Share

บทที่ 7

last update Huling Na-update: 2024-11-20 15:47:11

แต่ดูเหมือนฟ้าหลังฝนของเธอจะค่อยๆ สดใสขึ้น หลังผ่าตัดอาการของแม่ก็ถือว่าฟื้นตัวได้ดีแม้ต้องระวังเรื่องการติดเชื้อและภาวะแทรกซ้อนด้านอื่นๆ โดยเฉพาะที่สมอง เพราะแบบนั้นหมอจึงยังไม่อนุญาตให้ออกไปพักฟื้นที่บ้านได้อย่างที่มารดาต้องการ

“แม่หายดีแล้ว ทำไมหมอยังไม่ยอมให้ออกจากโรงพยาบาลอีกก็ไม่รู้” 

“หมอคงอยากให้แน่ใจว่าแม่หายดีแล้วจริงๆ ถึงอนุญาตนะคะ” สัมปันนีให้กำลังใจมารดาที่คงอยากกลับบ้าน แต่ดูยังไงตอนนี้แม่ของเธอก็ยังไม่พร้อมจะออกจากโรงพยาบาล 

“แต่แม่เบื่อโรงพยาบาลเต็มที”

“เบื่อก็ต้องทนค่ะ

“เป็นคนป่วยทำได้แค่นั่งๆ นอนๆ อยู่แบบนี้ เวลาแต่ละวันผ่านไปช้าเหลือเกิน” วรรณีที่ยังนอนอยู่บนเตียงคนไข้อดไม่ได้ที่จะบ่นกับสภาพของตัวเอง

ตั้งแต่เกิดมานี่คืออุบัติเหตุที่ร้ายแรงที่สุดในชีวิตก็ว่าได้แต่ถ้าย้อนเวลากลับไปเธอก็ยังคงจะข้ามถนนเพื่อไปซื้อของโปรดให้ลูกสาวเพียงคนเดียวเช่นกัน

“หนูรู้ค่ะว่าแม่เบื่อแต่ก็ต้องอดทน ถ้าหมอให้กลับบ้านหนูก็อยากให้แม่หยุดทำงานไปก่อน ลูกพอมีเงินเก็บอยู่บ้าง เอาออกมาใช้ก่อนเราก็คงพอจะอยู่ได้อีกหลายเดือน”

“ไม่ๆ เอาเงินแม่มาใช้ ลูกหนูเก็บเงินก้อนนั้นไว้เถอะลูก” วรรณีปฏิเสธที่จะให้สัมปันนีเอาเงินเก็บมาใช้เพราะรู้ว่าลูกสาวเองก็มีความฝันที่อยากทำจึงขยันทำงานเก็บเงินมาตลอด แล้วเธอจะกล้าไปเอามาใช้ได้ยังไง

สัมปันนีพยักหน้ารับคำแต่ลึกๆ ตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะไม่ทำตามที่แม่บอก เวลานี้ชีวิตของแม่สำคัญกว่าความฝันของเธอ คืนนั้นสัมปันนีนอนเฝ้าแม่ก่อนจะกลับมาบ้านตอนเช้าเพื่อเอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนแล้วจะกลับไปที่โรงพยาบาลอีกครั้ง ระหว่างทำความสะอาดบ้านเสียงโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น

“ออย” สัมปันนีเอ่ยทักเพื่อนสนิทที่ตอนนี้ทำงานอยู่ต่างประเทศ 

“คิดถึงจังเลย” ปลายสายเอ่ยบอกทันทีที่ได้ยินเสียงของสัมปันนี 

“คิดถึงเหมือนกัน”

“ว่าแต่ลูกหนูยังจะมาเกาหลีใช่ไหม” อรอุมาเอ่ยถามขึ้น ตอนนนี้เธอทำงานอยู่ที่ร้านเครื่องสำอางที่เกาหลีใต้ เป็นแรงงานถูกกฎหมายไม่ได้ลักลอบเข้าเมือง ซึ่งลูกค้าของเธอก็คือกลุ่มคนไทยที่ไปเที่ยวที่นี่ 

“ไป แต่คงต้องเลื่อนออกไปก่อน”

“อ้าว! ทำไมล่ะ”

