บทที่ 3
ปัง ๆ ๆ
ธีรสิทธิ์สะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงทุบประตูหน้าห้อง แต่ก็รู้ทันทีว่าเป็นใคร จึงรีบลุกไปเปิด
“พี่เคาะเบา ๆ ไม่เป็นหรือไง” เขาต่อว่าทันทีที่เปิดประตู
“ฉันเคาะจนมะเหงกแดงหมดแล้ว แต่นายไม่ได้ยิน ฉันจึงต้องเปลี่ยนเป็นทุบ” ธีรทัศน์ชูมือให้น้องชายดูแล้วเดินเข้าไปในห้อง
“นี่ไม่ใช่ที่บ้านนะพี่เขื่อน เกรงใจแขกห้องอื่นบ้างสิ” ธีรสิทธิ์ปิดประตูแล้วเดินตามหลังพี่ชายไปติด ๆ
“นี่โรงแรมห้าดาวนะไอ้ขัน ไม่ใช่โรงแรมจิ้งหรีด ห้องเขาเก็บเสียงอย่างดีโว้ย”
“พี่มีอะไรกับผม ถึงมาปลุกแต่เช้าแบบนี้” เถียงไปก็ไร้ประโยชน์ ธีรสิทธิ์จึงเปลี่ยนเรื่องคุย
“แปดโมงนี่ไม่เช้าแล้วนะไอ้ขัน แล้วคนที่มีธุระคือแกไม่ใช่เหรอ” ธีรทัศน์มองน้องชาย ที่กำลังเปิดตู้เย็นหยิบน้ำเปล่าขึ้นมาดื่ม
“ผมขอยืมเงินห้าแสนสิพี่เขื่อน” ถึงแม้เขาจะมีเงินเดือนและสามารถใช้บัตรเครดิตได้ไม่จำกัดวงเงิน แต่คนที่จ่ายก็คือพี่ชายของเขาคนนี้ และเงินจำนวนมากขนาดนี้เขาไม่มีอยู่ในมือหรอก เพราะเพิ่งเอาเงินก้อนใหญ่ไปลงทุนกับหุ้น และเพิ่งซื้อนาฬิกายี่ห้อหรูไปเมื่อสองวันก่อนนี้เอง เพื่อนำมาเก็งกำไรขายออกไปอีกที ตอนนี้จึงทำได้แค่ขอยืมจากพี่ชายไปก่อน
“จะเอาไปขอเมียเหรอ”
“จะเอาไปช่วยเพื่อนก่อน เพื่อนผมเป็นหนี้เพราะรักษาพ่อที่ป่วยอยู่หลายปี แล้วยังต้องส่งน้องเรียนอีก พอดีมันจะได้ไปทำงานที่เมืองนอกเร็ว ๆ นี้ ผมก็เลยอยากช่วยใช้หนี้ให้มันก่อน มันจะได้ไม่ต้องเสียดอกให้พวกเจ้าหนี้หน้าเลือด”
“ช่วยฟรี ๆ งั้นเหรอ” เขาไม่ใช่คนใจแคบ แต่เงินทุกบาททุกสตางค์เขาหามาด้วยความยากลำบาก ถึงแม้อยากช่วยเพื่อนคนนั้นของน้องชายที่เป็นหนี้ เพราะเห็นแก่ความกตัญญู และความรับผิดชอบที่มีต่อน้องสาว แต่ก็คงไม่ช่วยฟรี ๆ
“คนอย่างไอ้จิระน่ะเหรอจะเอาเงินจากผมฟรี ๆ ไม่มีทางหรอกพี่เขื่อน รู้ไหมกว่าผมจะบังคับให้มันยืมเงินได้นี่ผมทั้งขู่ทั้งปลอบเลยนะ” ชายหนุ่มเล่าให้พี่ชายฟังอย่างไม่ปิดบัง เพราะรู้ดีว่าภายใต้ท่าทางที่เผด็จการและปากที่จัดจ้านนั้น เขาคือผู้ชายที่มีเหตุผลและชอบช่วยเหลือคนอื่นเสมอ “ผมบอกมันว่ากลับจากเมืองนอกแล้วค่อยมาผ่อนใช้”
“โอเค ฉันเชื่อแก”
“ยังมีอีกเรื่องหนึ่งนะพี่เขื่อน ผมอยากได้ผู้ช่วยสักคน”
“ก็บอกฝ่ายบุคคลให้เขาจัดการให้สิ”
“ผมหาได้แล้ว กลับไปคราวนี้เธอจะไปกับเราด้วย”
ธีรทัศน์มองน้องชายอย่างเคลือบแคลงใจ “เธอเป็นคนพิเศษของนายด้วยหรือเปล่า”
“ครับ” เขารักและเอ็นดูเธอเหมือนน้องสาวแท้ ๆ เธอจะไม่เป็นคนพิเศษของเขาได้ยังไง
