“เข้าไปสิ”
“หะ หะ!?”
คชามองใบหน้าตื่นตระหนกของหมอสาวแล้วยกยิ้มมุมปาก ผลักหมอสาวให้เดินเข้าไปในห้องแล้วก้าวตามเข้าไปติด ๆ
หึหึ! อยู่ห้องข้าง ๆ เขาสินะ ต่อจากนี้ชีวิตฉันคงจะไม่เงียบเหงาอีกต่อไปแล้ว
นิลกาฬตวัดสายตาขุ่นเคืองใส่คนเอาแต่ใจ ลูบคลำข้อมือเล็กที่เริ่มขึ้นรอยแดงเถือกปอย ๆ เหลือบตามองนาฬิกาบนข้อมือแล้วถอนหายใจเบา ๆ
นี่ก็เกือบสองทุ่มแล้ว เข้าห้องที่คอนโดก็ไม่ได้ เสื้อผ้าสำรองก็ดันแขวนอยู่ในรถที่จอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลหมดเลย
ถ้าให้นั่งแท็กซี่กลับไปนอนที่บ้านในเวลานี้ กว่าจะฝ่ารถติดก็คงถึงบ้านตอนเกือบเที่ยงคืน แล้วพรุ่งนี้ยังต้องรีบตื่นแต่เช้าเพื่อฝ่ารถติดไปโรงพยาบาลอีก
โอ๊ย นี่มันวันอะไรของฉันวะเนี้ย!
“เดลิเวอร์รี่แล้วกันนะ ร้านใต้ตึกน่าจะครัวปิดแล้ว เธออยากกินอะไร?”
“นายกินไปคนเดียวเถอะ ฉันจะกลับไปนอนที่โรงพยาบาล น่าจะพอมีเตียงเหลืออยู่”
“อย่าดื้อได้ไหม! กินข้าวก่อนเดี๋ยวไปส่ง!”
คชาก้าวเข้ามาขวางทาง คว้าข้อมือเล็กไว้แน่น เอ็ดคนดื้อเสียงเข้มพร้อมกับส่งสายตาดุดันไปให้
"ฉันไม่ปล้ำเธอหรอกน่า เธอไม่ได้มีอะไรที่มัน..... ขนาดนั้น"
"ปากเสีย!"
"ท้องร้องดังขนาดนี้ จะทรมานตัวเองไปถึงไหน? กินเสร็จแล้วเดี๋ยวไปส่ง!"
นิลกาฬตวัดสายตามองคชาตาเขียวปั๊ด แล้วสะบัดมือออกจากการเกาะกุม เดินไปนั่งรอที่โซฟาอย่างจนใจ
"งั้นก็รีบ ๆ สั่งสิ ฉันอยากพักผ่อนแล้ว"
ใบหน้าหวานหงิกงอที่ถูกขัดใจ ยกสองมือขึ้นกอดอกแล้วเบือนหน้าหนีสายตาเย้ยหยันอย่างผู้ชนะของชายหนุ่มที่ทรุดตัวลงนั่งโซฟาอีกตัวข้าง ๆ กัน
นั่งรอประมาณ 40 นาทีอาหารมื้อเย็นก็มาถึง คชาเลือกสั่งอาหารจานเดียวที่ทานง่ายมาสามสี่อย่างเผื่อ ๆ ไว้ เพราะไม่แน่ใจว่าหมอสาวจะทานอะไรได้บ้าง
ดวงตาคมกริบเหลือบมองหญิงสาวแล้วยกยิ้มด้วยความขบขัน ปากบอกว่าไม่ แต่แววตากลับเปล่งประกายทันทีที่เห็นอาหารถูกนำมาเสิร์ฟตรงหน้า
“อ๊ะ! ฉันขออันนี้นะ”
มือเล็กรีบดึงกล่องผัดไทกุ้งสดมาไว้ตรงหน้า คลี่ยิ้มดีใจหลังบ่นอยากกินมาหลายวันแล้วแต่ไม่มีเวลาไปร้านประจำเสียที
แววตาคมกริบอ่อนลงขณะทอดมองคนตรงหน้า พอได้อาหารเธอก็ไม่พูดไม่จาใด ๆ ก้มหน้าก้มตาจัดการกับอาหารของตัวเองอย่างเอร็ดอร่อย สีหน้านั้นดูมีความสุขมากเสียจนคชาอดที่จะเอ่ยแซวไม่ได้
“ไหนใครบอกนะว่าไม่หิว?”
