล้วนานาต้องทำอะไรอีก” เธอถามด้วยหัวใจที่เต้นแทบกระดอนออกมานอกอก เธอกลัวว่าเขาจะให้เธอเห็นอะไรพิเรนทร์ ๆ อีก เพราะถ้าให้เธอยืนดูเขาฆ่าคนอีกเธอคงรับไม่ไหวแน่
“ชู่ว์~~ เงียบ ๆ แล้วรอดูอย่างเดียว มานั่งนี่สิ” มือหนาตบที่นั่งด้านข้างและแสยะยิ้มให้จนน่าขนลุก และเขาฉีกยิ้มกว้างเมื่อเมธาพาผู้ชายสองคนเข้ามา
อะไรกันอีกยังจะพาเข้ามาอีกเหรอ แล้วผู้ชายที่นอนหมดสภาพบนพื้นห้าคนนี้ล่ะคืออะไร
“ดูนะสาวน้อย มันจะสนุกจนเธอลืมไม่ลงเลยล่ะ” เขาแสยะยิ้มบอกและลุกขึ้นเดินไปหาผู้ชายสองคนที่โดนจับมัดมือและมัดขาเอาไว้
กึด กึด!!
“อ๊าก!!” เสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดเมื่อเขาใช้อาวุธที่หญิงสาวเป็นคนเลือกกับมือคีบดึงฟันหน้าของผู้ชายคนนั้นออก
“ฮึก” เธอสะดุ้งและปิดตาลงด้วยความหวาดกลัวและเสียวกับภาพตรงหน้า แต่มือเปื้อนเลือดกลับมาบังคับให้เธอลืมตาขึ้น
“ห้ามหลับตาเด็กน้อย เธอต้องนั่งดูฉันเล่น ห้ามกะพริบตาแม้แต่สักนาทีเดียวเข้าใจไหม” เสียงเขาไม่ได้ดุ แต่มันกลับน่ากลัวจนเธอต้องพยักหน้ารับและตอบกลับไปด้วยความหวาดกลัว
“ค่ะ” เธอตอบตกลงด้วยน้ำเสียงที่สั่น มาเฟียหนุ่มจึงคลี่ยิ้มพึงพอใจออกมา
กึด กึด!!
“อ๊าก อ๊าก เจ็บ พะ พอแล้ว อ๊าก”
หญิงสาวนั่งดูภาพตรงหน้าหยาดน้ำตาเกือบจะไหลออกมาแต่เธอเช็ดเอาไว้ได้ทัน เม้มปากและกำมือของตัวเองไว้แน่น ภาพตรงหน้าของเธอผู้ชายคนนั้นดูน่าสงสารมาก ผู้ชายอีกคนหนึ่งก็มองมาทางเธอด้วยสายตาที่เหมือนจะอ้อนวอนอยากให้เธอช่วย
แล้วเธอจะไปช่วยอะไรได้ ขนาดชีวิตตัวเองยังเอาไม่รอด
“หมดสนุกแล้วสิ เพราะไม่มีอะไรจะถอนแล้ว” มาเฟียหนุ่มยืนขึ้นเสยผมและมือก็มีเลือดอยู่เต็มมือ ตาคมตวัดมามองหญิงสาวนิ่ง นานาจึงสะดุ้งตกใจและนั่งตัวแข็งทื่อ
“เมธาสาวน้อยนั่งดูทุกช็อตไม่พลาดสักวินาทีเดียวใช่ไหม”
“ใช่ครับนาย” เมธาตวัดสายตาเยือกเย็นมองมาที่เธอเล็กน้อยและตอบความเป็นจริงให้ผู้เป็นนายฟัง
“ดีมาก นานาตอนนี้ฉันอยากได้ของเล่นชิ้นใหม่ เธอดูผู้ชายคนนี้สินอนมองและรู้ว่าฉันจะทำอะไรมันเลยไม่ตื่นเต้นเหมือนกับคนแรกเลย” เขาแสยะยิ้มบอกและมองผู้ชายคนที่เขาถอนฟันแทบไม่มีเหลืออยู่ในปาก เล็บมือเล็บเท้าเขาก็ถอนดึงไม่มีเหรอ
