กู้ตงหยางยืนตระหง่านท่ามกลางเหล่าทหารและบ่าวไพร่ในจวน ยกเว้นเสี่ยวฉู่ที่ตั้งครรภ์อ่อนๆ โดยมีอ้ายเสิ่นประคองภรรยาอยู่ไม่ห่าง แม้ทั้งสองอยากคุกเข่าแต่แม่ทัพกู้ยกมือห้ามไว้ก่อนแม่ทัพหนุ่มแหงนหน้ามองฟ้า เหตุใดโชคชะตาเล่นตลกถึงเพียงนี้ เขาทำเมียหายอีกครั้งและนางกำลังตั้งครรภ์ลูกคนที่สอง ทั้งที่เคยสัญญากันไว้แล้ว หากนางตั้งครรภ์อีกครั้ง คราวนี้เขาจะอยู่เคียงข้างนางไม่ปล่อยให้นางตกระกำลำบากอีก แต่...มันก็เกิดขึ้นอีก “ลุกขึ้น” กู้ตงหยางสั่งแต่ยังไม่มีผู้ใดกล้าลุกขึ้นยืน เขาขบฟันจนเป็นสันนูนก่อนตวาดออกมา “พวกเจ้าว่างนักหรือไง ไม่คิดจะตามหาฮูหยินของข้าเรอะ!” ได้ยินดังนั้นทุกขึ้นจึงลุกขึ้นยืนพร้อมเพรียงกัน แววตาทุกคนมีความมุ่งมั่นที่จะช่วยฮูหยินผู้มีจิตใจประเสริฐกลับมา “พวกเจ้าไปเตรียมตัวไว้ให้พร้อม รอข้าวางแผนแล้วจะเร่งออกเดินทาง” กู้ตงหยางสั่ง “เรื่องนี้ต้องให้เงียบที่สุด รู้เพียงแค่ว่าฮูหยินเก็บตัวอยู่ในจวนไม่พบผู้ใด” “รับทราบ!” แม่ทัพหนุ่มปรายตามองสาวใช้คนสนิทของจ้าวจื่อรั่วแล้วก็ถอนหายใจเบาๆ “เจ้าไปพักผ่อนก่อนเถิด ให้อ้ายเสิ่น
แสงที่กระทบเปลือกตาทำให้หญิงสาวรู้สึกตัว ดวงตางดงามค่อยๆ ลืมตาขึ้นแล้วเมื่อตั้งสติตื่นเต็มตาจึงรู้ว่าตัวเองหลับในเรือนหลังหนึ่ง นางยันกายขึ้นนั่งด้วยความอ่อนเพลีย อยู่บนรถม้ามาสองวันสองคืน หยุดพักแค่ให้เธอปลดทุกข์และเปลี่ยนม้า จ้าวจื่อรั่วไม่รู้ว่าตัวเองมาที่ใด แม้จะหลับๆตื่นๆมาตลอดทางจนกระทั่งรถม้าหยุดนิ่งและชายผู้นั้นยื่นหน้าเข้ามาในรถม้า หญิงสาวจำได้ว่าตัวเองกระถดกายถอยหนี ชายผู้นั้นกระชากข้อเท้านางไว้ หญิงสาวกลัวว่าจะกระทบเทือนถึงลูกในท้องจึงไม่กล้าขัดขืน เขาใช้เสื้อคลุมห่อตัวนางก่อนอุ้มลงมาแล้วก้าวเดินอย่างมั่นคงเข้ามาในเรือนหลังนี้ ด้วยความอ่อนเพลีย นางหลับไปบนเตียงอ่อนนุ่มที่ไม่ได้สัมผัสมานาน และความอบอุ่นจากเตาไฟในห้องทำให้หลับสบายจนตื่นสายเช่นนี้ “แม่นาง...ท่านตื่นแล้วรึ” หญิงสาวหันไปตามเสียงที่ได้ยิน ผู้ที่เข้ามาเป็นเด็กสาววัยสิบห้าใบหน้ากลมแลดูน่ารักน่าเอ็นดู เสียดายที่แววตาคู่นั้นดูหวาดกลัวอยู่ตลอดเวลา “อืม” นางตอบรับเบาๆ “นี่คงเที่ยงแล้วกระมัง” เด็กสาวพยักหน้ารับแล้วหมุนตัวเดินออกไป ไม่กี่อึดใจก็
