เข้าสู่ระบบบทที่ 4
ธีรทัศน์หันไปมองน้องชายที่ทำหน้าที่เป็นคนขับรถ เมื่อเขาเลี้ยวรถเข้าไปจอดที่ลานหน้าวัดแห่งหนึ่ง แทนที่จะเป็นหน้าบ้านของเพื่อน
“เพื่อนแกบวชเป็นพระ น้องเขาเป็นชีหรือไงไอ้ขัน” เขาแกล้งแซว
“เพื่อนผมอยู่หลังวัด เข้าทางนี้ง่ายกว่า ไม่งั้นก็ต้องขับเข้าซอยหลังวัด แล้วเดินเท้าเข้าซอยเล็ก ๆ ไปอีกหน่อย มันก็เลยนัดให้เจอกันที่นี่ เดี๋ยวมันจะขี่มอเตอร์ไซค์พาน้องสาวมาหาเราเอง” ธีรสิทธิ์อธิบาย
“เพื่อนแกนี่มันจงใจยัดเยียดน้องสาวให้แกหรือเปล่าวะไอ้ขัน” แปดในสิบเขามั่นใจว่าคิดถูก
“ปากพี่นี่ร้ายยิ่งกว่าปากผู้หญิงอีกรู้ตัวหรือเปล่า ผมบอกแล้วไงว่าระหว่างผมกับน้องเกล เป็นได้แค่พี่กับน้องเท่านั้น”
“ฉันรู้ว่านายเป็นคนดี ไม่กินไก่วัด” ชายหนุ่มประชดใส่หน้าน้องชายที่เป็นคนเจ้าชู้เงียบ ไม่เหมือนเขาที่ชอบเปิดเผย ถ้าสนใจก็แสดงออกไปเลย
“พี่ก็ไม่กินไก่วัดเหมือนกันแหละ”
สองพี่น้องหนุ่มหล่อคนละขั้ว ต่างรู้ความหมายของประโยคเปรียบเปรยนี้ดี
“ฉันไม่ชอบเลี้ยงไก่ สู้ไปซื้อกินดีกว่า อยากกินพาสต้าหรือว่าสลัดก็เลือกได้”
ธีรสิทธิ์ค้อนใส่พี่ชายเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เขารออยู่ประมาณสิบนาทียังไม่เห็นเพื่อนสนิทพาน้องสาวออกมาสักที จึงโทรศัพท์ไปหาเพื่อนรักอีกครั้ง
“ทำไมไม่รับสายนะ”
“เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า ไปหาเขาที่บ้านสิ” ได้ยินน้องชายบ่นลอย ๆ ออกมาจึงแนะนำ
“มันเพิ่งย้ายมาอยู่ได้ไม่นาน ผมเพิ่งมาครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง ไม่เคยขับรถเข้าไปเหมือนกัน” ธีรสิทธิ์ให้เหตุผลกับพี่ชายและหันไปมองนอกรถ “โอ๊ะ! น้องเกลมาแล้ว” เขารีบเปิดประตูรถ โบกมือให้หญิงสาวที่ยกมือไหว้มาแต่ไกล
ธีรทัศน์ถึงกับต้องถอดแว่นกันแดดออกจากใบหน้า เมื่อเห็นหญิงสาวที่เดินยิ้มเข้ามาน้องชาย..