“พอดีแม่เราถูกรถชน ตอนนี้ยังอยู่โรงพยาบาล”

“จริงปะเนี่ย” อรอุมาอุทานออกมาอย่างตกใจ 

“จริง อาการโคม่าอยู่หลายวันแต่ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว” 

“ตกใจจริงๆ นะ อีกอย่างเกิดเรื่องตั้งหลายวันพึ่งจะมาบอก เพื่อนสนิทกันจริงไหมเนี่ย” อรอุมางอนสัมปันนีเล็กน้อยแต่ก็เข้าใจได้ 

“ขอโทษที พอดีเรายุ่งๆ”

“อืม…เข้าใจ เรื่องมาเกาหลีสะดวกก่อนก็ได้ ฝากบอกป้าวรรณด้วยนะว่าขอให้หายเร็วๆ เดี๋ยวเราส่งอาหารบำรุงจากที่นี่ไปให้”

“ขอบใจมากนะออย” สัมปันนีเอ่ยบอก ทั้งคู่คุยกันอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะวางสายจากกัน สัมปันนีจัดการธุระส่วนตัวเสร็จก็กลับมาทิ้งตัวลงนอนลงบนเตียง ทุกๆ คืนก่อนนอนเธอจะขอพรในใจให้แม่หายวันหายคืนกลับมาใช้ชีวิตเป็นปกติได้ รวมถึงขอเรื่องงานขอให้สิ่งที่เธอหวังจงสำเร็จ

ช่วงสายของวันรุ่งขึ้นบริษัทที่รอผลสัมภาษณ์งานอย่างใจจดใจจ่อมาตลอดก็โทรมาแจ้งผลว่าพวกเขารับเธอเข้าทำงานและขอให้เริ่มงานในทันที คำขอที่เธอขอก่อนนอนค่อยๆ เกิดขึ้นจริงทีละข้อ

แม้จะเป็นข่าวดีทว่ากลับทำให้สัมปันนีลังเล นั่นเพราะตอนนี้แม่ยังดูแลตัวเองไม่ได้ แต่ถ้าปฏิเสธไปหลังจากนี้เธอหางานดีๆ เงินดีๆ บริษัทดีๆ มั่นคงแบบนี้ได้จากที่ไหนอีก ค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นทุกวันถ้าเงินหมดโดยไม่มีรายได้เพิ่มเข้ามาใช้แต่เงินเก็บตอนนั้นจะยิ่งลำบาก

สัมปันนีนั่งครุ่นคิดกระทั่งจู่ๆ ก็พบทางออกที่น่าจะดีกับทั้งเธอและตัวของแม่ หญิงสาวตัดสินใจนำเงินส่วนที่เหลือจากคู่กรณีมาจ้างคนดูแลแม่ในตอนกลางวัน ซึ่งก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลคือลูกมือที่เคยช่วยแม่ทำข้าวกล่อง โดยหลังเลิกงานเธอจะรีบมาเปลี่ยน 

แม้จะเสียดายเงินอยู่บ้างแต่วรรณีเองก็เห็นด้วยกับวิธีนี้ เพราะอย่างน้อยมีคนอยู่กับเธอก็คงช่วยทำให้        สัมปันนีทำงานอย่างสบายใจได้ ซึ่งเธอเองก็ไม่อยากให้ลูกสาวปฏิเสธงานดีๆ ที่พึ่งได้เช่นกัน 

“อดทนหน่อยนะคะแม่ อีกไม่นานหมอก็คงให้แม่ออกจากโรงพยาบาลแล้ว” สัมปันนีกุมมือของแม่ไว้ 

“จ้ะ…แม่ดีใจเรื่องงานด้วยนะลูก”

“ขอบคุณค่ะ หนูผ่านโปรเมื่อไหร่เราไปฉลองด้วยการเที่ยวทะเลกันนะคะ คราวนี้ไปกระบี่ดีกว่าเพราะทะเลที่นั่นสวยกว่าหัวหิวหรือชะอำหลายเท่า” 

“ได้สิลูก” วรรณียิ้มรับ แม้จะเจ็บป่วยแต่เธอก็จะพยายามดูแลตัวเองเพื่อให้กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมให้เร็วที่สุด นอกจากสู้เพื่อตัวเธอเองแล้วยังสู้เพื่อลูกสาวที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของเธอเช่นกัน

