รถยนต์คันหรูแล่นไปอย่างเชื่องช้าบนท้องถนนที่คราคร่ำเต็มไปด้วยรถรา มุ่งหน้าไปยังคอนโดที่หญิงสาวแจ้งชื่อและพิกัดไว้
ใบหน้าหวานหันเข้าหากระจกข้างมาตลอดทางจนเริ่มเมื่อย ใจรู้สึกอึดอัดและไม่คุ้นชินกับการต้องอยู่ในที่คับแคบร่วมกับคนไม่สนิท แต่ที่ยอมให้มาส่งถึงเพราะอีกฝ่ายเล่นขังเธอไว้บนรถ กดล็อคทั้งประตูและกระจกแบบนี้
ต่อให้เธอมีปีกก็บินหนีไม่ได้อยู่ดี!
นิลกาฬชำเลืองตามองเสี้ยวหน้าหล่อเหลาของพลขับ ก่อนจะรีบดึงสายตากลับคืนเมื่อเผลอมองนานจนอีกฝ่ายรู้ตัวแล้วหันมาสบสายตา แล้วที่มองนี่ไม่ได้พิศวาสนะ อย่าเข้าใจผิด มันเป็นเพราะเธอไม่ไว้ใจเขาต่างหาก
คชาลอบยิ้มดีใจที่หญิงสาวดูให้ความสนใจในตัวเขาอยู่เหมือนกัน เขาปรับสีหน้าให้ดูเรียบเฉย ทำเป็นเพ่งสมาธิไปที่ถนนข้างหน้าหากปากกลับเอ่ยชวนคนข้าง ๆ คุยราวกับไม่เคยมีความบาดหมางกันมาก่อน
“หิวไหม?”
“ไม่”
นิลกาฬรีบปฏิเสธ ทว่าพูดไม่ทันจบคำดีท้องก็ร้องประท้วงราวกับรู้เวลา ทำเอาเธอกระแอมไอกลบเกลื่อนแทบไม่ทัน ไอ้ท้องบ้า! ไอ้ท้องไม่รักดี จะส่งเสียงร้องทั้งทีทำไมไม่รู้จักเวล่ำเวลาหน่อย เสียหน้าหมดแล้วเนี่ย!
“จะกินกันที่ห้องฉัน รึห้องเธอดีล่ะ?”
คำถามกำกวมชวนให้คิดไปไกล ยิ่งเมื่อสบสายตาเจ้าเล่ห์ของคนถามด้วยแล้ว นิลกาฬก็รีบเบือนหน้าหนี พวงแก้มคล้ายร้อนขึ้นมาอีกระลอกอย่างไม่มีสาเหตุ บ้าบอ!
“ฉันไม่กินอะไรทั้งนั้นอะ ฉันจะกลับห้อง”พร้อมกันนั้นก็พยายามทำตัวลีบและขยับออกห่างจนตัวแทบจะแบนติดกระจกรถ
ฮึ! ถ้าฉันคิดจะปล้ำเธอจริง ๆ คิดเหรอว่าทำแบบนั้นแล้วจะหนีรอด?
ท่าทางหวาดระแวงของเธอ ทำให้คชานึกมันเขี้ยวจนอยากกลั่นแกล้งเธออยู่ตลอด พอถึงช่วงที่การจราจรติดขัดจนไม่สามารถขยับไปต่อได้ มือจึงตบเกียร์ไว้ที่ตัว N เหล่ตาไปมองคนข้าง ๆ แวบหนึ่งก่อนโน้มตัวเข้าไปใกล้อย่างรวดเร็ว
การเข้ามาอย่างกะทันหันของคชาทำเอานิลกาฬที่กำลังตกอยู่ในห้วงความคิดสะดุ้งโหยง ดวงตาคู่สวยพลันเหลือกลาน รีบเอนกายหนีลมหายใจอุ่นจัดที่กำลังเป่ารดลงบนริมฝีปากอวบอิ่ม
“อื้อ! จะ...จะทำอะไร! ถอยออกไปนะ!”
“ก็นึกว่าหลับ”
“ใครมันจะไปหลับลง แล้วรู้แล้วก็ ถะ..ถอยออกไปสิ”
“ทำไม? กลัวฉันเหรอ?”
