เมื่อหญิงสาวมาถึงหน้าห้องแฟนหนุ่มแล้วจึงกดรหัสเข้าห้องไปในห้อง แต่เมื่อลัลน์เปิดประตูห้องเข้าไปกลับเจอรองเท้าส้นสูงสีแดงของผู้หญิงวางระเกะระกะ เมื่อไล่สายตาไปตามทางเดินกลับมีเสื้อผ้าชายหญิงที่ถอดทิ้งไว้อย่างไม่ไยดี เสียงเนื้อกระทบเนื้อปนกับเสียงครางของชายหญิงดังลั่นห้อง หญิงสาวกลั้นใจเดินไปที่ห้องนั่งเล่นเพื่อให้เห็นถึงความจริง
“อ๊าส์ อ๊าส์ อื้อออ มาร์คขาา อ๊ะส์ ญดาเสียวจังเลย อ๊าส์ๆๆ” พลั่บๆๆๆๆๆ เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังลั่นห้อง “ฮึม ซี๊ดดด ตอดอีกดา อืมม แม่งเอามันชิบ” หญิงสาวผมยาวสีทองกำลังขึ้นขี่ขย่มมาร์คอย่างเมามัน ชายหนุ่มครางในลำคอยึดสะโพกญดาแทงเอ็นตอกสวนร่องฉ่ำ ปากจูบแลกลิ้นกันอย่างดูดดื่มโดยไม่รู้เลยว่ามีแขกที่ไม่ได้รับเชิญกำลังรับชมหนังสดนี้อยู่ “พะ พะ พี่มาร์คคะ” ลัลน์เรียกมาร์คด้วยเสียงอันสั่นเครือ น้ำตาไหลเต็มนองหน้าสาว ทำให้กิจกรรมเข้าจังหวะระหว่างมาร์คกับญดาพลันชะงักลง “ว้ายยย นังบ้าแกเข้ามาในห้องของคนอื่นได้ยังไง ไม่มีมารยาท!!!” ญดากรีดร้องเสียงดัง มือขาวควานหาผ้ามาคลุมร่างกายขาวผ่องไว้ “ละ ลัลน์ ” ชายผู้ก่อเรื่องสร้างปัญหาเรียกแฟนสาวของตนเสียงค่อย พลางอ้ำอึ้งน้ำลายเหนียวไม่กล้าพูดอะไรออกไปเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคลายไม่ออกเช่นนี้ “นี่มันอะไรกันคะมาร์ค อีอ้วนนี่มันคือใคร ทำไมมันถึงเข้ามาในห้องของมาร์คได้ ตอบญดามานะคะ” ญดากอดอก เชิดหน้า ดวงตาลุกวาวแสดงถึงความไม่พอใจที่มีคนเข้ามาทำตัวไร้มารยาทขัดจังหวะตน “ทำไมพี่มาร์คถึงทำแบบนี้กับลัลน์ได้ลงคอคะ 3 ปีที่ผ่านมาของเราคืออะไร ฮึกก ฮืออ” ลัลน์สะอื้นไห้อย่างหนักกับความจริงที่อยู่ตรงหน้า เธอตั้งใจจะเซอไพรซ์มาร์คแต่ชายหนุ่มกลับเซอไพรซ์เธอกลับซะแสบทรวง หญิงสาวร้องไห้คร่ำครวญถึงความรักที่ผ่านมา ทวงคำสัญญาจากชายคนรักให้อธิบายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ “เอ๊ะ!!! นังบ้าแกพูดอะไรของแก แกคิดว่าคนระดับมาร์คเขาจะชายตามองเธอ ยกเธอเชิดหน้าชูตาเขารึไง ไม่หัดดูสารรูปตัวเองแล้วเจียมเนื้อเจียมตัวสักนิด นี่! มาร์คคุณพูดอะไรหน่อยซิคะอย่าปิดปากเงียบอยู่แบบนี้ซิ” ญดาแผดเสียงต่อว่า สายตามองลัลน์อย่างเหยียด พลันกระตุกแขนเรียกสติชายหนุ่มให้พูดอะไรบ้าง “ฉันขอโทษนะญดา ลัลน์เธอเป็นแฟนของฉันจริง แต่ฉันก็จริงจังกับเธอนะดาไม่งั้นฉันจะพาเธอออกงานสังคมทำไมล่ะ” “แล้วยังไงล่ะคะ จะให้ดาเป็นรองนังนี่ที่ไม่มีอะไรดีหรือคะ มีข่าวออกไปญดาเสียชื่อเสียงแย่นะคะ คุณต้องเลือกมาค่ะมาร์คว่าจะคบกับญดาหรือจะคบกับนังชั้นต่ำนี่” อย่าหวังเลยว่าคนระดับเธอจะยอมเป็นรองกับคนสภาพดูไม่ได้เช่นนี้ เธอมีความมั่นใจมากว่ายังไงมาร์คก็ต้องเลือกเธออย่างแน่นอน ญดาคิดแล้วก็เชิดหน้ามองด้วยสายตาเหยียดหยามลัลน์ซึ่งยืนร้องไห้อยู่กลางห้อง ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ มีเสียงสะอื้นไห้ของลัลน์แทรกขึ้นมาในบางจังหวะ นัยน์ตากลมโตจ้องมองแฟนหนุ่มอย่างน้อยเนื้อต่ำใจที่ให้ผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้ดูถูกตน อีกทั้งชายคนรักก็ไม่คิดจะปกป้องอะไรเธอเลย ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่มาร์คถอนหายใจไปหนี่งที พลันใส่เสื้อคลุมแล้วเดินตรงไปหาลัลน์ “พี่ขอโทษนะลัลน์ พี่คงไปต่อกับเราไม่ได้แล้วล่ะ” “ฮึก ทำไมคะพี่มาร์ค ทำไมพี่ตัดสินใจแบบนี้ ฮึก ที่ผ่านมาเรื่องของเรามันไม่มีความหมายกับพี่เลยรึไงคะ ฮือออๆๆ” หญิงสาวโถมตัวเข้าไปกอดมาร์คไว้หวังเพียงว่าชายหนุ่มจะเปลี่ยนใจหันกลับมารักเธอต่อ เธอรักเขามากเรื่องแค่นี้เธอยอมให้อภัยเขาได้ ขอแค่เขากลับมาเป็นแฟนหนุ่มคนเดิมของเธอก็พอ “ไม่ว่าจะฐานะทางสังคม หน้าตาหรือแม้กระทั่งเรื่องบนเตียงเธอตอบสนองให้พี่ทุกอย่าง ซึ่งลัลน์เป็นให้พี่ไม่ได้สักเรื่อง” “ฮืออ พี่ลองคิดดีๆ ดูก่อนไหมคะ ตอนนี้อาจเป็นอารมณ์ชั่ววูบของพี่ก็ได้ ที่ผ่านมาเราก็รักกันดูแลกันดีไม่ใช่หรือคะ” “ขอโทษนะพี่ตัดสินใจดีแล้ว เราเลิกกันเถอะ พี่ไปต่อกับลัลน์ไม่ได้เพราะจะทำให้ลัลน์เสียใจ” หญิงสาวเบิกตาโพลง ช็อกกับสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้าในขณะนี้ ลัลน์ปล่อยเสียงร้องไห้โฮเสียงดัง แฟนหนุ่มของเธอบอกเลิกอย่างไม่มีเยื่อใย พูดมาด้วยสายตาที่ว่างเปล่าราวกับคนที่ไม่เคยรักกัน แล้วคำพูดอะไรที่ว่าไปต่อกับเธอไม่ได้จะทำให้เธอเสียใจเพ้อเจ้อทั้งเพ “งั้นหนูก็ขอให้พี่มีความสุขกับทางที่พี่เลือก แล้วทีหลังพี่อย่าไปทำตัวสารเลวแบบนี้กับใครอีก!!!” ลัลน์ปาดน้ำตาพร้อมกับปาของขวัญที่เธอตั้งใจทำให้คนรักใส่หน้ามาร์คอย่างแรง