ตอนที่ 1 (อุบัติเหตุ)
“ทำไมมันถึงได้ติดยาวเหยียดขนาดนี้นะ แล้วแบบนี้จะไปถึงกี่โมงวะเนี่ย คนก็ยิ่งรีบๆ อยู่ด้วย!”
เฟื่องฟ้า หญิงสาวสวยวัย 21 ย่าง 22ปี บ่นอุบอิบขึ้นมาด้วยความหงุดหงิด เมื่อรถรามากมายที่ยังไม่สามารถจะเคลื่อนตัวออกไปไหนได้เนื่องจากรถติดยาวเหยียด วันนี้เธอดูเร่งรีบมากเป็นพิเศษเพราะจะต้องไปทำความสะอาดที่ทำงานให้กับลูกชายของคุณหญิงประภัสสรซึ่งเป็นเจ้านายของผู้เป็นป้า เพราะว่าป้าของเธอประสบอุบัติเหตุรถชนจนกระดูกร้าวเธอจึงต้องไปทำงานนี้แทน ที่สำคัญวันนี้ก็เป็นวันแรกซะด้วยที่เธอต้องเข้าไปรับทำงานนี้ สถานที่ทำงานเธอเองก็ยังไม่เคยเห็น รู้เพียงว่าเป็นผับดังของลูกชายผู้เป็นเจ้านายของป้าเธอ เฟื่องฟ้าขับรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจออกมาตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อหวังว่าจะหลบหลีกจากการติดขัดของจราจร แต่ก็ไม่วายเมื่อรถรามากมายต้องมาติดยาวเหยียดอยู่กับที่แบบนี้จนแทบจะขยับไปไหนไม่ได้
สักพักเมื่อรถเคลื่อนตัวออกไปได้แล้วหญิงสาวจึงขับเวสป้ารถมอเตอร์ไซค์คู่ใจของเธอออกไปทันทีอย่างรีบร้อน แต่ขับออกไปได้เพียงไม่นานเธอก็ต้องเลี้ยวเข้าจอดข้างทางเนื่องจากมีสายโทรเข้ามาเธอจึงต้องจอดรถเพื่อรับโทรศัพท์จากคนปลายสาย
เฟื่องฟ้า : [ว่าไงคะป้าแมว]
ป้าแมว : [หนูไปถึงหรือยังลูก]
เฟื่องฟ้า : [ยังเลยค่ะป้าแมว พอดีรถติดมากค่ะ ตอนนี้หนูก็จอดรถคุยโทรศัพท์อยู่ข้างทาง]
ป้าแมว : [หนูไปที่นั่นถูกนะลูก]
เฟื่องฟ้า : [น่าจะไปถูกนะคะ ว่าแต่ป้าแมวโทรบอกที่โน่นเขาไว้รึยังคะว่าหนูจะเข้าไปทำความสะอาดแทนป้าแมว]
ป้าแมว : [ป้าโทรบอกแล้วลูก เขาบอกให้หนูเข้าไปได้เลย]
เฟื่องฟ้า : [โอเคค่ะ ไว้หนูจะโทรหาอีกทีนะคะป้าแมว เดี๋ยวหนูขับรถก่อนค่ะ]
ป้าแมว : [จ้ะลูก]
ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด!!
เฟื่องฟ้ากดวางสายทันทีหลังจากคุยโทรศัพท์จบ ก่อนจะคว้าหมวกกันน็อคขึ้นมาเพื่อจะสวมใส่ศีรษะไว้เช่นเดิม
คีย์หรือคีตะ (คีตภัทร วีระกิตธาดา) อายุ35ปี [คีตะหรือคีย์ เป็นเพื่อนสนิทของเจไดพระเอกในเรื่องเสือร้ายพ่ายรัก] เขาคือชายหนุ่มรูปหล่อสุดเพอร์เฟคสเปคสาวๆ มาดนิ่งแต่ปากจัด เขาเป็นมาเฟียหนุ่มลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจสีขาวและธุรกิจสีเทา ด้วยความที่รูปหล่อพ่อรวย สาวน้อยสาวใหญ่ก็ต่างพร้อมจะวิ่งแจ้นเข้าหาเพื่อถวายตัวให้กับเขากันทั้งนั้น นอกจากความรูปหล่อพ่อรวยแล้วเรื่องบนเตียงก็เด็ดใช่เล่น หากใครได้ลองขึ้นเตียงด้วยแล้วก็แทบจะโหยหาเซ็กซ์อันร้อนแรงและดิบเถื่อนจากเขากันทั้งนั้น
~ครืด ครืด ครืด~
เสียงโทรศัพท์มือถือของคีตภัทรดังขึ้นในขณะที่เขากำลังขับรถอยู่อย่างใจจดใจจ่อ ก่อนชายหนุ่มจะเอื้อมมือหนาไปคว้าเอาโทรศัพท์เครื่องหรูขึ้นมาเพื่อจะกดรับคนปลายสาย แต่โทรศัพท์มือถือดันร่วงหลุดมือเขาจึงต้องก้มลงไปหยิบมันขึ้นมา ก่อนจะเหยียบเบรกลากยาวอย่างกระทันหันทันทีเมื่อรถสปอร์ตคันหรูได้แฉลบพุ่งเข้าชนรถมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ข้างทาง หญิงสาวที่กำลังยืนสวมหมวกกันน็อคอยู่ได้กระโดดหลบออกทันอย่างหวุดหวิด
เอี๊ยดดดดดด!!!
