Share

บทที่ 15

Author: พิณเคล้าสายฝน
เยี่ยเป่ยเฉิงชะงักไปเล็กน้อย

เสียใจภายหลัง?

ก็แค่คนรับใช้คนหนึ่งก็เท่านั้น!

…...

หลินซวงเอ๋อร์รออยู่ในห้องเป็นเวลานาน

นางเชื่อฟังมาก เสวียนอู่ให้นางรออยู่ที่นี่ นางก็รอยู่ที่นี่ ไม่ไปไหนเลย

ในห้องขนาดใหญ่มีเพียงหลินซวงเอ๋อร์คนเดียว ของตกแต่งในห้องก็หรูหรามากเช่นกัน

หลินซวงเอ๋อร์เดินไปรอบๆห้องอย่างเบื่อหน่าย ตรงกลางห้องมีเตียงที่ทำจากไม้หนานมู่เนื้อทองเตียงหนึ่งอยู่ เหนือเตียงแผ่คลุมไปด้วยม่านเตียงอันโปร่งบางหลายชั้น

นิ้วปัดไปที่ชั้นผ้าโปร่งบางนั้นเบาๆ สัมผัสที่เย็นสบายให้ความรู้สึกเหมือนน้ำไหล

ทันใดนั้นภาพในคืนนั้นก็แวบขึ้นมาในหัว เตียงนอนของเยี่ยเป่ยเฉิงก็มีม่านเตียงแบบนี้เหมือนกัน คืนนั้นแสงไฟสลัวๆ ม่านเตียงที่โปร่งบางกวัดแกว่งไปมาอยู่ต่อหน้านางตลอดทั้งคืน

อดไม่ได้ที่จะหวั่นกลัวในใจ หัวใจของหลินซวงเอ๋อร์เต้นเร็วขึ้น จึงรีบดึงมือกลับมาราวกับว่าถูกไฟฟ้าช็อต สีหน้าซีดเซียวอยู่ครู่หนึ่ง

สุดท้ายนางเบื่อมากจริงๆ จึงนั่งบนเก้าอี้ที่ทำจากไม้หนานมู่เนื้อทอง เอามือกุมศีรษะแล้วนับเวลาให้ผ่านไปเร็วขึ้น

บนโต๊ะไม้จันทน์แปดเหลี่ยมมีของว่างชั้นดีวางอยู่ ตอนที่เสวียนอู่ส่งนางเข้ามาเคยบอกนางว่า อาหารที่อยู่บนโต๊ะสามารถกินได้ตามใจชอบ

หลินซวงเอ๋อร์เม้มริมฝีปาก ในที่สุดก็ควบคุมตนเองไม่ได้ จึงหยิบขนมชิ้นหนึ่งขึ้นมาอย่างระมัดระวัง แล้วค่อยๆเอาเข้าไปในปาก และลิ้มรสมันอย่างตั้งใจ

ได้ยินมาว่าขนมอบของปู้ซือสู่อร่อยกว่าในวังเสียอีก นางไม่เคยกินของในวัง แต่ก็รู้สึกว่าขนมอบที่นี่อร่อยที่สุดในโลกแล้ว อร่อยยิ่งกว่าขนมอบชบาที่ตงเหมยยัดให้นางตอนเช้าเสียอีก

ขนมอบที่อร่อยขนาดนี้ ตงเหมยจะต้องชอบอย่างแน่นอน

หยิบผ้าเช็ดหน้าหน้าผืนหนึ่งออกมาจากอก หลินซวงเอ๋อร์หยิบขนมสองชิ้นขึ้นมาจากในจาน ห่อไว้ในผ้าเช็ดหน้าอย่างระวัดระวัง สุดท้ายก็เอาผ้าเช็ดหน้าเก็บไว้ในหน้าอก หลังจากกลับจวนแล้ว นางก็จะเอาไปให้ตงเหมย ให้นางลองชิมขนมอบปู้ซือสู่ด้วย

หลินซวงเอ๋อร์กัดกินคำเล็กๆจนหมดหนึ่งชิ้น และกำลังจะหยิบชิ้นที่สอง แต่จู่ๆประตูก็ถูกคนผลักเปิดออกจากด้านนอก