แล้วจึงเดินเปิดประตูห้องออกไปโดยที่ไม่หันกลับมามองคู่หญิงร้ายชายเลวอีก “ฮืออๆๆ หนูนาแกอยู่ไหน ตอนนี้ลัลน์ทำอะไรไม่ถูกแล้ว ละ ลัลน์ควรกลับเข้าไปอ้อนวอนพี่มาร์คดีไหม” เมื่อหญิงสาวปิดประตูห้องมาร์คลง มืออวบจับโทรศัพท์กดโทรหาเพื่อนรักทันที “เดี๋ยวๆ ยัยลัลน์แกตั้งสติก่อน เรื่องมันเป็นมายังไง แกทะเลาะกับพี่มาร์คแกเรอะ ลัลน์แกลงมารอข้างล่างคอนโดก่อน เดี๋ยวฉันไปหา แกต้องตั้งสตินะเว้ยลัลน์ห้ามทำอะไรสิ้นคิดเด็ดขาดนะ” ว่าแล้วหนูนาก็ตัดสายลง เลิกเดินซื้อของแล้วรีบคว้ากุญแจรถขับไปหาเพื่อนเธอทันที “โฮฮฮฮฮ ฮึก ไหนว่ารักกันไง ทำไมนอกใจเอาคนอื่นมานอนที่ห้องด้วย ฮืออๆๆ” ลัลน์ทรุดตัวนั่งพิงประตูห้องร้องไห้โฮอย่างไม่อายใคร เป็นเวลานานกว่าที่เธอจะเงยหน้าจากการจับเข่าร้องไห้ เธอหยุดร้องไห้แล้วลุกขึ้นมาลุกขึ้นยืนด้วยสายตาที่ว่างเปล่า เดินออกไปอย่างใจลอย เธอรู้สึกว่าเธอเดินชนกระแทกไหล่ใครก็ไม่อาจทราบได้ เนื่องจากตอนนี้หญิงสาวไม่มีสติพอที่จะใช้ชีวิตต่อไปได้ คำพูดของอดีตคนรักยังดังก้องตอกย้ำในหัวเธอซ้ำไปซ้ำมาให้เธอจมอยู่กับอดีตอันขมขื่น ถ้าเธอตายเขาจะสงสารและรู้สึกผิดกับเธอบ้างไหมนะ หรือพี่เขาจะไม่รู้สึกผิดอะไรกับการกระทำของเขาเลย แล้วสรุปคำว่าไปต่อกับเธอไม่ได้จะทำให้เธอเสียใจมันคืออะไร แล้วการกระทำของพี่ในตอนนี้ไม่ได้ทำให้หนูเสียใจรึไง หญิงสาวได้แต่คิดวนเวียนถามคำถามตนเองซ้ำไปซ้ำมาเพื่อหาคำตอบที่ไม่มีใครตอบได้นอกจากชายหนุ่มผู้กระทำเอง“ทำไมคอแม่ลัลน์ถึงแดงจังเลยคะ?” สิ้นเสียงคำถามจากลูกสาว มือเล็กรีบยกขึ้นลูบต้นคอตัวเองตามสัญชาตญาณ ก่อนจะคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดกล้องดูภาพสะท้อน รอยแดงเป็นจ้ำใหญ่ปรากฏเด่นชัด ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจ ตวัดสายตาไปมองคนตัวโตที่ยืนยิ้มหน้ามึนอยู่ข้าง ๆ ไม่มีทีท่าว่าจะช่วยแก้สถานการณ์ให้เลยสักนิด“คือว่าแม่โดนผึ้งกัดค่ะ แม่แพ้เลยเป็นรอยแบบนี้” ลัลน์กลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอ พยายามหาข้ออ้างตอบลูกให้ฟังดูน่าเชื่อถือที่สุด แต่ยังไม่ทันได้โล่งใจ เสียงทุ้มของลูกชายที่เงียบมานานก็เอ่ยขึ้นด้วยท่าทีสงสัย“ผึ้งที่ไหนหรือครับที่คอนโดกับที่ห้องนี้ก็ไม่น่าจะมีผึ้งได้นะครับ” คำถามของคอร์ททำให้ลัลน์ชะงักค้าง