ตู๊มมมม!!!!
ร่างบางของเฟื่องฟ้าเกลือกกลิ้งลงไปยังข้างทางทันที เมื่อจู่ๆ ก็มีรถยนต์คันหรูวิ่งแฉลบมาชนรถมอไซด์คู่ใจของเธอเข้าอย่างจัง แต่โชคยังดีที่ตัวเธอเองกระโดดหลบออกได้ทันอย่างหวุดหวิดเลยไม่เป็นอะไรมาก จะมีก็แต่แผลถลอกตามตัวเล็กน้อยเพียงเท่านั้น
คีตภัทรก้าวขายาวๆ ลงจากรถอย่างรีบร้อนด้วยความโมโหเพราะเป็นห่วงสภาพรถคันหรูราคาหลายสิบล้านของตัวเอง
“จอดรถเหี้ยอะไรแบบนี้วะเนี่ย!!”
น้ำเสียงทุ้มสบถขึ้นมาอย่างหัวเสียเมื่อได้เห็นสภาพด้านหน้าของรถคันหรูราคาหลายสิบล้านของตนเองพังยับ
“พูดแบบนี้ก็สวยสิวะ!! ไม่มีตารึไงห๊ะถึงมองไม่เห็น!”
เฟื่องฟ้าเอ่ยแทรกขึ้นมาด้วยความโมโหทันทีเมื่อได้ยินในสิ่งที่ผู้ชายนิสัยเสียตรงหน้านี้พูด ก่อนมือเรียวสวยจะเอื้อมขึ้นมาปลดหมวกกันน็อคออกจากศีรษะทุยของตัวเอง นอกจากคนตรงหน้านี้จะเป็นฝ่ายขับรถพุ่งเข้ามาชนเธอแล้วไอ้บ้านี่ยังจะพูดจาไม่ดีแบบนี้อีก และคนอย่างเธอก็คงยอมไม่ได้แน่ๆ
“ใช่ สวย...สวยมาก”
คีตภัทรพูดขึ้นเหมือนคนใจลอยเมื่อได้เห็นใบหน้าสวยหวานของผู้หญิงตรงหน้านี้ เธอสวย…สวยตรงสเปคผู้หญิงในอุดมคติของเขาเลย แต่…ปากเธอนี่แซ่บไม่เบา
“เกิดมาไม่เคยเห็นคนสวยรึไงห๊ะ ไอ้คนไม่มีมารยาท ขับรถเหมือนเหี้ยขับขนาดนี้ได้สอบใบขับขี่มารึเปล่าไม่ทราบ อ่อ…ดูๆ แล้วก็คงจะเป็นพวกผู้ดีมีตังค์แต่เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อสินะ ใบขับขี่ก็คงจะใช้เงินซื้อเอาล่ะสิ แล้วนี่ญาติฝั่งไหนตายไม่ทราบถึงได้รีบร้อนจนทำให้คนอื่นเขาเดือดร้อนขนาดนี้ รถฉันที่คุณชนคุณจะต้องรับผิดชอบ ถ้าไม่ซ่อมให้ฉันคุณก็ต้องซื้อคันใหม่ให้ฉัน เพราะต่อให้ซ่อมยังไงมันก็ไม่เหมือนเดิม!”
“โอ๊ยยย พอๆๆ หยุดพูดสักที!”
