“หยุดมองฉันด้วยสายตาแบบนี้ซะทีไอ้คนเฮงซวย แล้วก็พูดมาว่าฉันไปทำอะไรผิด หรือทำอะไรให้ไม่พอใจตอนไหน ทำไมจะต้องจับฉันมาขังไว้ด้วย” “ก่อนจะบอก เรามาเล่นอะไรสนุกๆ กันสักรอบสองรอบก่อนดีไหม” แววตาเขาไม่ได้พูดเล่น แต่คิดจะทำจริง “ไม่!” มธุราปฏิเสธโดยไม่ต้องคิดทบทวนให้เปลืองรอยหยักในสมอง ขณะที่คนตัวโตก็กดยิ้มมุมปาก และยังคงใช้สายตาจดจ้องร่างเล็กไม่เลิก ความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้น “แต่เรื่องสนุกที่ว่าเป็นงานที่เธอถนัดนะ”
View Moreตอนที่ 1
สหรัฐอเมริกา…
“ว้าว! สวยไม่เปลี่ยนเลยลาสเวกัสของฉัน” เสียงหวานใสของหญิงสาว เจ้าของใบหวานชวนมองดังออกมาด้วยท่วงท่าตื่นเต้นราวกับเด็กได้ของเล่นถูกใจ ข้างกันนั่นก็เป็นสาวสวยอีกคนที่รูปร่างน่าตาคล้ายคลึงกันมาก ไม่ว่าจะเป็นทรงผม คิ้ว ริมฝีปาก การแต่งตัวที่คล้ายคลึงกันเสียจนทำให้ผู้คนที่พบเห็นนึกว่าเป็นฝาแฝด แต่ความจริงแล้วทั้งสองสาวเป็นเพื่อนที่สนิทสนมกันมานาน เพราะทั้งสองครอบครัวต่างรู้จักกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่
“พูดเหมือนเพิ่งเคยมาเลยนะแอนนี่ พี่จำได้ว่าเคยพาเรามาครั้งนี้เป็นครั้งที่สามแล้ว ยังจะตื่นเต้นอยู่อีกเหรอ” มนลียา สุศิตานันท์ ส่ายหน้าเล็กน้อย ก่อนจะมองไปรอบๆ คาสิโนสุดหรู อีกหนึ่งธุรกิจทำเงินให้กับตระกูลแม็คแคลตัน ตระกูลที่ร่ำรวยอันดับต้นๆ ของอเมริกา แถมยังมีทายาทที่หล่อเหลาถึงสามคน แต่ไม่ค่อยเปิดเผยตัวตนต่อที่สาธารณะ
“ก็มันอดตื่นเต้นไม่ได้ พี่ลียาดูสิ แสงสีสวยมาก” แต่ความสวยที่ปรากฏก็ทำให้ใครหลายคนเสียอนาคตมาแล้ว เพราะลาสเวกัส ใครๆ ก็รู้ว่ามันคือเมืองแห่งคนบาป แต่ถึงจะบาปแค่ไหนก็ยังมีคนหลั่งไหลเข้ามา และหนึ่งในนั้นก็คือเธอ แต่เธอไม่ได้มาเพื่อเสี่ยงโชคหวังรวยทางลัด แต่มาเพื่อรับประทานอาหารตามคำชักชวนของเพื่อนสาวที่สนิทและอายุมากว่าเธอสี่ปีต่างหาก ตอนแรกเธอก็ปฏิเสธ เพราะเหนื่อยกับการเดินทางจึงอยากพักผ่อน แต่พออีกฝ่ายบอกจะมาพาแนะนำให้รู้จักกับแฟน ทำให้เธอรีบตกปากรับคำจะมาด้วยทันที เพราะไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเพื่อนสนิท ที่เธอนับถือเป็นพี่สาวมีแฟน แล้วไม่ใช่แค่เธอที่ไม่รู้ แม้แต่ทางครอบครัวของพี่ลียาก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลูกสาวมีแฟนอยู่ที่อเมริกา
“พี่เห็นด้วยว่าสวย แต่ตอนนี้เราเข้าไปข้างในกันเถอะ พี่อยากดื่มไวน์จะแย่แล้ว” มนลียาเปลี่ยนเรื่อง ก่อนจะยื่นมือไปแตะแขนอีกฝ่ายเบาๆ แล้วเดินนำเข้าไปก่อน