ไม่คิดว่าลูกชายจะจับสังเกตและถามกลับมาแบบนี้“เอ่อ คือว่าแม่” เสียงหวานกระอักกระอ่วนไม่อาจหาข้ออ้างยกขึ้นกล่าวกับลูกชายได้ เมื่อเห็นเมียรักกระดากเกินกว่าที่จะเอื้อนเอ่ยออกมา เขาในฐานะสามีที่ดีก็ควรช่วยเหลือบ้าง“ผึ้งในช่อดอกไม้น่ะ ว่าแต่ซักพยานขนาดนี้ไม่อยากกินปิ้งย่างแล้วใช่ไหมนะ” คิณณ์พูดพลางเลิกคิ้วเจ้าเล่ห์ เบี่ยงเบนความสนใจของลูก ๆ ได้อย่างแนบเนียน สองแฝดรีบกอบกุมมือพ่อแม่ไว้อย่างอบอุ่
ภายในห้องทำงานโทนสีดำสุดหรู อุณหภูมิเย็นเฉียบตัดกับความร้อนแรงที่ปกคลุมบรรยากาศ เสียงเครื่องปรับอากาศทำงานอย่างสม่ำเสมอถูกกลบด้วยเสียงหยาบโลนท่ามกลางความเงียบงัน แต่ดูเหมือนว่าไอเย็นเหล่านั้นจะไม่มีผลใด ๆ ต่อชายหญิงที่ตอนนี้กำลังเมามันหลงใหลในกามราคะอยู่บนโซฟาหนังภายในห้อง“อื้อ พะพอได้แล้ว อ๊ะส์ เดี๋ยวลูกมานะคะ” เสียงหวานครางกระเส่า มือเล็กดันหน้าท้องแกร่งออกให้ลดแรงกระแทกเมื่อเห็นว่าสมควรแก่เวลาที่เจ้าสองแสบเลิกเรียนและกำลังเดินทางมาบริษัท จะว่าสองแสบก็ไม่เชิงในเมื่อคนที่แสบสันที่สุดนั้นดูเหมือนจะเป็นลูกสาวตัวดีของเธอ ส่วนลูกชายนั้นเรียบร้อยนุ่มนิ่มเหมือนผ้าพับไว้“คนดีพี่ขอหน่อย พี่ไม่มีโอกาสเลยนะเจ้าตัวแสบกันพี่ตลอดเลย ซี้ดด” คิณณ์ถึงกับซูดปากครางทันทีเมื่อเมียเด็กของเขายกสะโพกสวนแรงกระแทกของเขาทำให้ร่องคับแคบบีบรัดแน่นจนเขาเสียวซ่านไปทั่วกาย ถึงแม้เธอจะคลอดลูกแล้วแต่ดูเหมือนจะไม่ส่งผลอันใดต่อร่องสวาทนี้เลยพลั่บๆๆๆเสียงเนื้อกระทบเนื้อยังคงดังลั่นห้อง เอวสอบโหมกระแทกแรง ขาข้างหนึ่งชันไว้บนโซฟา จับสะโพกอวบอิ่มกลมกลึงไว้แน่นพร้อมจับกระแทกอย่างรัวเร็ว เมื่อหัวลำลึงค์ของเขากระแท
เรื่องราวเหล่านี้ผ่านมานานแค่ไหนแล้วนะ สิบปี?หรืออาจจะสิบห้าปี? ผมเองก็จำไม่ได้แน่ชัด เช่นเดียวกับที่ผมไม่เคยนับว่าเป็นเพื่อนกับคิณณ์มานานเท่าไหร่ พวกเราสนิทกันมากถึงขั้นที่ว่าตายแทนกันได้เลย แต่สุดท้ายแล้ว จุดเปลี่ยนที่ทำให้ทุกอย่างพังทลายก็คือ "ผู้หญิง"เธอคนนั้นใบหน้าน่ารัก ตัวเล็กน่าทะนุถนอม ผมได้รู้จักเธอครั้งแรกในงานสังคมของผู้ใหญ่ ซึ่งตอนนั้นทั้งสองครอบครัวเคยพูดคุยกันเล่น ๆ ถึงเรื่องการหมั้นหมายระหว่างผมกับเม็ดทราย ผมเองก็ไม่รู้ว่าคำพูดเหล่านั้นมีความจริงจังแค่ไหน