“ใคร!? ใครมันพูด!?”
นิลกาฬถามเสียงสูง ทำหน้าตาใสซื่อใส่ รีบตักผัดไทเข้าปาก อยากจบมื้ออาหารมื้อนี้แล้วออกจากห้องนี้ไปไวไว
แต่ด้วยความที่รีบจนเกินพอดี ทำให้ร่างกายทำงานไม่สัมพันธ์กัน เส้นผัดไทลื่นลงคอคำโต ทำเอาเธอสำลักจนหน้าดำหน้าแดง
"สมน้ำหน้า!"
คชาเอ่ยซ้ำเติมอย่างยั้งปากไม่ทัน ส่ายหัวด้วยสีหน้ายิ้ม ๆ ก่อนจะรินน้ำเย็นใส่แก้วน้ำแล้วผลักไปให้หญิงสาว
นิลกาฬเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจขณะมองแก้วน้ำสลับกับใบหน้าคมคาย ก่อนจะยื่นมือออกไปรับมันในที่สุด
มือเล็กทุบอกระรัวพลางยกน้ำขึ้นค่อย ๆ จิบอย่างระมัดระวัง กระแอมไอแก้เก้อแล้วเอ่ยขอบคุณแผ่วเบา
“แค่ก ๆ ขะ..ขอบคุณ”
“ไม่มีใครแย่งเธอกินหรอกน่า จะรีบไปตามควายที่ไหน?”
คชาถามด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ สบสายตาดุดันของหญิงสาวที่แยกเขี้ยวใส่แล้วหัวเราะดังขึ้นไปอีก
“ไม่ตามหรอกเพราะควายก็อยู่แถวนี้แหละ!”
นิลกาฬกระแทกเสียงใส่อย่างอดไม่ไหว ลอบเบ้ปากหมั่นไส้คนปากเสียที่เอาแต่จิกกัดเธอตลอดเวลา
คชาหัวเราะในลำคอเบา ๆ มองแก้มป่องที่กำลังเคี้ยวตุ่ย ๆ แล้ววางช้อนส้อมในมือลง สายตาคมกริบจับจ้องรอยซอสที่เลอะอยู่เหนือริมฝีปากอวบอิ่มอย่างไม่วางตา
จนหญิงสาวรู้สึกตัวเงยขึ้นมาสบสายตา เลิกคิ้วถาม
“อร่อยขนาดนั้นเลยเหรอ”
นิลกาฬไม่ตอบแต่ยกท่อนแขนเล็กขึ้นวางกั้น พลางดันกล่องอาหารเข้าหาตัวเองมากขึ้นในท่าทีปกป้อง สื่อเป็นนัย ๆ ว่าเธอไม่บอกและไม่แบ่ง ประสานสายตากับอีกฝ่าย ใช้ส้อมจิ้มกุ้งตัวโตขึ้นใส่ปากแล้วยกยิ้มมุมปากท้าทาย
หึหึ! ถึงไม่พูด เขาก็มีอีกหลายวิธีถ้าอยากจะรู้
คชาเค้นหัวเราะในลำคอ ผุดลุกขึ้นยืนแล้วโน้มตัวเข้าไปใกล้หญิงสาว มือหนาเอื้อมไปล็อคท้ายทอยบังคับไม่ให้เธอถอยหนี ก่อนจะประกบริมฝีปากลงบนปากอวบอิ่ม ใช้ลิ้นไล้เลียคราบซอสที่เปรอะอยู่ตามขอบปากจนสะอาดหมดจด
อืมมมม อร่อยอย่างที่คิดไว้จริง ๆ
ดวงตากลมโตเบิกโพลง ร่างบางแข็งทื่อ มือเล็กอ่อนแรงปล่อยช้อนส้อมหลุดมืออย่างไม่รู้ตัว ใจดวงน้อยเต้นแรงจนแทบทะลุออกมานอกอก ตกใจกับสัมผัสวาบหวามที่มาอย่างกะทันหันจนลืมหายใจไปชั่วขณะ
จะ...จูบ จูบแรกของฉัน!
