ถ้าคนมันจะใช่ ต่อให้ห่างหายกันไปสักกี่ปีสุดท้ายโลกก็เหวี่ยงให้กลับมาเจอกันอีกอยู่ดี เมื่อความบังเอิญเหวี่ยงให้ 'คชา' กลับมาเจอไม้เบื่อไม้เมาอย่าง 'หมอสาวจอมพยศ' อีกครั้ง แถมหนนี้ไม่เพียงได้รับเกียรติให้เป็นไม้กันหมากิตติศักดิ์ เขายังพบว่าเธอได้กลายมาเป็นเพื่อนบ้านคนใหม่อีกด้วย ไหน ๆ ก็รู้ใจตัวเองแล้ว ไม่ลุยวันนี้แล้วจะให้ลุยวันไหน!
View More“อรุณสวัสดิ์ค่ะหมอนิล”
“อรุณสวัสดิ์ค่า~”
หัวคิ้วพลันขมวดฉับเมื่อคล้ายว่าเห็นเงาของใครบางคนในห้องตรวจ พอหันไปส่งสายตาถามพยาบาลผู้ช่วยก็ได้รอยยิ้มแหย ๆ กลับมาก่อนอีกฝ่ายจะพยักหน้าน้อย ๆ
“ค่ะ เจ้าเดิมมาอีกแล้วค่ะ”
ช่างเป็นการต้อนรับวันที่แสนสดใสของเธอจริง ๆ ไปราวน์คนไข้มาตั้งแต่ 8 โมงเธอหิวจนตาลายไปหมด กะจะแวบมาหาความสุขจากกาแฟและแซนด์วิชสักหน่อย เฮ้อ~
นิลกาฬถอนหายใจระบายความอ่อนอกอ่อนใจปนระอา จากนั้นจึงค่อยก้าวเดินด้วยใบหน้าที่ปั้นแต่งรอยยิ้มขึ้นประดับมุมปากเรียบร้อยแล้ว
“สวัสดีค่ะคุณท็อป”
นิลกาฬเอ่ยทักทายคนที่รออยู่ในห้องแล้วส่งยิ้มบาง ๆ ตามมารยาท สายตาจับจ้องไปยังช่อดอกลิลลี่ในอ้อมแขนของชายหนุ่มแล้วขยับถอยห่างเพิ่มอีกก้าว ยังไม่ทันจับก็รู้สึกคันจมูกรอแล้ว
“พอดีผมผ่านมาแถวนี้ก็เลยแวะมาทักทายหมอนิลครับ นี่ครับ” ชายหนุ่มทำสีหน้าดีใจพลางยื่นช่อดอกไม้มาให้
“ขอบคุณค่ะ”
แต่ทีหลังไม่ต้องเป็นคนอัธยาศัยดี อยากทักกันบ่อย ๆ ก็ได้
นิลกาฬคิดประโยคหลังต่อในใจ รับช่อดอกไม้มาอย่างเสียไม่ได้ ก่อนรีบวางมันลงบนโต๊ะอย่างรวดเร็ว
ชายตรงหน้าคือคนไข้ที่เธอเคยให้การรักษาเมื่อเดือนก่อน มาห้องฉุกเฉินด้วยสาเหตุหัวแตก โดนลูกหลงจากเหตุการณ์ตีกันในผับแห่งหนึ่ง ซึ่งเธอก็ไม่แน่ใจนักว่าสาเหตุที่แท้จริงนั้นเป็นตามที่เล่า หรือเพราะสาวสวยทรงสะบึ้มที่ยืนกอดแขน คอยส่งสายตาพิฆาตมาให้เธอตลอดเวลาทำแผลนั้นกันแน่
“วันนี้หมอนิลพอจะว่างไหมครับ ผมมีร้านอาหารร้านหนึ่งอยากจะแนะนำ”
“ขอโทษทีค่ะ วันนี้นิลนัดเพื่อนเอาไว้แล้ว นี่ไงคะโทรมาตามพอดีเลย”