“อยากให้นานาเลือกของเล่นชิ้นใหม่ให้ใช่ไหมคะ”
ชายหนุ่มพยักหน้าและยืนดูว่าหญิงสาวจะเลือกอะไรถ้าเธอฉลาดเขาจะปล่อยให้เธอมีชีวิตรอดไปอีกวัน
นานาเดินเข้ามาหยุดดูอาวุธตรงหน้าและสายตามองไปที่ผู้ชายที่นอนจับมัดอยู่เขาส่งสายตาเว้าวอนให้ช่วยเขาหลุดพ้นจากความเจ็บปวดนี้
แต่...ขอโทษด้วยเธอเองก็ไม่อยากตายเช่นกัน ขืนเลือกอันที่ฆ่าชีวิตของเขาได้ง่าย จะเป็นชีวิตของเธอเองที่สั้น เธอดูออกว่ามาเฟียโรคจิตนั้นต้องการอะไร เขาต้องการความสนุกและตื่นเต้นขืนเธอน่าเบื่อเขาคงหมดสนุกและเมื่อนั้นเธอคงหมดประโยชน์และฆ่าเธอทิ้งแน่นอน
ตัดสินใจได้เธอจึงหยิบเลื่อยขึ้นมาและเดินมาส่งให้กับเขาด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่ง แม้ในใจแทบอยากจะร้องไห้ เพราะเหมือนเธอเป็นคนฆ่าเขาเองกับมือ
“สาวน้อยเธอนี่ฉลาดจริง ๆ” มาเฟียหนุ่มพูดชมจากใจจริง และเพราะเธอฉลาดแบบนี้เขาจึงยังฆ่าเธอไม่ได้
“ได้โปรดครับ พวกผมบอกคุณไปหมดทุกอย่างแล้ว ไหนบอกจะปล่อยผมไปไง” เสียงร้องขอความเห็นใจมันช่างดูน่าสงสารและกัดกินใจเหลือเกิน เขาดูหมดสิ้นหนทางเหลือเกิน และส่งสายตามองมาที่เธออย่างน่าสงสาร
“ได้เวลามาเล่นของเล่นชิ้นใหม่แล้ว” มาเฟียหนุ่มพูดและหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง และใช้เลื่อยมาเลื่อยนิ้วของผู้ชายคนนั้นออกมาทีละนิ้วจนครบทุกนิ้ว
เธออยากจะอาเจียนกับภาพตรงหน้าเหลือเกิน ชีวิตของเธอทำไมต้องมาเจออะไรเฮงซวยแบบนี้ด้วย ให้ตายเถอะ
--------------------------------------------
ฟาริสแกโหดและโรคจิตมาก
นานาเธอจะรอดไหมเนี่ย เพราะอิพี่มันดักทุกทางเลย
เป็นเวลาหลายวันแล้วที่หญิงสาวทำตัวเหินห่าง ถ้าวันไหนเขาเดินออกจากห้องเธอมักจะกลับขึ้นไปบนห้องตัวเองแทน อาหารที่เธอมักทำให้ตอนนี้เธอก็ไม่ทำคงโกรธเกลียดเขามากสินะ“คุณแนน อย่าเพิ่งไปครับ”ขาเรียวหยุดอยู่กับที่เมื่อได้ยินเสียงทุ้มเอ่ยเรียก ปกติเขามักจะส่งเสียงเย็นชาให้ได้ยิน แต่วันนี้กลับอ่อนลงให้เธอแปลก