“แบบนี้ฉันก็ต้องปลูกเรือนหลังใหม่ให้นายแล้วสิ จะได้มีความเป็นส่วนตัว”
“ทำไมต้องปลูกครับ ผมก็อยู่เรือนพญาของพี่เขื่อนนั่นแหละ ผมแค่จะขออนุญาตให้น้องเกลเขาพักกับเราด้วย ที่ห้องรับรองในเรือนนั้น”
“คงไม่ได้หรอก ห้องนั้นพี่เก็บไว้รับรองแขกที่สนิทกันจริง ๆ เท่านั้น แล้วทำไมนายไม่พักอยู่ห้องเดียวกันเลยล่ะ หรือว่าเกรงใจฉัน ไม่ต้องมาทำเป็นเกรงใจฉันหรอก โต ๆ กันแล้ว”
ธีรสิทธิ์เพิ่งถึงบางอ้อกับความคิดของพี่ชาย เขารีบโบกมือ ส่ายหน้ายิก
“พี่คิดไปถึงไหนเนี่ย ผมกับน้องเกลสนิทกันแบบพี่ชายน้องสาวเท่านั้น ไม่เคยนึกพิศวาสเธอแบบชู้สาวสักนิด เธอเป็นน้องของเพื่อนผม ผมก็เห็นเธอมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กหญิงเลยมั้ง ผมคิดกับเธออย่างอื่นไม่ลงหรอกพี่”
“นายไม่คิดแต่เธออาจจะคิดก็ได้” น้องชายของเขาออกจะหล่อตี๋ ตามสเป็กของสาว ๆ ยุคนี้ ผู้หญิงคนไหนที่มองข้าม ถ้าไม่ตาบอดก็คงเป็นพวกทอมดี้แน่นอน
“ไม่มีทาง เป็นไปไม่ได้แน่นอน ต่อให้นอนกอดกันบนเตียงนอนมันก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นแน่ ๆ เราต่างรักกันแบบพี่ชายน้องสาวจริง ๆ พี่”
“เธอมีแฟนแล้วเหรอ”
“ไม่มีหรอกครับ น้องเกลเขาเป็นเด็กดีตั้งใจเรียน เวลาว่างจากการเรียน ก็ทำพาร์ตไทม์ช่วยพี่ชายงก ๆ จะเอาเวลาที่ไหนไปมีแฟน”
“น้องสาวของเพื่อนนายหรอกเหรอ” เธอต้องเป็นผู้หญิงที่หน้าตาธรรมดา หรืออาจจะขี้เหร่แน่ ๆ ธีรทัศน์คิดในใจ “ถ้าเธอจะไปทำงานกับเรา เธอพักที่เรือนพญาไม่ได้หรอกขัน พี่ให้พักได้แค่ชั่วคราวเท่านั้น พอเริ่มทำงานเธอก็ต้องย้ายไปพักที่บ้านพักคนงาน เธอจะไม่มีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่นหรอกนะ”
ธีรสิทธิ์มองหน้าพี่ชายเล็กน้อยก่อนพยักหน้ายอมรับ พี่ชายของเขาไม่ชอบให้ใครเข้ามาวุ่นวายกับพื้นที่ส่วนตัว ข้อนี้เขารู้ดี ขนาดแม่เลี้ยงกับหลานสาวของเธอ มาขออาศัยอยู่ด้วยที่ฟาร์มหลังจากที่บิดาจากไปแล้ว เขายังปลูกเรือนแยกให้อยู่ต่างหาก
“ถึงแม้ฉันจะยอมรับเธอเข้าทำงาน แต่เธอก็ต้องยื่นหลักฐานการสมัครงาน เหมือนพนักงานคนอื่น ๆ จะมาใช้เส้นสายกับฉันไม่ได้นะ”
“ผมรู้ครับพี่ แค่นี้ผมก็ขอบคุณมากแล้ว”
“ในฐานะที่เธอเป็นคนสนิทของนาย ฉันจะเป็นคนสัมภาษณ์และประเมินเงินเดือนให้เอง” ธีรทัศน์มองหน้าน้องชาย “ทำไม ไม่พอใจฉันเหรอ”
“ผมยังไม่ได้ว่าอะไรเลยนะ” เฮ้อ! น้องเกลของพี่ขัน ธีรสิทธิ์ได้แต่รำพันอยู่ในอก ด้วยความเห็นใจหญิงสาว
“ฉันไปนะ อย่าลืมส่งเลขที่บัญชีมาล่ะ”
“ขอบคุณครับพี่เขื่อน” ธีรสิทธิ์บอกกับพี่ชายที่กำลังจะออกไปจากห้อง...
