ตอนที่ 3
แก๊ก!
เสียงที่ดังมาจากหน้าห้องทำให้คนนั่งเศร้ารีบลุกขึ้นแล้วกระโดดไปยืนแอบอยู่ตรงหน้าต่าง ก่อนจะดึงผ้าม่านออกมาบังตัวเอาไว้ ตากลมโตจดจ้องไปที่ประตูพร้อมๆ กับหัวใจที่แทบจะหยุดเต้น เพราะเธอเดาไม่ถูกจริงๆ ว่าใครจะโผล่เข้ามา แล้วจะมาดีหรือร้าย แต่น่าจะมาร้ายเสียมากกว่า
“อาหารเช้าของคุณครับ” หนุ่มร่างยักษ์ แต่หน้าไม่โหดเท่าคนที่จับเธอยัดใส่รถเอ่ยแค่นั้นก็เข็นรถใส่อาหารมาหยุดใกล้เตียงแล้วก็เดินออกไป ขณะที่สาวไทยที่ยืนหลบใต้ผ้าม่านก็ครุ่นคิดอย่างหนัก ว่าควรจะถามหนุ่มร่างยักษ์ดีไม่ ว่าจับเธอมาด้วยข้อหาอะไร
“อย่าเพิ่งไป!” มธุราตัดสินใจเรียกอีกฝ่ายไว้ก่อนที่ประตูจะปิดสนิท
“มีอะไรครับคุณผู้หญิง” หนุ่มร่างยักษ์หันมาถามด้วยเสียงสุภาพ
“พวกคุณเป็นใคร แล้วจับฉันมาทำไม ฉัน...ฉันไปทำผิดอะไรผิดงั้นเหรอ” มธุราเอ่ยถามด้วยใบหน้าใสซื่อ เพราะไม่รู้จริงๆ ว่าไปขัดแข้งขัดขาใครตอนไหน ถึงได้โดนลักพาตัว ก่อนจะรีบถอยกลับไปหลบอยู่ใต้ผ้าม่านเช่นเดิม เมื่อหนุ่มร่างยักษ์เดินตรงมาที่เธอ
“หยุดอยู่ตรงนั่นแหละ แล้วตอบฉันมาว่าจับฉันมาด้วยข้อหาอะไร” เธอออกคำสั่งทั้งที่กำลังกลัวภัยจะมาถึงตัวจนมือไม้สั่น
“ผมไม่ทราบครับ ผมแค่ทำตามหน้าที่” ตอบกลับด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
“หา!” คนอยากรู้ความผิดอ้าปากค้างไปหลายวินาที
“คุณผู้หญิงหมดเรื่องจะถามแล้วใช่ไหมครับ ถ้างั้น ผมขอตัวนะครับ” มุมปากขยับเหมือนจะยิ้ม ก่อนจะหันหลังเตรียมเดินออกจากห้อง
“ยังไม่หมด!”
หนุ่มร่างยักษ์หันกลับมาถาม “ถ้างั้นคุณผู้หญิงก็ถามผมมาได้เลยครับ ถ้าผมรู้ ผมตอบได้แน่นอนครับ”
“ฉันอยากรู้ว่าไอ้หน้าโหดคนนั้นนั่นน่ะ จับฉันมาทำไม”
“ถ้าเป็นเรื่องนี้ผมตอบไม่ได้ครับ เพราะผมมีหน้าที่แค่ทำตามคำสั่งของเจ้านายครับคุณผู้หญิง” หนุ่มร่างยักษ์โค้งศีรษะให้เล็กน้อยแล้วเปิดประตูออกไป แต่ก็ทันได้ยินเสียงของเชลยสาวดังตามหลัง
“ไอ้บ้า! บ้าเหมือนไอ้หน้าโหดคนนั่นเลย เฮ้ย! แล้วจะทำไงดี ติดต่อใครก็ไม่ได้ หนีออกไปก็ยังไม่ได้อีก แอนนี่นะแอนนี่ ทำไมเธอถึงได้ซวยแบบนี้นะ” มธุราบ่นเสียงดังเพื่อระบายความอัดอั้น ก่อนจะเดินไปทุบหน้าต่างจนมือแดงถึงได้หยุด แล้วถอยกลับมาทิ้งตัวนั่งบนเตียง ตาก็หันไปมองอาหารที่อยู่ตรงหน้า
‘ฝันไปเถอะว่าฉันจะกินอาหารของพวกเลว!’
จ๊อก!