บาดแผลที่เท้าของจ้าวจื่อรั่วดีขึ้นตามลำดับ นางสามารถเดินได้โดยไม่มีผู้อื่นต้องช่วยพยุง แต่กระนั้นก็ยังลงน้ำหนักที่เท้าไม่ได้เต็มที่นัก “สูตรยาสมุนไพรของพี่จื่อรั่วดียิ่งนัก เพียงไม่กี่วันแผลที่ข้อเท้าของท่านก็ดีขึ้นมาก” ไฉ่หงชื่นชมจากใจจริง แถบนี้มีหมอมากมายก็จริง แต่หมอเก่งๆ ล้วนอยู่ในเมืองหลวง บางก็ถูกซื้อตัวเป็นหมอประจำสกุลใหญ่หรือพ่อค้าวานิชที่ร่ำรวย “ที่นี่ไม่มีหมอรึ” สูตรยาที่นางใช้เป็นสูตรยาที่ได้มาจากพ่อบุญธรรม แต่พ่อแม่บุญธรรมเป็นหมอเทวดาที่รักษาคนยากจนจึงคิดค้นสูตรยาจากสมุนไพรที่มีอยู่รอบตัวเพื่อให้ชาวบ้านได้สามารถเข้าถึงการรักษาได้สะดวกขึ้น “มีเจ้าค่ะ แต่ว่า...” สาวใช้ตัวน้อยถอนหายใจ “แม่ของข้าก็ป่วยตายเมื่อสามปีก่อน ท่านพ่อก็ตรอมใจจนผ่ายผอมเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ข้ายังโชคดีที่ท่านผู้บัญชาการข่วยเหลือ จึงได้มาทำงานรับใช้ที่นี่” “ชายผู้นั้นเป็นคนดีรึ” จ้าวจื่อรั่วเบ้ปากอย่างนึกหมั่นไส้ หากต้องการให้นางมารักษาคู่หมั้นเหตุใดไม่เชิญนางมาดีๆ ทำลับๆ ล่อๆ เหมือนจะรับนางเป็นอนุเสียอย่างนั้น ไฉ่หงพยักหน้าห
เมืองเป่าติ้งอยู่ชายแดนแคว้นหลู่ อากาศเย็นตลอดทั้งปี แต่ในช่วงฤดูหนาวจะหนาวจัด ผู้คนที่มีฐานะล้วนอพยพเดินทางหนีลมหนาวเข้าไปในเมืองหลวงที่อบอุ่นกว่า แต่กระนั้นก็ยังมีชาวเมืองอาศัยอยู่มากและอยู่ด้วยความเคยชิน รวมถึงเชื่อมั่นใจผู้บัญชาการซย่าเจียวซิ่ง บุรุษรูปร่างสูงใหญ่สองคนเดินปะปนกับชาวเมือง แม้สวมชุดผ้าฝ้ายเนื้อหยาบแบบนายพรานทั่วไป คนผู้หนึ่งสะพายคันธนู ทว่าบุรุษอีกคนนั้นท่าทางองอาจ แววตาวาวโรจน์และมีไอสังหาร ทุกการก้าวเดินมั่นคงย่อมไม่เหมือนนายพรานทั่วไป “พี่ใหญ่ ข้ารู้ว่าท่านเป็นห่วงเมีย แต่ช่วยเก็บไอสังหารหน่อยเถอะ” อี้ซวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย “เลี้ยวขวาที่ตรอกข้างหน้าก็ถึงแล้ว” กู้ตงหยางเพียงปรายตามอง ‘มือขวา’ ที่ยามนี้ใบหน้าเปื้อนหนวดเครารกรุงรังเหมือนโจรป่ามากกว่าคนเคยเป็นทหารข้างกายเขา เกือบสิบปีก่อนอี้ซวนได้รับบาดเจ็บสาหัสแทบเอาชีวิตไม่รอด แต่เมื่อพ้นความตายมาได้ ก็ขอลาออกจากกองทัพ ใช้ชีวิตในป่าเขาไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้ใด แต่กระนั้นกู้ตงหยางก็ยังรับรู้การมีชีวิตของคนผู้นี้จนกระทั่งถูกเรียกตัวอีกครั้ง เขาไม่ใช่คนชอบทวงบุญคุณผู