สุนทรเลิกคิ้วขึ้นสูง เมื่อลูกหนี้ที่แสนดีของเขาพูดจบประโยค โน้มตัวไปหาชายหนุ่มที่นั่งตรงข้ามกันพร้อมรอยยิ้ม
“คนกันเองแท้ ๆ ไม่เห็นต้องรีบจ่ายเลยพี่จิระ”
“ผมต้องไปทำงานที่สิงคโปร์ ถ้าไม่ได้จ่ายตอนนี้ก็คงเป็นปีถึงจะได้มาจ่ายเสี่ย” จิระให้เหตุผลกับเจ้าหนี้หน้าเลือด ที่แสร้างทำเป็นใจดี
“เป็นปีผมก็รอพี่ได้ พี่คือลูกหนี้คนพิเศษของผมเสมอ”
“ไม่เป็นไรครับเสี่ย ผมอยากไปแบบสบายใจ เอาเอกสารคืนมาให้ผมเถอะ” ไม่ได้ดูสารรูปเลย แก่กว่าตนตั้งหลายปียังมีหน้ามาเรียกพี่อยู่ได้
“ถ้าพี่ไปแล้วน้องเกลจะอยู่ยังไง ผมยินดีรับฝากนะครับ”
“น้องสาวผมผมดูแลเองได้ เสี่ยเอาเวลาที่ว่างไปดูแลครอบครัวของเสี่ยเถอะ”
ได้ยินน้ำเสียงแข็งกระด้าง และสีหน้าไม่สบอารมณ์ของลูกหนี้หนุ่ม สุนทรจึงแสยะยิ้มใบหน้าระรื่น มองอีกฝ่ายด้วยสายตาเหยียดหยาม
“ผมก็แค่อยากมีคนในครอบครัวเพิ่มอีกสักคน ผมยกหนี้ให้พี่จิระหมดเลยนะ ถ้าพี่ตกลง”
จิระกำหมัดแน่น ระงับอารมณ์จนตัวสั่น สบตากับสีหน้ายียวนนั้น
“ผมจะมาเคลียร์หนี้กับเสี่ยนะ เรามาคุยเรื่องนี้กันดีกว่า”
“อยู่กับผมน้องเกลจะมีแต่ความสะดวกสบายนะพี่จิระ คิดดูให้ดี”
“เสี่ยจะคุยเรื่องเดิมอยู่ใช่ไหม”
“ก็อย่างที่ผมบอกนั่นแหละ ระหว่างเงินกับน้องสาวพี่ ผมอยากได้น้องสาวพี่มากกว่า”
ผลัวะ!
เสี่ยจิระหงายหลังไปพร้อมเก้าอี้ที่นั่งอยู่ เมื่อเจอบาทาพิฆาตเข้าไป แล้วตามไปคร่อมพร้อมกระชากคอเสื้อ
“อย่าพูดจาดูถูกน้องสาวกูแบบนี้ ถึงกูจะจนกูก็มีศักดิ์ศรีนะ กูยืมเงินมึงใช้กูก็จ่ายดอกเบี้ยให้ทุกเดือน ไม่ได้เอามาใช้ฟรี ๆ” ชายหนุ่มผละออกจากร่างของสุนทร มองปากที่เปื้อนเลือดของมัน พยายามระงับอารมณ์โกรธที่โพยพุ่งให้เงียบสงบ “แต่ถ้าพรุ่งนี้เสี่ยยังลีลา ผมจะเอาตำรวจกับนักข่าวมาด้วย ถ้าอยากดังก็เชิญ” เขาทิ้งคำพูดประโยคสุดท้ายก่อนเดินจากไป
สุนทรรีบลุกขึ้น ใช้หลังมือเช็ดเลือดที่ปาก “กูจะเอาคืนจากมึงเป็นสิบเท่าเลยไอ้จิระ” สบถตามหลังเมื่อมั่นใจว่าชายหนุ่มไม่ได้ยิน “มองอะไรวะ! ไม่เคยเห็นคนทะเลาะกันหรือไง” ระบายอารมณ์กับผู้คนรอบข้าง แล้วเดินกร่างแบบเจ็บ ๆ จากตรงนั้นไปอย่างเร็ว...
