LOGINอดีตชาตินางถูกฝังทั้งเป็นพร้อมคนรักและคำภีร์อมตะ เพราะความโง่เขลาเบาปัญญาทำให้จ้าวเทียนอี้ คนรักของนางต้องพบจุดจบอย่างน่าเวทนา หวังฟางเซียนจึงถูกคัมภีร์อมตะให้ย้อนกลับไปในอดีตชาติตัวเอง จางลี่เซียนหรือพระสนมเอกเจาอี๋ ของถังเสวียนจงฮ่องเต้คือชาติอดีตของเธอ ความรัก ความแค้น สงครามริษยาและแรงอาฆาต พลันห้วนกลับคืนมาอีกครั้ง
View More“แม้นชาตินี้ข้ามิได้สมหวังในรักกับเจ้า หากชาติหน้ามีจริงแล้วไซร้ ขอให้ข้าได้พบเจ้าและครองคู่ด้วยกันทุกชาติทุกภพ ข้าขอตั้งจิตอธิษฐาน จะมีเพียงเจ้าเป็นคู่ครองของข้าเท่านั้น ลี่เซียน” ถ้อยคำเจรจากลั่นออกมาจากหัวใจ ก่อนจะถึงวาระสุดท้ายของชีวิต มอบให้นางฟ้าแสนสวยของบุรุษผู้ทระนง
จ้าวเทียนอี้ ในชุดเกราะระดับนายทหารชั้นสูง ผู้ซึ่งขึ้นชื่อได้ว่าเป็นแม่ทัพใหญ่คอยปกป้องแผ่นดินของราชวงศ์ถังมาโดยตลอด ทว่าวาระสุดท้ายของชีวิตจากแม่ทัพอันเป็นที่โปรดปรานจักรพรรดิถังเสวียนจง กลับกลายเป็นบุคคลที่ทรงตามล่าและชิงชังอย่างยิ่งยวด ด้วยเพราะพระสนมเอก เจาอี๋ หรือพระนามเดิมคือ ลี่เซียน กลับมีใจรักมั่นให้กับแม่ทัพใหญ่หาใช่องค์จักรพรรดิแต่อย่างใด และโทษที่คนทั้งสองได้รับนั้นก็คือความตาย ทว่าทั้งสองกลับยินดีที่ได้พบกับความตาย เพียงสิ่งเดียวที่ร้องขอนั้นก็คือขอตายเคียงคู่กัน และองค์จักรพรรดิก็ทรงมอบให้ตามที่ทั้งสองร้องขอทุกประการ ดวงหน้างามดั่งพระจันทร์ หันกลับไปมองที่ชายคนรักอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก พระสนมเอกเจาอี๋อยู่ในชุดฉลองพระองค์ขั้นที่สองแห่งราชวงศ์ถัง กำลังนั่งคุกเข่าอยู่พื้นดิน ตรงหน้าคือหลุมขนาดใหญ่ที่ขุดไว้เพื่อฝังศพคนทั้งคู่ บัดนี้พระสนมคนงามที่สุดในราชสำนักถูกปลดกลายเป็นหญิงสามัญชน ด้วยโทษฐานที่ไม่จงรักภักดีต่อองค์จักรพรรดิ มอบหัวใจให้กับชายอื่นทั้งๆ ที่เข้าวังมาเพื่อถวายตัวให้เป็นพระสนมต่อองค์ฮ่องเต้เพียงผู้เดียว “ข้าจะถามอีกครั้งเจาอี๋! เจ้าจะมอบกายถวายชีวิตและจิตใจให้กับข้าหรือไม่!” เสียงที่เต็มไปด้วยอำนาจ รับสั่งถามกึกก้องท่ามกลางความเงียบของรัตติกาล ดวงตาสีนิลคู่สวยที่มองอยู่แต่พื้นดิน ค่อยๆ มองปลายพระบาทขององค์จักรพรรดิทรงประทับยืนตรงหน้านางก่อนจะเงยใบหน้าแสนสวยราวกับนางฟ้าอย่างยิ่งยวดขึ้นมองพระองค์ ดวงตาคู่สวยสบพระเนตรสีนิลกาฬขององค์ฮ่องเต้ก่อนจะเอ่ยถ้อยคำที่ทำให้พญามังกรผู้ยิ่งใหญ่เสียพระทัยอย่างยิ่งยวด “หม่อมฉันไม่สามารถกระทำตามพระประสงค์ของฝ่าบาทได้เพคะ หัวใจทั้งหมดของหม่อมฉันมีเพียงท่านแม่ทัพจ้าวเทียนอี้แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น พระองค์แสร้งถามหม่อมฉันเพื่อการใดอีก ทรงล่วงรู้ดีว่าหม่อมฉันและท่านแม่ทัพเทียนอี้มีใจรักมั่นต่อกัน แต่เพราะพระองค์! พระองค์ทรงใช้อำนาจบังคับหม่อมฉันทั้งที่ไม่เต็มใจ” พระสนมโฉมงามเอ่ยตอกกลับไปตามความเป็นจริง “กรอดดด!!!” เสียงกัดพระทนต์เข้าหากันจนแน่นแทบจะแตกออกมาเป็นเสี่ยงๆ เสียให้ได้เมื่อทรงได้ยินคำตอบของพระสนมคนโปรด พระวรกายสูงใหญ่ก้าวประชิดแม่ทัพหนุ่มที่กำลังนั่งคุกเข่าเคียงข้าง พร้อมใช้พระหัตถ์กระชากเส้นผมอย่างแรงจนใบหน้าหล่อเหลาของเทียนอี้แหงนไปตามแรงกระชาก “มันมีดีอะไรเจ้าถึงรักมัน! แทนที่จะรักข้าเจาอี๋! ข้าเป็นถึงองค์จักร-พรรดิหามีผู้ใดกล้าปฏิเสธข้าแต่อย่างใด แต่เจ้ากลับปฏิเสธไม่รับรักข้า ทั้งๆ ที่ตั้งใจเอาไว้ว่าจะแต่งตั้งเจ้าให้เป็นกุ้ยเฟยจนถึงสถาปนาเจ้าให้เป็นฮองเฮาเคียงข้างกายข้า เมื่อข้าได้เข้าหอกับเจ้าแล้ว แต่นี่กระไรช่างขลาดเขลาสิ้นดีกลับเลือกมันที่เป็นเพียงแม่ทัพของข้า ทำไมเจาอี๋! ทำไม!” รับสั่งตะคอกดุดัน พระเนตรแทบถลนออกมาจากเบ้าเลยทีเดียว “ก็เพราะหม่อมฉันรักท่านพี่เทียนอี้! หามีใจรักฝ่าบาทแม้แต่น้อย! ทรงได้ยินหรือไม่ว่าหม่อมฉันไม่เคยรักพระองค์! และไม่คิดจะรักด้วย” พระสนมคนงามเอ่ยถ้อยคำอย่างเด็ดขาด ฮ่องเต้หนุ่มแทบสิ้นไร้เรี่ยวแรงและพละกำลังเมื่อทรงได้ยินเช่นนั้น พระหทัยเจ็บแปล๊บปวดร้าวอย่างยิ่งยวด แม้ว่าจะทรงมีพระสนมมากมายและมีพระมเหสีอยู่แล้วหลายพระองค์ แต่เจาอี๋หรือลี่เซียนเป็นสตรีเดียวที่ทรงตกหลุมรักและหลงรักนางทันทีที่ได้ทอดพระเนตร แต่นางกลับมอบหัวใจให้กับขุนพลใหญ่ข้างพระวรกายแทนที่จะเป็นพระองค์ “ดี! รักกันมากใช่ไหม ในเมื่อรักกันปานจะกลืนกินถึงเพียงนี้ข้าก็จะส่งเจ้าสองคนให้ไปอยู่ปรโลกเสียด้วยกันทั้งคู่บัดเดี๋ยวนี้!...