ลมแรงพัดเข้ามาอยู่ครู่หนึ่ง หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกว่าแผ่นหลังเย็นซู่

มือที่ยื่นออกไปในอากาศถอนกลับมาอย่างรวดเร็ว หลินซวงเอ๋อร์ยืนขึ้น มองไปข้างหลังด้วยความหวาดกลัว เห็นแต่ชายแปลกหน้าคนหนึ่งยืนอยู่ข้างหลัง

สีหน้าของชายคนนั้นขาวซีด ราวกับว่าผลัดแป้งหนาๆ หลังค่อม นัยน์ตาเก่าๆ นัยน์ตาขุ่นมัวคู่นั้นจ้องมองไปที่นาง ซึ่งแปลกและน่ากลัวเป็นอย่างมาก

เขาเดินย้อนแสงเข้าไปหานาง เงาสีดำเรียวยาวก็ค่อยๆใหญ่ขึ้น สุดท้ายเงาก็แผ่ปกคลุมไปทั่วร่างเล็กๆของนาง

ประตูถูกปิดทีละน้อย ในที่สุดสลักประตูก็ถูกล็อกอย่างแน่นหนา

แสงสว่างในห้องเริ่มมืดลงทีละเล็กทีละน้อย

หลินซวงเอ๋อร์มองเขาอย่างระมัดระวัง และถอยหลังไปทีละก้าว

ชายคนนั้นมองนางด้วยรอยยิ้มที่น่ากลัว และพูดว่า "ช่างงดงามจริงๆ ไม่เสียแรงที่ข้าเจ้าตั้งใจเดินทางมา" ลำคอดูเหมือนจะเต็มไปด้วยกรวดทราย และเสียงของเขาแหบแห้งและแหลมคมมาก

น้ำเสียงนี้ทำให้หลินซวงเอ๋อร์ขนลุกชูชัน

ใบหน้าเผยความหวาดกลัวออกมา น้ำเสียงสั่นเล็กน้อย: "เจ้าเป็นใคร?"

นางไม่เคยเห็นใครแปลกขนาดนี้มาก่อน เป็นผู้ชายแต่กลับผลัดแป้งบนใบหน้าเหมือนผู้หญิง ริมฝีปากสีแดงสดอันนั้นราวกับว่าเป็นผีร้าย ดูไปแล้วแปลกประหลาดมาก

อู๋เต๋อไห่เดินตรงไปที่ข้างหน้าเตียงไม้หนานมู่เนื้อทอง นิ้วมืออันขาวซีดค่อยๆปัดม่านเตียงขึ้น เขานั่งอยู่บนเตียง ใช้มือทดสอบความนุ่มความแข็งของผ้าปูที่นอน ดูเหมือนจะพอใจมาก

จากนั้น เขาเงยหน้าขึ้นไปมองหลินซวงเอ๋อร์ ยิ้มเบาๆแล้วกล่าวว่า "มีคนมอบเจ้าให้กับข้าเจ้า ต่อจากนี้ไปเจ้าก็จะเป็นคนของข้าเจ้าแล้ว"

“ถ้าเจ้าว่านอนสอนง่าย ข้าเจ้าก็จะปฏิบัติต่อเจ้าเป็นอย่างดี”

“ถ้ามีความปรารถนาอะไรเจ้าก็บอกมาได้เลย ไม่ต้องห่วงเรื่องสถานะของเจ้า ข้าเจ้าจะยกเลิกสถานะทาสของเจ้าเสีย นับจากนี้ไป เจ้าจะเป็นภรรยาของข้าเจ้า…”

หลินซวงเอ๋อร์ฟังอย่างงุนงงสับสน

ภรรยาอะไร? หลินซวงเอ๋อร์ฟังไม่เข้าใจเลยสักคำ

นางกล่าวว่า: "เจ้าพูดเหลวไหล ท่านอ๋องของข้าให้ข้ารอเขาอยู่ที่นี่ เจ้าเป็นใครถึงกล้าบุกเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต"