ๆ หรือเขารู้สึกผิดกับเธออย่างงั้นเหรอ“คุณได้กินยารึยัง”เหอะ! ฉันคิดเพ้อฝันอะไรอยู่ อยากได้ยินคำว่าขอโทษจากปากเขาว่างั้น ตอนแรกหลงคิดว่าเขาจะเอ่ยขอโทษ แต่กลับมาถามว่ากินยารึยัง สารเลวจริง ๆ“กินแล้ว คุณไม่ต้องกังวลหรอก เพราะฉันก็ไม่ได้โง่” เธอตอบกลับเสียงเย็นชาและเลือกเดินขึ้นห้องไป“เดี๋ยวก่อนครับ” เมธาวิ่งเข้ามาจับข้อมือเล็กให้เธอหันมาเผชิญหน้า และก็ได้เห็นน้ำตาที่ไหลออกมาจากบนหน้าสวยจนเขาทำอะไรไม่ถูกเพราะไม่ถูกกับน้ำตาของผู้หญิง“มีอะไรอีก ฉันอยากจะขึ้นห้องแล้ว”“ผมขอโทษสำหรับเรื่องคืนนั้น” ร่างสูงเอ่ยออกมาอย่างสำนึกผิด อีกอย่างเขาเป็นคนแสดงออกไม่เป็น เขารู้สึกผิดจริง ๆ แต่หน้ากลับเย็นชาทำเป็นแต่หน้านิ่ง ไม่รู้เธอจะให้อภัยไหม และอีกอย่างตนไม่ใช่คนที่ทำอะไรผิดแล้วจะชิ่ง“ทำไมไม่ขอโทษ
“คุณปล่อยฉันนะ” ร่างเล็กเมื่อริมฝีปากเป็นอิสระจึงร้องส่งเสียงให้เขาออกไป“อื้อ..” ร่างหนาไม่ฟังเขาเพียงปรือตาขึ้นมาเล็กน้อยอาจด้วยพิษไข้จึงทำอะไรโดยไม่รู้ตัว“คุณ นี่ฉันเองนะ ปล่อยได้แล้ว” แนนร้องตะโกนบอกพยายามดิ้นหนี แต่ยิ่งดิ้นเหมือนยิ่งไปกระตุ้นให้เขามีอารมณ์มากขึ้น เพราะรู้สึกได้ถึงตรงนั้นที่นู่นเด่นและแข็งกำลังทิ่มตรงหว่างขาของเธอมือแกร่งดั่งคีมเหล็กเข้ามากระชากชุดนอนของหญิงสาวออก เขากระชากและดึงออกอย่างแรงเมื่อคนตัวเล็กพยายามดิ้นหนีอีกครั้ง“ปล่อยฉันนะ คุณเมธาได้ยินฉันไหม นี่ฉันเอง”“หุบปากสักที รำคาญ” เสียงแหบพร่าเอ่ยขึ้น และเข้ามาฉกริมฝีปากอวบอิ่มจูบอีกครั้งอย่างหื่นกระหายมือหนาหยาบกร้านเข้ามาสัมผัสผิวเรียบเนียนทีละจุดและมาหยุดที่อกอวบคู่สวย เขาไม่รอช้าบีบขยี้จนแทบแหลกคามือ และใช้ฟันกัดเบา ๆ ที่ปทุมถันที่เริ่มแข็งเป็นไต ลิ้นร้อนปาดเลียวนไปมาและดูดเข้าปากเหมือนเด็กน้อยที่หิวกระหาย“อือ อึก ไม่เอา อย่าทำฉันนะ” ด้วยแรงที่สู้เขาไม่ได้เลยอยู่ใต้อาณัติอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง เธอพยายามสู้กับแรงเขาแล้วแต่ไม่สามารถเอาชนะได้เลย และตอนนี้เขากำลังจับเธอแหกขาออกกว้าง“ไม่นะ เมธา ไม่”สวบ!