คชาครางถามเสียงพร่า แววตาหลุบมองริมฝีปากอวบอิ่มแล้วเผลอกลืนน้ำลาย เดิมเขาแค่อยากแกล้งเล่น ทว่าบัดนี้กลับกลายเป็นรู้สึกอยากสัมผัสมันขึ้นมาดื้อ ๆ
ความร้อนแรงที่สะท้อนออกมาจากนัยน์ตาสีนิลทำให้นิลกาฬรีบเม้มปากทันควัน ทั้งระแวงทั้งกลัวว่าสองริมฝีปากจะสัมผัสกันหากอีกฝ่ายอ้าปากเอื้อนเอ่ยอะไรออกมาอีก ซ้ำร้ายภายในท้องยังรู้สึกปั่นป่วน คล้ายกำลังมีตัวอะไรบินวนอยู่ด้านในเต็มไปหมด
ปริ้น!
ทว่าในระหว่างต่างคนต่างต่อสู้กับความรู้สึกภายใน เสียงแตรจากรถคันหลังก็ดังขึ้นขัดจังหวะ คชาส่งเสียงจิ๊จ๊ะเบา ๆ อย่างขัดใจ ยังไม่อยากถอยแต่เพราะรถด้านหน้าเริ่มขยับ เขาจึงจำต้องกลับมาทำหน้าที่สารถีต่อ
ราวครึ่งชั่วโมงรถยนต์ก็มาถึงที่หมาย นิลกาฬอดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองคนขับ ทำไมเขาถึงได้ดูชำนาญเส้นทางและตำแหน่งของแต่ละตึกในนี้นัก เธอยังไม่ทันบอกทางเขาก็ตบไฟเลี้ยวรอแล้ว
หรือว่าจะมีคนรู้จักอยู่ที่คอนโดนี้?
“ถึงแล้วครับคุณผู้หญิง”
“อ้อ”
เสียงเรียกทำให้นิลกาฬได้สติ ขาเรียวก้าวลงจากรถหลังมันแล่นเข้ามาจอดในลานจอดรถใต้ตึกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ขอบคุณที่มาส่ง”
หญิงสาวหันไปก้มศีรษะ กล่าวขอบคุณอย่างที่พึงทำ จากนั้นก็ก้าวฉับ ๆ เข้าไปในตึกเมื่อเห็นว่าหมดธุระต่อกันแล้ว
“เฮ้อ เหนื่อยชะมัด”
พอร่างกายเริ่มผ่อนคลาย ความง่วงงุนก็พุ่งเข้าโจมตีจนตาปรือลอย เริ่มรู้สึกอยากนอนสักตื่นแล้วค่อยตื่นมาหาอะไรกิน แต่ก่อนจะไปถึงขั้นนั้นเธอเอาคีย์การ์ดห้องไปไว้ไหน
นิลกาฬหน้านิ่วคิ้วขมวด พยายามล้วงมือเข้าไปควานหาของจำเป็นต้องใช้ในกระเป๋า ทว่ารื้อทุกซอกทุกมุมแล้วก็ยังไม่พบ
ปกติในชีวิตเธอก็พกบัตรอยู่แค่ไม่กี่ใบ แถมเพิ่งย้ายเข้ามาพักอย่างเต็มตัวจึงไม่ค่อยสนใจคีย์การ์ดเจ้าปัญหาสักเท่าไร
เอ๊ะ หรือเธอจะลืมหยิบมันมาจากโต๊ะที่บ้าน?
“หาอะไรอยู่เหรอ?”
ไม่รู้ว่าเพราะเธอมัวแต่วุ่นวายกับการหาของ หรือเพราะอีกคนฝีเท้าเบาจัดกันแน่ เธอเลยไม่รู้ตัวสักนิดว่ามีคนตามมา มารู้อีกทีก็ตอนได้ยินเสียงกระซิบที่ข้างใบหูพร้อมความอุ่นที่แผ่ออกจากแผงอกกว้างซึ่งประชิดติดกับแผ่นหลังของเธอ
“นะ...นาย! ตามฉันมาทำไม” นิลกาฬสะดุ้งตัวลอย รีบเบี่ยงตัวหลบจากสัมผัสชวนให้ใจสั่น
“คีย์การ์ดหาย?”
คชาไม่ตอบแต่ถามในสิ่งที่อยากรู้แทนหลังหยุดยืนมองเธอรื้อของจนแทบเอาหัวมุดเข้าไปในกระเป๋ามาพักหนึ่ง
“ยุ่ง!”
“งั้นไปกินกันที่ห้องฉันไหม?”
“กินบ้าน....ว๊ายยย หยุดนะ!”
นิลกาฬร้องเสียงหลงขณะถูกคนเอาแต่ใจฉุดกระชากลากไปห้องถัดไป เธอมองตามมือหนาที่หยิบคีย์การ์ดลายเดียวกันกับของเธอออกมาด้วยแววตาตกตะลึง
อย่าบอกนะว่า.....!!!