เช้าวันแรกของการไปทำงานที่ใหม่ สัมปันนีตื่นมาอาบน้ำแต่งตัวตั้งแต่ตีห้า เธอแวะไปขอกำลังใจจากผู้เป็นแม่ที่โรงพยาบาลก่อนจะเลยไปที่บริษัท วันแรกดูเหมือนเวลาจะหมดไปกับการอบรมซึ่งมันก็ทำให้เธอรู้จักบริษัทที่นี่มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะผู้บริหารที่ชื่อว่าตุลย์ 

บทที่ 8

 

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • ท่านประทานขา อย่ารังแกหนู   บทที่ 32-จบ

    “คุณเป็นคนเก่ง” อชิระเอ่ยขึ้นในขณะที่เลขากำลังแสดงท่าทางบางอย่างออกมา“ค่ะ” น้ำเสียงอ่อนหวานของปลายฟ้าเอ่ยรับ สิ่งเดียวที่ทำให้เธอตัดสินใจรับงานนี้ไม่ใช่เงินเดือนเป็นแสนหรือสวัสดิการพิเศษอะไร แต่คือประธานหนุ่มที่ชื่ออชิระที่พยายามยั่วเขามาหลายเดือนกลับไม่เคยสำเร็จ“แล้วทำไมถึงด้อยค่าตัวเองด้วยการทำตัวไม่น่ารักแบบนี้”“เอ้” ปลายฟ้าอุทานออกมาอย่างตกใจ“ผมรู้ว่าคุณกำลังคิดจะทำอะไร ครั้งนี้ผมแค่เตือน แต่ถ้าคุณไม่หยุดเราคงทำงานร่วมกันไม่ได้” อชิระไม่ใช่คนใสซื่อถึงตามไม่ทันมารยาหญิงและวิธีรับมือ“ทำไมถึงปฏิเสธฉันคะหรือว่าท่านประธานจะเป็นเกย์อย่างที่คนอื่นพูดๆ กัน” ปลายฟ้าเอ่ยถามนั่นเพราะทุกครั้งที่มีโอกาสเธอจะเข้าหาอชิระเสมอแต่ประธานหนุ่มกลับไม่ได้แสดงท่าทีสนใจเธอเลยแม้แต่น้อย“เปล่าแต่ผมมีผู้หญิงที่อยากให้เกียรติทั้งต่อหน้าและลับหลัง”“เธอคนนั้นโชคดี

  • ท่านประทานขา อย่ารังแกหนู   บทที่ 31

    อชิระและสัมปันนีคบหากันได้หลายเดือน จู่ๆ ก็มีข่าวทลายซ่องโสเภณีที่ฮ่องกง โดยหนึ่งในเหยื่อที่ถูกหลอกให้ไปทำงานจนแทบไม่เห็นเดือนเห็นตะวันที่นั่นคือพิจิกา แม้จะเบลอหน้าเหยื่อไว้แต่สัมปันนีก็มองออกว่าเป็นใคร ในขณะที่ข่าววงในจากอชิระก็ช่วยยืนยันว่าคือคนเดียวกันอีกด้วย“เห็นข่าวแล้วใช่ไหม”“ค่ะ” สัมปันนีเอ่ยรับ อชิระดึงเธอเข้ามากอดเพราะอย่างน้อยเวลานี้พิจิกาก็กำลังรับกรรมที่ก่อไว้ แม้จะไม่ได้มาจากพวกเขาโดยตรงก็ตาม“เห็นว่าเธอติดโรคมาด้วย ตอนนี้กำลังรักษาตัวอยู่”“กรรมค่ะ คนเราทำกรรมอะไรไว้ก็ต้องรับแบบนั้น” เวลานี้สัมปันนีอโหสิกรรมให้พิจิกาแล้วหลังจากนี้ก็ขอให้ต่างคนต่างอยู่“ผมมีอะไรให้ลูกหนูดู” เอ่ยบอกเสร็จอชิระก็พา สัมปันนีไปที่โต๊ะทำงาน ซึ่งตอนนี้พวกเขาอยู่ที่เพนท์เฮ้าส์ของชายหนุ่ม“อะไรคะ”“แบบบ้านครับ” เสียงทุ้มเฉลยนั่นทำให้สัมปันนีแปลกใจเป็นอย่างมาก