“เมื่อคืนขอโทษด้วยนะคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะพูดยังงั้นออกไป”ทันทีที่เห็นชายหนุ่มเดินลงมาแนนจึงรีบพุ่งตัวเข้าไปหาและเอ่ยขอโทษออกมาอย่างสำนึกผิด เธอชงกาแฟดำและขนมปังปิ้งวางไว้ให้เขาตามด้วยไข่คนที่มีเบคอนทอดกรอบวางอยู่ด้านข้างส่งกลิ่นหอมฉุยออกมาเรียกน้ำลาย“อืม” ชายหนุ่มขานรับสั้น ๆ ในลำคอและจิบกาแฟดำเข้าปากพร้อมกับกัดขนมปังทานไปเงียบ ๆ และเอ่ยขอตัวไปทำงานแบบที่เขาทำเป็นประจำ“วันนี้ฉันจะทำกับข้าวรอนะคะ”เมธาหยุดเดินและหันมามองด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง แต่เขาไม่พูดอะไรแค่มองแบบนั้นและเดินออกไป“เฮ้อ~~ สงสัยกลัวดอกพิกุลร่วงออกจากปาก พูดลากันสักคำก็ได้ ไม่ใช่เดินออกไปเฉย ๆ” เธอบ่นตามหลังเพราะไม่กล้าบ่นต่อหน้าเพราะเมื่อคืนสร้างวีรกรรมไว้แล้ว ถ้าจะสร้างต่อคงไม่ดี เพราะเธอยังอยากให้น้องปลอดภัยจากคนของโทมัสตกเย็นจวบจนถึงเวลาสี่ทุ่มเธอก็ยังไม่เห็นชายหนุ่มกลับมา ตั้งใจทำอาหารรอไว้อย่างดิบดีแต่กลับไม่เห็นเจ้าตัวกลับมาเสียที เธอตัดสินใจเก็บอาหารเข้าตู้เย็น พอเคลียร์อะไรเสร็จตั้งใจจะขึ้นห้องแต่ได้ยินเสียงรถขับเข้ามาจึงยืนอยู่รอ เผื่อเขายังไม่ได้ทานข้าวมาเธอจะเตรียมอุ่นให้“ทำไมสภาพคุณเป็นอย่างงั้นล่ะคะ”
ร่างสูงกำยำบังคับหัวเรือเข้ามาจอดเทียบท่า สายตาคมมองไปในพื้นน้ำและท่ามกลางความมืด ตอนนี้แค่รอเวลาเพียงเท่านั้นปัง!ปัง!ปากหยักคลี่ยิ้มเมื่อทุกอย่างกำลังเป็นไปตามแผน เมธารีบเดินออกมาเมื่อได้ยินเหล่าลูกน้องส่งเสียงร้องโหวกเหวกโวยวาย“กูจัดการเอง” เสียงแข็งกระด้างและใหญ่เอ่ยบอกและชี้ให้เหล่าลูกหาบกระโดดลงไปเพื่อเอาชีวิตรอด“แล้วกัปตันล่ะ ถ้ามันยิงกัปตันขึ้นมาพวกเราจะทำยังไง”“พวกมันไม่ยิงหรอก พวกมึงหนีเอาชีวิตรอดก่อนเถอะ”“ครับ” เมื่อเห็นเหล่าลูกจ้างหนีออกไปกันจนหมดแล้วเขาก็เดินออกมาเพื่อเผชิญหน้ากับผู้ที่เข้ามาเยือน“นี่คือของทั้งหมดใช่ไหม” หนึ่งในแก๊งที่เข้ามาปล้นเอ่ยถามเสียงหยัน“เออ รีบ ๆ เข้าเถอะก่อนที่บอสใหญ่จะมา ถ้ามาตัวใครตัวมันก็แล้วกัน และถ้าใครโดนจับได้กูแนะนำให้พวกมึงฆ่าตัวตายซะถ้าไม่อยากทรมาน"“นี่เงินที่นายแบบนั้นสั่งให้เอามาให้ ครั้งหน้ามีงานอีกกูจะติดต่อไป” มือหนารับเงินปึกใหญ่ที่บรรจุอยู่ในซองกระดาษมาถือเอาไว้“อืม รีบเข้าเถอะก่อนที่ลูกเรือคนอื่นจะเห็น เมื่อกี้กูเพิ่งไล่ให้ไปอีกทางไม่รู้มันจะย้อนกลับมาไหม”“เออ เร่งมือเข้า เอาเรือมาเทียบท่าเร็ว” เพราะด้วยวันนี้ไม่มีเรื