ติ้ด! แอดดดดด
นิลกาฬอ้าปากค้าง ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้น นั่นก็หมายความว่า...เขาพักอยู่คอนโดเดียวกันกับที่เธอเพิ่งเซ็นรับไปเมื่อวันก่อน มิหนำซ้ำยังอยู่ห้องติดกันอีกต่างหาก
“เข้าไปสิ”
“จีน่า? คชาคะ? เนคไทด์เบี้ยว? ยัยนี่สินะที่เป็นเจ้าของรอยลิปสติกวันนั้น เหอะ!”นิลกาฬลดมือลงมาข้างตัวพลางนึกภาพจิตนาการตามสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่ไปด้วย คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันแน่น มือเล็กออกแรงบีบโทรศัพท์ในมือมากขึ้นอย่างไม่รู้ตัว รู้สึกหงุดหงิดใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก“หมอนิลคะ”“....”“หมอนิล!”นิลกาฬสะดุ้งเล็กน้อยพลางหันมองตามเสียงเรียกด้วยสีหน้างุนงง ริมฝีปากคลี่ยิ้มละมุนเมื่อพบว่าเป็นพี่ณา รุ่นพี่พยาบาลที่ทำงานอยู่ห้องฉุกเฉินนั่นเอง“รถบัสมาแล้วค่ะ มีอะไรให้พี่ช่วยยกขึ้นรถไหมคะ”“อ่อ ไม่มีหรอกค่ะ ขอบคุณนะคะ”หมอสาวคลี่ยิ้มจริงใจให้รุ่นพี่ ก่อนจะเดินตามหลังเธอไปขึ้นรถบัสที่จอดรออยู่บริเวณลานจอดสายตาอึ้งทึ่งจ้องมองคนอื่น ๆ ที่ลากกระเป๋าเดินทางไซส์กลางแล้วดึงสายตากลับมามองกระเป๋าในมือตัวเองคนอื่นขนกันมาเยอะไป หรือฉันเอามาน้อยไปวะเนี้ย? นี่คงไม่มีใครถึงขนาดพกเต้นท์ส่วนตัวติดไปด้วยหรอกนะขาเรียวก้าวขึ้นรถแล้วเลือกที่นั่งที่คิดว่าปลอดภัยและเป็นส่วนตัวที่สุด มือเล็กกดพิมข้อความส่งไปหาคชาอย่างที่ตกลงกันไว้มือเล็กก็หยิบหูฟังขึ้นมาใส่หูแล้วพิงศีรษะเข้ากับกระจกพลางหลับตาพริ้ม ริมฝีปากยกยิ้
นิลกาฬสูดหายใจเข้าลึก ๆ เรียกความมั่นใจให้ตัวเอง ขณะที่มือเล็กบีบก้านจับประตูแน่น ในหัวเอาแต่วนเวียนคิดถึงแต่เรื่องที่เกิดขึ้นจนนอนไม่หลับทั้งคืนโชคดีที่วันนี้เธอจะได้ออกเดินทางขึ้นเหนือแล้ว จึงทำให้เลี่ยงการเผชิญหน้ากับชายหนุ่มได้อย่างเหมาะเจาะ“หวังว่าเขาจะยังไม่ตื่นนะ”เธอค่อย ๆ บิดก้านจับประตูเปิดออกอย่างช้า ๆ ก่อนโผล่หน้าออกมาหันซ้ายหันขวา เช็คดูจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีคนอยู่นอกทางเดินจึงแทรกตัวออกมาด้านนอก แล้วหมุนตัวไปดึงประตูให้ปิดลง“ทำอะไรลับ ๆ ล่อ ๆ”“ว๊ายยยย”นิลกาฬสะดุ้งโหยงสุดตัวด้วยความตกใจเมื่อจู่ ๆ คนที่คิดว่ายังไม่ตื่นสวมกอดเธอจากด้านหลัง ซ้ำยังยื่นหน้าเข้ามากระซิบที่ข้างหูอีกด้วย“ฉะ...ฉัน ฉัน ฉัน”“คิดว่าฉันจะมองเกมส์เธอไม่ออกเหรอ หื้มม?”คชาอมยิ้ม วางคางสากลงบนไหล่มนพลางกระชับอ้อมแขนมากขึ้น ใช้ปลายจมูกคลอเคลียไปตามพวงแก้มนวลอย่างหยอกเย้า“มาเถอะ เดี๋ยวไปส่ง”ซึมซับความหอมละมุนจากกายสาวอยู่สักพัก คชาก็คลายอ้อมกอดออก ดึงกระเป๋าเสื้อผ้ามาถือให้แล้วใช้มืออีกข้างคว้ามือเล็กมาเกาะกุม ก่อนจะจูงมือพาเธอไปขึ้นรถเพื่อมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลอย่างที่ทำอยู่เกือบทุกวันหมอสาวนั่งเ