เมื่อตักตวงความหวานจนพึงพอใจแล้วคชาจึงผละออกห่าง แลบลิ้นออกมาเลียมุมปากของตัวเอง มองสีหน้าตกตะลึงของหมอสาวแล้วกระตุกยิ้มร้าย
“อืมมมม ก็อร่อยดี”
“จีน่า? คชาคะ? เนคไทด์เบี้ยว? ยัยนี่สินะที่เป็นเจ้าของรอยลิปสติกวันนั้น เหอะ!”นิลกาฬลดมือลงมาข้างตัวพลางนึกภาพจิตนาการตามสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่ไปด้วย คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันแน่น มือเล็กออกแรงบีบโทรศัพท์ในมือมากขึ้นอย่างไม่รู้ตัว รู้สึกหงุดหงิดใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก“หมอนิลคะ”“....”“หมอนิล!”นิลกาฬสะดุ้งเล็กน้อยพลางหันมองตามเสียงเรียกด้วยสีหน้างุนงง ริมฝีปากคลี่ยิ้มละมุนเมื่อพบว่าเป็นพี่ณา รุ่นพี่พยาบาลที่ทำงานอยู่ห้องฉุกเฉินนั่นเอง“รถบัสมาแล้วค่ะ มีอะไรให้พี่ช่วยยกขึ้นรถไหมคะ”“อ่อ ไม่มีหรอกค่ะ ขอบคุณนะคะ”หมอสาวคลี่ยิ้มจริงใจให้รุ่นพี่ ก่อนจะเดินตามหลังเธอไปขึ้นรถบัสที่จอดรออยู่บริเวณลานจอดสายตาอึ้งทึ่งจ้องมองคนอื่น ๆ ที่ลากกระเป๋าเดินทางไซส์กลางแล้วดึงสายตากลับมามองกระเป๋าในมือตัวเองคนอื่นขนกันมาเยอะไป หรือฉันเอามาน้อยไปวะเนี้ย? นี่คงไม่มีใครถึงขนาดพกเต้นท์ส่วนตัวติดไปด้วยหรอกนะขาเรียวก้าวขึ้นรถแล้วเลือกที่นั่งที่คิดว่าปลอดภัยและเป็นส่วนตัวที่สุด มือเล็กกดพิมข้อความส่งไปหาคชาอย่างที่ตกลงกันไว้มือเล็กก็หยิบหูฟังขึ้นมาใส่หูแล้วพิงศีรษะเข้ากับกระจกพลางหลับตาพริ้ม ริมฝีปากยกยิ้
นิลกาฬสูดหายใจเข้าลึก ๆ เรียกความมั่นใจให้ตัวเอง ขณะที่มือเล็กบีบก้านจับประตูแน่น ในหัวเอาแต่วนเวียนคิดถึงแต่เรื่องที่เกิดขึ้นจนนอนไม่หลับทั้งคืนโชคดีที่วันนี้เธอจะได้ออกเดินทางขึ้นเหนือแล้ว จึงทำให้เลี่ยงการเผชิญหน้ากับชายหนุ่มได้อย่างเหมาะเจาะ“หวังว่าเขาจะยังไม่ตื่นนะ”เธอค่อย ๆ บิดก้านจับประตูเปิดออกอย่างช้า ๆ ก่อนโผล่หน้าออกมาหันซ้ายหันขวา เช็คดูจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีคนอยู่นอกทางเดินจึงแทรกตัวออกมาด้านนอก แล้วหมุนตัวไปดึงประตูให้ปิดลง“ทำอะไรลับ ๆ ล่อ ๆ”“ว๊ายยยย”นิลกาฬสะดุ้งโหยงสุดตัวด้วยความตกใจเมื่อจู่ ๆ คนที่คิดว่ายังไม่ตื่นสวมกอดเธอจากด้านหลัง ซ้ำยังยื่นหน้าเข้ามากระซิบที่ข้างหูอีกด้วย“ฉะ...ฉัน ฉัน ฉัน”“คิดว่าฉันจะมองเกมส์เธอไม่ออกเหรอ หื้มม?”คชาอมยิ้ม วางคางสากลงบนไหล่มนพลางกระชับอ้อมแขนมากขึ้น ใช้ปลายจมูกคลอเคลียไปตามพวงแก้มนวลอย่างหยอกเย้า“มาเถอะ เดี๋ยวไปส่ง”ซึมซับความหอมละมุนจากกายสาวอยู่สักพัก คชาก็คลายอ้อมกอดออก ดึงกระเป๋าเสื้อผ้ามาถือให้แล้วใช้มืออีกข้างคว้ามือเล็กมาเกาะกุม ก่อนจะจูงมือพาเธอไปขึ้นรถเพื่อมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลอย่างที่ทำอยู่เกือบทุกวันหมอสาวนั่งเ