ทหาร!” รับสั่งตะโกนก้องท่ามกลางรัตติกาล “พะย่ะค่ะ!” ทหารองครักษ์ขานรับอย่างพร้อมเพรียงกัน “ตัดหัวจ้าวเทียนอี้! ส่วนเจาอี๋ นำนางไปฝังทั้งเป็นให้นางเห็นผู้ชายที่ตนรักในสภาพไร้หัวจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต!” รับสั่งพร้อมทอดพระเนตรร่างพระสนมคนงามด้วยความเสียพระทัยอย่างยิ่งยวด ก่อนจะก้าวพระบาทยาวๆ ออกไปจากบริเวณลานกว้างที่เป็นทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ไพศาล โดยไม่หันกลับมาทอดพระเนตรอีกเลย “ท่านแม่ทัพ!” ทหารองครักษ์เอ่ยกับอดีตผู้นำของตน เมื่อก้าวมาหยุดยืนตรงหน้าอดีตขุนพลกล้า “ข้าเข้าใจเจ้า เร่งลงมือเถิดอย่าได้ชักช้าหากแต่ก่อนตายข้าขอร้องบางสิ่งบางอย่างกับเจ้าจะได้หรือไม่” แม่ทัพหนุ่มกล่าวพร้อมหันกลับไปมองคนรักของตน ซึ่งใบหน้างามเต็มไปด้วยความเศร้าโศกอย่างเห็นได้ชัด “ท่านมีสิ่งใดจะสั่งความกับข้าอย่างนั้นหรอกหรือท่านแม่ทัพ” ทหารองครักษ์คนดังกล่าวเอ่ยถามกลับไป “ในรถม้ามีห่อผ้าที่มีเครื่องใช้ส่วนตัว ข้าใคร่ขอให้นำห่อผ้านั้นมาฝังไว้พร้อมกับศพของข้าและลี่เซียนด้วยเถิด” ทหารองครักษ์พยักหน้าขึ้นลงเป็นการตอบรับ “ได้! ข้าจะไปเอามาให้ท่าน” ทหารคนดังกล่าวรับคำพร้อมก้าวเดินตรงไปยังรถม้าที่จอดอยู่ไม่ไกลจากลานประหารชั่วคราวเท่าใดนัก ก่อนจะกลับมาพร้อมกับห่อผ้าขนาดใหญ่ที่บรรจุของมีค่ามากมายอยู่ภายในนั้น พร้อมชูขึ้นให้กับแม่ทัพใหญ่และสนมคนงามได้เห็นเป็นครั้งสุดท้าย “ข้าจะฝังห่อผ้าพร้อมของทั้งหมดในนี้ไปพร้อมกับท่านแม่ทัพและพระสนม และขอให้รับรู้ไว้เถิดว่าข้าทำตามพระบัญชาขององค์ฮ่องเต้และนับถือท่านแม่ทัพเสมอ” จ้าวเทียนอี้พยักหน้าขึ้นลงเมื่อได้ยินเช่นนั้น พร้อมหันกลับไปสบเนตรสีดำสนิทของพระสนมคนงามที่หันกลับมามองตนเช่นกัน “เราจะได้เจอกันอีกลี่เซียน ไม่ว่าจะกี่ชาติข้าจะตามเจ้าให้พบเราทั้งสองจะได้ครองคู่กันอีกครั้ง” พระสนมแสนสวยยิ้มทั้งน้ำตาเมื่อได้ยินเช่นนั้น “ข้าจะรอท่านพี่ จ้าวเทียนอี้บุรุษเพียงหนึ่งเดียวที่อยู่ในหัวใจของข้าตลอดกาลและทุกชาติไป” สิ้นเสียงของพระสนมคนงามถุงผ้าสีดำสนิทถูกคลุมลงบนศีรษะของนางอย่างรวดเร็ว