สมองยังไม่ทันจะสั่งการแต่ทว่าร่างกายกลับทำตามความคิดไปเสียแล้ว ปากร้อนประกบลงมาแนบชิด ค่อย ๆ ไล้เลียไปตามกลีบปากนุ่ม ขบเม้มเบา ๆ หยอกเย้าอย่างอ่อนโยน"อื้ออ!”นิลกาฬรู้สึกได้ว่ารสจูบในครั้งนี้แตกต่างไปจากครั้งอื่น ๆ มันนุ่มนวลและอ่อนหวานเสียจนใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นจังหวะร่างกายอ่อนระทวยไร้เรี่ยวแรงจะต้านทาน จิกเล็บลงบนไหล่กว้างอย่างแรงพลางร้องครางอู้อี้เมื่อชายหนุ่มเพิ่มน้ำหนักการบดจูบให้ร้อนแรงขึ้น“ยะ...หยุดก่อน! ฉะ...อื้อออ”เธอรีบอ้าปากหอบหายใจ ปากเล็กเปล่งเสียงร้องทันทีที่ได้รับอิสระ แต่ยังไม่ทันจะพูดได้ครบทั้งประโยค ข้อมือเล็กถูกรวบด้วยมือเดียวยกขึ้นเหนือศีรษะ พร้อมกับริมฝีปากร้อนที่วกกลับมาสร้างความวาบหวามรัญจวนใจให้เธออีกครั้งเพียงแค่ได้สัมผัสความอ่อนหวานที่คิดถึง เขาก็หน้ามืดจนหลงลืมข้อปฏิบัติที่ตนเองท่องอยู่ทุกวันไปชั่วขณะ ยิ่งได้ยินเสียงหวานร้องครางกระเส่าด้วยแล้ว ความยับยั้งชั่งใจที่มีอยู่น้อยนิดก็กระเด็นกระดอนหายไปในอากาศทันทีคชาบดจูบดูดดึงปากเล็กจนบวมเจ่อ ใช้ความชำนาญที่มีทั้งหมดล่อลวงให้หญิงสาวคล้อยตาม ยอมเปิดปากให้ลิ้นร้อนสอดเข้าไปในโพรงปากและกวาดไล้ต้อนลิ้นเล็กอย่
นิลกาฬลากขาเดินตามหลังคชาไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้า เหน็ดเหนื่อยจากการทำงานยิงยาวทั้งวันทั้งคืนจนแทบหมดแรงเดิน มือเล็กยกขึ้นปิดปากเดินหาวหวอด ๆ มองคชาที่ล้วงคีย์การ์ดออกมาจากกระเป๋ากางเกงตัวเองแล้วถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่หน้าด้าน หน้ามึน หน้าทน ไม่มีใครเกิน! ติ้ดติ้ด! แกร่ก!มือหนาผลักประตูห้องออกกว้างพลางเบี่ยงตัวหลบให้หมอสาวเดินนำเข้าไปในห้องก่อนนิลกาฬทำหน้าเหนื่อยหน่ายใจเมื่อเขายังคงทำตัวราวกับเป็นเจ้าของห้องไม่มีเปลี่ยน แต่เธอทั้งเหนื่อยและหิวเกินกว่าจะอ้าปากห้ามให้เปลืองพลังงาน เธอก้าวผ่านหน้าคชาเข้าไปด้านในแต่ไม่วายขอกัดเพื่อความสบายใจสักคำสองคำ“เชิญค่ะ ตามสบายนะคะ คิดซะว่าเป็นบ้านของตัวเอง”“ครับที่รักกกก”นิลกาฬกรอกตามองบนใส่คนหน้ามึนแล้วทิ้งตัวลงนอนแผ่บนเตียงนุ่มอย่างอ่อนแรง เหม่อมองร่างสูงก้ม ๆ เงย ๆ จัดหนังสือที่เธอรื้อออกมาอ่านทบทวนเมื่อวานให้กลับเข้าที่ด้วยสีหน้าครุ่นคิดฉันควรทำโล่ให้นายดีไหมนะเกือบ 2 เดือนแล้วสินะที่เขาโผล่กลับเข้ามาในชีวิตของเธออีกครั้ง คชายังคงทำตัวเป็นเจ้ากรรมนายเวรของเธอได้เสมอต้นเสมอปลายอย่างน่าชื่นชมเขายึดทุกอย่างไปไว้กับตัวเองทั้งหมด ไม่ว่าจ