สมองยังไม่ทันจะสั่งการแต่ทว่าร่างกายกลับทำตามความคิดไปเสียแล้ว ปากร้อนประกบลงมาแนบชิด ค่อย ๆ ไล้เลียไปตามกลีบปากนุ่ม ขบเม้มเบา ๆ หยอกเย้าอย่างอ่อนโยน"อื้ออ!”นิลกาฬรู้สึกได้ว่ารสจูบในครั้งนี้แตกต่างไปจากครั้งอื่น ๆ มันนุ่มนวลและอ่อนหวานเสียจนใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นจังหวะร่างกายอ่อนระทวยไร้เรี่ยวแรงจะต้านทาน จิกเล็บลงบนไหล่กว้างอย่างแรงพลางร้องครางอู้อี้เมื่อชายหนุ่มเพิ่มน้ำหนักการบดจูบให้ร้อนแรงขึ้น“ยะ...หยุดก่อน! ฉะ...อื้อออ”เธอรีบอ้าปากหอบหายใจ ปากเล็กเปล่งเสียงร้องทันทีที่ได้รับอิสระ แต่ยังไม่ทันจะพูดได้ครบทั้งประโยค ข้อมือเล็กถูกรวบด้วยมือเดียวยกขึ้นเหนือศีรษะ พร้อมกับริมฝีปากร้อนที่วกกลับมาสร้างความวาบหวามรัญจวนใจให้เธออีกครั้งเพียงแค่ได้สัมผัสความอ่อนหวานที่คิดถึง เขาก็หน้ามืดจนหลงลืมข้อปฏิบัติที่ตนเองท่องอยู่ทุกวันไปชั่วขณะ ยิ่งได้ยินเสียงหวานร้องครางกระเส่าด้วยแล้ว ความยับยั้งชั่งใจที่มีอยู่น้อยนิดก็กระเด็นกระดอนหายไปในอากาศทันทีคชาบดจูบดูดดึงปากเล็กจนบวมเจ่อ ใช้ความชำนาญที่มีทั้งหมดล่อลวงให้หญิงสาวคล้อยตาม ยอมเปิดปากให้ลิ้นร้อนสอดเข้าไปในโพรงปากและกวาดไล้ต้อนลิ้นเล็กอย่
นิลกาฬลากขาเดินตามหลังคชาไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้า เหน็ดเหนื่อยจากการทำงานยิงยาวทั้งวันทั้งคืนจนแทบหมดแรงเดิน มือเล็กยกขึ้นปิดปากเดินหาวหวอด ๆ มองคชาที่ล้วงคีย์การ์ดออกมาจากกระเป๋ากางเกงตัวเองแล้วถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่หน้าด้าน หน้ามึน หน้าทน ไม่มีใครเกิน! ติ้ดติ้ด! แกร่ก!มือหนาผลักประตูห้องออกกว้างพลางเบี่ยงตัวหลบให้หมอสาวเดินนำเข้าไปในห้องก่อนนิลกาฬทำหน้าเหนื่อยหน่ายใจเมื่อเขายังคงทำตัวราวกับเป็นเจ้าของห้องไม่มีเปลี่ยน แต่เธอทั้งเหนื่อยและหิวเกินกว่าจะอ้าปากห้ามให้เปลืองพลังงาน เธอก้าวผ่านหน้าคชาเข้าไปด้านในแต่ไม่วายขอกัดเพื่อความสบายใจสักคำสองคำ“เชิญค่ะ ตามสบายนะคะ คิดซะว่าเป็นบ้านของตัวเอง”“ครับที่รักกกก”นิลกาฬกรอกตามองบนใส่คนหน้ามึนแล้วทิ้งตัวลงนอนแผ่บนเตียงนุ่มอย่างอ่อนแรง เหม่อมองร่างสูงก้ม ๆ เงย ๆ จัดหนังสือที่เธอรื้อออกมาอ่านทบทวนเมื่อวานให้กลับเข้าที่ด้วยสีหน้าครุ่นคิดฉันควรทำโล่ให้นายดีไหมนะเกือบ 2 เดือนแล้วสินะที่เขาโผล่กลับเข้ามาในชีวิตของเธออีกครั้ง คชายังคงทำตัวเป็นเจ้ากรรมนายเวรของเธอได้เสมอต้นเสมอปลายอย่างน่าชื่นชมเขายึดทุกอย่างไปไว้กับตัวเองทั้งหมด ไม่ว่าจ