บทที่ 9ลลิตาคุยกับคุณตำรวจสายตรวจทั้งสองนาย เสร็จแล้วจึงพารุ่นน้องไปรักษาที่โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดได้รับการรักษาเรียบร้อยแล้ว พวกเขาจึงเดินทางจากโรงพยาบาลไปสถานีตำรวจ…“ถ้านายไปเมืองนอกแล้วน้องสาวนายล่ะ”“เกลเขาเรียนจบแล้วครับพี่กิ๊ง ตอนนี้เขาไปทำงานอยู่ที่ฟาร์มไอ้ขันครับ แล้วพี่กิ๊งล่ะครับ ตอนนี้ทำอะไรอยู่”“พี่ก็ช่วยงานที่ฟาร์มนั่นแหละ ไม่ได้ไปไหนไกล”“แล้วพี่ได้เจอไอ้ขันมันบ้างหรือเปล่าครับ” จิระรู้ว่าหญิงสาวเป็นเครือญาติกับเพื่อนสนิทของตน จึงถามออกไป“ไม่ค่อยได้เจอกันเลย” ถึงจะอยู่ที่เดียวกัน แต่มันคงเป็นเรื่องยาก ที่พี่น้องทั้งสองจะแวะเวียนมายังสถานที่ที่เธออยู่ ซึ่งเธอก็รู้ดีว่าเพราะอะไร“โชคดีจังที่รู้ว่าพี่กิ๊งอยู่ที่นั่นด้วย ผมจะบอกให้เกลแวะไปทักทายพี่บ้าง ผมก็ถือโอกาสฝากฝังให้พี่ช่วยดูแลเกลซะเลย”“ได้สิ แต่พี่ไม่รู้ว่ายังจะจำน้องสาวนายได้อยู่หรือเปล่
บทที่ 8ในห้องทำงานส่วนตัวของธีรทัศน์“นั่งสิ” เขาบอกกับหญิงสาวก่อนนั่งประจำที่ เปิดดูเอกสารการสมัครงานของเธอ ไม่ลืมมองดูวันเดือนปีเกิดในสำเนาบัตรประชาชนของเธอ ซึ่งมันก็ตรงกับของเขาจริง ๆ “จบอะไรมา”“การตลาดค่ะ”“ทำไมถึงเลือกเรียนการตลาดล่ะ”“เพราะตั้งใจจะสมัครเข้าทำงานกับที่เก่าเมื่อเรียนจบค่ะ คือหนูทำงานพาร์ตไทม์ตั้งแต่เรียนค่ะ” เธออธิบายให้เขาเข้าใจมากขึ้น“แล้วทำไมถึงเลือกมาทำที่นี่ล่ะ”“พี่ชายต้องไปทำงานที่สิงคโปร์ค่ะ ก็เลยให้มาทำงานกับพี่ขันก่อนจนกว่าเขาจะกลับมา”“แค่นั้นเองเหรอ”คำถามของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวต้องมองหน้าเขาอย่างสงสัย แต่ก็พยักหน้าตอบรับ“ค่ะ”“ไม่จริงมั้ง”“อะไรเหรอคะ” ทำไมเขาต้องยิ้มและมองเธอแบบนั้นด้วย“เปล่า ฉันจะให้หนูทดลองงานก่อนสี่เดือน สี่
บทที่ 7เช้าตรู่วันใหม่ตุลฎาหยิบโทรศัพท์มือถือมากดปิดเสียงนาฬิกาปลุก รีบลุกจากที่นอนไปล้างหน้าล้างตา แล้วเดินออกจากห้องเพื่อไปทำความสะอาดเรือนพญาหลังนี้.. เมื่อวานตอนที่พี่ขันพาชมบ้าน เธอจำได้ว่าหลังห้องครัวมีห้องเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดอยู่“อกอีแป้นแตก!” ละม่อมอุทานด้วยความตกใจสุดขีด เมื่อจะเอ๋กับสาวสวยที่หน้าห้องครัวพอดิบพอดี“ป้าเป็นอะไรไหมคะ” ตุลฎารีบเข้าไปประคองสตรีสูงวัย