แม่เจ้า! ที่เขาคาดเดาไว้แต่แรกนั้น ผิดกับความเป็นจริงจากหน้ามือเป็นหลังเท้าเลยก็ว่าได้ เธอไม่ได้หน้าตาบ้าน ๆ ไม่ได้หน้าตาขี้เหร่ ไม่ได้สวยพอใช้ แต่เธอเป็นหญิงสาวที่ทั้งสวยและน่ารักมาก ๆ สวยแบบไม่ต้องปรุงแต่ง สวยแบบน่าทะนุถนอม อนงค์องค์เอวสมส่วนรับกันไปหมด
ความสวยของเธอทำให้เขานึกถึงกาพย์เห่ตอนหนึ่งของเจ้าฟ้าธรรมมาธิเบศร์
ลิ่วลิ่วจันทร์แจ่มฟ้า เหมือนพักตราหน้านวลผจง
สูงสวยรวยรูปทรง ส่งสีเจ้าเท่าสีจันทร์
เอวอ่อนฉะอ้อนองค์ โฉมอนงค์ทรงสาวสวรรค์
หาไหนไม่เทียมทัน ขวัญเนตรพี่นี้น่ารัก
‘ต่อให้เทวีที่อยู่บนฟ้า ต่อให้สีดาก็ยังเป็นสอง ต่อให้ไซซีที่โลกยกย่อง หากเจอะกันสองต่อสอง ฉันว่าพระอินทร์ยังต้องมองเธอ’
ตามด้วยเนื้อเพลงท่อนหนึ่ง ของนักร้องลูกทุ่งชื่อดัง ที่ลาโลกไปนานแล้ว
การได้เห็นเธอแบบนี้ ทำให้เลือดในกายของเขาเดือดพล่าน ถ้าเธอยอมเป็นของเขาสักสี่ห้าครั้งบนเตียงนอน รับรองได้เลยว่าต้องเปล่งปลั่งมากกว่านี้อีกหลายเท่า
ความคิดของเขาต้องหยุดชะงัก เมื่อน้องชายพาเธอเดินเข้ามาใกล้ ๆ เขารีบสวมแว่นตากลับเข้าที่เดิม แล้วกดกระจกรถให้เลื่อนลงเมื่อถูกเคาะ
“น้องเกล นี่พี่เขื่อนนะ พี่ชายของพี่เอง” ธีรสิทธิ์แนะนำพี่ชายให้หญิงสาวรู้จักก่อนในฐานะที่เขาอาวุโสกว่า
“สวัสดีค่ะพี่เขื่อน หนูชื่อเกลนะคะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” ตุลฎายกมือไหว้อย่างนอบน้อม แล้วแนะนำตัวเองกับสุภาพบุรุษหน้าตาคมเข้ม เต็มไปด้วยไรหนวดเคราเขียวครึ้ม
ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นพี่ชายของพี่ขัน หน้าตา สีผิว รูปร่าง ไม่มีอะไรเหมือนกันสักอย่าง เขาดูเท่มากเมื่อใส่แว่นไว้แบบนี้ รูปร่างที่มองเห็นจากสายตาตอนนี้ก็ดูแข็งแรง บึกบึน ส่วนพี่ขันจะหล่อตี๋ตรงตามสเป็กสาว ๆ ผิวขาวใส รูปร่างโปร่งบางอย่างกับดาราวัยรุ่น
ถ้าให้เปรียบพี่น้องคู่นี้ คนพี่รูปร่างหน้าตาจะไปทางโซนฝรั่ง ส่วนคนน้องจะออกแนวเกาหลี จีน
“ยินดีที่ได้รู้จักเหมือนกัน แล้วหนูจะไปตัวเปล่าแบบนี้น่ะเหรอ” ธีรทัศน์ทักทายกลับและถามด้วยความสงสัย เมื่อไม่เห็นเธอถือกระเป๋าออกมาแม้แต่ใบเดียว
“ไม่ใช่ค่ะ หนูแค่จะออกมาบอกว่า รอให้พี่ชายหนูกลับมาก่อน แล้วค่อยเดินทางได้ไหมคะ พี่จิระเขากำลังเดินทางกลับมาค่ะ ขอหนูรอพบพี่ก่อนนะคะ” ตุลฎาไม่ได้พูดกับธีรสิทธิ์ที่เป็นคนพูดง่าย แต่เธอเลือกที่จะพูดกับพี่ชายของเขาที่ดูทรงอำนาจ
“หมายถึงพี่ชายของหนูบอกให้หนูออกเดินทางได้เลย แต่เป็นหนูเองที่ไม่ไป เพราะอยากรอเจอพี่ชายก่อนใช่ไหม” ธีรทัศน์สรุปจากคำพูดของหญิงสาว ที่ยิ่งเห็นระยะใกล้แบบนี้ก็ยิ่งน่ารักเข้าไปใหญ่ เขาชักสงสัยแล้วสิ ว่าน้องชายตัวเองเป็นเกย์หรือเปล่า ถึงได้มองข้ามหญิงสาวคนนี้ไปได้