แม้ชายแดนติดกันแต่สภาพอากาศต่างกันอาจเพราะเมืองเป่าติ้งล้อมรอบด้วยหุบเขาอากาศจึงหนาวเย็นกว่าแคว้นของตน จ้าวจื่อรั่วไม่ชอบอากาศหนาวเย็นแต่ก็ไม่เคยปริปากบ่น อาจเพราะแต่เด็กนางไม่ได้รับการใส่ใจนัก และหลังจากกู้ตงหยางรับนางกลับเข้าจวนพร้อมลูก เมื่ออากาศเย็นลงเขาจะให้คนตั้งกระถางไฟรอบๆ ห้องเพื่อให้นางอบอุ่นโดยไม่ต้องร้องบอก และที่สำคัญ เรือนกายกำยำของเขาหลังผ่านการขับพิษแล้วมักอุ่นร้อนทำให้นางหลับในอ้อมแขนเขาอย่างเป็นสุข การถูกเอาอกเอาใจมากนั้นไม่ดีเลย เพราะยามนี้นางคิดถึงเขาเหลือเกิน ประตูรถม้าถูกเปิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ลมหนาววูบหนึ่งพัดเข้ามาตามเจ้าของร่างสูงใหญ่ในชุดดำเรียบง่ายแต่ตัดเย็บประณีต ดวงตาคมจ้องมองนางวูบหนึ่งก่อนรีบปิดประตูและนั่งลงตรงนั้นใช้ร่างกายของตนช่วยกันลมให้อีกทาง คนผู้นี้ดูเย็นชาแต่ก็ใส่ใจผู้อื่นอยู่บ้าง จ้าวจื่อรั่วได้แต่ถอนหายใจเบาๆ แล้วซุกมือกับเตาพกเพื่ออุ่นมือ อย่างไรเสียนางก็ไม่ยอมให้ลูกในท้องต้องทรมานเพราะความหนาว “ไม่มีผู้ใดอบรมเรื่องมารยาทของท่านรึ” นางยังคงไม่เข้าใจ ได้ยินว่าเขาเป็นถึงเชื้อพระวงศ์แต่
จ้าวจื่อรั่วอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วนั่งจับชีพจรตนเอง พลันคิดอย่างโล่งใจว่าครรภ์นี้ช่างแข็งแรงดีเหลือเกิน แทบไม่มีอาการแพ้ท้องอาจเพราะที่ผ่านมาดูแลตัวเองอย่างดีและประสบการณ์เกือบเอาชีวิตไม่รอด เมื่อครั้งที่ตั้งครรภ์หลิงหยุนนั้นสุขภาพนางอ่อนแอมากซ้ำยังคลอดก่อนกำหนด โชคดีที่ได้พบพ่อแม่บุญธรรมช่วยเหลือ มิเช่นนั้นทั้งนางและลูกคงไปแดนปรโลกแล้ว“พี่สาวอาบน้ำเสร็จแล้วรึเจ้าคะ” ไฉ่หงส่งเสียงถามและก้าวเข้ามาพร้อมเสื้อคลุมขนดูหนานุ่มและอบอุ่น สาวใช้คลี่ออกแล้วคลุมร่างให้จ้าวจื่อรั่ว “ผู้บัญชาการให้ข้านำมาให้พี่สาวเจ้าค่ะ”“นับว่ามีน้ำใจอยู่บ้าง” นางรู้ว่าเสื้อคลุมนี้ราคาไม่ธรรมดา“เอ่อ...คือท่านผู้บัญชาการให้เชิญพี่สาวไปกินข้าวเย็นด้วยกันเจ้าค่ะ”“อย่างนั้นรึ” เพราะเดินทางอยู่บนรถม้านานจึงอ่อนเพลีย นางไม่อยากกินข้าวเย็นนัก แต่ถึงอย่างไรก็ต้องกินเพื่อบำรุงเด็กในท้องนางจึงพยักหน้ารับแล้วลุกขึ้น มือเรียวกระชับเสื้อคลุมให้มิดชิดก่อนก้าวเท้าออกจากห้องพักของตนไปตามทางที่โฉ่หงนำทาง ใช้เวลาเดินแค่อึดใจก็มาถึงห้องที่โรงเตี้ยมเตรียมไว้รับรอง ซย่าเจียวซิ่งนั่งดื่มชารออยู่ก่อนแล้ว จ้าวจื่อรั่วกวาดต