อู๋เต๋อไห่หยิบผ้าเช็ดหน้าออกจากอ้อมอกของเขา เอามือปิดปากแล้วพูดพร้อมหัวเราะเบาๆว่า: "หญิงรับใช้ผู้ต้อยต่ำคนหนึ่งจะต้องไม่รู้จักสถานะของข้าเจ้าอย่างแน่นอน ข้าเจ้าสามารถชอบเจ้าได้ ถือว่าเป็นบุญวาสนาของเจ้าแล้ว เจ้าอย่ามามองข้ามความหวังดีของผู้อื่น”

ทันใดนั้นหลินซวงเอ๋อร์ก็ตระหนักได้ว่า แต่ก่อนเคยได้ยินตงเหมยพูดว่า ขันทีในวังจะเรียกตนเองว่าข้าเจ้า และได้ยินมาว่าขันทีเป็นคนที่ไม่มีกระจู๋ และมีบุคลิกที่ผิดเพี้ยนแปลกประหลาด...

จู่ๆหลินซวงเอ๋อร์ก็รู้สึกหวาดกลัว นางไม่เข้าใจว่าเหตุใดขันทีเฒ่าถึงได้จ้องมองตนเองจึ และข่มขู่ว่าจะพานางเข้าไปในวัง

นางส่ายหัว ต่อต้านสุดฤทธิ์: "ข้าเป็นคนของจวนอ๋อง ข้าไม่สนใจว่าสถานะของเจ้าจะเป็นเช่นไร พูดง่ายๆ ข้าจะไม่ไปกับเจ้า"

ความอดทนของอู๋เต๋อไห่ค่อยๆหมดลง หากไม่เห็นแก่หน้าเยี่ยเป่ยเฉิง ด้วยนิสัยใจคอของเขา คงจะไม่เสียเวลาพูดมากกับสาวรับใช้ที่ต่ำต้อยคนหนึ่ง

น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนไปเป็นเย็นชาทันที: "สิ่งดีๆข้าเจ้าก็ได้พูดไปหมดแล้ว อย่าให้ข้าเจ้าต้องใช้กำลังบีบบังคับ"

สายตาของเขาน่ากลัวมาก ราวกับกำลังจ้องมองเหยื่อ

และหลินซวงเอ๋อร์ก็คือเหยื่อ

หลินซวงเอ๋อร์ถอยหลังไปทีละก้าว "ไม่ ข้าไม่ยอม ข้าจะไปหาท่านอ๋อง..."

สิ่งเดียวที่นางนึกถึงคือไปหาเยี่ยเป่ยเฉิง นางจำได้ว่า เขาอยู่ข้างๆ...

ในขณะนี้ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าอยู่นอกประตู

ใบหน้าของหลินซวงเอ๋อร์เผยความดีใจออกมา

“ท่านอ๋อง……”

คนที่อยู่นอกประตูหยุดเดินชั่วคราว

ดูเหมือนอู๋เต๋อไห่จะไม่ตื่นตระหนกเลย เขานั่งเงียบๆอยู่บนเตียง และมองนางอย่างเย้าแหย่

หลินซวงเอ๋อร์ตะโกนสุดชีวิต แต่คนที่อยู่นอกประตูดูเหมือนจะไม่ได้ยินนางเลย แค่หยุดชั่วคราวแล้วจากไปโดยไม่หันกลับมามอง

หลินซวงเอ๋อร์ตื่นตระหนกเป็นอย่างยิ่ง

เห็นได้ชัดว่าเป็นเยี่ยเป่ยเฉิง เห็นได้ชัดว่าเขาได้ยิน...

“ท่านอ๋อง ท่านอย่าเพิ่งจากไป อย่าไป…” หลินซวงเอ๋อร์ไล่ตามร่างที่กำลังจะจากไป แต่เส้นผมของนางกลับถูกคนคว้าเอาไว้แน่นจากด้านหลัง

“สาวงามน้อย เขาจะไม่มาช่วยเจ้าหรอก…”
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 655