นิลกาฬแทบอยากจะกราบแนบอกเพื่อนที่ต่อสายมาได้จังหวะพอดี เธอโชว์โทรศัพท์ที่มีสายเรียกเข้าพลางแสร้งทำหน้าเสียดาย โชคดีที่อีกฝ่ายไม่กล้าตื้อต่อเพราะเธอกดรับสายเพื่อนเป็นการตัดบท หลังเขาได้รับคำขอบคุณเรื่องช่อดอกไม้จึงจำต้องปลีกตัวออกไปจากห้องอย่างไม่มีทางเลือก
หญิงสาวแอบขยิบตาส่งซิกให้พยาบาลผู้ช่วยอย่างทะเล้น ก่อนจะรีบวิ่งแจ้นหนีหายเข้าไปในลิฟต์ ร้องทักทายคนในสายเสียงใส
“แกโทรมาโคตรได้จังหวะเลยฟ้า กราบขอบพระคุณเจ้าค่ะเพื่อนร๊าก~”
( อีกแล้วเหรอย่ะ นี่ถามจริงเถอะนะ ทำไมแกไม่ลองคุยดูอะ เขาก็หล่อดีนี่นา )
“โอ๊ย มองจากดวงพลูโตยังรู้เลยว่าเจ้าชู้ ถ้ามีแล้วไม่ดีฉันก็ไม่เอาอะ ขอเกาะคานแน่น ๆ ไปแบบนี้ดีกว่า”
( จ้า ๆ แม่คนสวยเลือกได้ แล้วนี่วันนี้ขึ้นเวรอีกไหมยะ ถ้าไม่ก็มาเจอกันหน่อย )
“ไม่ได้ขึ้นแต่วันนี้คงไปไหนไม่ไหวแล้ว ฉันเหนื่อยมากเลย”
( อ๊ะ ๆ เอางั้นก็ได้คุณหมอผู้ยุ่งตลอดเว! )
“ยังจะมาแซะอีก แค่นี้แหละจะไปหาข้าวกินแล้ว หิวจนจะกินช้างได้ทั้งตัวแล้วเนี่ย!”
สองสาวกัดกันต่ออีกสองสามประโยคพอให้คลายความคิดถึงนิลกาฬก็กดวางสาย ประจวบกับลิฟต์เปิดออกที่ชั้น G พอดิบพอดี เธอหยุดมองป้าย ยืนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็หมุนตัวแล้วมุ่งหน้าไปทางร้านกาแฟร้านประจำแทนที่จะเป็นแคนทีนอย่างความคิดแรก
ริมฝีปากอิ่มระบายยิ้มหวาน รู้สึกผ่อนคลายขึ้นหลายส่วนเมื่อกลิ่นหอมละมุนของกาแฟและขนมลอยโชยมาแตะจมูกทันทีที่ผลักประตูเข้าไปด้านใน
“สวัสดีค่าหมอนิล วันนี้รับอะไรดีคะ”
“เอามัทฉะเฟรบเป้หวานปกติ แล้วก็มัฟฟินช็อกโกแลตชิ้นนึงค่ะ”
แจ้งชื่อพร้อมชำระเงินเรียบร้อยแล้วหญิงสาวก็เดินหลบฉากมายืนอีกฝั่งของเคาน์เตอร์ จิ้มโทรศัพท์มือถือเลื่อนดูอัปเดตบนโลกโซเซียลรอเครื่องดื่มไปพลาง ๆ
กระทั่งห้านาทีต่อมาก็มีเสียงเรียกของพนักงานดังขึ้น
“มัทฉะเฟรบเป้ คิวที่หนึ่งร้อยห้าสิบสี่ค่ะ”
หญิงสาวเอื้อมมือไปหยิบหลอดมาคาบไว้ จากนั้นก็ยื่นมือออกไปหมายจะคว้าแก้วเครื่องดื่ม ขณะที่สายตายังคงไม่ละสายตาไปจากหน้าจอมือถือ พลันหัวคิ้วก็ขมวดฉับเมื่อมือคว้าได้เพียงอากาศ
อ้าว ไปไหนแล้ว?