หลายเดือนมาแล้วที่เธอได้อยู่กับคนหน้านิ่งเหมือนเป็นคนไม่มีอารมณ์ใด ๆ ผ่านใบหน้า นอกจากความเย็นชา“หน้าผมมันมีอะไรติดรึไงครับถึงได้เอาแต่มอง”เสียงพูดติดรำคาญถามแต่ตายังคงมองไปข้างหน้า ที่ทั้งเขาและเธอออกมาห้างเพื่อซื้อของใช้จำเป็น และพวกอาหารสดและแห้ง ปกติเขาชอบซื้อกินมากกว่า แต่พอมีผู้หญิงคนนี้เข้ามากลับกลายเป็นต้องเลิกซื้ออาหารข้างนอกกิน เพราะเธอคนนี้จะทำอาหารไว้รอเขาตลอด จนมันกลายเป็นความเคยชินไปแล้ว“ฉันมองเพราะหน้าคุณมันหล่อละมั้งค่ะ” แนนตอบกลับหน้าตาย ส่วนเมธาก็หน้าตายไม่แพ้กัน“เหอะ!!” เมธาหัวเราะออกมาเพราะรู้ว่าหญิงสาวประชด“ตอนนี้สถานการณ์อีกฝั่งยังไม่คลี่คลายดีเหรอคะ”“ทำไม”“ฉันอยากไปอยู่กับน้องแค่สองคนแล้วค่ะ มัวแต่อยู่กับคุณแบบนี้ฉันเกรงใจ”“เกรงใจหรืออึดอัดกันแน่”หึ รู้ดีอีก อุตส่าห์เก็บความรู้สึกเอาไว้อย่างดีแล้วแท้ ๆ“เกรงใจสิคะ จะมาอึดอัดอะไรล่ะ บ้านหลังตั้งใหญ่โต ข้าวก็ไม่ต้องซื้อกินสบายจะตาย ใช่ไหมละคะ”เหอะ! ยัยผู้หญิงหน้าด้านเมธาถอนหายใจและเดินมาหยุดตรงครีมอาบน้ำ กำลังจะหยิบครีมอาบน้ำที่ใช้เป็นประจำขึ้นมาสองขวด แต่มือเล็กขึ้นมาปัดมือของเขาออก“ฉันอยากเปลี่ยนครีม
ผลัวะ! ผลัวะ! อั๊ก!!เสียงข้างนอกดังเอะอะโวยวายเข้ามา ร่างเล็กที่นอนคดอยู่บนฟูกเก่า ๆ ขยับตัวขึ้นและพยายามมองลอดผ่านช่องว่างของประตูออกไปว่าเกิดอะไรขึ้นผลัวะ!! ปัง!“กรี๊ด!!” เธอหวีดร้องออกมาอย่างตกใจที่ประตูเกือบกระแทกโดนหน้าของเธอเต็ม ๆ ดีที่กระโดดหลบออกมาได้ทัน“เธอใช่แนนไหม?” เสียงเย็นชาเอ่ยถามด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่ง และใช้มือที่มีแต่เลือดกระแทกท่อนเหล็กลงพื้นด้วยความหงุดหงิด “ตอบสิวะ” ชายหนุ่มทำหน้าหงุดหงิดและเอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดเลือดที่มือออกและเดินดุ่ม ๆ เข้ามาที่หญิงสาว“จะทำอะไรฉัน ถ้าจะฆ่าฉันก็ปล่อยน้องสาวฉันไป” ร่างสูงมองเข้าไปที่ดวงตาดำขลับที่มองเขาอย่างไม่เกรงกลัว แต่ตัวของเธอกลับสั่นอย่างน่าขัน“ฉันถาม เธอใช่แนนไหม” เสียงเย็นชาเอ่ยถามอีกครั้ง และบีบเข้าที่คางเล็กจนผิวยุบไปตามแรง“ชะ ใช่ ฉันเจ็บนะ”“ถ้าไม่อยากให้น้องสาวเธอตายก็รีบตามมา”“ค่ะ” เธอรับอย่างว่าง่ายและเดินตามมาอย่างเชื่อฟังเมธาเหลือบมองร่างเล็กของหญิงสาวใบหน้าของเธอละม้ายคล้ายคลึงกับน้องสาวของเธอไม่มีผิด แต่คนนี้มีดวงตาสีดำและเส้นผมสีดำที่เงางามเหยียดตรงมากกว่า ต่างจากคนน้องที่ผมออกสีน้ำตาล“ออกรถ” เสียงแข็งกระ