“ค่ะ” ตุลฎายอมรับ “ถ้าพี่เขื่อนกับพี่ขันไม่รังเกียจห้องเช่าแคบ ๆ เชิญแวะไปดื่มน้ำที่ห้องก่อนนะคะ”
“พี่เขื่อนผมหิวข้าวแล้วพี่ เราไปหาอะไรกินกันก่อนดีไหม จะได้ไม่ต้องแวะกลางทาง” ธีรสิทธิ์กลัวพี่ชายปากร้ายของตนจะพูดอะไรให้ระคายหู จึงรีบหาข้ออ้างเพื่อช่วยให้หญิงสาวได้สมหวัง
“อือ แถวนี้มีของอร่อย ๆ ให้กินบ้างหรือเปล่าหนูเกล” ธีรทัศน์ถามหญิงสาวในฐานะเจ้าถิ่น
“พอมีค่ะ มีร้านอาหารริมคลองที่อยู่ข้างวัด กับร้านอาหารที่อยู่แถวปากซอยใหญ่ แต่ต้องขับรถเข้าซอยไปอีกค่ะ แล้วก็มีร้านพิซซ่า ร้านโรตี ร้านกาแฟที่ปากซอย หรือไม่ก็ต้องไปห้างเลยค่ะ พี่เขื่อนอยากทานอะไรคะ”
“ร้านไหนอร่อย”
“ร้านอาหารค่ะ เพราะมีเมนูหลากหลายกว่า”
“งั้นไปร้านอาหารที่อยู่ข้างวัดนี่ก็แล้วกัน ถ้าพี่ชายหนูกลับมาจะได้แวะหาได้เลย แต่มื้อนี้หนูต้องเป็นคนเลี้ยงฉันกับน้องชายนะ เพราะฉันต้องเสียเวลาเพราะหนู” ชายหนุ่มสรุปเอาเองโดยไม่ถามหญิงสาวสักคำ ในเมื่ออยากให้รอ เธอก็ต้องรับผิดชอบค่าอาหารมื้อนี้
“ได้สิคะ” เธอไม่อยากเสียเงินโดยใช่เหตุ แต่ครั้งนี้เธอเต็มใจจ่าย เพื่อแลกกับการรอเจอพี่ชาย
“งั้นก็ขึ้นรถสิ ยืนอยู่ทำไมให้เสียเวลา” เขาบอกกับเธอ แล้วบุ้ยหน้าให้น้องชายไปประจำที่คนขับ
“ค่ะ” ตุลฎารีบเปิดประตูหลังแล้วขึ้นรถไปกับเขา แล้วบอกทางไปร้านอาหารที่อยู่ไม่ไกล...
ธีรทัศน์วิ่งกลับไปหาภรรยา พรมจูบไปทั่วใบหน้างาม “พี่ดีใจที่สุดในโลกเลยจ้ะเมียจ๋า พี่ไม่รู้จะทำอะไรก่อนดีแล้วตอนนี้” พูดจบก็หอมแก้มเธอ แถมจูบดูดดื่มอีกหนึ่งที “ขอพี่คุยกับลูกหน่อยได้มั้ยเมียจ๋า” บอกกับภรรยาคนสวยแล้วจึงคุกเข่า จูบที่หน้าท้องแบนราบของเธอเบา ๆ แล้วจึงแนบหูลงไปพร้อมกับโอบเอวเธอไว้“สวัสดีลูกรัก นี่คือเสียงของพ่อเขื่อนของหนูนะครับ พ่ออยากจะบอกว่าพ่อดีใจมากที่สุด ที่รู้ว่าหนูจะมาเป็นลูกของพ่อกับแม่เกล พ่อกับแม่สัญญาว่าจะรักและเลี้ยงดูหนูอย่างดีที่สุด พอขอให้ลูกเกิดมาพร้อมกับสุขภาพที่แข็งแรงนะครับ” เขาจูบที่หน้าท้องของภรรยาอีกครั้งเมื่อพูดกับลูกน้อยในครรภ์จบ “ขอบคุณนะเกล ที่มอบของขวัญที่มีค่ามากที่สุดในชีวิตให้พี่อีกครั้ง” ครั้งแรกที่เขาได้จากเธอก็คือตัวเธอเอง ครั้งนี้ก็คือลูกน้อยที่เขาและเธอบรรจงสร้างกันขึ้นมา ด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความรัก“เกลก็ขอบคุณพี่เขื่อนเหมือนกันค่ะ” หญิงสาวโน้มตัวลงไปจูบที่หน้าผากของสามีเบา ๆ “ไปโรงพยาบาลกันเถอะค่ะพี่เขื่อน เกลอยากตรวจให้ชัวร์ ๆ อีกที”ใบหน