นิลกาฬหันรีหันขวางมองหาแก้วเครื่องดื่ม และตอนนั้นเองจึงพบว่ามันได้ย้ายไปอยู่ในมือของใครอีกคน แถมดันเป็นคนที่เธอไม่ค่อยชอบขี้หน้าเท่าไหร่เสียด้วย
คชาทำสีหน้าประหลาดใจเมื่อเงยขึ้นมาสบตากับหมอสาวโดยบังเอิญ มุมปากยกยิ้มด้วยความดีใจ แต่ปากกลับเอ่ยทักด้วยถ้อยคำที่แสลงหูอย่างยั้งตัวเองไม่ทัน
“โอ๊ะ! ยัยหมอผี ทำงานที่นี่เหรอ?”
นิลกาฬกลอกตาอย่างเหลืออด ถ้าไม่ติดว่าเป็นเพื่อนสนิทของพี่สะใภ้นะ เธอจะทุบให้หลังแอ่นเลย มุ่ยหน้าใส่แล้วเลี่ยงการพูดคุยด้วยการยื่นมือออกไปข้างหน้า แบมือขอแก้วเครื่องดื่มคืน
หากคชากลับทำนิ่ง ไม่รู้ไม่ชี้
“ประทานโทษค่ะ นั่นของฉัน”
“แน่ใจ?”
“นี่! วันนี้ฉันเหนื่อยมาตั้งแต่เช้าแล้วนะ ไม่มีเวลามาเล่นขายของกับนายหรอก เอาของฉันคืนมา”
น้ำเสียงเริ่มแข็งกระด้างขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ ยิ่งคนตรงหน้าเอาแต่ยกยิ้ม ทำหน้ายียวน ความหงุดหงิดก็พุ่งสูง หน้าบูดบึ้งกลายเป็นหงิกงอ
คชาลอบยิ้มขำแล้วยอมยื่นเครื่องดื่มของตนไปให้ก่อน มองหมอสาวที่ทำแก้มป่อง คาบหลอดในปากด้วยสายตาขบขัน
“หมอนิลคะ มัทฉะเฟรบเป้กับมัฟฟินได้แล้วค่ะ”
เสียงพนักงานตะโกนเรียก ทำเอาเจ้าของชื่อถึงกับชะงักค้าง เธอหมุนตัวกลับไปมองแก้วเครื่องดื่มที่วางตั้งอยู่บนเคาน์เตอร์แล้วกะพริบตาปริบ ๆ
‘K.หมอนิล’
ชื่อที่ถูกเขียนเด่นชัดบนแก้วน้ำตอกหน้าเธออย่างแรงจนแทบหงายหลัง ปากเล็กค่อย ๆ อ้าคายหลอดออกมา สีหน้าประดักประเดิด แบบนี้มันแปลได้ว่าไอ้แก้วในมือที่กำลังดูดอยู่ มันไม่ใช่ของเธอหรอกเหรอ?
“เอ่อ...”
คชามองคนอ้าปากพะงาบ ๆ แล้วหัวเราะในลำคอ หยิบแก้วเครื่องดื่มของเธอมาดูดอย่างไม่ใส่ใจนักเพราะถึงอย่างไรก็สั่งเมนูเดียวกัน หากพอเหลือบตามองใบหน้าเก้อเขินอันแสนน่าเอ็นดู เขาก็อดหยอกเย้าไม่ได้
“ไม่เป็นไรยัยหมอผี อาการหูตึงกับสายตายาว พ่อฉันก็เป็นเหมือนกัน ไม่ต้องอายหรอก”
“ไอ้...!”