เมืองหลวงคึกคักคือภาพที่เดาได้ไม่ยาก ไฉ่หงตื่นตากับภาพที่เห็นทำให้จ้าวจื่อรั่วอมยิ้มน้อยในความไร้เดียงสา สาวใช้ค้อนเข้าให้แล้วเอ่ยวาจา“พี่สาวอย่าหัวเราะข้าสิ”“ข้าหัวเราะเมื่อใดกัน” นางคลี่ยิ้มและวางมือบนหน้าท้องที่ยังไม่โตนัก “เจ้าอายุแค่สิบห้า ตื่นตากับภาพที่เห็นไม่แปลกอันใด”“พี่สาวเคยอยู่เมืองหลวงหรือ?”“อื้ม แต่ไม่ใช่ที่นี่” นางเคยอยู่เมืองหลวง แต่ที่นั้นไม่นับเป็นบ้านได้เลย หากไม่มีน้องชายทั้งสองนางคงไม่รู้ว่าตัวเองมีชีวิตอยู่เพื่อสิ่งใด แต่ตอนนี้นางมีครอบครัว มีบุรุษที่รักและลูกน้อย“ที่แคว้นของพี่สาวคงรื่นรมย์น่าดู ข้าได้ยินว่าการเพาะปลูกดีมีข้าวกินทั้งปีไม่ต้องกลัวอดยาก”“อืม” หญิงสาวพยักหน้ารับแล้วยื่นมือไปขยับผ้าม่านหน้าต่างรถม้า ลมวูบหนึ่งเข้ามาปะทะใบหน้า แต่อากาศไม่หนาวเย็นเท่าชายแดนแต่กระนั้น นางยังคงสวมเสื้อคลุมหนานุ่มที่ผู้บัญชาการผู้นั้นมอบให้ ตั้งแต่ออกจากโรงเตี้ยม เขาก็ควบม้าแยกไปก่อน ซึ่งก็นับว่าดีกับนางเพราะไม่อยากอยู่กับคนเย็นชาเช่นนั้นไฉ่หงลอบมองจ้าวจื่อรั่วอยู่บ่อยๆ สตรีผู้นี้มีใบหน้าประดับรอยยิ้มอยู่เสมอ ดูสงบเยือกเย็นยามอยู่ต่อหน้าผู้บัญชาการก็ไม่แสดงอาก
จ้าวจื่อรั่วอมยิ้มแล้วเดินเข้าเรือนหลังเล็กที่ถูกตระเตรียมไว้รับรอง มีบ่าวรับใช้สูงวัยอยู่หลายคน ดูๆไปเหมือนเป็นสตรีที่ถูกเลี้ยงดูนอกจวน นี่ผู้บัญชาการซย่าคงไม่ได้คิดจะให้นางเล่นบทเป็นนางบำเรอของเขากระมัง คนผู้นั้นคงมาถึงก่อนแล้วแต่ไม่อยู่รอต้อนรับซึ่งสร้างความสบายใจให้จ้าวจื่อรั่วเป็นอย่างนิ่ง ทุกคนรับรู้การมาของนางและต้อนรับตามมารยาท “ไฉ่หง ข้าหิวแล้ว เจ้าเข้าไปดูในครัวให้เขาทำอะไรร้อนๆ มาให้ข้ากินสักชาม และอย่างลืมที่ข้าสั่งไว้ล่ะ” “เจ้าค่ะ ข้าท่องขึ้นใจแล้ว” มีอาหารแสลงที่ไม่เหมาะกับคนท้อง นางไม่ได้บอกเรื่องนี้กับไฉ่หงแต่ให้สาวใช้ท่องจำและบอกว่านางแพ้อาหารเหล่านั้น ไฉ่หงเป็นเด็กซื่อและเชื่อฟังไม่ซักถามสิ่งใด เมื่อนางสั่งให้ท่องจำก็ทำตามที่สั่งและเมื่อนางสั่งให้ไปในครัว ไฉ่หงก็แทบจะวิ่งถลาไปทันที หญิงสาวยิ้มน้อยๆ เดินตามบ่าวรับใช้มาที่ห้องพักของตน “ท่านผู้บัญชาการได้สั่งให้บ่าวเตรียมของใช้ของฮูหยินแล้ว หากฮูหยินต้องการสิ่งใดเพิ่มเติมโปรดบอกบ่าวได้ขอรับ” “เรียกข้าฮูหยินกู้” นางส่งยิ้มแต่แววตาจริงจัง “
เมื่ออยู่ในอ้อมกอดที่คุ้นเคย จ้าวจื่อรั่วก็ปล่อยให้ตัวเองได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ จนเมื่อร่างกายพักผ่อนเต็มอิ่ม ดวงตาที่ปิดสนิทจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่เห็นคือแววตาอ่อนโยนและห่วงใยของสามี “ท่านพี่นั่งเฝ้าข้ามานานเท่าใดแล้ว” หญิงสาวเอ่ยถามน้ำเสียงแหบแห้งแล้วยันกายขึ้นนั่ง กู้ตงหยางเห็นดังนั้นจึงขยับกายเข้าไปประคอง “ทำไมรีบตื่นเช่นนี้ เจ้าเพิ่งกลับไปชั่วยามเดียว” “ตั้งหนึ่งชั่วยาม” หญิงสาวเอนซบแผ่นอกแกร่ง ฝ่ามือหยาบกร้านวางบนหน้าท้องของหญิงสาวนางจึงวางมือของตนบนมือใหญ่โตของเขา “ลูกเป็นเด็กดี ไม่เกเรแม้แต่น้อย” “เจ้าก็ไม่ควรหักโหมเกินไป” “นี่ท่านตำหนิข้ารึ” นางเงยหน้าขึ้นเห็นหนวดเคราของผู้เป็นสามีก็รู้ว่าเขาแทบไม่ได้ดูแลตนเองเลย แต่กระนั้นนางก็ขยับกายเล็กน้อย ยื่นริมฝีปากไปประทบกับริมฝีปากหยักสวยของเขาเบาๆ ถูกนางเอาอกเอาใจเช่นนี้ หัวใจของเขามิใช่ก้อนหินจึงอ่อนยวบลงทันที ทุกวันนี้เขาแทบประคองนางไว้ในอุ้งมือแล้ว “รักษาเสร็จแล้ว เราก็เตรียมตัวกลับกันเลยดีไหม” “คุณหนูหล
ท่านเสนาบดีชาชินกับการรู้ข่าวว่ามีหมอมารักษาบุตรสาว หลายเดือนมานี้ยอมรับว่าความหวังของเขาริบหรี่ ครั้งนี้พ่อบ้านมารายงานเรื่องซย่าเจียวซิ่งเชิญหมอหญิงมารักษาหลี่หรู เขาก็ได้แต่ถอนหายใจ “ดูแลเรื่องสำรับอาหารให้ดีอย่าให้ขาดตกบ่งพร่อง” “ขอรับนายท่าน” พ่อบ้านรับคำสั่ง “แล้ว...นายท่านไม่ไปเยี่ยมคุณหนูหรือขอรับ” “ข้าก็เป็นห่วงนาง แต่สภาพนางตอนนี้ก็เหมือนคนตายทั้งเป็นอยู่แล้ว”เสนาบดีได้แต่ถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า หากไม่เพราะฮูหยินร่างกายอ่อนแอคลอดบุตรสาวแล้วก็ไร้บุตรให้เขาอีก เขาเลี้ยงดูหลี่หรูดุงประคองในอุ้งมือ มิให้นางต้องกลายเป็นเบี้ยหมากให้ผู้ใด แต่เพื่อปกป้องดวงใจของเขาแล้ว เห็นมีเพียงซย่าเจียวซิ่งที่ปกป้องนางได้ แม้เขาจะรู้ดีว่าทั้งสองมิได้มีใจให้กัน แต่เขาเชื่อใจว่าซย่าเจียวซิ่งจะดูแลบุตรสาวเขาให้ดีหลายเดือนมานี้เขาเหมือนแก่ขึ้นนับสิบปี ยิ่งพยายามยิ่งถอยห่าง เขาและฮูหยินเคยพูดคุยกัน หากครึ่งปีนี้บุตรสาวยังไม่ตื่นฟื้น...เขาจะลาออกปลดภาระหน้าที่ทั้งหมด อพยพไปแดนใต้ที่อบอุ่น อาศัยช่วงชีวิตสุดท้ายกับครอบครัวซย่าเจียวซิ่งเป็นเพียงคู่หมั้
“แน่นอน ไม่ว่าอย่างไรข้าจะรับนางเป็นชายา มีนางเป็นหนึ่งเดียวไม่มีหญิงอื่น” นั้นคือสิ่งที่เขาให้สัญญากับหลี่หรูไว้ “มีคนต้องการชีวิตของนาง นางมิได้ล้มป่วยแต่ถูกพิษ” “ถูกพิษ! ฮูหยินของท่านรักษาหรูเอ๋อร์ได้หรือไม่” กู้ตงหยางพยักหน้ารับแล้วลุกขึ้นยืน “เรื่องรักษานางไม่ต้องเป็นห่วง ฮูหยินของข้ารักษาสุดความสามารถ ที่นางทำก็เพราะสงสารและสตรีที่ตั้งครรภ์ แต่ที่เมื่อคุณหนูหลี่หรูปลอดภัยดีแล้ว ข้าจะพาฮูหยินของข้ากลับ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องใดทั้งสิ้น หากมีใครกล้าขัดขวาง อย่าหาว่าข้าไม่เตือน” กู้ตงหยางหมุนตัวเดินออกไปอย่างเงียบเฉียบไร้ร่องรอย