พร้อมเสียงตะโกนก้องของคนรัก “ข้ารักเจ้าลี่เซียน!!!” เสียงบอกรักครั้งสุดท้ายของแม่ทัพใหญ่ดังกึกก้องท่ามกลางความเงียบงัน “ฉัวะ!!!” เสียงคล้ายของมีคมลงดาบบนเนื้อได้ยินอย่างชัดเจน “ตุ้บ!” ศีรษะของแม่ทัพใหญ่ถูกตัดออกจากลำคอด้วยความรวดเร็ว ร่างสูงใหญ่ในท่าคุกเข่าบัดนี้ไร้หัว มีเพียงเลือดสีแดงฉานไหลทะลักดั่งเขื่อนกั้นทำนบแตกพุ่งกระฉูดออกมาอย่างไม่หยุดยั้ง ก่อนจะล้มลงไปกองกับพื้น “ช่วยกันนำร่างของท่านแม่ทัพพร้อมกับหัวเอาไปวางไว้ในหลุม” เสียงของทหารองค์รักษ์คนดังกล่าวร้องบอกเพื่อนพ้อง ท่ามกลางเสียงร่ำไห้ของพระนางลี่เซียน “ท่านพี่!” เสียงร่ำร้องเพรียกหาชายคนรักดังออกมาเบาๆ พร้อมกับผ้าที่คลุมศีรษะเมื่อครู่ที่ผ่านมาถูกดึงออกเผยให้เห็นร่างไร้วิญญาณของคนรักนอนเหยียดยาวในสภาพไร้หัวหากแต่วางอยู่ข้างลำตัวแทน “ได้โปรดเถิดข้าขอร้อง ช่วยนำหัวของท่านแม่ทัพไปวางไว้ติดกับลำตัวด้วยเถิด อย่าวางแบบไร้ทิศทางเฉกเช่นนี้เลย” พระนางพูดพร้อมร่ำไห้ออกมาเบาๆ ข้างฝ่ายบรรดาทหารเมื่อได้ยินเช่นนั้นต่างทำตามคำร้องขอเป็นครั้งสุดท้ายของพระสนมเอก ศีรษะที่ถูกตัดขาดออกจากกันบัดนี้ถูกนำมาต่อติดกันไว้ดั่งเดิมพร้อมกับวางห่อผ้าที่บรรจุของสำคัญมากมายและหนึ่งในนั้นก็คือตำราเวทมนตร์ตั้งแต่ยุคสร้างแผ่นดินจีนนั่นเอง ซึ่งถูกคัดลอกจากกระดองเต่าในสมัยราชวงศ์ซางและมีบางส่วนคัดลอกบนกระดาษอย่างดี สามารถเก็บไว้ได้เป็นเวลานานหากเก็บรักษาไว้อย่างมิดชิด บรรดาทหารก้าวมาหยุดอยู่ตรงหน้าอดีตพระสนมพร้อมเอ่ยขึ้น “ถึงเวลาของพระนางแล้วพ่ะย่ะค่ะ” กล่าวพร้อมทำท่าจะเข้ามาดึงร่างอรชรตรงหน้า “พวกเจ้าไม่ต้องมาจับข้า ข้าจะเดินไปที่หลุมฝังศพด้วยตัวของข้าเอง” ร่างอรชรลุกขึ้นยืนจากพื้นอย่างช้าๆ พร้อมก้าวเดินตรงไปที่หลุมศพตรงหน้าก่อนจะก้าวลงไปนอนเหยียดยาวเคียงคู่กับศพของชายคนรัก “ท่านพี่เทียนอี้” สนมคนงามเพรียกหาชื่อเจ้าของหัวใจนางก่อนจะใช้แขนเรียวสวมกอดร่างไร้วิญญาณเอาไว้จนแน่น “เราจะได้พบกันอีกแน่นอนข้าจะรอท่าน” เสียงหวานรำพึงกับร่างไร้วิญญาณก่อนจะกระชับห่อผ้าที่มีของสำคัญอยู่ในนั้นซึ่งมีเพียงพระนางเท่านั้นล่วงรู้จากปากของชายคนรัก