“จีน่า? คชาคะ? เนคไทด์เบี้ยว? ยัยนี่สินะที่เป็นเจ้าของรอยลิปสติกวันนั้น เหอะ!”นิลกาฬลดมือลงมาข้างตัวพลางนึกภาพจิตนาการตามสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่ไปด้วย คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันแน่น มือเล็กออกแรงบีบโทรศัพท์ในมือมากขึ้นอย่างไม่รู้ตัว รู้สึกหงุดหงิดใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก“หมอนิลคะ”“....”“หมอนิล!”นิลกาฬสะดุ้งเล็กน้อยพลางหันมองตามเสียงเรียกด้วยสีหน้างุนงง ริมฝีปากคลี่ยิ้มละมุนเมื่อพบว่าเป็นพี่ณา รุ่นพี่พยาบาลที่ทำงานอยู่ห้องฉุกเฉินนั่นเอง“รถบัสมาแล้วค่ะ มีอะไรให้พี่ช่วยยกขึ้นรถไหมคะ”“อ่อ ไม่มีหรอกค่ะ ขอบคุณนะคะ”หมอสาวคลี่ยิ้มจริงใจให้รุ่นพี่ ก่อนจะเดินตามหลังเธอไปขึ้นรถบัสที่จอดรออยู่บริเวณลานจอดสายตาอึ้งทึ่งจ้องมองคนอื่น ๆ ที่ลากกระเป๋าเดินทางไซส์กลางแล้วดึงสายตากลับมามองกระเป๋าในมือตัวเองคนอื่นขนกันมาเยอะไป หรือฉันเอามาน้อยไปวะเนี้ย? นี่คงไม่มีใครถึงขนาดพกเต้นท์ส่วนตัวติดไปด้วยหรอกนะขาเรียวก้าวขึ้นรถแล้วเลือกที่นั่งที่คิดว่าปลอดภัยและเป็นส่วนตัวที่สุด มือเล็กกดพิมข้อความส่งไปหาคชาอย่างที่ตกลงกันไว้มือเล็กก็หยิบหูฟังขึ้นมาใส่หูแล้วพิงศีรษะเข้ากับกระจกพลางหลับตาพริ้ม ริมฝีปากยกยิ้
นิลกาฬสูดหายใจเข้าลึก ๆ เรียกความมั่นใจให้ตัวเอง ขณะที่มือเล็กบีบก้านจับประตูแน่น ในหัวเอาแต่วนเวียนคิดถึงแต่เรื่องที่เกิดขึ้นจนนอนไม่หลับทั้งคืนโชคดีที่วันนี้เธอจะได้ออกเดินทางขึ้นเหนือแล้ว จึงทำให้เลี่ยงการเผชิญหน้ากับชายหนุ่มได้อย่างเหมาะเจาะ“หวังว่าเขาจะยังไม่ตื่นนะ”เธอค่อย ๆ บิดก้านจับประตูเปิดออกอย่างช้า ๆ ก่อนโผล่หน้าออกมาหันซ้ายหันขวา เช็คดูจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีคนอยู่นอกทางเดินจึงแทรกตัวออกมาด้านนอก แล้วหมุนตัวไปดึงประตูให้ปิดลง“ทำอะไรลับ ๆ ล่อ ๆ”“ว๊ายยยย”นิลกาฬสะดุ้งโหยงสุดตัวด้วยความตกใจเมื่อจู่ ๆ คนที่คิดว่ายังไม่ตื่นสวมกอดเธอจากด้านหลัง ซ้ำยังยื่นหน้าเข้ามากระซิบที่ข้างหูอีกด้วย“ฉะ...ฉัน ฉัน ฉัน”“คิดว่าฉันจะมองเกมส์เธอไม่ออกเหรอ หื้มม?”คชาอมยิ้ม วางคางสากลงบนไหล่มนพลางกระชับอ้อมแขนมากขึ้น ใช้ปลายจมูกคลอเคลียไปตามพวงแก้มนวลอย่างหยอกเย้า“มาเถอะ เดี๋ยวไปส่ง”ซึมซับความหอมละมุนจากกายสาวอยู่สักพัก คชาก็คลายอ้อมกอดออก ดึงกระเป๋าเสื้อผ้ามาถือให้แล้วใช้มืออีกข้างคว้ามือเล็กมาเกาะกุม ก่อนจะจูงมือพาเธอไปขึ้นรถเพื่อมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลอย่างที่ทำอยู่เกือบทุกวันหมอสาวนั่งเ