ที่ทำท่าเหมือนจะเป็นลม“ไม่เป็นไร ๆ”“หนูขอโทษค่ะป้า” เธอยกมือไหว้แล้วชี้ไปที่ด้านหลังของครัว “หนูแค่จะเดินไปหยิบไม้กวาดกับที่ตักขยะที่ห้องเก็บของ หนูไม่รู้ว่ามีคนอยู่”ละม่อมยกมือรับไหว้จากเด็กสาว “แล้วหนูเป็นใครจ๊ะ มาอยู่ที่เรือนนี้ได้ยังไง”“หนูชื่อเกลค่ะ เป็นน้องสาวของเพื่อนพี่ขัน มาถึงที่นี่ตั้งแต่เมื่อวานแล้วค่ะ หนูจะมาทำงานที่นี่ชั่วคราว ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะป้า”“อ๋อ ป้าชื่อละม่อมนะ เรียกป้าม่อมก็ได้”“ค่ะป้าม่อม ป้าทำงานอยู่ที่นี่เหรอคะ ทำไมเมื่อวานหนูไม่เห็นป้าล่ะ” หญิงสาวถามด้วยความสงสัย“ป้าไม่ได้พักอยู่ที่นี่หรอก มีหน้าที่แค่มาทำอาหารเช้า และปัดกวาดเช็ดถูเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนทำความสะอาดใหญ่จะมีคนอื
บทที่ 6ตุลฎารับฟังการแนะนำจากธีรสิทธิ์อย่างตั้งใจ จนกระทั่งเขาพูดจบ“ยังขาดอีกห้องนะคะ”ชายหนุ่มนึกทบทวน ส่ายหน้าไปมาช้า ๆ “ไม่นะ พี่ว่าครบแล้วนะ”“ไม่ครบ คิดดี ๆ สิคะ” เธอยังยืนยันคำเดิม“นี่บ้านพี่นะ เราจะมารู้ดีกว่าพี่ได้ยังไง” ธีรสิทธิ์แสร้งต่อว่าน้องสาวของเพื่อนสนิท “ถ้าแน่จริงก็บอกมาสิว่าห้องอะไร” เขาท้าทาย“ห้องน้ำค่ะ โอ๊ย!” หญิงสาวยกมือลูบหน้าผากป้อย ๆ“โห! ร้องซะเว่อร์ พี่ดีดเบา ๆ เองนะ”“เกลทำผิดอะไรคะ พี่ขันถึงตีเกลแบบนี้”“ไม่ต้องมาทำเป็นตีหน้าเศร้าเลยนะ พี่ไม่สงสารหรอก เรือนหลังนี้มีห้องน้ำห้าห้องจ้ะ ห้องน้ำในห้องนอนทั้งสามห้อง และข้างน้ำแขกอีกสองห้อง พอใจหรือยัง”ตุลฎาฉีกยิ้มอวดฟันขาวดังไข่มุก ส่ายหน้าไปมาเร็ว ๆธีรสิทธิ์ยิ้มให้หญิงสาวด้วยความรู้สึกรักและเอ็นดู ยื่นมือไปให้เธอ“เข้าบ้านกันดีกว่า”“ค่ะ” หญิงสาวยื่นมือไปจับมือกับชายหนุ่ม แล้วเดินตามเขาไปติด ๆ ก้าวขึ้นบันไดไม้สามขั้นที่ฝังอยู่กับเนินหญ้าเขียวขจีตอนแรกที่เห็นแค่ภายนอกก็ว่าอลังการงานสร้างมากแล้ว พอเข้ามาภายในเธอถึงกับตะลึงกับการตกแต่งภายในที่ดูหรูหรา สมกับฐานะเจ้าของฟาร์มนกกระจอกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย“ชา