ว่าสิ่งล้ำค่าดังกล่าวคือสิ่งที่องค์จักรพรรดิทุกราชวงศ์ตามหามาโดยตลอด “ท่านจะต้องได้กลับมาอีกครั้ง” พระสนมคนงามรำพึงออกมาเบาๆ พลางหลับตาลงพร้อมกอดร่างของคนรักเอาไว้แนบแน่นภายในหลุมศพของคนทั้งสอง พร้อมพึมพำออกมาเบาๆ "ขอสวรรค์เบื้องบนได้โปรดรับดวงวิญญาณของข้าและเทียนอี้ด้วยเถิด หากแม้นจะทรงเมตตาขอให้ข้าได้กลับมามีโอกาสแก้ไขเหตุการณ์ในวันนี้อีกครั้ง ให้ข้าเต็มไปด้วยสติปัญญาอันเฉลียวฉลาดไม่โง่เขลาเบาปัญญาดั่งเช่นในชาตินี้" จิตสุดท้ายสนมเอกคนงามอธิษฐานขอความเมตตาจากสวรรค์เบื้องบน ดินมากมายเริ่มสาดลงไปในหลุมอย่างรวดเร็วจนหลุมขนาดใหญ่บัดนี้เต็มไปด้วยจำนวนดินทรายนับไม่ถ้วนอัดเอาไว้จนแน่นกลบร่างไร้วิญญาณอดีตขุนพลชื่อก้องแห่งต้าถังและร่างของพระสนมคนงามเจาอี๋ของจักรพรรดิถังเสวียนจงไปชั่วนิจนิรันดร ภายในพื้นที่โล่งกว้างเต็มไปด้วยท้องทุ่งและผืนป่านอกเมืองฉางอานติดกับเมืองลั่วหยาง เสียงสุดท้ายยังคงดังก้องออกมาจากหลุมศพตรงหน้าอย่างแผ่วเบา “ข้าจะรอท่านจ้าวเทียนอี้!!!!” “ข้าจะตามหาเจ้าลี่เซียน!!!”ในเวลาต่อมา ร่างงามที่อยู่เบื้องหน้าค่อยๆ เคลื่อนไหวขึ้นมาทีละน้อยทีละน้อย ท่ามกลางสายตาของทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้นเฝ้ารอคอยอย่างใจจดใจจ่อและสิ่งที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง เมื่อดวงตาที่ปิดสนิทมาอย่างยาวนานบัดนี้กำลังกลอกกลิ้งไปมาบ่งบอกให้ล่วงรู้ว่า ร่างตรงหน้ากำลังตื่นจากการหลับใหล เปลือกตาที่ปิดสนิทค่อยๆ เปิดขึ้นอย่างช้าๆ เผยให้เห็นดวงตากลมโตที่กำลังกะพริบขึ้นลงติดๆ กันเพื่อขับไล่ภาพที่พร่ามัวก่อนจะค่อยๆ เห็นทุกสิ่งทุกอย่างอย่างชัดเจน พระจันทร์ดวงใหญ่ลอยอยู่บนฟ้า ส่องแสงเหลืองนวลให้ความสว่างไปทั่วผืนแผ่นดินมังกร “โอ้โห! พระจันทร์สวยจังเลย ไม่เคยเห็นดวงใหญ่ขนาดนี้มาก่อน” สิ้นเสียงรำพึง เสียงของทุกคนที่อยู่หน้าเรือนนอนต่างร้องออกมาพร้อมกัน “ลี่เซียน! ลี่เซียนฟื้นแล้ว!” จางฮูหยินและอี้หานพร้อมสาวใช้ลี่อิงต่างรีบก้าวเดินเข้าไปหา จางฮูหยินโผเข้าสวมกอดร่างอรชรตรงหน้าด้วยความดีใจเป็นยิ่งนักเมื่อเห็นลูกสาวคนสุดท้องได้สติฟื้นขึ้นมาเสียที โดยมีอี้หานประคองร่างน้อยๆ จากพื้นให้ลุกขึ้นนั่งพร้อมลูบเส้นผมยาวสลวยของน้องไปมาด้วยความดีใจเช่นกัน “แม่ดีใจเหลือเกินลี่เซียน ในที่สุดเจ้าก็ฟื้นขึ้นมาเส