“อารมณ์ดีกันจังเลยนะคะคู่นี้ ถ้าไม่รู้จักมาก่อนคงคิดว่าเป็นแฟนหมอนิลอีกคน”ถ้อยคำหยอกเย้าแฝงด้วยน้ำเสียงกระแนะกระแหนของคู่กัดเจ้าเก่า ตามด้วยเจ้าของประโยคที่หย่อนสะโพกนั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่อยู่ถัดไปจากเกมส์นิลหันไปมองตามเสียงแล้วคลี่ยิ้มหวานแบบเฉพาะที่มีไว้ให้เจ้าหล่อนแค่คนเดียว ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงหยอกเย้าไม่ต่างกัน“ขนาดไม่ได้เป็นแฟนกัน ยังดูแลนิลดีขนาดนี้เลย ไม่อยากจะนึกถึงตอนเป็นแฟนกันเลยนะคะ”สองสาวประสานสายตาที่แฝงไปด้วยอารมณ์คุกรุ่นนิ่งนาน จนคนกลางอย่างเกมส์ลอบกลืนน้ำลายเอือกใหญ่ มองใบหน้ายิ้มแย้มด้วยความประดิษฐ์ของทั้งสองสลับกันไปมา พลางขยับตัวขยุกขยิกไปมาด้วยความอึดอัด“ตามประสาพี่น้องน่ะครับหมอเรนนี่”“ใช่ค่ะ ตามประสาพี่น้องที่เขามีความรู้สึกดี ๆ ให้กัน แต่เอ....มันก็เป็นปกติไม่ใช่เหรอคะ”นิลกาฬพูดเสริม ยกยิ้มมุมปากแล้วเอียงคอมองหน้าเรนนี่ด้วยแววตาใสซื่อ คิดว่าสร้างภาพเป็นคนเดียวเหรอคะ เฮลโหล!“แบบนี้หมอนิลก็คงจะมีพี่น้องอยู่ทุกแผนกเลยสิคะเนี้ย ก็อัธยาศัยดีออกขนาดนี้”หื้มมมม? นี่แอบด่าว่าฉันแรดป่ะว๊า? งั้นก็มาค่ะ! อยากกัดกับฉันใช่ไหมคะ ด้ายยยยยยย“แหม~ ไม่ถึงขนาดนั้นหร
@1 เดือนถัดมาร่างบางลนลานหยิบข้าวของ วิ่งหน้าตั้งลงจากรถยนต์คันหรูของคชาที่เพิ่งแล่นเข้ามาจอดหน้าประตูทางเข้าโรงพยาบาล ก่นด่าตัวเองในใจไปด้วยโทษฐานที่เมื่อคืนเผลอดูซีรี่ย์เพลินจนนอนตื่นสายจนได้ กระจกรถถูกเลื่อนลงจนสุดเผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาของสารถี แล้วตามด้วยเสียงตะโกนเรียกจากเจ้าของรถ“นิล! โทรศัพท์!!”แต่ดูท่าว่าคนตื่นสายจะไม่ได้ยิน และยังไม่รู้สึกตัวเลยสักนิดว่าปัจจัยห้าของเธอ ยังนอนแอ้งแม้งอยู่ในช่องใส่ของบนรถคชาขยับรถเข้าไปจอดรถในที่ว่างที่ไม่กีดขวางคนอื่น กดเปิดไฟฉุกเฉินทิ้งไว้ก่อนจะรีบวิ่งเหยาะ ๆ ตามหลังหมอสาวไป“นิล!”นิลกาฬชะงักฝีเท้าแล้วหันตามเสียงตะโกนเรียกจากด้านหลัง คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันแน่นด้วยความงุนงง แล้วหยุดฝีเท้ายืนอยู่กับที่เมื่อเห็นว่าคนเรียกเมื่อครู่เป็นคชา“เอ้า! ตามลงมาทำไม วันนี้นายมีประชุมไม่ใช่เหรอ”“ยัยซื่อบื้อ! เธอลืมมือถือ!”คชาใช้โทรศัพท์มือถือเคาะลงบนศีรษะทุยเล็กเบา ๆ อย่างหยอกเย้า ก่อนจะยื่นมันคืนให้เธอ มือเล็กยกขึ้นลูบบริเวณที่ถูกตีปอย ๆ พลางทำหน้ามุ่ยมองค้อนใส่“ไม่ต้องมาสวดแช่งฉันในใจ วันนี้อยู่เวรไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวก็ลงแดงตายพอดีถ้าไม่มีเกม