LOGINไป๋หนิงเฟิ่งถูกหักหลังจึงตัดสินใจทิ้งชีวิตลงหน้าผา แต่เมื่อฟื้นคืนมาอีกครั้ง นางเลือกไม่ยอมหมั้นหมาย และก้าวเดินสู่เส้นทางใหม่ที่เลือกเอง แต่ไม่ลืมเอาคืนสหายชั่ว! อีกทั้งยังเมินสามีจากชาติที่แล้ว!!
View Moreจวนต้วนอ๋อง...
เสียงโกลาหลดังสนั่นทั่วจวนอ๋อง เปลวเพลิงลุกท่วมหลังคา ควันหนาทึบแผ่คลุ้งจนหายใจไม่ออก เสียงกรีดร้องของเหล่าข้ารับใช้ดังทั่วจวน อีกทั้งยังมีเสียงเกราะกระทบกันของทหารที่บุกรุกเข้ามา เสียงเหล่านี้ทำให้ใจของทุกคนหวาดกลัว
ไป๋หนิงเฟิ่งหอบหายใจแรงด้วยความเหนื่อยหอบ ร่างกายเต็มไปด้วยเหงื่อและฝุ่น นางวิ่งออกมาจากเรือนใหญ่เพื่อดูเหตุการณ์ แต่ไม่คิดที่จะหลบหนีไปไหน แม้ว่านางจะดูสิ้นหวังกับสถานการณ์นี้ก็ตาม
หากแต่แววตาของนางยังคงเปล่งประกายอย่างมีความหวัง นางจะต้องมีชีวิตรอด เพื่อรอคอยพระสวามีอันเป็นที่รักมาช่วยเหลือตน และหวังว่าในภายภาคหน้า เขาจะแก้ต่างให้กับตระกูลไป๋
“พระชายา หนีก่อนเถิดเพคะ ยามนี้ไม่มีผู้ใดมาช่วยแล้วเพคะ”
สาวใช้คนสนิทที่ตามมาจากบ้านเดิม บอกเจ้านายอย่างร้อนรน นางไม่เชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ ต้วนอ๋องจะไม่รู้ แล้วนางยังเชื่ออีกว่าเขารู้ว่าที่นี่เกิดเรื่อง แต่เลือกที่จะไม่มาช่วย หากไม่แล้วทหารจากวังหลวงเหล่านั้น จะบุกเข้าจวนอ๋องอย่างง่ายดายได้อย่างไร
ไม่รู้ว่าทหารเหล่านี้มาจับตัวพระชายา เพราะนางเป็นหนึ่งในบุตรหลานตระกูลไป๋ที่ถูกกล่าวหาว่ากบฏ หรือเพราะได้รับคำสั่งจากใครบางคน มาเพื่อเล่นงานพระชายาไม่ให้หาทางรอดได้กันแน่
ไป๋หนิงเฟิ่งมองคนสนิทอย่างไม่อยากจะยอมแพ้ แต่หลายปีมานี้นางทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ใจของเขา ทว่าสิ่งที่ได้กลับมาคือความเฉยชา อีกทั้งเขายังพาสตรีอื่นเข้าจวน นั่นทำให้นางทุกข์ใจอย่างมาก
ถึงแม้ถูกย่ำยีมากขนาดไหน นางก็ยอมทนกล้ำกลืนน้ำตาไว้กับตนเองอย่างไม่ปริปากบ่นแม้เพียงครึ่งคำ
‘เวลานี้ข้าก็อยากจะรู้ให้แน่ชัดว่า เรื่องที่เกิดขึ้นมีใครอยู่เบื้องหลังกันแน่ แต่หากต้องการเอาชีวิตรอดเพื่อหาคำตอบ เวลานี้คงต้องหนีก่อน’ นางครุ่นคิดครู่หนึ่ง จึงพยักหน้าให้กับสาวใช้คนสนิท
ทั้งสองพยายามหลบสายตาของผู้อื่น เพื่อรีบเร่งเดินไปที่ช่องทางลับแล้วออกนอกจวน ทว่าระหว่างนั้นกลับเห็นสตรีนางหนึ่งวิ่งตามมา ใบหน้าของนางดูหวาดกลัวจนซีดเผือด แต่ยังคงงดงามสะกดตา
และหญิงคนนั้นคือสตรีที่ต้วนอ๋องพาเข้ามาเป็นชายาอีกคน ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะรักกันนักหนา เพราะเขาไม่เคยปกปิดว่านางมีความหมายในหัวใจของเขา ยิ่งกว่าพระชายาเอกอย่างนาง
“พี่หญิง หม่อมฉันขอตามไปด้วยนะเพคะ หม่อมฉันไม่อยากตายที่นี่” นางเอ่ยขอร้องทั้งน้ำตา ใบหน้าของนางหวาดกลัวจนซีดเผือด แต่ยังคงความงามสะกดตาไว้
“ถ้าเจ้าอยากจะตามมา เช่นนั้นเจ้าก็ตามข้ามาเถิด แต่ข้าไม่อาจรับรองชีวิตของเจ้าได้ เช่นนี้แล้วเจ้ายังอยากจะตามข้าไปอีกหรือไม่” ไป๋หนิงเฟิ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา นางไม่รู้หรอกว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นอีก
“หม่อมฉันขอตามไปด้วยเพคะ” สตรีนางนี้ตอบกลับทันทีที เพราะนางหมดหนทางแล้ว
“เช่นนั้นก็ตามมาเถิด” ไป๋หนิงเฟิ่งกล่าวอีกครั้ง แม้ในใจจะยังกังวลอย่างมาก เพราะหากนางมีชีวิตรอดไปได้ แต่สตรีนางนี้เกิดหายนะ เห็นที่ท่านอ๋องคงกลับมาเล่นงานนางแน่นอน
จากนั้นนางและสาวใช้คนสนิทรวมถึงสตรีนางนั้นก็วิ่งสุดกำลัง โดยมีทหารไล่ตามมาอย่างไม่ลดละ พร้อมกับเสียงตะโกนก้อง “ฆ่าพวกมันให้หมด อย่าให้เหลือ”
หัวใจของไป๋หนิงเฟิ่งเต้นแรง นางยังคงวิ่งอย่างไม่ลดละ จนไปถึงกลางเนินเขาที่ข้างหน้าเป็นหน้าผาสูงชัน หากวิ่งไปต่ออีกเพียงนิด ก็คงจะต้องตกหน้าผาแน่นอน แต่หากถอยกลับมา ก็ต้องเจอกับคมหอกคมดาบ ที่พร้อมจะฟาดฟันนางให้ตาย
“พี่หญิง พวกเราจะทำอย่างไรดีเพคะ หม่อมฉันไม่อยากตาย” สตรีนางนี้ยังคงกล่าวอย่างหวาดกลัวจนตัวสั่น
ขณะนั้นเองเสียงกีบม้ากระทบพื้นก็ดังขึ้น ท่านอ๋องปรากฏตัวพร้อมทหารไม่กี่นายที่ยังเหลืออยู่ ไป๋หนิงเฟิ่งเห็นพระสวามีมุ่งหน้ามาทางนี้ ใบหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มอย่างมีความหวัง ก่อนจะร้องเรียกออกมาด้วยเสียงสะอื้น
“ท่านอ๋อง ช่วยหม่อมฉันด้วยเถิดเพคะ”
เซียวเฟยหลงมองหน้านาง ก็ย่อมรู้ว่าไป๋หนิงเฟิงไม่ได้เบาใจในเรื่องนี้ นางดูหนักใจกับเรื่องที่เขาบอกอย่างมาก จึงเอ่ยบางอย่างออกมา “ข้าพอมีวิธีช่วยเจ้าในเรื่องนี้ได้”“วิธีใดหรือเพคะ” นางเงยหน้าขึ้นมาถามอย่างตื่เต้น“เจ้าต้องรีบหาบ้านสามีใหม่ ก่อนที่ต้วนอ๋องจะกลับมา” เซียวเฟยหลงกล่าวออกมาเหมือนเป็นเรื่องทั่ว ๆ ไป“อะไรนะเพคะ!” แต่นางกลับตกใจอย่างมากกับสิ่งที่ได้ยิน จนต้องถามเสียงดังกลับไป“ข้าบอกว่าเจ้าต้องหาสามีให้ได้ก่อนที่เขาจะกลับมา เพื่อมาขัดอำนาจกับต้วนอ๋อง แต่ทว่าหากเจ้ามีบ้านสามีที่ธรรมดาหรือไม่มีอำนาจหนุนหลัง เจ้าคิดหรือว่าหากต้วนอ๋องต้องการตัวเจ้า บุรุษที่แต่งกับเจ้าจะไม่ยอมถอยให้เขา ข้ามีข้อเสนอ” ชายหนุ่มกล่าวเสียงจริงจัง เขาคิดเรื่องนี้ไว้แล้ว หากนางรับข้อเสนอ เขาก็พร้อมจะช่วยเหลือ“เจ้าอยากแต่งกับข้าหรือไม่” เขาเอ่ยถามพร้อมกับมองสบสายตากับนาง“องค์ชายหมายความว่าอย่างไรเพคะ” คราวนี้ไป๋หนิงเฟิ่งเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ“ข้าถามเจ้าว่า เจ้าอยากแต่งงานกับข้าหรือไม่ หากเจ้าต้องการ ข้าจะขอสมรสพระราชทานจากฝ่าบาท อย่างน้อยก่อนแต่งงาน เจ้าก็คือคู่หมั้นของข้า ไม่ว่าผู้ใดหากคิดจะรังแกเจ้า ย
บทที่ 7 ยื่นข้อเสนอที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงตั้งแต่วันนั้นนี่ก็ผ่านมาแล้วสามวัน ไป๋หนิงเฟิ่งไม่คิดที่จะสนใจสหายอย่างหลี่ชุยผิงอีกเลยแม้แต่น้อย ทว่าเรื่องที่คุณหนูหลี่ซื้อเครื่องประดับแล้วไม่มีเงินจ่ายโด่งดังไปทั่วเมือง ทำให้เสนาบดีหลี่โกรธมาก เขาสั่งลงโทษกักบริเวณบุตรสาว เขายอมควักเงินไปจ่ายให้กับทางร้านซินหรง และนำเครื่องประดับเหล่านั้นกลับมาจวนสกุลหลี่“คุณหนู เรื่องของคุณหนูหลี่โด่งดังไปทั่วเลยเจ้าค่ะ บ่าวสาแก่ใจยิ่งนัก” สาวใช้อย่างเสี่ยวหลันเอ่ยอย่างชอบใจ นางไม่ชอบสหายคนนี้ของเจ้านายสักเท่าไร แต่ทำอะไรมากไม่ได้เพราะนางเป็นเพียงสาวใช้เท่านั้น“ที่ผ่านมาข้าโง่จนทำให้ถูกเอาเปรียบ แต่เจ้าไม่ต้องกังวลไป ต่อจากนี้ข้าจะไม่โง่อีกแล้ว ทรัพย์สินและเงินทองของข้า ข้าจะไม่ยอมให้ใครเอาไปใช้เหมือนทรัพย์สินของตนเองแน่นอน” ไป๋หนิงเฟิ่งเอ่ยอย่างจริงจังพร้อมยิ้มออกมา นางไม่อยากให้สาวใช้ผู้ซื่อสัตย์มองว่านางอ่อนแอเหมือนก่อนอีกแล้ว “บ่าวดีใจเหลือเกินเจ้าค่ะ บ่าวพูดจากใจ คุณหนูหลี่ไม่ใช่คนดีอย่างที่เห็น วันที่คุณหนูตกบ่อน้ำ เชื่อไหมเจ้าคะว่านางยืนยิ้มอย่างพึงพอใจโดยไม่คิดจะช่วยเหลือ” เสี่ยวหลันรายงานเรื่อง