คีตภัทรเอ่ยแทรกขึ้นมาเพื่อปรามให้อีกคนหยุดพูด เพราะยัยนี่แทบจะไม่เปิดโอกาสอะไรให้เขาได้เป็นฝ่ายพูดบ้างเลย
“ฉันไม่หยุด! คุณพูดมาเลยดีกว่าว่าจะรับผิดชอบรถของฉันยังไง อย่าคิดว่าชนแล้วจะหนีเชียวนะ และอย่าคิดว่าคนอย่างฉันจะยอม!” เฟื่องฟ้าพูดขึ้นอีกครั้งอย่างเอาเรื่อง ก่อนจะล้วงเอาโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋าสะพายข้างและยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดถ่ายวิดีโอบันทึกหน้าของเขาเอาไว้
“เฮ้ย! นี่เธอจะทำอะไร หยุดถ่ายเดียวนี้เลยนะ ฉันไม่ชอบให้ใครมาถ่ายรูปถ่ายคลิป ถ้าเธอไม่หยุดอย่าหาว่าฉันไม่เตือน!” เขาขู่ขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด
“โอ้โห!! นี่กล้าขู่คนอย่างฉันหรอ อย่ามาขู่ซะให้ยากเพราะฉันไม่กลัว พูดมาเลยดีกว่าว่าจะรับผิดชอบยังไง?”
เฟื่องฟ้าพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวเช่นกันพลางจ้องหน้าอีกคนอย่างรอคำตอบ เพราะเธอไม่สนอะไรทั้งนั้นและผู้ชายคนนี้จะต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำ
“นี่เธอกินหมาเข้าไปทั้งตัวหรือไงห๊ะถึงได้ปากเสียขนาดนี้ หัดฟังคนอื่นเขาบ้างสิวะ ไม่ใช่แว้ดๆๆ ใส่อย่างเดียว ยัยปากปีจอ!!”
คราวนี้คีตภัทรพูดขึ้นบ้างอย่างเหลืออดที่อีกฝ่ายเอาแต่ด่าอย่างเดียวโดยไม่คิดจะฟังอะไรเลย
“คุณว่าฉันปากหมาอย่างงั้นหรอไอ้ปากเสีย! ทำผิดแล้วคิดจะไม่รับผิดชอบสินะ ได้...ได้เลยเดี๋ยวจัดให้”
“เฮ้ย! ยัยบ้า นี่เธอจะทำอะไรหยุดเดี๋ยวนี้นะ”
คีตภัทรพูดขึ้นด้วยความตกใจที่เห็นเธอเดินก้มลงไปหยิบเอาก้อนหินข้างทางขึ้นมา แล้วเดินปรี่ไปที่รถคันหรูของตัวเองก่อนจะเอาก้อนหินขูดรถหรูของเขาอย่างบ้าคลั่ง
“ก็ถ้าพวกผู้ดีมีตังค์อย่างคุณมันไม่อยากจะรับผิดชอบแล้วละก็…ฉันก็จะเอาให้เละกันไปข้าง แฟร์ๆ ดี”
“ยัยบ้าเอ้ย หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!”
คีตภัทรรีบเดินปรี่เข้าไปห้ามอีกคน ทั้งสองคนฉุดกระชากลากถูกันอยู่แบบนั้น ก่อนจะเสียหลักล้มกลิ้งกอดกันลงไปข้างทาง จนกระทั่งริมฝีปากหนาของคนตัวโตประกบลงมาบนริมฝีปากบางของคนตัวเล็กอย่างไม่ได้ตั้งใจ
“อี๋..!! ไอ้ทุเรศ ไอ้บ้ากาม กล้าจูบฉันหรอ!”
ตุ๊บ ตุ๊บ ตุ๊บ!!
เสียงกำปั้นน้อยๆ ของเธอฟาดเข้าใส่คนตัวโตอย่างไม่ยั้งมือและไม่ยอมฟังเสียงร้องห้ามปรามของอีกคน ตอนนี้เธอโมโหสุดขีดที่อีกคนมาฉกฉวยโอกาสจุ๊บเธอแบบนี้
“โอ๊ยๆๆ!! พอได้แล้วยัยบ้าเอ้ย ฉันบอกให้หยุดไงวะ หยุด!!!”