“พี่ลียาแน่ใจนะว่าแฟนพี่ไม่ว่าที่พาแอนนี่มาเป็นก้างขวางคอ” มธุรา ศิริโชคธนา สาวสวยเจ้าของใบหน้าหวานชวนมองเอ่ยถามด้วยความเกรงใจ เพราะเธอนึกกลัวว่าแฟนหนุ่มของอีกฝ่ายอาจจะไม่พอใจที่มีเธอติดสอยห้อยตามมาด้วย
“ไม่หรอก พี่บอกเขาแล้ว”
“งั้นไปกันเลยค่ะ” มธุราตอบกลับอย่างสบายใจขึ้นแล้วก้าวตามไป ใจก็คิดหาเหตุผลไปด้วยว่าทำไมพี่สาวคนสวยถึงไม่ยอมบอกครอบครัวเรื่องมีแฟน
‘สงสัยพี่ลียาคงยังไม่พร้อมหรือยังไม่มั่นใจ ถึงไม่บอกที่บ้าน’ มธุราครุ่นคิด แล้วก็นึกเห็นใจพี่ชาย ที่งานนี้พี่ชายสุดของเธอ อกหักดังเปาะเชียวแหละเมื่อสาวที่แอบรักแอบปลื้มมานานมีคนจับจ้องเป็นเจ้าของหัวใจไปแล้ว
“แอนนี่! แอนนี่! เป็นอะไรหรือเปล่า พี่เรียกแล้วก็ไม่หือไม่อือเลย” มนลียาทำทั้งเรียกทั้งเขย่าแขนกว่าที่มธุราจะรู้สึกตัว
“ขอโทษค่ะพี่ลียา พอดีแอนนี่คิดอะไรเพลินไปหน่อย”
“ไม่เป็นไร แต่เราไปที่โต๊ะกันเถอะ” ถามจบแล้วมนลียาก็จับแขนอีกฝ่ายเข้าไปยังโต๊ะอาหารด้านในสุดที่แฟนหนุ่มของเธอได้โทรมาจองไว้ล่วงหน้าแล้ว หลังนัดกันว่าจะมารับประทานอาหารค่ำด้วยกัน ซึ่งเธอก็ได้บอกไปแล้วว่าจะแนะนำเพื่อนให้รู้จักด้วย ครั้นเมื่อนั่งลงกันเรียบร้อยแล้วมนลียาก็เปิดกระเป๋าหยิบโทรศัพท์ออกมาดูเมื่อมีเสียงเตือน ปากอิ่มยกขึ้นเล็กน้อยเมื่ออ่านข้อความสั้นๆ จบ
“แฟนพี่ลียามาแล้วเหรอคะ” ถามแล้วก็มองหา เพื่อจะลองเดาดูว่าเป็นคนไหน
“ยังหรอก แต่แฟนพี่ส่งข้อความมาบอกว่าจะมาช้าหน่อย เห็นว่ามีธุระด่วนมาก ถ้าไงเราสั่งอาหารมารอเลยแล้วกัน” ตอบไปทั้งที่ใจเริ่มเซ็ง เมื่อแฟนหนุ่มดันมามีธุระเอาตอนนี้ทั้งที่นัดกันเสียดิบดีแล้ว
“เอางั้นก็ได้ค่ะ” มธุราเปิดเมนูอาหารราคาแพงหน้าแล้วหน้าเล่า แต่ก็ไม่รู้จะเลือกเมนูอะไรดี จนในที่สุดเธอก็ให้คนพามาเป็นเลือกให้
กระทั่งได้อาหารและเครื่องดื่มมาแล้วสองสาวก็นั่งกินและพูดคุยกันไปเรื่อยๆ จนมธุรารู้สึกว่านานเกินไปแล้ว แต่แฟนหนุ่มของพี่สาวคนสนิทก็ยังไม่มาเสียที เลยพลอยทำให้เธอกังวลว่าที่อีกฝ่ายไม่มา คงเพราะรู้ว่ามีเธอมาเป็นก้างขวางคอหรือเปล่า
“แอนนี่ ดูทำหน้าเข้า เป็นอะไรหรือเปล่า” มนลียาเอ่ยถามอย่างสงสัย ขณะที่ตัวเธอเองก็หงุดหงิดมากเช่นกันที่แฟนหนุ่มไม่มาซะที ซ้ำยังขาดการติดต่อไปอีก เธอส่งข้อความไปหาก็ไม่ตอบกลับ
“แอนนี่แค่สงสัยว่าทำไมป่านนี้แล้วแฟนพี่ลียาถึงยังไม่มา หรือเขาไม่พอใจที่มีแอนนี่มาด้วย”
“ไม่ใช่หรอก แอนนี่อย่าคิดมากเลย แต่เดี๋ยวพี่ขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะ แล้วถ้าแฟนพี่มาระหว่างที่พี่ไปห้องน้ำ แอนนี่ก็ชวนคุยได้เลยนะ” มนลียายกผ้าขึ้นแตะมุมปากเล็กน้อยแล้วหันไปคว้ากระเป๋า