สมองยังไม่ทันจะสั่งการแต่ทว่าร่างกายกลับทำตามความคิดไปเสียแล้ว ปากร้อนประกบลงมาแนบชิด ค่อย ๆ ไล้เลียไปตามกลีบปากนุ่ม ขบเม้มเบา ๆ หยอกเย้าอย่างอ่อนโยน"อื้ออ!”นิลกาฬรู้สึกได้ว่ารสจูบในครั้งนี้แตกต่างไปจากครั้งอื่น ๆ มันนุ่มนวลและอ่อนหวานเสียจนใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นจังหวะร่างกายอ่อนระทวยไร้เรี่ยวแรงจะต้านทาน จิกเล็บลงบนไหล่กว้างอย่างแรงพลางร้องครางอู้อี้เมื่อชายหนุ่มเพิ่มน้ำหนักการบดจูบให้ร้อนแรงขึ้น“ยะ...หยุดก่อน! ฉะ...อื้อออ”เธอรีบอ้าปากหอบหายใจ ปากเล็กเปล่งเสียงร้องทันทีที่ได้รับอิสระ แต่ยังไม่ทันจะพูดได้ครบทั้งประโยค ข้อมือเล็กถูกรวบด้วยมือเดียวยกขึ้นเหนือศีรษะ พร้อมกับริมฝีปากร้อนที่วกกลับมาสร้างความวาบหวามรัญจวนใจให้เธออีกครั้งเพียงแค่ได้สัมผัสความอ่อนหวานที่คิดถึง เขาก็หน้ามืดจนหลงลืมข้อปฏิบัติที่ตนเองท่องอยู่ทุกวันไปชั่วขณะ ยิ่งได้ยินเสียงหวานร้องครางกระเส่าด้วยแล้ว ความยับยั้งชั่งใจที่มีอยู่น้อยนิดก็กระเด็นกระดอนหายไปในอากาศทันทีคชาบดจูบดูดดึงปากเล็กจนบวมเจ่อ ใช้ความชำนาญที่มีทั้งหมดล่อลวงให้หญิงสาวคล้อยตาม ยอมเปิดปากให้ลิ้นร้อนสอดเข้าไปในโพรงปากและกวาดไล้ต้อนลิ้นเล็กอย่
นิลกาฬลากขาเดินตามหลังคชาไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้า เหน็ดเหนื่อยจากการทำงานยิงยาวทั้งวันทั้งคืนจนแทบหมดแรงเดิน มือเล็กยกขึ้นปิดปากเดินหาวหวอด ๆ มองคชาที่ล้วงคีย์การ์ดออกมาจากกระเป๋ากางเกงตัวเองแล้วถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่หน้าด้าน หน้ามึน หน้าทน ไม่มีใครเกิน! ติ้ดติ้ด! แกร่ก!มือหนาผลักประตูห้องออกกว้างพลางเบี่ยงตัวหลบให้หมอสาวเดินนำเข้าไปในห้องก่อนนิลกาฬทำหน้าเหนื่อยหน่ายใจเมื่อเขายังคงทำตัวราวกับเป็นเจ้าของห้องไม่มีเปลี่ยน แต่เธอทั้งเหนื่อยและหิวเกินกว่าจะอ้าปากห้ามให้เปลืองพลังงาน เธอก้าวผ่านหน้าคชาเข้าไปด้านในแต่ไม่วายขอกัดเพื่อความสบายใจสักคำสองคำ“เชิญค่ะ ตามสบายนะคะ คิดซะว่าเป็นบ้านของตัวเอง”“ครับที่รักกกก”นิลกาฬกรอกตามองบนใส่คนหน้ามึนแล้วทิ้งตัวลงนอนแผ่บนเตียงนุ่มอย่างอ่อนแรง เหม่อมองร่างสูงก้ม ๆ เงย ๆ จัดหนังสือที่เธอรื้อออกมาอ่านทบทวนเมื่อวานให้กลับเข้าที่ด้วยสีหน้าครุ่นคิดฉันควรทำโล่ให้นายดีไหมนะเกือบ 2 เดือนแล้วสินะที่เขาโผล่กลับเข้ามาในชีวิตของเธออีกครั้ง คชายังคงทำตัวเป็นเจ้ากรรมนายเวรของเธอได้เสมอต้นเสมอปลายอย่างน่าชื่นชมเขายึดทุกอย่างไปไว้กับตัวเองทั้งหมด ไม่ว่าจ