คฤหาสน์ตระกูลจาง คืนวันพระจันทร์เต็มดวง ภายหลังที่หลวงจีนหนุ่มจางเฟยเทียนได้นำน้ำทิพย์บนยอดเขาดอกบัวจากเทือกเขาหวงซานหยดลงไปในปากให้กับลี่เซียนน้องสาวคนสุดท้องของตระกูลไปแล้วนั้น ตั้งแต่วันนั้นเวลาล่วงเลยผ่านไปสามวัน คืนพระจันทร์เต็มดวงก็ปรากฏอยู่บนท้องฟ้าเบื้องบน พระจันทร์ในค่ำคืนนี้ดวงใหญ่โตกว่าที่เคยเห็นมากมายยิ่งนัก อีกทั้งสุกสกาวส่องแสงเป็นประกายจนผืนแผ่นดินเบื้องล่างสว่างเรืองรองแม้จะอยู่ในช่วงเวลาแห่งรัตติกาลก็ตาม “ท่านพ่อ! ท่านแม่! พวกท่านมาดูพระจันทร์ในค่ำคืนนี้สิ ช่างแลดูใหญ่โตกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา สวยงามยิ่งนัก” คำกล่าวของจางอี้หานทำให้ประมุขของบ้านพยุงร่างฮูหยินก้าวเข้ามาในบริเวณพื้นที่หน้าลานกลาง บ้านซึ่งจัดเป็นสวนย่อม สองสามีภรรยาแหงนหน้ามองพระจันทร์บนท้องฟ้าตามคำกล่าวของบุตรชายพร้อมเสียงรำพึง “เฟยเทียนบอกว่าวันใดที่พระจันทร์เต็มดวงและมีดวงใหญ่กว่าทุกครั้งวันนั้นคือวันที่ลี่เซียนจะฟื้นขึ้นมาใช่หรือไม่ท่านพี่” ฮูหยินจางเอ่ยถามสามีเพื่อความแน่ใจ หยวนฟู่พยักหน้าขึ้นลงติดๆ กันแทนคำตอบของตนพร้อมเอ่ยขึ้น “เฟยเทียนไปอยู่เสียที่ใดกันเล่า พวกเจ้าเห็นคุณชายเล็กหรือไม่”
พระราชวังต้าหมิงกง ตำหนักองค์ชายหลี่หลงจี พระวรกายสูงใหญ่ของโอรสสวรรค์ พระนามหลี่หลงจี กำลังทอด พระเนตรภาพเขียนสีตรงหน้าด้วยความพึงพอพระทัยเป็นยิ่งนัก ด้วยภาพวาดดังกล่าวปรากฏเป็นภาพอิสตรีที่กำลังยืนชมดอกโบตั๋น ภาพวาดที่ขึ้นเป็นมันวาวยิ่งขับให้อิสตรีที่อยู่ในภาพดังกล่าวงดงามอย่างยิ่งยวด เสียงฝีเท้าของคนกำลังเดินก้าวเข้ามาใกล้พระตำหนัก พร้อมเสียงพูดคุยกับทหารรักษาการณ์อยู่หน้าตำหนักเพียงครู่ก่อนจะปรากฏร่างของแม่ทัพใหญ่จ้าวเทียนอี้หยุดยืนอยู่หน้าประตู “องค์ชายมีรับสั่งให้กระหม่อมเข้าเฝ้ามีสิ่งใดหรือพ่ะย่ะค่ะ” แม่ทัพหนุ่มเอ่ยทูลถามพร้อมพระวรกายขององค์ชายหันกลับมาทอดพระเนตรแม่ทัพหนุ่มรูปงาม “ทหารหลวงไปตามเจ้าทันเวลา หาไม่แล้วเจ้าคงจะออกเดินทางไปแล้วสินะ” รับสั่งถามกลับไป “ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ... ว่าแต่องค์ชายมีเหตุสิ่งใดหรือที่เรียกกระหม่อมเข้าเฝ้า” จ้าวเทียนอี้กราบทูลถามด้วยความสงสัย ก่อนจะเหลือบสายตาเห็นภาพวาดที่อยู่ในพระหัตถ์ และกำลังถูกยื่นให้ตรงหน้า “ข้าต้องการให้เจ้าตามหาหญิงงามในภาพวาดนี้ให้กับข้า มันเป็นภาพวาดที่ถูกส่งมาจากหัวเมืองไม่รู้ว่าเป็นหัวเมืองไหน เจ้ามีฝ่ายข่าวฝีมือดีมา
นครฉางอาน ปีที่ 2 ในรัชสมัยจักรพรรดิถังรุ่ยจง เมืองหลวงใหญ่แห่งแผ่นดินต้าถังในเวลานี้เต็มไปด้วยชาวเมืองฉางอานมากมาย กำลังยืนมุงเพื่ออ่านแผ่นประกาศของวังหลวง เนื่องจากมีข่าวลือแพร่สะพัดมานานไม่ต่ำกว่าสองเดือนแล้ว ว่าฮ่องเต้ถังรุ่ยจง จะทรงสละราชสมบัติให้กับพระโอรสองค์ที่สามพระนามว่า เจ้าชายหลี่หลงจี ทั้งนี้เพราะเหตุการณ์ในวังหลวงช่างสลับซับซ้อนยิ่งนัก ภายหลังรัชกาลของบูเช็กเทียน สภาพการเมืองภายในราชสำนักปั่นป่วนวุ่นวาย เนื่องจากถังจงจงอ่อนแอ อำนาจทั้งมวลตกอยู่ในมือของเหวยฮองเฮา ที่คิดจะยิ่งใหญ่ได้เช่นเดียวกับบูเช็กเทียน เหวยฮองเฮาหาเหตุประหารรัชทายาท จากนั้นได้วางยาพิษสังหารถังจงจงฮ่องเต้ โอรสองค์ที่สามของถังรุ่ยจง นามหลี่หลงจีภายใต้การสนับสนุนขององค์หญิงไท่ผิงชิงนำกำลังทหารบุกเข้าวังหลวงสังหารเหวยฮองเฮาและพวก ภายหลังเหตุการณ์องค์หญิงไท่ผิงหนุนถังรุ่ยจงขึ้นครองราชย์ แต่งตั้งหลี่หลงจีเป็นรัชทายาท แต่แล้วองค์หญิงไท่ผิงพยายามเข้ากุมอำนาจเบ็ดเสร็จ แต่เกิดขัดแย้งกับรัชทายาทหลี่หลงจี ดังนั้นเพื่อตัดปัญหาและจะมีเหตุการณ์บานปลายไปมากกว่านี้ ในปี 712 จักรพรรดิถังรุ่ยจงจึงสละราชย์สมบัติให้กั
หนึ่งเดือนผ่านไป บ้านตระกูลจางในยามนี้เต็มไปด้วยความทุกข์ บ่าวไพร่นับร้อยทั้งชายหญิงต่างเฝ้ารอคอยว่าเมื่อไรคุณหนูเล็กของตระกูลจะฟื้นขึ้นมาเสียที นับตั้งแต่พลัดตกลงไปในบ่อน้ำจนกระทั่งถูกช่วยขึ้นมา หมอยาที่ว่าเก่งกาจจากทั่วทุกสารทิศถูกเกณฑ์มารักษาคุณหนูบ้านตระกูลจางคนแล้วคนเล่า แต่ก็ยังไม่สามารถทำให้จางลี่เซียนฟื้นขึ้นมาแม้แต่น้อย