“แอนนี่ไม่กล้าชวนคุยหรอกค่ะ พี่ลียารีบไปรีบมาดีกว่า”
“ไม่ต้องเกร็งไม่กลัวอะไรหรอกแอนนี่ ชวนๆ คุยไปเถอะ เดี๋ยวพี่ไปก่อนนะ รู้สึกปวดท้องยังไงก็ไม่รู้” มนลียากล่าวจบก็เดินไปทันที ปล่อยให้มธุรานั่งทำหน้าเหมือนคนถูกบังคับให้กลืนยาขม ก่อนที่เธอจะนั่งรับประทานอาหารไปเรื่อยๆ แต่สายตาก็คอยมองดูว่าคนไหนกันนะ ที่เป็นแฟนของพี่สาวคนสนิท ทว่าตักอาหารเข้าปากไปได้ไม่กี่คำก็มีคนมาเลื่อนเก้าอี้แล้วนั่งลงทันที
“เอ่อ...” มธุราเกิดอาการใบ้กิน ทว่าสายตาจับจ้องไปที่ชายหนุ่มแต่งตัวดีด้วยชุดสูทสากลสีน้ำเงินเข้ม แต่ที่ทำให้เธอถึงกับจ้องตาไม่กะพริบเลยก็คืออายุของชายคนดังกล่าว น่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบ
บทส่งท้าย สองปีต่อมา... คุณพ่อลูกหนึ่งเดินออกจากห้องพักไปยังห้องของลูกชาย ที่ตอนนี้กำลังอยู่ในอ้อมกอดของผู้เป็นแม่ ที่กำลังกล่อมลูกชายเข้านอน ที่วันนี้เจ้าตัวแสบไม่ยอมนอนเสียทีทั้งที่ตอนนี้ก็ห้าทุ่มเข้าไปแล้ว เจ้าของร่างสูงยืนพิงประตูเฝ้ามองภรรยาและลูกน้อยด้วยความรักนานเป็นสิบนาที ก่อนจะเดินเข้าไปทิ้งสะโพกนั่งบนเตียงข้างภรรยาคนสวยที่กำลังค่อยๆ วางลูกน้อยบนที่นอน “พออุ้มกล่อมเข้าหน่อยก็หลับปุ๋ยเชียวนะตัวแสบ ลูกรักของแม่” มธุราพึมพำเบาๆ แล้วโน้มหน้าลงหอมแก้มของลูกชาย ที่ยิ่งโตก็ยิ่งเหมือนพ่อ “หอมลูกแล้วก็หอมพ่อบ้างสิทูนหัว” เคลย์ริกโน้มเข้าไปกระซิบ “แก้มคุณฉันหอมจนเบื่อแล้ว อีกอย่างแก้มคุ
อวสาน หลังจบอาหารค่ำ ที่วันนี้ครอบครัวแม็คแคลตันก็เดินทางมารับประทานอาหารค่ำที่บ้านศิริโชคธนาอีกครั้งเพื่อสร้างความสนิทสนิมแก่สองครอบครัวที่กำลังจะเกี่ยวดองกัน เคลย์ริกก็เดินกุมมือคนตัวเล็กออกมาเดินเล่นที่สวนดอกไม้หน้าบ้าน ในค่ำคืนที่พระจันทร์เต็มดวง ประหนึ่งว่ากำลังเป็นสักขีพยานในความรักของสองหนุ่มสาว ที่โชคชะตานำพาให้มาพบกันด้วยเรื่องเข้าใจผิด “ส่ายหน้าทำไมยาหยี” เคลย์ริกเอ่ยถามเมื่อคนตัวเล็กยิ้มแล้วก็ส่ายหน้าไปมา “ไม่อยากเชื่อเลยนะคะว่าเราสองคนกำลังจะแต่งงานกัน ฉันจำได้ว่าวันแรกที่เราพบกัน คุณกับฉันแทบจะฆ่ากันตาย” มธุราเงยหน้าขึ้นตอบคนตัวโต ส่วนคนที่ทำให้คนหน้าโหดเข้าใจผิด ตอนนี้เธอและครอบครัวของฝ่ายนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันนานแล้ว แต่ก็รู้มาว่าพี่สาวคนสนิทกำลังจะแต่งงานกับนับธุรกิจชาวสิงค์โปร “ก็
ตอนที่ 52หลังกลับจากเยี่ยมผู้อาวุโสและอยู่รับประทานอาหารค่ำกันแล้ว เคลย์ริกก็พามธุราเดินทางกลับบ้านพัก ที่ทุกครั้งที่ไปเยี่ยมผู้อาวุโส ที่ตอนนี้รักษาตัวจนหายป่วยเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วนับตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลได้เกือบสองสัปดาห์ และทุกครั้งที่ไปเยี่ยม ท่านก็ถามเรื่องแต่งงานระหว่างเธอกับคนหน้าโหดทุกครั้ง ‘ผมจะแต่งงานเร็วๆ นี้ครับ คุณตาตัดชุดรอเลยนะครับ’ นั่นคือคำตอบขอบคนหน้าโหดที่ให้คำตอบกับผู้อาวุโสก่อนจะเดินทางกลับที่พัก เธอสังเกตเห็นว่าสีหน้าของผู้อาวุโสดูมีความสุขมากที่ได้รู้ว่าหลานชายจะมีครอบครัว ส่วนเธอก็ยอมรับแหละว่าที่ผ่านมาเธอเปิดรับให้คนหน้าโหดเข้ามาจองพื้นที่ในหัวใจไปแล้ว ส่วนเรื่องแต่งงาน เธอยังไม่ได้บอกครอบครัว‘บอกพี่มาร์ชก่อน แล้วค่อยบอกคุณแม่ดีกว่า’ คิดแล้วก็หยิบโทรศัพท์ จะกดโทรออกอยู่สองสามรอบก็เปลี่ยนใจ ก่อนจะตัดสินใจโทรหาพี่ชายในที่สุด “แ
ตอนที่ 51 ก๊อกๆ “เจ้านายครับ” เสียงเคาะประตูและเสียงของจีโอดังขัดจังหวะการสนทนา ก่อนที่เคลย์ริกจะส่งเสียงบอกให้เข้ามา “มีอะไร” “คนที่บ้านคุณเนอร์แมนเพิ่งโทรมาแจ้งว่าคุณเคอร์ตินกลับมาที่บ้านครับ” เคลย์ริกฟังแล้วก็ไม่ได้ตอบอะไร เขาหันมาบอกให้มธุรารออยู่ที่นี่ ส่วนเขาและจีโอก็รีบเดินทางไปบ้านพักของผู้เป็นตา ที่เวลานี้สถานการณ์ไม่ค่อยดีนักเมื่อเคอร์ตินย้อนกลับมาหวังจะเอาทรัพย์สินไปใช้เพื่อการหลบหนี แต่คนเป็นพ่อบอกให้มอบตัวและยังหวังให้ลูกชายกลับเนื้อกลับตัว “ไม่! ผมไม่อยากติดคุก” “เคอร์ติน พ่อขอร้อง แกวางปืนลงเถอะ แ
ตอนที่ 50 “ดีขึ้นไหมคะ” เธอถามหลังจากปล่อยให้เขากอดอยู่พักใหญ่ ด้านเคลย์ริกก็คลายมือออกแล้วมาจับคางมน “ผมขอโทษนะที่ต้องพาคุณมาเจอเรื่องร้ายๆ แต่ผมสัญญาว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องพวกนี้ขึ้นอีก คุณจะอยู่กับผมใช่ไหม ยาหยี” มธุราฟังแล้วก็ยิ้มอย่างเดียว “ว่าไงยาหยี หรือคุณคิดจะไปจากผม” “ฉัน…เอ่อ…” “ผมผิดเองที่ทำให้การพบเจอกันของเราไม่ค่อยดี แล้วผมก็โง่เองที่ไม่สืบให้ดีๆ จนไปจับตัวคุณมา แต่ผมก็ดีใจที่จับมาผิดคน เพราะถ้าจับถูกคน ผมคงไม่ได้เจอกับคุณ” เคลย์ริกบอกเมื่อคนตัวเล็กเอาแต่อ้ำอึ้ง ส่วนผู้หญิงที่ทำให้เขาเข้าใจผิดว่าเป็นสาเหตุทำให้มารดาตรอมใจจนล้มป่วยและจากไปนั้น หากมีโอกาสได้เจอกันเขาจะ