แต่สุดท้ายความสัมพันธ์ของผมกับเธอก็ค่อย ๆ พัฒนาไปจนถึงขั้นลึกซึ้งตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมภาคภูมิใจที่ได้รักเธอคนนี้ แม้ว่าเราจะไม่ได้เปิดเผยความสัมพันธ์ให้ใครรับรู้ แต่ในเมื่อเธออยู่กับผมแล้ว การประกาศให้โลกรู้หรือไม่นั้นไม่ใช่สิ่งสำคัญ ทว่าผมคิดผิดเมื่อผมขึ้นปีสองผมเลือกเรียนคณะนิติศาสตร์เช่นเดียวกับคิณณ์ เราสองคนมีอะไรคล้ายกันหลายอย่าง เพียงแต่เส้นทางของเราแตกต่างกัน ผมใฝ่ฝันอยากเป็นอัยการมากกว่าที่จะเป็นผู้พิพากษาเหมือนคิณณ์มัน แต่ใครจะไปคิดว่าความชอบเพียงอย่างเดียวคงไม่พอ เพราะสุดท้ายแล้วเราทั้งคู่กลับตกหลุมรักผู
วันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่น่าเบื่อหน่ายสำหรับผม หลังจากเรียนพิเศษเสร็จผมจึงมุ่งหน้าไปยังสวนสาธารณะที่นัดเจอน้องคนหนึ่งไว้ทุกวัน ถึงแม้จะเหนื่อยสักเพียงใดเขาก็ไม่เคยผิดนัดกับหนูน้อยคนนี้เลยเด็กสาวตัวจ้ำม่ำในชุดประถมพร้อมคอซองค์และถักผมเปียสองข้างน่ารัก กำลังนั่งทำการบ้านอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อน หน้าผากเธอขมวดมุ่นด้วยความตั้งใจ เมื่อเธอรู้สึกถึงการมาของผมจึงเงยหน้าขึ้นมองด้วยสายตาคาดหวัง ก่อนจะวิ่งเข้ามาหาผม“พี่คิณณ์ขา มาแล้วหรือคะ?”“โทษที พี่มาช้าไปหน่อย” ผมกล่าวพร้อมกับลูบศีรษะเล็กๆ อย่างเอ็นดู“ไม่เป็นไรค่ะ หนูก็พึ่งมา” เด็กน้อยยิ้มตาปิดส่งให้เขาอย่างไร้เดียงสา นับถือพี่ชายที่คอยมาสอนหนังสือในทุกๆวัน ตั้งแต่เธออยู่ป.1 แล้ว จนตอนนี้เธอป.3 พี่ชายก็คอยสอนหนังสือเธอมาอย่างสม่ำเสมอจนก่อเกิดความรักขึ้นในหัวใจของเด็กน้อยท่าทางของเด็กน้อยทำให้ผมรู้ทันทีว่าเธอกำลังรู้สึกพิเศษอะไรบางอย่างกับผม รู้สึกมากเกินกว่าที่ควรจะเป็นระหว่างพี่น้อง แต่ผมก็ไม่ได้ถอยห่างไปไหน คิดว่าเธออาจจะยังแยกไม่ออกระหว่างความรักแบบพี่น้องที่มีความเคารพนับถือ ไม่ใช่ความรู้สึกในทางชู้สาว“อืม วันนี้การบ้านวิชาอะไร