“อารมณ์ดีกันจังเลยนะคะคู่นี้ ถ้าไม่รู้จักมาก่อนคงคิดว่าเป็นแฟนหมอนิลอีกคน”ถ้อยคำหยอกเย้าแฝงด้วยน้ำเสียงกระแนะกระแหนของคู่กัดเจ้าเก่า ตามด้วยเจ้าของประโยคที่หย่อนสะโพกนั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่อยู่ถัดไปจากเกมส์นิลหันไปมองตามเสียงแล้วคลี่ยิ้มหวานแบบเฉพาะที่มีไว้ให้เจ้าหล่อนแค่คนเดียว ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงหยอกเย้าไม่ต่างกัน“ขนาดไม่ได้เป็นแฟนกัน ยังดูแลนิลดีขนาดนี้เลย ไม่อยากจะนึกถึงตอนเป็นแฟนกันเลยนะคะ”สองสาวประสานสายตาที่แฝงไปด้วยอารมณ์คุกรุ่นนิ่งนาน จนคนกลางอย่างเกมส์ลอบกลืนน้ำลายเอือกใหญ่ มองใบหน้ายิ้มแย้มด้วยความประดิษฐ์ของทั้งสองสลับกันไปมา พลางขยับตัวขยุกขยิกไปมาด้วยความอึดอัด“ตามประสาพี่น้องน่ะครับหมอเรนนี่”“ใช่ค่ะ ตามประสาพี่น้องที่เขามีความรู้สึกดี ๆ ให้กัน แต่เอ....มันก็เป็นปกติไม่ใช่เหรอคะ”นิลกาฬพูดเสริม ยกยิ้มมุมปากแล้วเอียงคอมองหน้าเรนนี่ด้วยแววตาใสซื่อ คิดว่าสร้างภาพเป็นคนเดียวเหรอคะ เฮลโหล!“แบบนี้หมอนิลก็คงจะมีพี่น้องอยู่ทุกแผนกเลยสิคะเนี้ย ก็อัธยาศัยดีออกขนาดนี้”หื้มมมม? นี่แอบด่าว่าฉันแรดป่ะว๊า? งั้นก็มาค่ะ! อยากกัดกับฉันใช่ไหมคะ ด้ายยยยยยย“แหม~ ไม่ถึงขนาดนั้นหร
@1 เดือนถัดมาร่างบางลนลานหยิบข้าวของ วิ่งหน้าตั้งลงจากรถยนต์คันหรูของคชาที่เพิ่งแล่นเข้ามาจอดหน้าประตูทางเข้าโรงพยาบาล ก่นด่าตัวเองในใจไปด้วยโทษฐานที่เมื่อคืนเผลอดูซีรี่ย์เพลินจนนอนตื่นสายจนได้ กระจกรถถูกเลื่อนลงจนสุดเผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาของสารถี แล้วตามด้วยเสียงตะโกนเรียกจากเจ้าของรถ“นิล! โทรศัพท์!!”แต่ดูท่าว่าคนตื่นสายจะไม่ได้ยิน และยังไม่รู้สึกตัวเลยสักนิดว่าปัจจัยห้าของเธอ ยังนอนแอ้งแม้งอยู่ในช่องใส่ของบนรถคชาขยับรถเข้าไปจอดรถในที่ว่างที่ไม่กีดขวางคนอื่น กดเปิดไฟฉุกเฉินทิ้งไว้ก่อนจะรีบวิ่งเหยาะ ๆ ตามหลังหมอสาวไป“นิล!”นิลกาฬชะงักฝีเท้าแล้วหันตามเสียงตะโกนเรียกจากด้านหลัง คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันแน่นด้วยความงุนงง แล้วหยุดฝีเท้ายืนอยู่กับที่เมื่อเห็นว่าคนเรียกเมื่อครู่เป็นคชา“เอ้า! ตามลงมาทำไม วันนี้นายมีประชุมไม่ใช่เหรอ”“ยัยซื่อบื้อ! เธอลืมมือถือ!”คชาใช้โทรศัพท์มือถือเคาะลงบนศีรษะทุยเล็กเบา ๆ อย่างหยอกเย้า ก่อนจะยื่นมันคืนให้เธอ มือเล็กยกขึ้นลูบบริเวณที่ถูกตีปอย ๆ พลางทำหน้ามุ่ยมองค้อนใส่“ไม่ต้องมาสวดแช่งฉันในใจ วันนี้อยู่เวรไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวก็ลงแดงตายพอดีถ้าไม่มีเกม