บทที่ 5ไม่กี่ชั่วโมงต่อมาจิระกดปุ่มปิดท้ายรถยนต์คันหรูของเพื่อนสนิท เมื่อเอากระเป๋าสัมภาระของน้องสาวใส่เข้าไปแล้ว“ขัน ฉันฝากดูแลเกลแทนฉันด้วยนะ”“ฉันจะดูแลน้องเกลอย่างดี ไม่ต้องห่วงหรอกน่า” ธีรสิทธิ์ยื่นมือไปขยี้ศีรษะของหญิงสาวด้วยความเอ็นดู“อยู่กับพี่เขาทำตัวให้ดี ๆ ล่ะ กลับจากสิงคโปร์แล้วพี่จะไปรับ” จิระบอกกับน้องสาว“จ้ะ” หญิงสาวรับคำน้ำตาคลอเบ้า“พอกันทั้งพี่ทั้งน้อง” ธีรสิทธิ์ส่ายหน้า เมื่อเห็นเพื่อนสนิทเริ่มมีอาการแบบเดียวกับน้องสาวประโยคที่บุคคลทั้งสามคุยกันที่ท้ายรถ ธีรทัศน์ได้ยินเต็มสองรูหู แต่เขาก็เพียงแค่รับฟังและนั่งรออย่างสงบอยู่ที่เดิม ไม่นานพวกเขาก็มาขึ้นรถ ยกเว้นจิระ“ผมฝากน้องสาวผมด้วยนะครับพี่เขื่อน ถ้าเธอทำอะไรไม่ถูกใจพี่ หรือทำให้พี่โมโห พี่โทรมาด่าผมได้เลยนะครับ ผมยอมให้พี่ด่าได้เต็มที่ แต่พี่อย่าด่าเกลเลยนะครับ เพราะเธอเป็นคนอ่อนไหวเกินไป เธอคงรับเหตุการณ์แบบนั้นไม่ไหว” จิระฝากฝังน้องสาวกับพี่ชายของเพื่อนอีกคน“ฉันไม่ด่าคนเพื่อใช้ระบายอารมณ์หรอกนะไอ้น้องชาย ฉันมีวิธีระบายอารมณ์ที่ดีกว่านั้นเยอะ” นั่นก็คือการพาขึ้นเตียง เขาคิดต่อในใจ“ไม่ต้องห่วงน่า พี่ชายฉัน
บทที่ 4ธีรทัศน์หันไปมองน้องชายที่ทำหน้าที่เป็นคนขับรถ เมื่อเขาเลี้ยวรถเข้าไปจอดที่ลานหน้าวัดแห่งหนึ่ง แทนที่จะเป็นหน้าบ้านของเพื่อน“เพื่อนแกบวชเป็นพระ น้องเขาเป็นชีหรือไงไอ้ขัน” เขาแกล้งแซว“เพื่อนผมอยู่หลังวัด เข้าทางนี้ง่ายกว่า ไม่งั้นก็ต้องขับเข้าซอยหลังวัด แล้วเดินเท้าเข้าซอยเล็ก ๆ ไปอีกหน่อย มันก็เลยนัดให้เจอกันที่นี่ เดี๋ยวมันจะขี่มอเตอร์ไซค์พาน้องสาวมาหาเราเอง” ธีรสิทธิ์อธิบาย“เพื่อนแกนี่มันจงใจยัดเยียดน้องสาวให้แกหรือเปล่าวะไอ้ขัน” แปดในสิบเขามั่นใจว่าคิดถูก“ปากพี่นี่ร้ายยิ่งกว่าปากผู้หญิงอีกรู้ตัวหรือเปล่า ผมบอกแล้วไงว่าระหว่างผมกับน้องเกล เป็นได้แค่พี่กับน้องเท่านั้น”“ฉันรู้ว่านายเป็นคนดี ไม่กินไก่วัด” ชายหนุ่มประชดใส่หน้าน้องชายที่เป็นคนเจ้าชู้เงียบ ไม่เหมือนเขาที่ชอบเปิดเผย ถ้าสนใจก็แสดงออกไปเลย“พี่ก็ไม่กินไก่วัดเหมือนกันแหละ”สองพี่น้องหนุ่มหล่อคนละขั้ว ต่างรู้ความหมายของประโยคเปรียบเปรยนี้ดี“ฉันไม่ชอบเลี้ยงไก่ สู้ไปซื้อกินดีกว่า อยากกินพาสต้าหรือว่าสลัดก็เลือกได้”ธีรสิทธิ์ค้อนใส่พี่ชายเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เขารออยู่ประมาณสิบนาทียังไม่เห็นเพื่อนสนิทพาน้องส