ตอนที่ 49 วันต่อมา… เหตุการณ์ร้ายเมื่อคืนกลายเป็นข่าวดังและผู้คนก็ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เมื่อมีการประโคมข่าวว่ามีคนในตระกูลแม็คแคลตันมีส่วนในเรื่องนี้ ก๊อกๆ “เข้ามา” เมื่อได้รับอนุญาตจีโอก็เปิดประตูเข้ามารายงานความคืบหน้าถึงเหตุการณ์เมื่อคืน ที่พอเกิดเรื่องทั้งผู้เป็นตา บิดา และน้องชายฝาแฝด ต่างโทรมาถามไถ่ถึงเรื่องที่เกิดและเมื่อทุกคนรู้ว่าเคลย์ริกปลอดภัยก็โล่งใจไปตามๆ กัน “ได้เรื่องอะไรบ้าง” เคลย์ริกเอ่ยถามลูกน้องเสียงเรียบ ด้าน จีโอก็รายงานความคืบหน้าให้กับเจ้านายฟังอย่างไม่รีรอ ที่ตอนนี้ทางตำรวจแจ้งมาว่าฮาร์วี่ย์เริ่มซักทอ
ตอนที่ 48 “คุณเคลย์ริก คุณไม่กลัวเลยเหรอ” มธุราเอ่ยถามเสียงสั่น หลังสถานการณ์สงบลง โดยที่พวกคนร้ายก็พากันถูกจับ บ้างก็หนีรอดไปได้ ซึ่งตำรวจก็แยกย้ายกันไปตามจับกุม บางส่วนก็นอนเจ็บล้มตายเป็นที่น่าสยดสยองสำหรับคนที่เพิ่งประสบพบเจอเหตุการณ์แบบนี้อย่างมธุรา “แล้วคุณกลัวหรือยาหยี” “ฉันกลัวจนหัวใจจะวายตายอยู่แล้ว นี่ถ้าตำรวจไม่มา ฉันคงตายอยู่ในรถไปแล้ว” “ผมไม่มีวันปล่อยให้เมียตัวเองตายหรอก เชื่อใจผมนะ ผมจะดูแลและปกป้องคุณเอง” “แล้วคุณคิดว่าเราจะรอดได้ทุกครั้งเหรอ” “ผมจะไม่ยอมให้พวกมันทำแบบนี้อีกแล้ว” “ค่ะ แล้วนี่ลูก
ตอนที่ 47 เคลย์ริกรับฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นด้วยแววตาที่ค่อยๆ แดงก่ำ และในที่สุดเขาก็ไม่อาจข่มกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้ เมื่อได้รับรู้ความจริงแสนเจ็บปวด จากคนที่เขารักและเคารพมากที่สุดในชีวิต เป็นคนทำให้พ่อแท้ๆ ของเขาต้องตาย และทำให้มารดาของเขาตรอมใจจนล้มป่วยจนจากเขาและน้องๆ ไป “เคลย์ริก ตาขอโทษ” ผู้อาวุโสบอกหลานชายเสียงสั่นเครือ ท่านยื่นมือไปจะวางบนหลังมือของหลานชาย ทว่าเคลย์ริกที่เจ็บปวดกับสิ่งที่ได้รับรู้ลุกขึ้นและเดินออกมา “เคลย์ริก!! เคลย์ริก!!”ไทร์เฟียและเนอร์แมนพากันเอ่ยเรียก แต่เจ้าของร่างสูงใหญ่กลับยิ่งเร่งฝีเท้าออกไป กระทั่งมาถึงห้องโถงซึ่งมธุราก็เดินหอบหนังสือออกมาพอดี ทั้งที่ความจริงเธอแค่อ้างเพื่อเปิดโอกาสให้ครอบครัวแม็คแคลตันได้พูดคุยกันตามลำพัง แต่เผอิญไปเจอหนังสือที่อยากอ่านมานาน เธอจึงหอบเอามาด้วย&nbs
ตอนที่ 46“อย่าโกรธผมเลยนะยาหยี ที่ผมทำไปก็เพราะผมเป็นห่วง แล้วก็หวงคุณนะยาหยี”“พอเลยไม่ต้องพูดแล้ว แล้วคุณก็ช่วยปล่อยฉันด้วย ฉันมีเรื่องสำคัญต้องเจรจากับคุณ” “เรื่องอะไรเหรอยาหยี” “คุณอย่าแกล้งทำเป็นไม่รู้เลย” “ผมไม่รู้จริงๆ นะยาหยี” มธุราถอนหายใจดังพรืดให้กับความแกล้งซื่อของคนหน้าโหด ก่อนจะบอกเขาไปเสียงดังฟังชัด “ฉันรู้ว่าคุณส่งลิเบอร์ไปจัดการเรื่องภายในครอบครัวของฉัน แล้วที่ฉันมานี่ ฉันก็มาเพื่อจะขอเจราเรื่องเวลาชดใช้เงินกับคุณใหม่ เพราะเวลาแค่สามเดือน ฉันกับพี่ชายหาไม่ทัน” “แล้วทำไมยาหยีถึงคิดว่าเป็นผมล่ะ”&
Comments