ชายหนุ่มลูกคนโตของบ้านหรูหลังนี้กำลังอุ้มร่างบางขึ้นแนบอกเดินเข้าบ้านมาอย่างทะนุถนอม ใบหน้าหวานหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข แทบไม่ได้นอนเนื่องจากอาเจียนทั้งวันจนเธอเวียนหัวลมแทบจับ“หนูลัลน์เป็นอะไรลูก” ไอย์ลดาเอ่ยทักขึ้นเมื่อเห็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอุ้มลูกสะใภ้มา“พึ่งได้นอนครับผมเลยไม่ได้ปลุก”“พาลูกสาวฉันไปนอนก่อนไป ข้าวค่อยกินทีหลัง”“มันจะดีหรือครับคุณท่าน มันจะเสียมารยาทเอานะครับ” พงษ์ทวีเอ่ยขัดอย่างเกรงใจที่ดูเหมือนบ้านฝั่งลูกเขยจะรอลูกสาวคนเดียว แม้จะเข้าใจว่าอาการแพ้ท้องเป็นเรื่องธรรมชาติแต่ก็อดกังวลเรื่องมารยาทไม่ได้“คนท้องก็ยังงี้ล่ะ ทำเหมือนไม่เคยมีลูกไปได้” ไอย์ลดาเสริมทัพสามีของตนทันที“อื้อ” เสียงหวานพึมพำเบา ๆ เมื่อได้ยินเสียงพูดคุย คนตัวเล็กขยี้ตาตัวเองแรงจนคิณณ์ต้องคว้ามือบางให้หยุด ก่อนจะหญิงสาวหาวเบา ๆ จนตาน้ำตาคลอ ก่อนจะซุกหน้ากับไหล่กว้างของสามีอย่างงัวเงีย คิณณ์หัวเราะเบา ๆ ก่อนจะค่อย ๆ นั่งลงบนโซฟา โดยให้เธอนั่งบนตักอย่างทะนุถนอม“ตื่นแล้วรึเด็กขี้เซา” เขากระซิบถามเสียงอ่อนโยน แต่ทันทีที่ลัลน์ลืมตาขึ้นมาเต็มตาเธอกลับพบพ่อแม่ของตัวเองยืนมองอยู่ หญิงสาวสะดุ
“หนูไหวไหมคะ ให้พี่พาไปหาหมอไหม” เสียงทุ้มเจือความกังวลถามขึ้นอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กยังคงซีดเซียว กินอะไรก็แทบไม่ลง คิณณ์มองร่างบางที่นอนซบอยู่บนเตียงด้วยสายตาเต็มไปด้วยความห่วงใย มือหนาลูบไปตามเส้นผมนุ่มของเธอเบาๆ ราวกับปลอบโยนหญิงสาว“พี่ไปทำงานเถอะค่ะ หนูไม่ได้เป็นอะไรมาก” เสียงแหบแห้งดังขึ้น ริมฝีปากที่เคยอวบอิ่มกลับแตกระแหงจนเขายิ่งสงสารจับใจ คิณณ์ขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะจับมือเล็กขึ้นมาจุมพิตที่หลังมืออย่างอ่อนโยน ดวงตาคมฉายแววอ่อนลง แต่ยังเต็มไปด้วยความกังวล“แบบนี้ไม่เป็นอะไรมากที่ไหน มันอาการหนักแล้วนะ” เขาพูดเสียงเข้ม ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งข้างเตียงไม่ยอมไปไหน “เดี๋ยวพี่ก็ลาออกแล้วนะคะ หยุดบ่อยคงไม่ดี”“แล้วพี่จะปล่อยให้เมียพี่เป็นแบบนี้งั้นเรอะ” “หนูแค่ท้องนะคะ ไม่ได้จะตาย” คนน้องหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปกุมมือหนาของเขาไว้ พร้อมส่งยิ้มให้เขาอย่างเอ็นดูเมื่อใบหน้าคมยังฉายแววเป็นห่วงไม่คลาย“แต่พี่ว่าหนู... หนูว่าอะไรนะ ท้องงั้นเหรอ?” คิณณ์ชะงักไปเล็กน้อย ขมวดคิ้วแน่นราวกับจับสังเกตบางอย่างได้ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ดวงตาคมเบิกกว้างราวกับยังไม่อยากเชื