“ท้องบ้า! จะร้องทำไมเนี่ย ฉันไม่ได้อยากจะกินอาหารพวกนี้ซะหน่อย” ปากบอกไม่อยากกิน แต่เพราะน้ำย่อยในกระเพาะร้องหาอาหารไม่หยุด สุดท้ายเธอก็จัดการอาหารที่หนุ่มร่างยักษ์นำมาให้จนเกลี้ยง ก่อนจะนั่งตีพุงรอไอ้หน้าโหดอยู่บนเตียง เพราะเธอทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากรอ
‘ไอ้หน้าโหด ถ้าฉันเจอนะ ฉันจะเอาจานข้าวฟาดหัวให้เบะเลยเชียว คอยดูเถอะ!’ สาวไทยแรงเท่ามดคิดอย่างมาดหมาย สายตามุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวจ้องไปที่ประตู มือก็ถือจานข้าวไว้รอเพื่อประทุษร้ายคนหน้าโหด แต่จ้องรออยู่นานก็ไม่มีใครมาสักคน เธอจึงล้มเลิก
ทว่า!
แก๊ก!
มธุรารีบหันไปคว้าจานที่เพิ่งวางไปแล้วจัดท้วงท่าที่เหมาะ กะจะฟาดให้หนักๆ แล้วเผ่นออกไป แต่ความกลัวทำให้มือสั่น
“หยุดสั่นเลย” พยายามบอกตัวเองแล้วก็จ้องไปที่ประตู หวังประทุษร้ายคนที่เข้ามาเต็มที่ และไม่ว่าใครจะโผล่เข้ามา จะต้องโดนเธอทำร้ายแน่นอน แต่เพราะกลัวจะโดนสวนกลับทำให้เธอไปหลบอยู่ใต้ผ้าม่านอย่างเดิม ครั้นเห็นหน้าคนเข้ามาเป็นคนร่างยักษ์เหมือนเดิมก็ถามออกไปด้วยเสียงไร้ความนุ่มนวล “เข้ามาทำไม”
“ผมเอาเสื้อผ้ามาให้ครับ” หนุ่มร่างยักษ์เดินถือเสื้อเชิ้ตตัวมาวางไว้บนเตียงตามคำสั่งของเจ้านาย ที่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเชลยสาวไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยน เลยโทรหาลูกน้องให้นำเสื้อผ้าของเขามาให้เปลี่ยน ก่อนที่เชลยสาวจะเหม็นเน่าไปทั้งตัว เพราะใส่แต่ชุดเดิม
“เสื้อใคร”
“ของเจ้านายครับ ท่านสั่งให้ใส่ไปก่อน แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้จะมีเสื้อผ้าผู้หญิงมาให้คุณเปลี่ยน แล้วเจ้านายก็สั่งให้คุณใส่เสื้อผ้าเหล่านั้นรอท่านทุกคืนด้วยครับ” จีโอ รายงานตามคำสั่งของเจ้านายไม่มีขาดตกแม้แต่คำเดียว
“รอทุกคืน!” มธุราถามกลับตาโต
“ใช่ครับ”
“ทำไมฉันต้องรอด้วย”
“ผมไม่ทราบครับ”
“ไม่ทราบอีกแล้ว ตกลงวันๆ หนึ่งคุณรู้อะไรบางเนี่ย” คนตัวเล็กชักโมโหที่ถามอะไรไป อีกฝ่ายก็ไม่ทราบเพียงอย่างเดียว
“หมดหน้าที่ผมแล้ว ผมขอตัวครับ” พูดจบก็เดินออกไป กระทั่งประตูปิดสนิทมธุราจึงเดินกลับมานั่งบนเตียงแล้วก็จ้องเสื้อเชิ้ตตาไม่กะพริบ ก่อนจะจับมันโยนทิ้งอย่างไม่ไยดี เพราะต่อให้เสื้อผ้าเหม็นจนแมลงวันบินมาตอมก็ยังดีกว่าใส่เสื้อผ้าของไอ้หน้าโหด!