น้ำเสียงแข็งกร้าวเอ่ยขึ้น ดวงตาคมจ้องหน้าเธอนิ่งอย่างเอาเรื่อง จนคนตัวเล็กถึงกับอ้าปากค้างไปทันทีด้วยความตกใจ
“ถ้าเธอไม่หยุดฉันจะให้ลูกน้องของฉันเอาเธอไปลงแขก จะเอาแบบนั้นไหมห๊ะ!!”
เฟื่องฟ้าเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็หยุดนิ่งไปในทันทีอย่างอัตโนมัติ
“ต้องให้คนอย่างฉันโมโหก่อนใช่ไหมห๊ะถึงจะหยุด ฉันบอกเธอหรอว่าฉันจะไม่รับผิดชอบ ห๊ะ!”
“แล้วคุณจะรับผิดชอบยังไงก็พูดมาสิ! แล้วก็ปล่อยฉันได้แล้ว อย่ามาฉวยโอกาสกอดและรวนรามฉัน!”
เฟื่องฟ้าพูดขึ้นเมื่ออีกคนยังไม่คลายอ้อมแขนออกจากตัวเธอ ก่อนคีตภัทรจะรีบลุกขึ้นและปล่อยวงแขนแกร่งให้อีกคนเป็นอิสระ
“ก็แค่รถสับปะรังเคแค่คันเดียว คนอย่างฉันซื้อคันใหม่ให้ได้สบายอยู่แล้ว!”
“งั้นก็จ่ายมาสิ ถึงมันจะเป็นรถสับปะรังเคแต่มันก็เป็นเครื่องมือขับเคลื่อนช่วยฉันทำมาหากิน พวกคนรวยเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่ออย่างพวกคุณไม่มีทางเข้าใจหรอก”
“คำก็เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ สองคำก็เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ เธอนี่มัน....!!”
“ทำไม ฉันมันทำไมห๊ะ!”
เฟื่องฟ้าพูดขึ้นอย่างไม่เกรงกลัว คีตภัทรได้แต่ถอนหายใจเบาๆ ออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย ก่อนจะเดินอ้อมไปเอาสมุดเช็คที่อยู่ในรถคันหรู เขาเขียนตัวเลขลงไปในนั้นทันทีเป็นจำนวนสองแสนบาทและยื่นให้อีกคนอย่างนึกรำคาญ
“เอาไป หวังว่าแค่นี้คงจะพอนะสำหรับพวกขี้งกๆ อย่างเธอ”
น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้น พร้อมกับยื่นเช็คจำนวนสองแสนบาทให้เธอ
‘สวยซะเปล่าแต่ปากหมาฉิบหาย’
คีตภัทรได้แต่นึกในใจอย่างหงุดหงิด
“ก็พอได้ นึกว่าจะเป็นพวกคนรวยแต่ขี้เหนียวซะอีก”
เฟื่องฟ้าเอ่ยขึ้นพร้อมกับยิ้มปริ่มตรงมุมปากอย่างพออกพอใจกับตัวเลขในเช็คที่เขายื่นให้ ส่วนคีตภัทรเองได้ปลีกตัวออกมากดโทรศัพท์ติดต่อเรียกประกัน และโทรให้โกเบซึ่งเป็นลูกน้องให้ขับรถมารับทันทีอย่างคนไม่สบอารมณ์ ก่อนทั้งสองจะแยกย้ายกันไปเมื่อตกลงกันได้เรียบร้อยแล้ว
~ณ ผับดัง xx~
หลังจากโกเบขับรถมารับผู้เป็นเจ้านายแล้ว เขาจึงให้ลูกน้องขับรถมุ่งตรงมาที่ผับซึ่งเป็นสถานที่ทำงานของตนเองทันที
“เอ่อ...นายครับ!”
แรมโบ้ลูกน้องมือขวาคนสนิทของคีตภัทรพูดขึ้น เมื่อเห็นผู้เป็นเจ้านายเดินลงมาจากรถ และกำลังจะเดินปรี่ขึ้นไปยังชั้นบนซึ่งเป็นห้องทำงานของตัวเอง
“มีอะไร!”
“เอ่อ...ป้าแมวโทรมาบอกว่าวันนี้จะให้หลานแกเข้ามาทำหน้าที่ทำความสะอาดห้องทำงานของนายแทนแกครับ เพราะป้าแมวแกคงเดินไม่ได้สักระยะและระหว่างนี้คงต้องให้หลานแกมาทำหน้าที่นี้แทนชั่วคราวไปก่อนครับ!”