“อารมณ์ดีกันจังเลยนะคะคู่นี้ ถ้าไม่รู้จักมาก่อนคงคิดว่าเป็นแฟนหมอนิลอีกคน”ถ้อยคำหยอกเย้าแฝงด้วยน้ำเสียงกระแนะกระแหนของคู่กัดเจ้าเก่า ตามด้วยเจ้าของประโยคที่หย่อนสะโพกนั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่อยู่ถัดไปจากเกมส์นิลหันไปมองตามเสียงแล้วคลี่ยิ้มหวานแบบเฉพาะที่มีไว้ให้เจ้าหล่อนแค่คนเดียว ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงหยอกเย้าไม่ต่างกัน“ขนาดไม่ได้เป็นแฟนกัน ยังดูแลนิลดีขนาดนี้เลย ไม่อยากจะนึกถึงตอนเป็นแฟนกันเลยนะคะ”สองสาวประสานสายตาที่แฝงไปด้วยอารมณ์คุกรุ่นนิ่งนาน จนคนกลางอย่างเกมส์ลอบกลืนน้ำลายเอือกใหญ่ มองใบหน้ายิ้มแย้มด้วยความประดิษฐ์ของทั้งสองสลับกันไปมา พลางขยับตัวขยุกขยิกไปมาด้วยความอึดอัด“ตามประสาพี่น้องน่ะครับหมอเรนนี่”“ใช่ค่ะ ตามประสาพี่น้องที่เขามีความรู้สึกดี ๆ ให้กัน แต่เอ....มันก็เป็นปกติไม่ใช่เหรอคะ”นิลกาฬพูดเสริม ยกยิ้มมุมปากแล้วเอียงคอมองหน้าเรนนี่ด้วยแววตาใสซื่อ คิดว่าสร้างภาพเป็นคนเดียวเหรอคะ เฮลโหล!“แบบนี้หมอนิลก็คงจะมีพี่น้องอยู่ทุกแผนกเลยสิคะเนี้ย ก็อัธยาศัยดีออกขนาดนี้”หื้มมมม? นี่แอบด่าว่าฉันแรดป่ะว๊า? งั้นก็มาค่ะ! อยากกัดกับฉันใช่ไหมคะ ด้ายยยยยยย“แหม~ ไม่ถึงขนาดนั้นหร
@1 เดือนถัดมาร่างบางลนลานหยิบข้าวของ วิ่งหน้าตั้งลงจากรถยนต์คันหรูของคชาที่เพิ่งแล่นเข้ามาจอดหน้าประตูทางเข้าโรงพยาบาล ก่นด่าตัวเองในใจไปด้วยโทษฐานที่เมื่อคืนเผลอดูซีรี่ย์เพลินจนนอนตื่นสายจนได้ กระจกรถถูกเลื่อนลงจนสุดเผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาของสารถี แล้วตามด้วยเสียงตะโกนเรียกจากเจ้าของรถ“นิล! โทรศัพท์!!”แต่ดูท่าว่าคนตื่นสายจะไม่ได้ยิน และยังไม่รู้สึกตัวเลยสักนิดว่าปัจจัยห้าของเธอ ยังนอนแอ้งแม้งอยู่ในช่องใส่ของบนรถคชาขยับรถเข้าไปจอดรถในที่ว่างที่ไม่กีดขวางคนอื่น กดเปิดไฟฉุกเฉินทิ้งไว้ก่อนจะรีบวิ่งเหยาะ ๆ ตามหลังหมอสาวไป“นิล!”นิลกาฬชะงักฝีเท้าแล้วหันตามเสียงตะโกนเรียกจากด้านหลัง คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันแน่นด้วยความงุนงง แล้วหยุดฝีเท้ายืนอยู่กับที่เมื่อเห็นว่าคนเรียกเมื่อครู่เป็นคชา“เอ้า! ตามลงมาทำไม วันนี้นายมีประชุมไม่ใช่เหรอ”“ยัยซื่อบื้อ! เธอลืมมือถือ!”คชาใช้โทรศัพท์มือถือเคาะลงบนศีรษะทุยเล็กเบา ๆ อย่างหยอกเย้า ก่อนจะยื่นมันคืนให้เธอ มือเล็กยกขึ้นลูบบริเวณที่ถูกตีปอย ๆ พลางทำหน้ามุ่ยมองค้อนใส่“ไม่ต้องมาสวดแช่งฉันในใจ วันนี้อยู่เวรไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวก็ลงแดงตายพอดีถ้าไม่มีเกม
Comments