ราวกับนี้เป็นบ้านของเขาเอง ด้านนอกคือทหารเวรยามที่หมดสติ อี้ซวนเดินตามหลังแม่ทัพกู้เงียบๆ ทั้งสองใช้วิชาตัวเบากระโดดขึ้นบนหลังคาแล้วเตรียมตัวกลับที่พักที่หลบซ่อนของตน “ข้าจะไปหาเมียข้า เจ้าไม่ต้องตามไปก็ได้” “เหอะ! พอหมดประโยชน์ก็ถีบหัวไล่ส่ง” “แต่ก่อนเจ้ามิได้อยากไปอยู่แล้วนี่ หรือเพราะแม่นางซีซวนทำให้เจ้าอยากไป” “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า” “เห็นแ
บุรุษหนุ่มกรอกสุราลงคอแล้วขวดสุราทิ้ง เสียงขวดกระเบื้องแตกแต่ไม่มีบ่าวรับใช้คนใดกล้าเข้ามาใกล้ แม้อยู่ในตำหนักหรูหราแต่ไม่ต่างจากกรงขัง “เอาเหล้ามาอีก!” “ฮองเฮารับสั่งห้ามมิให้องค์รัชทายาทดื่มสุราแล้วเพคะ” เสียงหัวเราะขื่นๆดังขึ้น หลังบานประตูมีการเคลื่อนไหว แต่รัชทายาทเฉียนฟานไม่ได้สนใจ สุราหมดไปเท่าไหร่ไม่อาจรู้ ในเวลานี้เขามีเพียงสุราเท่านั้นที่ช่วยปลอบประโลมความทุกข์ใจ เป็นถึงรัชทายาทแต่ก็ไม่ต่างจากหุ่นเชิดที่ไม่อาจทำสิ่งใดได้ตามใจ แม้กระทั่งเลือกคู่ครองด้วยตนเอง ‘ซย่าเจียวซิ่ง’ คนผู้นั้นแค่เอ่ยชื่อก็เหมือนมีคมมีดมากรีดผิว ไม่ว่าเขาจะทำสิ่งใดล้วนถูกเปรียบเทียบกับซย่าเจียวซิ่งอยู่เสมอ ทั้งที่เขาเป็นถึงรัชทายาท เป็นโอรสของฮ่องเต้และฮองเฮาแห่งแคว้นหลู่ แต่กลับถูกเปรียบเทียบกับเชื้อพระวงศ์ปลายแถวอย่างซย่าเจียวซิ่ง แรกทีเดียวที่เขาเสนอชื่อคนผู้นั้นในท้องพระโรงส่งไปชายแดนก็เพื่อไปให้ไกลหูไกลตาเขา ทว่าคนผู้นั้นกลับสร้างผลงานยิ่งใหญ่ ปกป้องแคว้นหลี่ทำสัญญาสงบศึกได้สำเร็จ คุณงามความดีใหญ่หลวงชื่อเสียงกระฉ่อน ตำแหน่งของซย่าเจียวซิ่งด้อยกว
ฮูหยินเสนาบดีรีบสาวเท้าเข้ามาที่เรือนของบุตรสาว ทันทีที่บ่าวรับใช้มารายงานว่าผู้บัญชาการซย่าพาหมอหญิงมารักษาหลี่หรู ชายหนุ่มประสานมือคารวะเมื่อเห็นฮูหยินใหญ่ก้าวมายืนเบื้องหน้า “ฮูหยิน” “คนกันเองไม่ต้องมากพิธี” หญิงวัยกลางคนที่ยังคงผิวพรรณผุดผ่องงดงามมีเพียงแววตาที่เต็มไปด้วยความทุกข์ใจ “ได้ยินว่าเจ้าพาหญิงหญิงมารักษาหรูเอ๋อร์ของข้า” “ขอรับ” “เชื่อใจได้รึ” นางเป็นห่วงลูก หัวอกคนเป็นแม่ยอมกินไม่ได้นอนไม่หลับเมื่อเห็นลูกสาวอยู่ในสภาพนี้ “ข้าเชื่อใจนาง” แม้ได้ยินเช่นนั้นแต่ฮูหยินก็ยังไม่วางในนัก หมายจะเดินเข้าไปด้านในแต่ซีซวนยืนเฝ้าประตูอยู่ขยับเท้าขวางไว้ก่อน “บังอาจ! เจ้าคิดว่าตนเป็นใครจึงมาขวางทางข้าเช่นนี้!” “ขออภัยฮูหยิน” ซีซวนยังคงสวมชุดดำด้วยความเคยชิน “ซีซวนทำตามหน้าที่โปรดฮูหยินให้อภัย” “เหตุใดข้าจะเข้าไปดูลูกสาวข้ามิได้!” “หมอหญิงกำลังทำการรักษา การฝังเข็มต้องใช้สมาธิสูงจึงไม่อาจให้ผู้ใดเข้าไปรบกวน” “แม้แต่ข้าที่เป็นมารดาข