  • ท่านประทานขา อย่ารังแกหนู   บทที่ 30

    ทั้งอชิระและสัมปันนีก็ต่างเป็นคนสำคัญของกันและกัน เพราะไม่อยากให้กระทบกับหน้าที่การงานโดยเฉพาะอิชระ สัมปันนีจึงตั้งกฎว่าห้ามเปิดเผยความสัมพันธ์นี้ให้คนอื่นรู้อย่างเด็ดขาดแม้จะไม่อยากรับปากแต่อชิระก็จำต้องทำตามกฎที่เธอกำหนดขึ้นแต่ถึงอย่างนั้นประธานหนุ่มก็มักจะหาโอกาสหรือจังหวะเหมาะๆ เพื่อให้ได้อยู่ตามลำพังกับสัมปันนีในที่ทำงานเสมอๆ ใช้ข้ออ้างเรื่องงานยุ่งเรื่องกาแฟหมดเพื่อให้เธอมาดูแลบ้าง แม้สัมปันนีจะรู้ทันแต่เธอกลับไม่ได้แย้งอะไร“กาแฟค่ะ” เสียงสดใสเอ่ยบอกพร้อมกับวางกาแฟหอมๆ ลงบนโต๊ะทำงานประธานหนุ่มที่เวลานี้เขาคือความรักของเธอเช่นกัน“ขอบคุณครับ อืม…ช่วงนี้งานยุ่งมาก ลูกหนูคิดว่าผมรับเลขาคนใหม่ดีไหม” เสียงทุ้มเอ่ยถามนั่นเพราะตอนนี้ชมดาวได้ลาออกไปแล้วส่งผลให้ประธานหนุ่มไม่ได้มีเลขาส่วนตัว เหตุผลเพราะมั่นใจว่าตนทำงานคนเดียวได้ทว่าพึ่งมาตระหนักว่าเขาไม่ได้มีเวลามากพอที่จะจัดการทุกอย่างงานเล็กๆ น้อยๆ บางอย่างเขาก็ต้องส่งให้เลขาช่วยจัดการแทน ไม่อย่างนั้นคิวงานเขาจะชนกันอย่างที่เป็นอยู่ แต่สมัยนี้การจะหาเลขาเก่

  • ท่านประทานขา อย่ารังแกหนู   บทที่ 29

    วันรุ่งขึ้นอชิระมาที่บ้านของสัมปันนีตั้งแต่เช้าตรู่ ชายหนุ่มอาสาขับรถไปส่งทั้งคู่ที่โรงพยาบาลท่ามกลางความสงสัยของสัมปันนี นั่นเพราะแม่ของเธอไม่ได้มีปฏิกิริยาตกใจหรือสงสัยที่จู่ๆ อชิระก็มารับแม้แต่น้อย แต่ก็ยังคงเก็บความสงสัยเหล่านั้นเอาไว้ระยะเวลารอคิวที่โรงพยาบาลรัฐใช้เวลาครึ่งค่อนวันแต่อชิระก็ไม่ได้บ่นหรือแสดงท่าทางหงุดหงิดอะไร แต่เพราะอยากให้วรรณีได้รับการดูแลที่ดีกว่านี้เขาจึงเสนอทางเลือกให้ ซึ่งทั้งคู่กลับปฏิเสธที่จะรับข้อเสนอนั้นอชิระจึงมัดมือชกจัดการเปลี่ยนโรงพยาบาลจากรัฐไปเอกชนทันที“ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้โอม” ขณะนั่งรอเรียกพบหมอวรรณีก็เอ่ยขึ้น“ผมเต็มใจครับ อีกอย่างลูกเขยดูแลแม่ยายจะเป็นไรไป” อชิระยิ้มออกมา ซึ่งประโยคนี้สัมปันนีไม่ได้ยินเพราะเธอเดินไปซื้อน้ำ แต่พอกลับมาก็คอยสังเกตคนทั้งคู่มาตลอดหลังจากเก็บความสงสัยมาตั้งแต่เช้าในที่สุดก็เอ่ยถามออกไป“แม่รู้จักท่านประธานมาก่อนหรือเปล่าคะ”“ตอบยังไงดีล่ะทีนี้” วรรณีหันมองมาที่อชิระราวก