    วันที่เจียงหว่านกำลังจะถูกเนรเทศ ในที่สุดเจียงเช่อก็มาหาถึงหน้าประตูเขาคุกเข่าเบื้องหน้าเยี่ยเป่ยเฉิง เว้าวอนขอเยี่ยเป่ยเฉิงปล่อยเจียงหว่านไปขณะที่เดินทางมา เขารับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วเจียงหว่านลอบวางยาพระชายาเยี่ย ใช้ประชาชนที่ติดโรคทดลองยา เข่นฆ่าคนบริสุทธิ์ ผลาญชีวิตคนดุจผักดุจปลา นับเป็นอาชญากรรมอันชั่วร้ายที่สุด......แต่ไม่ว่าอย่างไร เจียงหว่านก็เป็นน้องสาวเขา เป็นคุณหนูหนึ่งเดียวของตระกูลเจียง เจียงเช่อมิอาจนั่งนิ่งดูดาย ปล่อยให้นางไปตายได้“ขอร้องท่านอ๋องไว้ชีวิตนางเถิด เป็นเพราะข้าตามใจนางจนเสียคน หากท่านอ๋องจะลงโทษ โปรดลงที่เจียงเช่อเถิดพะยะค่ะ”เมื่อเห็นเจียงเช่อ สายตาสิ้นหวังของเจียงหว่านพลันมีประกายความหวังขึ้น“พี่......ท่านพี่ ช่วยข้าด้วย ข้าไม่อยากไปแดนเถื่อน ข้าอยากกลับบ้าน ท่านพี่ช่วยข้าด้วย......”เจียงเช่อขมวดคิ้วเขม็งจ้องเจียงหว่าน สายตาแฝงเร้นด้วยแววเกยีดชังเข้าไส้เขารู้ว่าเจียงหว่านต้องโทษตาย ยามนี้แค่เนรเทศ ถือว่าเมตตามากแล้ว แต่เขาเองก็รู้ว่า สถานที่อย่างแดนเถื่อนนั้น มิใช่สถานที่ที่สตรีตัวคนเดียวจะไปได้ การเนรเทศนางไปที่นั่น เท่ากับส่งนางไปขุมนร

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 654

    “เลือดของนาง...”เจียงหว่านสีหน้าตกตะลึงตอนนั้น ตอนที่ฮุ่ยอี๋มอบยาถอนพิษใส่ในมือนาง นางเคยเอาทิ้งไว้หลายขวด เดิมทีคิดศึกษาส่วนผสมในนั้น ทว่าด้านในกลับมีส่วนผสมยาเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือเลือดมนุษย์...แรกเริ่ม นางคิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหล! กระทั่งยามนี้นางถึงได้เชื่อความจริง ส่วนประกอบของยานั้น มีเพียงเลือดมนุษย์จริงๆ! ทั้งยังเป็นเลือดของหลินซวงเอ๋อร์! เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ในที่สุดนางก็เข้าใจ!มิน่า...ตอนนั้น นางใช้ยาปริมาณมาก แต่กลับไม่อาจทำให้หลินซวงเอ๋อร์ถึงตาย! ไม่คิดว่าเลือดของนางจะขจัดพิษในร่างนางโดยมองไม่เห็น...ฮุ่ยอี๋เอ่ย “เจ้ายังมีหน้าพูดว่าไม่ได้ฆ่าคนเป็นผักเป็นปลาอีก! เจียงหว่าน เจ้าลืมแล้วหรือว่าเจ้าวางยาซวงเอ๋อร์อย่างไร? เสด็จอาให้อภัยเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ข้าไม่มีวันเกรงใจเจ้า!”คำพูดนี้สองแง่สองง่าม เห็นชัดว่ากำเย้ยหยันเยี่ยเป่ยเฉิงที่ดึงหมาป่าเจ้าเล่ห์เข้าบ้าน!เยี่ยเป่ยเฉิงตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ไร้ซึ่งแรงโต้กลับยามนี้ เขามิอาจชำระคืนได้ ซวงเอ๋อร์ของเขาไม่มีวันกลับมาอีกต่อไป!สิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้ คือทำให้เจียงหว่านชดใช้อย่างสาสมที่สุด ส่วนตัวเขา ชีวิตที่