ยังคงหลับใหลทอดกายอยู่บนฟูกนอนมานานกว่าหนึ่งเดือนแล้ว “ท่านพี่ลี่เซียนนอนอยู่แบบนี้มาเดือนหนึ่งแล้ว มิมีทีท่าว่าลูกจะฟื้นขึ้นมาเสียที ข้าเป็นห่วงลูกใจจะขาดยิ่งแล้ว ทำไมนะเหตุใดจึงต้องเกิดเหตุการณ์แบบนี้ด้วย” จางฮูหยินกล่าวพร้อมยกผ้าเช็ดหน้าผืนน้อยซับน้ำตาของตัวเองด้วยความทุกข์ใจยิ่งนัก ท่อนแขนใหญ่ของผู้เป็นสามีตรงเข้าโอบกอดร่างอวบอิ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าเพื่อปลอบประโลม สีหน้าของผู้นำตระกูลจางในขณะนี้มีแต่ความทุกข์ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน “ทำใจดีๆ ไว้ฮูหยิน ลี่เซียนของเราจะต้องฟื้นขึ้นมา ลูกของเราต้องฟื้น ซึ่งข้าเองก็หวังไว้เช่นนั้น” “แต่นี่หนึ่งเดือนเข้าไปแล้วนะท่านพี่ยังไม่มีวี่แววที่ลูกจะฟื้นเลย ถ้าหากไม่ตื่นขึ้นมาเลยจะทำเช่นไรต่อไปดี โธ่ ลูกรักของแม่ ตื่นขึ้
ดวงวิญญาณของฟางเซียนจากยุคปัจจุบันได้มาปรากฏอยู่ในยุคอดีตที่กาลเวลาย้อนกลับไปกว่าหนึ่งพันห้าร้อยปี ในรัชสมัยจักรพรรดิถังเสวียนจง กษัตริย์องค์ที่หกแห่งราชวงศ์ถัง ดวงวิญญาณของฟางเซียนถูกนำกลับมาก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์เมื่อคนทางวังหลวงได้มาพบหญิงงามที่สุดในแผ่นดินต้าถังและถูกเรียกตัวเขาวังเพื่อถวายตัวให้กับจักรพรรดิถังเสวียนจง ทำให้เกิดเรื่องราวมากมายทั้งความรัก ริษยาและการแย่งชิงภายในราชสำนักฝ่ายใน และทำให้จางลี่เซียนในชาติอดีตพบจุดจบอย่างน่าเวทนา และร่างของคุณหนูจางลี่เซียนก็คืออดีตชาติของเธอนั่นเอง ดวงวิญญาณของหญิงสาวถูกแรงดึงดูดมหาศาลดึงดวงวิญญาณของเธอเข้าไปในร่างของคุณหนูเล็กแห่งบ้านตระกูลจางอย่างรวดเร็ว ทำให้ดวงวิญญาณจากยุคปัจจุบันและดวงวิญญาณจากยุคอดีตซึ่งเป็นอดีตซาติของเธอหลอมเข้ากลายเป็นดวงจิตและดวงวิญญาณดวงเดียวกัน ล่วงรู้ภพอดีตชาติและภพอนาคตอย่างไม่คาดฝัน ท่ามกลางความงุนงงและสับสนของหญิงสาวที่ไม่รู้ว่าบัดนี้เธอมาอยู่ ณ ที่แห่งหนใดกันหนอ “นี่ฉันอยู่ที่ไหน! ฉันอยู่ที่ไหน!” สิ้นเสียงรำพึง ฟางเซียนสิ้นสติไปทันทีพร้อมกับร่างงามก็เริ่มจมดิ่งลงไปอยู่ที่ก้นบ่อ กระดองเต่าที่สลักจา


















Comments