  • ท่านประทานขา อย่ารังแกหนู   บทที่ 28

    “ฉันต้องกลับบ้านแล้ว” สัมปันนีพยายามคุมโทนเสียงอย่างมากเพื่อไม่ให้สั่นสะท้านไปกับสัมผัสของอชิระ แต่ดูเหมือนประธานหนุ่มจะไม่ปล่อยเธอไปง่ายๆ เพราะนอกจากลูบไล้เขาก็เริ่มเปลี่ยนมาเป็นขย้ำหน้าอกอวบอิ่มของเธอเบาๆ“ท่านประธาน…อา” เสียงครางกระเส่าดังมาจากคนในอ้อมกอด เธอเผลอส่งเสียงที่ทำให้อชิระตื่นตัวแบบนี้เขาจะปล่อยให้เธอกลับบ้านได้ยังไง“ลูกหนูกำลังทำให้ผมหลง”“หนูเปล่า” สัมปันนีขบเม้มริมฝีปากอิ่มแล้วเผลอเอ่ยแทนตัวเองด้วยชื่อนั่นกลับยิ่งทำให้อชิระยิ่งลูบไล้เธอมากขึ้น “สีหน้ายั่วๆ แบบนี้ เสียงกระเส่าแบบนี้ มันทำร้ายผมมากรู้ไหม เพราะฉะนั้นลูกหนูต้องรับผิดชอบ”“ท่านประธาน”“ทำไมถึงยังเรียกผมว่าท่านประธาน” เสียงทุ้มเอ่ยถาม“หนูอยากเรียก ในที่ทำงานหนูจะเรียกคุณว่าท่านประธาน”“แล้วนอกเวลางานจะเรียกว่าอะไร”“เอ่อ…” สัมปันนีอึกๆ อักๆ ทันที ใบหน้าหวานแดงก่ำ“ว่าไงจะเรียกว่าอ

  • ท่านประทานขา อย่ารังแกหนู   บทที่ 27

    “จะโกรธคุณ ฉันจะไปจากคุณ ฉันจะฆ่า…คุณ”“จะทำแบบนั้นกับผมจริงๆ นะเหรอลูกหนู” ขณะเอ่ยถามอิชระก็เร่งจังหวะนิ้วให้ถี่กระชั้นยิ่งขึ้น “ไม่ค่ะ ฉันไม่ทำ ได้โปรดอย่างทรมานฉันแบบนี้อีกเลย” สัมปันนีครางกระเส่าออกมา ดูเหมือนว่าเวลานี้เธอไม่อาจต่อรองอะไรกับอชิระได้ทั้งนั้น เธอต้องรังเกียจสัมผัสจากเขาไม่ใช่โหยหาอย่างที่เป็นอยู่ แต่ไม่ว่าจะบอกตัวเองยังไงร่างกายและหัวใจกลับไม่ทำตามคำตอบที่ได้ยินทำให้อชิระยิ้ม ชายหนุ่มเลื่อนกายขึ้นมาทาบทับบนร่างเปลือยของสัมปันนี เขาเองก็อดทนมามากพอแล้วเช่นกัน ทั้งคู่สบตากันก่อนที่อชิระจะมอบจูบให้เธออีกครั้งพร้อมกับค่อยๆ บดเบียดสะโพกสอบเข้าหาแล้วใช้หัวเข่าดันขาทั้งสองข้างของสัมปันนีให้แยกห่างออกจากกันจากนั้นก็ค่อยๆ แทรกตัวฝากฝังความเป็นชายที่เวลานี้ตื่นตัวอย่างเต็มที่ให้เธอ ความคับแน่นก่อเกิดเป็นความเจ็บที่ทำให้สัมปันนีสะดุ้ง แม้นี่จะไม่ใช่ครั้งแรกแต่เธอก็ยังใหม่อยู่มาก“เจ็บใช่ไหม”“ค่ะ” สัมปันนีเอ่ยรับอย่างไม่ปิดบัง อชิระจึงเพิ่มความนุ่มนวลให

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status