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 653

    เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าเคร่งขรึม สายตาที่มองเจียงหว่านเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง ไม่มีความอ่อนโยนเลยสักนิดเขาอยากฆ่านางตั้งนานแล้ว ที่ปล่อยนางรอดมาจนถึงตอนนี้ ก็แค่อยากให้นางได้รับความทรมานจนตายบัดนี้เห็นนางตกยากเช่นนี้ เยี่ยเป่ยเฉิงกลับรู้สึกว่าบทลงโทษแค่นี้ยังมิพอเจียงหว่านถูกทรมานจนเหมือนตายดีกว่าอยู่มานานแล้ว นางรู้ เยี่ยเป่ยเฉิงไม่มีทางปล่อยนางไปง่ายๆ หลังจากคิดดูแล้ว หากตายด้วยน้ำมือของเยี่ยเป่ยเฉิงได้ ก็คงจะดีกว่าตอนนี้ ที่ดูดซับยาเข้าสู่ร่างกายทุกวัน ถูกฝันร้ายหลอกหลอนทุกคืนสุดท้ายก็ไม่สามารถหนีจากพิษและเสียชีวิตลงได้!อย่างไรก็ตาย มิสู้ให้เยี่ยเป่ยเฉิงจบชีวิตนางด้วยมือเขาเอง!เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางก็ยิ้มเยาะ จงใจกล่าวยั่วยุเขา “เยี่ยเป่ยเฉิง เจ้ามีฝีมือแค่นี้หรือ? แน่จริงก็ฆ่าข้าไปเลยสิ!”“ฆ่าข้าให้มันจบๆ ไปเสีย!”เยี่ยเป่ยเฉิงปรายตามองนาง พลางกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนั้น เจ้าก็ทรมานซวงเอ๋อร์เช่นนี้!”เจียงหว่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้วอย่างไร!”“ลูกในท้องนางข้าก็เป็นคนทำร้ายเอง! ร่างกายอ่อนแอแบบนั้นของนางต่อไปจะตั้งครรภ์ไม่ได้อีกแล้ว!”“ที่นางฝันร้ายทุกคืน ก็เป็นข้าที่ทำเอง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 652

    หลายสิบปีมานี้ นางทำเรื่องชั่วมานับไม่ถ้วน ทุกเรื่อง นางจิตใจสงบ ไม่เคยรู้สึกผิดเลยมีเพียงเจียงหลิง…มีเพียงการตายของเจียงหลิง ทำให้นางยากจะข่มตานอนได้…ตลอดเวลาที่ผ่านมา ในฐานะคุณหนูรอง เจียงหว่านไม่เป็นที่ชื่นชอบของพ่อแม่มาตลอด พี่ชายก็ยิ่งไม่สนใจนาง ทว่าเจียงหลิงกลับได้รับความรักมากมาย…นางอิจฉาเจียงหลิง และแทบอยากทำให้อีกฝ่ายหายไปจากโลกใบนี้แต่เจียงหลิงกลับรักเอ็นดูนางมาตั้งแต่ต้นจนจบ ปกป้องนาง มอบของที่ดีที่สุดในโลกใบนี้ให้แก่นาง…เจียงหลิงเป็นพี่สาวที่ดีต่อนางที่สุดบนโลกใบนี้…ทว่าที่นางต้องการหาใช่แค่พี่สาวอย่างเดียว นางต้องการความรักของทุกคน นางต้องการให้พ่อแม่ พี่ชายรกนางแค่คนเดียว นางอยากครอบครองของที่ดีที่สุดไว้กับตัวเอง ไม่ใช่รอให้คนอื่นมอบให้!ดังนั้น ในคืนวันหิมะตก นางผลักเจียงหลิงตกน้ำ มองนางจมตายทั้งเป็นอยู่ใต้น้ำ หลังจากนั้นนางก็ติดวันเกิดเวลาเกิดของเจียงหลิงบนตุ๊กตาคุณไสย แทงเธอทุกวัน สวดภาวนาทุกคืน นางต้องการให้เจียงหลิงไม่มีโอกาสได้ผุดได้เกิด ไม่หวนกลับมาตลอดกาล!เพราะมีเพียงแค่ทำแบบนี้ นางถึงจะไม่มีโอกาสแก้แค้นตัวเอง!แต่ทำไม…ทำไมตอนนี้นางถึงยังหาตัวเอง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 651