จ้าวจือรั่วตรวจสมุนไพรที่ซีซวนนำมาแล้วก็พยักหน้ารับอย่างพอใจ นางสบตากับสตรีในชุดดำแล้วก็หยิบตลับยาส่งให้ แต่อีกฝ่ายไม่ได้ยื่นมือออกมารับกิริยาดื้อเงียบไม่เกินจากที่จ้าวจือรั่วคาดเดา “ข้าต้องการทดสอบยา เจ้าเข้ามาใกล้ๆ หน่อยสิ” เพราะคำสั่งของผู้บัญชาการคือสั่งให้นางทำตามที่จ้าวจือรั่วสั่ง ซีซวนจึงยอมก้าวเท้ามาด้านหน้า มือเรียวเปิดตลับตาแล้วใช้ปลายนิ้วป้ายขี้ผึ้งเนื้อสีเขียวใสราวหยกเนื้อดีแล้วป้ายบริเวณแผลเป็นของอีกฝ่าย หญิงสาวในชุดดำผงะถอยหลังตามสัญชาตญาณ “อยู่นิ่งๆ” น้ำเสียงราบเรียบไม่เชิงสั่งแต่ทำให้อีกฝ่ายยืนนิ่งได้ ขี้ผึ้งเนื้อเย็นชวนให้รู้สึกผ่อนคลายและยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ อีกด้วย “ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ยี่ระต่อแผลเป็น แต่เมื่อบาดเจ็บควรรักษา แผลเหล่านี้นานวันเข้าก็สร้างความเจ็บป่วยโดยไม่รู้ตัวได้ เอาล่ะ เจ้าเก็บไว้ ใช้ทุกวันจะช่วยรักษาอาการเจ็บเรื้อรังให้เบาบางลงได้” “เอ่อ...” “ขอบคุณสิ!” ไฉ่หงรีบพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าซีซวนยังยืนนิ่งอยู่ “ไฉ่หงอย่าเสียมารยาท” จ้าวจื่อรั่วดุสาวใช้อายุน้อย ไฉ่หงชะงักไปแล
ไฉ่หงกวาดตามองขึ้นๆลงๆ อย่างไม่เกรงมารยาท แต่หญิงสาวในชุดดำก็ยังคงสีหน้าเรียบนิ่งไม่แปรเปลี่ยนในมือยังจับกระบี่ไว้มั่น ในขณะที่จ้าวจื่อรั่วจิบชาสมุนไพรด้วยท่าทีรื่นรมย์ “พี่สาว...” ไฉ่หงอายุน้อยหมดความอดทนจึงเอ่ยเสียงโอดครวญขึ้นมา “ท่านผู่บัญชาการทำเช่นนี้หมายความว่าข้าดูแลพี่สาวไม่ดีรึเจ้าคะ” “เจ้าก็เป็นคนของผู้บัญชาการ จะกล่าวเช่นนี้ได้อย่างไร” จ้าวจื่อรั่วยิ้มเอ็นดูสาวใช้วัยสิบห้าของตน “แม่นางซีซวนแค่มาดูแลข้าในส่วนที่เจ้าทำไม่ได้ต่างหากล่ะ” “ข้าทำอะไรไม่ได้รึ!” สาวใช้เบ้ปากทำหน้าหงุดหงิด แต่เมื่อเจอสายตาเย็นชาของซีซวนก็ก้มหน้าหดคอเหมือนเต่าตัวน้อย “นางเป็นวรยุทธ์ แต่เจ้าไม่” จ้าวจื่อรั่วยิ้มอารมณ์ดี “เอาเถอะ เราต่างมีหน้าที่ของตน ข้าเป็นแค่หมอหญิงหน้าที่ของข้าคือรักษาคน เมื่อข้ารักษาคนผู้นั้นได้แล้วจะได้กลับบ้านไปหาลูกกับสามีเสียที” “พี่สาวอยากบ้านมากเลยรึ” ไฉ่หงพูดเสียงเบา นางอยู่ชายแดนดูแลบิดาที่ล้มป่วย มีเพียงท่านผู้บัญชาการให้ความช่วยเหลือ เมื่อให้นางเป็นสาวใช้ก็เป็นสาวใช้ แต่จ้าวจื่อรั่วใจดีกับนางมาก