เมื่อถูกถามหลี่ชุยผิงรีบหันมาหาไป๋หนิงเฟิ่งแล้วเอ่ยถามออกมาว่า “หนิงเฟิ่ง เจ้าว่าจ่ายที่นี่หรือจะให้ไปเก็บที่จวนดี” น้ำเสียงนั้นอ่อนหวานยิ่งนัก“อันนี้ก็แล้วแต่เจ้าสิ ข้าไม่ได้เป็นผู้ซื้อเสียหน่อย” ไป๋หนิงเฟิ่งเองก็ตอบกลับไปด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มนั่นทำให้หลี่ชุยผิงชะงักไปในทันที ก่อนจะพยายามปรับสีหน้าแล้วกล่าวออกมาอีกครั้ง “แต่ทุกครั้งที่ข้าออกมาเดินเล่นเป็นเพื่อนเจ้า เจ้าก็เป็นคนจ่ายให้ข้ามิใช่หรือ”“นั่นมันเมื่อก่อน ตั้งแต่ข้าขอยกเลิกงานแต่งจนให้ชื่อเสียงเสียหาย ท่านพ่อก็ตัดเงินของข้าเกือบหมด ข้าไม่มีเงินจ่ายให้เจ้าหรอก เห็นทีครั้งนี้เจ้าต้องจ่ายด้วยตัวเองเสียแล้ว” ไป๋หนิงเฟิ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสร้อย คล้ายกับนางไม่มีเงินจริง ๆคราวนี้ใบหน้าของหลี่ชุยผิงซีดเผือดลงทันที นางไม่คิดว่าสหายจะกล่าวเช่นนี้ ถึงแม้ว่านางจะเป็นลูกหลานของตระกูลหลี่ ซึ่งเป็นตระกูลของเสนาบดี แต่ใช่ว่านางจะมีเงินมากมายขนาดนี้ อีกทั้งเครื่องประดับพวกนี้ ราคารวมแล้วก็พันกว่าตำลึงเงิน แล้วนางจะเอาเงินจากไหนมาจ่ายกันล่ะไป๋หนิงเฟิ่งไม่รอให้สหายตั้งสติได้ นางจึงรีบกล่าวออกมาอีกครั้ง “ตลอดเวลาที่ผ่านมา ข้าเป็นค
บทที่ 6 เอาคืนสหายชั่วไป๋หนิงเฟิ่งปรายตามองสหายเล็กน้อย ทว่าไม่ให้ฝ่ายนั้นรู้ตัว เนื่องจากนางต้องการเล่นงานสหายคนนี้ ถึงแม้ว่าบ้านของหลี่ชุยผิงมีฐานะร่ำรวยและเป็นจวนเสนาบดี แต่ทุกครั้งที่ออกมาเดินเล่นหรือซื้อของด้วยกัน กลับกลายเป็นให้นางจ่ายทั้งนั้นคราวนี้มาดูกันเถิดว่า ต่อจากนี้ใครกันแน่เป็นฝ่ายเสียหน้า!หลี่ชุยผิงยิ้มก่อนจะเดินเข้ามาคล้องแขนสหาย แล้วเอ่ยอย่างดีใจ “ถ้าเช่นนั้นเราสองคนไม่ต้องคิดมากแล้ว ไปร้านขายเครื่องประดับกันดีกว่า ข้าอยากซื้อเครื่องประดับสักชุดสองชุด”“อืม ถ้าเจ้าอยากซื้อ ข้าจะไปกับเจ้า” ไป๋หนิงเฟิ่งตอบกลับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ทว่าเน้นคำว่าอยากซื้อ สายตาหันไปสบกับสาวใช้คนสนิทเพื่อส่งสัญญาณบางอย่างให้จากนั้นพวกนางจึงพากันเดินไปทางร้านขายเครื่องประดับทันทีร้านเครื่องประดับซินหรง ภายในร้านมีลูกค้ามากมายที่เข้ามาดูสินค้าและเลือกซื้ออย่างที่ต้องการ เมื่อลูกจ้างสาวในร้านเห็นว่าไป๋หนิงเฟิ่งเดินเข้ามาพร้อมกับคุณหนูหลี่ จึงได้รีบเดินมาทักทายอย่างนอบน้อม“คุณหนูไป๋ คุณหนูหลี่ เชิญเจ้าค่ะ วันนี้ทั้งสองต้องการสิ่งใดเจ้าคะ” ใบหน้าของนางยิ้มแย้ม ไม่คิดดูหมิ่นไป๋หนิงเฟิ่งตามข่