“อืม แล้วหลานที่ว่ามาถึงรึยัง”
“ยังเลยครับ จนป่านนี้ยังไม่เห็นมาเลยครับ จะหลงทางรึเปล่าก็ไม่รู้”
“ถ้ามาถึงก็พาขึ้นมาพบกูที่ห้องทำงานเลยก็แล้วกัน”
“ครับนาย”
พอจบบทสนทนาคีตภัทรก็รีบเดินปรี่ขึ้นไปยังชั้นบนทันที นอกจากที่นี่จะเป็นผับแล้วชั้นบนสุดของที่นี่ยังเป็นทั้งที่ทำงานและห้องพักของเขา คีตภัทรเดินเข้ามาภายในห้องด้วยความเพลีย เพราะเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ทำเอาเขาเหนื่อยและเสียพลังงานไปกับยัยปีศาจนั่นเยอะเหมือนกัน
เฟื่องฟ้านั่งแท็กซี่มายังจุดหมายปลายทางซึ่งเป็นผับดังของลูกชายเจ้านายของผู้เป็นป้า ก่อนจะเดินลงจากรถและมุ่งตรงเข้าไปข้างในทันที
“คุณมาหาใครครับ!” แรมโบ้พูดขึ้นเมื่อเห็นหญิงสาวสวยเดินตรงเข้ามา
“เอ่อ คือฉันมาทำความสะอาดแทนป้าแมวค่ะ ไม่ทราบว่าป้าแมวได้โทรมาแจ้งไว้รึเปล่าคะ”
เฟื่องฟ้าถามชายชุดดำที่ยืนอยู่ด้านหน้าด้วยท่าทางถมึงทึงและทำหน้าตาดุๆ ด้วยน้ำเสียงอันสั่นเครือ
“อ่อ หลานป้าแมวนี่เอง งั้นก็ตามผมมาครับ คุณต้องเข้าไปพบคุณคีย์ก่อน”
“คุณคีย์ คุณคีย์คือใครหรอคะพี่?” เธอเอ่ยถามขึ้นในระหว่างที่เดินตามหลังชายชุดดำขึ้นไปยังชั้นบน สถานที่แห่งนี้มีแต่ผู้ชายชุดดำหลายคนที่ยืนกันเป็นจุดๆ จนเธอรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเมื่อถูกบรรดาผู้ชายเหล่านั้นมองตาม
“คุณคีย์คือเจ้าของผับที่นี่และเป็นเจ้านายของพวกเราทุกคน ห้องที่คุณต้องไปทำความสะอาดก็คือห้องของคุณคีย์ที่อยู่ชั้นบน ซึ่งเป็นทั้งห้องทำงาน ห้องรับแขกที่ไว้สำหรับสังสรรค์กับบรรดาพวกเพื่อนๆ แล้วก็ห้องนอนของคุณคีย์ เธอต้องรับผิดชอบทำความสะอาดทั้งหมด” ลูกน้องคนสนิทพูดถึงรายละเอียดต่างๆ ให้เธอฟัง ก่อนทั้งสองคนจะเดินมาถึงหน้าห้องของผู้เป็นเจ้านาย
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!!
“ใคร”
“ผมเองครับนาย ตอนนี้หลานป้าแมวที่มาทำความสะอาด เธอมาถึงแล้วครับนาย”
“เข้ามา!”
คีตภัทรตอบเสียงห้วนๆ ตามสไตล์ของเขา ก่อนแรมโบ้มือขวาคนสนิทจะเปิดประตูให้กับเธอเดินเข้าไปข้างในเพื่อพบกับผู้เป็นเจ้านาย
“คุณเข้าไปพบคุณคีย์ในห้องได้แล้ว ส่วนผมจะไปเตรียมอุปกรณ์ทำความสะอาดขึ้นมาให้”
“เอ่อ...ค่ะ”
หลังจากแรมโบ้เดินออกไป เฟื่องฟ้าจึงเดินเข้าไปข้างในห้องเพื่อพบกับผู้เป็นเจ้าของผับดังแห่งนี้ทันที
“สวัสดีค่ะ คือฉันเป็นหลานป้าแมวและมาทำความสะอาดแทนป้าแมวค่ะ”
เฟื่องฟ้าเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสุภาพเมื่อเดินเข้ามาถึง ก่อนชายหนุ่มที่กำลังก้มหน้าก้มตาตรวจเอกสารกองโตบนโต๊ะจะเงยหน้าขึ้นมามอง
“นี่คุณ/นี่เธอ!!