******
กรุงเทพฯ ประเทศไทย
“อ๋อง เอากระเป๋าฉันขึ้นไปเก็บ แล้วก็ถือดีๆ ล่ะ ถ้ามีรอย ฉันจะตัดเงินเดือน” สั่งสาวใช้จบแล้ว มนลียาก็หันไปรับน้ำส้มคั้นจากสาวใช้อีกคน แต่ยังไม่ทันได้ยกดื่มก็หันไปเห็นมารดาเดินลงมาจากชั้นบนเสียก่อน
“เครื่องเพชรจัดเต็มขนาดนี้จะออกไปไหนคะคุณหญิงแม่”
“มาเรียกคุณยงคุณหญิงอะไรกัน ฉันเป็นคุณนายต่างหากย่ะ แล้วนี่ทำไมคราวนี้กลับมาเร็ว” คุณมณีศร มองค้อนลูกสาวตาคว่ำ ก่อนจะเอ่ยถามอย่างสงสัย เพราะก่อนจะไปต่างประเทศ ลูกสาวบอกว่าอาจจะอยู่ลาสเวกัสสักเดือน
บทส่งท้าย สองปีต่อมา... คุณพ่อลูกหนึ่งเดินออกจากห้องพักไปยังห้องของลูกชาย ที่ตอนนี้กำลังอยู่ในอ้อมกอดของผู้เป็นแม่ ที่กำลังกล่อมลูกชายเข้านอน ที่วันนี้เจ้าตัวแสบไม่ยอมนอนเสียทีทั้งที่ตอนนี้ก็ห้าทุ่มเข้าไปแล้ว เจ้าของร่างสูงยืนพิงประตูเฝ้ามองภรรยาและลูกน้อยด้วยความรักนานเป็นสิบนาที ก่อนจะเดินเข้าไปทิ้งสะโพกนั่งบนเตียงข้างภรรยาคนสวยที่กำลังค่อยๆ วางลูกน้อยบนที่นอน “พออุ้มกล่อมเข้าหน่อยก็หลับปุ๋ยเชียวนะตัวแสบ ลูกรักของแม่” มธุราพึมพำเบาๆ แล้วโน้มหน้าลงหอมแก้มของลูกชาย ที่ยิ่งโตก็ยิ่งเหมือนพ่อ “หอมลูกแล้วก็หอมพ่อบ้างสิทูนหัว” เคลย์ริกโน้มเข้าไปกระซิบ “แก้มคุณฉันหอมจนเบื่อแล้ว อีกอย่างแก้มคุ
อวสาน หลังจบอาหารค่ำ ที่วันนี้ครอบครัวแม็คแคลตันก็เดินทางมารับประทานอาหารค่ำที่บ้านศิริโชคธนาอีกครั้งเพื่อสร้างความสนิทสนิมแก่สองครอบครัวที่กำลังจะเกี่ยวดองกัน เคลย์ริกก็เดินกุมมือคนตัวเล็กออกมาเดินเล่นที่สวนดอกไม้หน้าบ้าน ในค่ำคืนที่พระจันทร์เต็มดวง ประหนึ่งว่ากำลังเป็นสักขีพยานในความรักของสองหนุ่มสาว ที่โชคชะตานำพาให้มาพบกันด้วยเรื่องเข้าใจผิด “ส่ายหน้าทำไมยาหยี” เคลย์ริกเอ่ยถามเมื่อคนตัวเล็กยิ้มแล้วก็ส่ายหน้าไปมา “ไม่อยากเชื่อเลยนะคะว่าเราสองคนกำลังจะแต่งงานกัน ฉันจำได้ว่าวันแรกที่เราพบกัน คุณกับฉันแทบจะฆ่ากันตาย” มธุราเงยหน้าขึ้นตอบคนตัวโต ส่วนคนที่ทำให้คนหน้าโหดเข้าใจผิด ตอนนี้เธอและครอบครัวของฝ่ายนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันนานแล้ว แต่ก็รู้มาว่าพี่สาวคนสนิทกำลังจะแต่งงานกับนับธุรกิจชาวสิงค์โปร “ก็
ตอนที่ 52หลังกลับจากเยี่ยมผู้อาวุโสและอยู่รับประทานอาหารค่ำกันแล้ว เคลย์ริกก็พามธุราเดินทางกลับบ้านพัก ที่ทุกครั้งที่ไปเยี่ยมผู้อาวุโส ที่ตอนนี้รักษาตัวจนหายป่วยเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วนับตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลได้เกือบสองสัปดาห์ และทุกครั้งที่ไปเยี่ยม ท่านก็ถามเรื่องแต่งงานระหว่างเธอกับคนหน้าโหดทุกครั้ง ‘ผมจะแต่งงานเร็วๆ นี้ครับ คุณตาตัดชุดรอเลยนะครับ’ นั่นคือคำตอบขอบคนหน้าโหดที่ให้คำตอบกับผู้อาวุโสก่อนจะเดินทางกลับที่พัก เธอสังเกตเห็นว่าสีหน้าของผู้อาวุโสดูมีความสุขมากที่ได้รู้ว่าหลานชายจะมีครอบครัว ส่วนเธอก็ยอมรับแหละว่าที่ผ่านมาเธอเปิดรับให้คนหน้าโหดเข้ามาจองพื้นที่ในหัวใจไปแล้ว ส่วนเรื่องแต่งงาน เธอยังไม่ได้บอกครอบครัว‘บอกพี่มาร์ชก่อน แล้วค่อยบอกคุณแม่ดีกว่า’ คิดแล้วก็หยิบโทรศัพท์ จะกดโทรออกอยู่สองสามรอบก็เปลี่ยนใจ ก่อนจะตัดสินใจโทรหาพี่ชายในที่สุด “แ
ตอนที่ 51 ก๊อกๆ “เจ้านายครับ” เสียงเคาะประตูและเสียงของจีโอดังขัดจังหวะการสนทนา ก่อนที่เคลย์ริกจะส่งเสียงบอกให้เข้ามา “มีอะไร” “คนที่บ้านคุณเนอร์แมนเพิ่งโทรมาแจ้งว่าคุณเคอร์ตินกลับมาที่บ้านครับ” เคลย์ริกฟังแล้วก็ไม่ได้ตอบอะไร เขาหันมาบอกให้มธุรารออยู่ที่นี่ ส่วนเขาและจีโอก็รีบเดินทางไปบ้านพักของผู้เป็นตา ที่เวลานี้สถานการณ์ไม่ค่อยดีนักเมื่อเคอร์ตินย้อนกลับมาหวังจะเอาทรัพย์สินไปใช้เพื่อการหลบหนี แต่คนเป็นพ่อบอกให้มอบตัวและยังหวังให้ลูกชายกลับเนื้อกลับตัว “ไม่! ผมไม่อยากติดคุก” “เคอร์ติน พ่อขอร้อง แกวางปืนลงเถอะ แ
ตอนที่ 50 “ดีขึ้นไหมคะ” เธอถามหลังจากปล่อยให้เขากอดอยู่พักใหญ่ ด้านเคลย์ริกก็คลายมือออกแล้วมาจับคางมน “ผมขอโทษนะที่ต้องพาคุณมาเจอเรื่องร้ายๆ แต่ผมสัญญาว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องพวกนี้ขึ้นอีก คุณจะอยู่กับผมใช่ไหม ยาหยี” มธุราฟังแล้วก็ยิ้มอย่างเดียว “ว่าไงยาหยี หรือคุณคิดจะไปจากผม” “ฉัน…เอ่อ…” “ผมผิดเองที่ทำให้การพบเจอกันของเราไม่ค่อยดี แล้วผมก็โง่เองที่ไม่สืบให้ดีๆ จนไปจับตัวคุณมา แต่ผมก็ดีใจที่จับมาผิดคน เพราะถ้าจับถูกคน ผมคงไม่ได้เจอกับคุณ” เคลย์ริกบอกเมื่อคนตัวเล็กเอาแต่อ้ำอึ้ง ส่วนผู้หญิงที่ทำให้เขาเข้าใจผิดว่าเป็นสาเหตุทำให้มารดาตรอมใจจนล้มป่วยและจากไปนั้น หากมีโอกาสได้เจอกันเขาจะ
ตอนที่ 49 วันต่อมา… เหตุการณ์ร้ายเมื่อคืนกลายเป็นข่าวดังและผู้คนก็ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เมื่อมีการประโคมข่าวว่ามีคนในตระกูลแม็คแคลตันมีส่วนในเรื่องนี้ ก๊อกๆ “เข้ามา” เมื่อได้รับอนุญาตจีโอก็เปิดประตูเข้ามารายงานความคืบหน้าถึงเหตุการณ์เมื่อคืน ที่พอเกิดเรื่องทั้งผู้เป็นตา บิดา และน้องชายฝาแฝด ต่างโทรมาถามไถ่ถึงเรื่องที่เกิดและเมื่อทุกคนรู้ว่าเคลย์ริกปลอดภัยก็โล่งใจไปตามๆ กัน “ได้เรื่องอะไรบ้าง” เคลย์ริกเอ่ยถามลูกน้องเสียงเรียบ ด้าน จีโอก็รายงานความคืบหน้าให้กับเจ้านายฟังอย่างไม่รีรอ ที่ตอนนี้ทางตำรวจแจ้งมาว่าฮาร์วี่ย์เริ่มซักทอ