“ตั้งแต่รู้ว่าพี่ท้อง แม่สามีพี่ก็ขยันบำรุงน่าดู แถมมีการบังคับให้ได้หลานสาวด้วยนะ” หญิงสาวพูดติดตลก มองแม่สามีที่กำลังเดินขึ้นบันได“ป้าม่อมเขาอยากได้ลูกสาวเป็นทุนเดิมอยู่แล้วนี่คะพี่กิ๊ง แต่ถ้าได้หลานชายอีกป้าเขาก็ไม่เกี่ยงหรอก แค่พี่ต้องปั๊มหลานสาวให้ได้สักคนก็แล้วกัน”“ไม่มีปัญหาค่ะ พี่สู้สุดใจเพื่อแม่สามีอยู่แล้ว” ลลิตาทำท่าฮึดสู้ แล้วหันไปสวัสดีแม่สามีที่เดินมาถึงละม่อมส่งยิ้มให้ลูกสะใภ้และนายหญิงของฟาร์ม ที่ยังยกมือไหว้ทุกครั้งที่เจอกัน“กะแล้วเชียวว่าหนูเกลต้องอยู่ที่นี่ เพราะเมื่อกี้ป้าสวนกับคุณท่านแต่ไม่เห็นหนูอยู่ด้วย”“ป้าม่อมเจอพี่เขื่อนที่ไหนคะ”“เห็นขี่ม้าขึ้นเนินไป น่าจะไปที่คอกม้านะ” ละม่อมตอบแล้วชะโงกมองหลานชายที่หลับตาพริ้ม แต่ปากยังดูดนมมารดาไม่หยุด “หลานย่าหลับนานแล้วรึ”“เพิ่งจะหลับค่ะแม่ แม่เอาอะไรมาให้หนูกินคะ”“ผัดผักสี่สหาย ไข่เจียวกุ้งสับ แกงเลียงน้ำเต้า น้ำพริกผักจิ้ม” ละม่อมบอกรายการอาหารให้ล
“ผัวไม่เคยคิดแบบนั้นเลยนะจ๊ะเมียจ๋า ผัวรักเมียมาก ผัวจะทำแบบนั้นได้ยังไง เนตรดาวเขาโทรมาบ่อยก็จริง แต่ผัวก็ไม่เคยรับสายเลยนะ เพราะไม่อยากมีปัญหากับคนนี้”“ถ้าจับได้ว่าคุณเขื่อนนอกใจเมื่อไหร่ เกลจะให้พี่ขันกับพี่จิระจับคุณโยนบ่อไอ้เข้เลยคอยดู”“โหดจัง เมียใครเนี่ย”“เมียคุณเขื่อน ถึงยังไม่เป็นทางการแต่ก็หนีไม่พ้นแน่ ๆ จำเอาไว้ให้ขึ้นใจด้วยนะคะ” เธอทำท่ากระเง้ากระงอดประกาศออกไป“จ้ะ ๆ เมียจ๋า นายเขื่อนคนนี้รับทราบแล้วจ้ะ สัญญาว่าจะไม่นอกใจเมียจ๋าเด็ดขาด ถ้านายเขื่อนผิดคำพูดเมื่อไหร่..” เขาทำท่านึกอยู่ชั่วครู่ จับมือของเธอมาวางทาบลงบนของรักของหวงที่เคยเผด็จศึกสาว ๆ มาเป็นร้อยยก “นายเขื่อนยอมให้เมียจ๋าเอาส่วนนี้ให้ไอ้เข้กินเลยจ้ะ”“พูดแล้วก็จำให้ได้ด้วยนะคะ” เธอชักมือออกจากสิ่งนั้น เพราะมันทำให้เธอใจเต้นรัวทุกครั้งที่ได้สัมผัสเขาชูสามนิ้ว ทำตาปริบ ๆ ใส่เธอ “ผัวจะท่องก่อนนอนทุกคืนเลยจ้ะเมียจ๋า”ตุลฎายิ้มกว้างกับความทะเล้นของคนรัก มันดูขัดกับหน้
เรือนพญาตุลฎายื่นถ้วยชาให้คนรักที่กำลังนั่งตรวจบัญชีอยู่ที่โต๊ะทำงาน“อะไรจ๊ะเมียจ๋า”“ชาคาร์โมมายล์ค่ะ ดื่มแล้วจะได้หลับยาว ๆ” เธอเริ่มชินกับการเรียกขานของเขาขึ้นมากแล้ว และการได้เปิดใจต่อกัน ทำให้เธอรู้ว่าเขาเป็นคนจิตใจดีมาก ผิดกับปากราวฟ้ากับเหว แต่ปากร้าย ๆ ของเขานั้น ยามเมื่ออยู่กับเธอก็หวานเป็น ขี้อ้อนก็มาก เอาใจเก่งอีกต่างหาก“ใครจะไปหลับลง ในเมื่อมีเมียสวย ๆ คอยนอนขนาบข้างอยู่ทุกคืน” เขาดื่มชาอุ่น ๆ ที่เธอยกมาให้จนหมดถ้วย“แค่แฟนสาวเท่านั้นค่ะ”“แฟนอย่างเดียวไม่ได้เหรอ ทำไมต้องแฟนสาวด้วยล่ะ”“ก็เพราะคุณเขื่อนอายุมากกว่าเกลตั้งหนึ่งรอบไงคะ”“จะว่าพี่แก่งั้นสิ”“คุณพูดเองนะคะ เกลไม่ได้พูดซะหน่อย”“นี่ผัวนะ ไม่กลัวแล้วใช่ไหมหนูเกล” เห็นเธอกล้าต่อปากต่อคำไม่สะทกสะท้าน จึงแสร้งตีหน้าเครียดใส่“ไม่กลัวแล้วค่ะ ให้โหดกว่านี้อีกสิบเท่าก็ไม่กลัว”“ห้ามพูดแบบนี้ให้คนอื่นฟังนะ เด