    ยาซึมเข้าสู่ร่างกายติดกันหลายวันทำให้เจียงหว่านค่อยๆ เป็นบ้าในห้องที่ปิดสนิท เจียงหว่านหดตัวอยู่บนพื้นเหมือนดินโคลนตัวนางเหม็นมาก ชุดกระโปรงสีรากบัวเปลี่ยนเป็นสกปรกและเก่าองครักษ์ทำให้เส้นเอ็นมือของนางขาด ตรงบาดแผลถูกทาขี้ผึ้งปิดแผลชั้นแล้วชั้นเล่าแม้ขี้ผึ้งปิดแผลจะเป็นยาสำหรับปกปิด ทว่ากลับมีผลดีต่อการหยุดเลือดบาดแผลแข็งตัวจนกลายเป็นสะเก็ดไปแล้ว เพียงแต่ไม่ได้รับการรักษาที่ดีกว่านี้ แม้จะดีขึ้นก็ยังเหลือรอยแผลเป็นอัปลักษณ์เอาไว้ธูปในห้องไม่เคยลดลงเลยทั้งวัน ประกอบกับกระกระตุ้นของต้นคลีเวีย ความคิดต่ำช้าที่อยู่ในตัวนางแทบจะถูกกระตุ้นออกมาทั้งหมดสองตานางแดงก่ำ ดูฉุนเฉียวไม่น้อย กรีดร้องโวยวายอยู่ในห้อง ประหนึ่งคนบ้าคนหนึ่งองครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าห้องไม่สนใจนางสักนิด ได้แต่ทรมานนางไม่ให้นางตายทุกวันความเคียดแค้นฉายออกมาจากในตาเจียงหว่าน เวลานี้ นางได้ปล่อยว่างความหลงใหลต่อเยี่ยเป่ยเฉิงแล้ว ไม่ว่าจะรักมากขนาดไหนก็แปรเปลี่ยนเป็นความชิงชังเข้ากระดูก“เยี่ยเป่ยเฉิง! ปล่อยข้ากลับไป! ปล่อยข้ากลับไปสิ!”“แน่จริงก็ฆ่าข้าเลยสิ!ฆ่าข้าให้มันจบๆ ! ท่านมีสิทธิ์อะไรมาขังข้าไว้เช่นนี

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 650

    “ได้ยินว่าพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเจ้าเสียไปนานแล้ว แล้วเจ้ากับพี่ชายอยู่มาได้อย่างไร?”“แล้วเหตุใดเจ้าจึงขายตัวไปเป็นบ่าวไพร่? หลายปีมานี้ เจ้าคงผ่านความลำบากมิใช่น้อย เคยถูกใครรังแกหรือไม่?”หลินซวงเอ๋อร์พลันเกิดความขมขื่นในจิตใจเดิมที หากไม่เอ่ยถึงเรื่องเหล่านี้ นางยังพออดทนได้บ้าง แต่เมื่ออวี๋หว่านหนิงถามขึ้นมา นางก็อดรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเสียมิได้นางเม้มปากพลางจ้องมองนิ้วมือตนเอง น้ำตาเริ่มเอ่อล้น พร้อมหยดแหมะลงหลังมือทีละหยดนางอยู่สบายหรือไม่?นางเคยถามตนเองอยู่เช่นกันหลายปีมานี้ นางผ่านเรื่องราวมากมาย สูญเสียบิดามารดา สูญเสียพี่ชายไป กลายเป็นเด็กกำพร้าที่ไร้ญาติขาดมิตรโดยแท้แต่หากคิดดีๆ ชีวิตนางก็เคยอยู่สุขสบายมาช่วงหนึ่งนั่นคือตอนอยู่กับเยี่ยเป่ยเฉิง นางมีความสุขจริงๆในตอนนั้น เยี่ยเป่ยเฉิงเป็นกำลังใจให้นาง ซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ หาของดีมาให้กิน สอนนางเรียนหนังสือ พาไปเดินเล่นท่องทะเลสาบ ให้ความรักต่อนางอย่างชนิดไร้ผู้เทียบเทียม...ในเวลานั้น นางมีความสุขเหลือล้น เป็นความสุขมากที่สุดในชีวิต แม้แต่ฝันก็ยังเป็นฝันหวาน...แต่ต่อมา ทุกอย่างกลับแปรเปลี่ยน ก่อนหน้านี้เคยสุ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status