ซย่าเจียวซิ่งควบม้ามายังโรงเตี้ยนชานเมืองด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ไอสังหารแผ่กำจายทำให้ผู้คนที่เข้าใกล้ต่างหวาดกลัวจนตัวสั่น ร่างสูงสง่าในชุดดำเพิ่มความน่าเกรงขาม เมื่อตวัดเท้าลงจากหลังม้าก็สาวเท้าเดินไปด้านหลังของโรงเตี้ยม นายทหารที่สวมชุดพรานป่าเดินเข้ามาแล้วทำความเคารพแล้วหลบไปยืนด้านข้าง ผู้บัญชาการหนุ่มพยักหน้ารับแล้วรินสุราให้ตนเอง“มีเรื่องใดที่ข้ายังไม่รู้อีกหรือไม่”ทหารสามสี่นายที่อยู่ในห้องต่างมองหน้ากันอย่างงุนงง แล้วใครคนหนึ่งก็กลั้นใจเอ่ยรายงาน“เรียนผู้บัญชาการ หลังจากที่แม่นางหลี่หรูล้มป่วยไม่ได้สติ นายท่านสั่งให้พวกเราสืบลับย้อนหลังไปก่อนที่แม่นางหลี่หรูจะล้มป่วย พวกเรารายงานเรื่องทั้งหมดให้ท่านทราบไปแล้ว”เปรี๊ยะ!เสียงจอกสุราในมือผู้บัญชาการแตกละเอียด เหล่าทหารลับในชุดนายพรานถึงกับไม่กล้าหายใจ ไอสังหารกรุ่นรอบกาย ซย่าเจียวซิ่งมองฝ่ามือตนเองที่เปียกไปด้วยสุราแต่สมองคิดถึงใบหน้าอ่อนหวานของจ้าวจื่อรั่ว นางเป็นสตรีบอบบางไร้วรยุทธ์แต่กลับล่วงรู้เรื่องของหลี่หรูมากกว่าทหารลับของเขาเสียอีก แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้ช่างโง่เขลายิ่งนัก!เสียงหัวเราะในลำคอทำให้เหล่าท
แววตาจริงจังทำให้ซย่าเจียวซิ่งรู้ว่านางไม่ได้พูดเล่น และแน่นอนว่าเรื่องร้ายแรงเช่นนี้ไม่ควรนำมาพูดเล่น “เจ้าตรวจแน่นอนแล้วหรือ?” เขาถามน้ำเสียงแหบแห้งอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน หญิงสาวพยักหน้ายืนยันคำตอบ “เกิดเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร” สีหน้าแทบไร้เลือดนั้นทำให้จ้าวจื่อรั่วสงสารอยู่ไม่น้อย “ข้าตอบในฐานะหมอหญิง นางตั้งครรภ์อ่อนๆ อายุครรภ์ราวสองเดือนซึ่งเป็นเหตุผลที่หมอท่านอื่นอาจตรวจชีพจรมงคลไม่พบ ส่วนเรื่องที่นางหลับใหลนั้น ...ดูจากสภาพร่างกายนาง ข้าคิดว่านางถูกพิษนิทรา” “พิษนิทรา? ข้าไม่เคยได้ยิน” “แม่บุญธรรมของช้าเชี่ยวชาญเรื่องยาพิษ ข้าจึงพอรู้เรื่องเหล่านี้อยู่บ้าง” “รู้อยู่บ้าง? แล้วถอนพิษได้หรือไม่” หญิงสาวพยักหน้ารับ “ตัวยาที่ใช้ถอนพิษมีหลายชนิด ข้าจะเขียนเทียบยาให้ท่านจัดหามาให้ แต่เรื่องที่น่าเป็นกังวลคือเด็กในครรภ์ ...มิรู้ว่าจะแข็งแรงพอจะ...” “รักษานาง ส่วนเด็กนั้น...” “เด็กนั้น? ท่าเรียกได้ไร้ความเมตตาเสียจริง” เขากัดฟันแน่นจนเป็นสันนูน จ้าวจื่อรั่วสัมผัสไ