สองเดือนผ่านไป“อะไรนะ!” แขไขถามเสียงสูงด้วยความตกใจ “แกบอกว่าท้องงั้นเหรอ!” ถามย้ำกับหลานสาวอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าฟังไม่ผิด“ค่ะคุณน้า” ลลิตาตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน “กิ๊งก็เลยมาขออนุญาตคุณน้า เพื่อย้ายไปอยู่กับพี่ไกรที่บ้านพักคนงาน”“แกจะไปอยู่แบบนั้นได้ยังไง ห้องเล็ก ๆ แคบ ๆ อย่างนั้น อีกหน่อยถ้าลูกแกเกิดมาจะอยู่กันยังไงหมด”“แต่ห้องของพี่ไกรเขาไม่เล็กนะคะ ใหญ่เท่ากับห้องอื่นสองห้องรวมกัน แล้วคุณเขื่อนก็อนุญาตให้ทุบผนังห้องของน้องเกล ให้รีโนเวตเป็นห้องเดียวกัน เพื่อให้เราได้ใช้เป็นห้องหอ”“ไม่ได้เด็ดขาด ฉันไม่ยอมให้แกไปลำบากอยู่ที่บ้านพักคนงานหรอก”“ทำไมล่ะคะน้าแข กิ๊งท้องโตขึ้นทุกวันนะคะ น้าแขพรากพ่อกับแม่เหลนแบบนี้ ไม่สงสารเหลนบ้างเหรอคะ”“แล้วที่ฉันเลี้ยงแกมา ฟูมฟักแกมา แกไม่สงสารฉันบ้างเหรอกิ๊ง” แขไขมองหลานสาวที่รักดั่งแก้วตาดวงใจด้วยสายตาตัดพ้อ“แต่ลูกกิ๊งต้องมีพ่อนะคะน้าแข”“ถ้ามันรักแกกับ
“คุณเขื่อนพูดว่าเราจะแต่งงานกันเหรอคะ” ผู้ชายคนนี้บอกว่าจะแต่งงานกับเธองั้นเหรอเห็นแววตาเป็นประกายสุกใสของเธอก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมาก “จ้ะ ทันทีที่พี่ชายของหนูเกลกลับมา ฉันจะสู่ขอหนูกับเขาอย่างเป็นทางการ และจะจัดงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในจังหวัดราชบุรี ให้สมกับความสวยของเจ้าสาวเลยดีไหม”“..คุณเขื่อนไม่ได้หลอกเกลให้ดีใจเล่นใช่ไหมคะ” เธอถามเขาให้แน่ใจหลังจากนิ่งอึ้งไปสักพัก“ฉันรักหนูเกล ไอ้เขื่อนอยากแต่งงานกับหนูเกล รอพี่ชายหนูกลับมาแล้วเราแต่งงานกันนะ” เขาพูดในสิ่งที่คิดว่าเธออยากได้ยินได้ฟังมากที่สุด “แต่งงานกับฉันได้ไหมหนูเกล” เขาถามอีกครั้งเมื่อเธอเอาแต่นั่งยิ้ม ไม่ยอมตอบสักทีตุลฎารีบพยักหน้ารับหลายทีซ้อน “แต่งค่ะ เกลอยากแต่งงานกับคุณเขื่อน เพราะเกลก็เผลอรักคุณเขื่อนไปแล้วเหมือนกันค่ะ”ชายหนุ่มโอบกอดเรือนร่างนุ่มนิ่มที่โผเข้ามาซบอกไว้แนบแน่น จูบเบา ๆ ที่ต้นคอหอมกรุ่นของเธอ ความเย้ายวนของกลิ่นกายสาว บวกกับอารมณ์ที่ค้างคาก่อนหน้า ทำให้ความต้องการของเขาตื่นตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว







