“เหอะ! นี่มึงกำลังจะต่อรองขอชีวิตเหรอ” ประวิทย์ว่า“เปล่า กูแค่อยากถาม ทำแล้วได้อะไร ฆ่ากูแล้วได้อะไร เพราะถึงยังไงชื่อเสียงพวกมึงสองคนก็ป่นปี้อยู่ดี แถมจะได้เข้าคุกด้วย อยู่ด้วยกันยาวๆ ถึงกูตาย ทีมทนายกูก็ยังอยู่ไอ้น้อง”“หนอย! ไอ้สารเลว” อาทิตย์สบถอย่างเหลืออด“ฮ่าๆๆ เด็กเอ๊ยเด็กน้อย ต่อให้เรียกค่าไถ่ ให้สมกับค่าเสียหาย พวกลื้อยังไม่ทันได้เสวยสุขหรอก” ฐากูรจะตายอยู่แล้ว แทบลืมตาไม่ขึ้นแต่สามารถต่อปากต่อคำได้“จะกลัวอะไร มีเงินซะอย่าง กูมีอีกหลายก๊อก แต่อยากได้ไอ้ที่มันเป็นส่วนของกู มึงทำกูเจ๊งโดยเฮียตฤณอยู่เบื้องหลัง ทั้งหมด”“หรือจะรอให้มึงทำเขาเจ๊งก่อนล่ะ”“พวกมึงสองคนต้องชดใช้! มึงรอเลย มึงเตรียมเห็นนายใหญ่มึงก้มกราบตีนกู ซึ่งเป็นน้องมัน น้องที่มันไม่เคยให้อะไร มรดกเป็นพันล้านที่มันควรเป็นของกู มันก็ได้ไปหมด”“นี่สินะความจริง มึงมันไอ้เด็กขี้อิจฉาซันด์ มึงเป
“หยาไปอาบน้ำก่อนนะคะ แล้วไปบ้านกันจะทำอะไรให้กิน หิวหรือยัง” ปั้นหยาลุกขึ้นพลางกระชับผ้าห่มปิดหน้าอกเอาไว้ เขาจึงลุกขึ้นเช่นกัน“ยังไม่หิวข้าว แต่หิวหยา” เขากระซิบชิดเรียวปากอิ่ม ก่อนจะโน้มหน้าซุกพวงแก้มทั้งหอมทั้งจูบเอาใจเก่งเสียจริง“ไม่ได้ค่ะ” ปั้นหยาปฏิเสธเสียงหวาน เขารู้หรอกว่าปฏิเสธทำไม“เฮ้อ! อดไปอีกหลายวันเลย”“ช่วยไม่ได้นี่คะ คุณทำให้หยาเจ็บเองนี่ รอก่อนนะคะ”“เอาแบบเมื่อคืนก็ได้ ผมเก่งนะ”“ไม่เอาค่ะ” น้ำเสียงหวานออดอ้อน จนเขาแทบจะเข่าอ่อนอยู่แล้ว พูดจบเธอก็ก้าวลงจากเตียงพร้อมกับดึงผ้าห่มปิดร่างกาย แต่เขาล่อนจ้อนได้แต่มองเธอเหมือนจะตำหนิ จนต้องเอาหมอนมาปิดกลางลำตัวเอาไว้ ส่วนเธอเดินไปหาผ้าเช็ดตัวห่อกายแล้วรีบเข้าห้องน้ำ ไปจัดการกับตัวเอง รวมถึงเก็บเสื้อผ้าที่เปียกชุ่มทั้งของเขาและเธอไปตากก่อน เสร็จแล้วก็ยังคงห่อด้วยผ้าเช็ดตัวเหมือนเดิม“อะไรคะ” ปั้นหยาถา
ชายสวมโม่งลากร่างของฐากูรกับลูกน้องแยกห้องกันอยู่ และมัดมือมัดเท้า ปิดปากเอาไว้เป็นอย่างดีไม่ให้หลุดหนีไปไหนได้ จังหวะเดียวกันนั้นเจ้านาย ผู้จ้างวานก็เดินเข้ามาสมทบ“ทำดีมาก พวกแกทำงานเร็วดีนี่” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัดและความมืด“ไม่คิดว่าจะง่ายขนาดนี้นะเนี่ย ไหนว่าไอ้หมอนี่มันเก่ง นักเลงเก่าไง ไหงให้ถูกอุ้มมาได้ง่ายๆ” นายจ้างคนเดิมบอก“เก่งแค่ไหนก็กลัวตายอยู่ดีครับนาย ปืนจ่อกบาลขนาดนี้เป็นใครก็ต้องยอม”“นี่เงินครึ่งหนึ่งเอาไปก่อน ถือว่าวันนี้ทำสำเร็จ พรุ่งนี้ได้ตัวใหญ่มาก็ เอาไปอีกครึ่ง” ชายหนุ่มส่งซองสีน้ำตาลขนาดใหญ่ให้กับชายสวมโม่ง“ขอบคุณครับ”“ให้ลูกน้องของพวกเอ็งเปลี่ยนเวรกันเฝ้า อย่าให้คลาดสายตา ฉันจะให้ลูกน้องฉันผลัดเปลี่ยนกันมาอีกที”“ครับนาย” ชายสวมโม่งรับคำ แต่จังหวะเดียวกันนั้นฐากูรก็ค่อยๆ ขยับตัว ลืมตาขึ้นทีละนิดท่ามกลางความมืด เขาจำได้ว่าถูกอุ้มมา พอมอง รอบตัวให้ชัดกลับดูไม่ออกว่าที่นี่ที่ไหน แต่ตรงหน้า
ขณะที่ เป็นเวลานอนของใครหลายๆ คนนั้น คนบางกลุ่มโดยเฉพาะกลุ่มนักธุรกิจก็ยังไม่ใช่เวลานอน หนึ่งในนั้นคือก้องการุณ เขาอยู่กรุงเทพฯ ดูแลงานแทนเจ้านาย และติดต่องานเพื่อคุยนอกรอบ ซึ่งนัดกันที่ร้านอาหารเป็นหลัก คืนนี้ถือโอกาสที่เจ้านายมอบหมายหน้าที่ นัดฐากูรผู้รับเหมาหนุ่มใหญ่มาคุยเรื่องงานวันนี้ เพราะมันน่าห่วงตรงที่ฐากูรอาจไปเหยียบจมูกผู้มีอิทธิพลฝ่ายมืดเข้า“ผมอยู่ในวงการนี้มานาน ผมไม่กลัวกับอีเรื่องแค่นี้หรอกคุณก้อง ฝ่ายนั้นทำให้ผมเสียเวลา เสียค่าปรับที่ต้องโดนจากบริษัทคุณ ไหนจะความจริงที่รับรู้และโคตรจะรับไม่ได้ ผมก็ดันโง่ให้เขาหลอก”“จริงอยู่ที่คุณอยู่มานาน แต่มันไม่ใช่แค่นั้น เขาอาจจะแพ้ในทางกฎหมาย แต่ไม่แพ้ในทางความรู้สึกแน่ๆ ประวัติเขาไม่ธรรมดาเลยนะครับ”“แต่ก่อนที่เขาจะทำงานกับผม ประวัติของผมเขาก็รู้”“ผมรู้ว่าคุณป๊อบเป็นนักเลงจริงคนหนึ่ง แต่เล่นกับคนไม่ดีมันมีแต่อันตราย คุณท่านเป็นห่วงตรงนี้เล่นไปยกเลิกขนาดนั้น ก็กลัวความโกรธจะทำให้เป็นอันตราย”
“ซี๊ดดดด โอ้ว! ท่านขา อ่า” เสียงครางหวานแผ่วเบาเซ็กซี่ ขณะที่กลีบสาวอวบนุ่มถูกโลมเลียด้วยลิ้นร้อนอย่างไม่ปราณี แต่ไม่ได้ทำให้เธอเจ็บ ทว่าสร้างความหฤหรรษ์ชนิดที่เธอไม่เคยเจอมาก่อน “ท่านขาหยา อูยยยย อย่าเลียดุนักสิคะ หยาจะตายแล้ว” เธอเอ่ยปากบอกเสียงหวานกระเส่า จังหวะเดียวกันก็ลืมตาผงกศีรษะมองทุกการกระทำของเขาอย่างเร่าร้อน ก่อนจะเอื้อมมือไปกดศีรษะเขาไว้ แล้วแอ่นเด้งอัดกลีบเนื้อส่งเข้าปากร้อนๆ ที่กำลังดูดเลียคำโต เสียงร้องครวญครางดังออกมาเป็นระยะด้วยความเสียวซ่าน สั่นสะท้านแทบจะแตกเสียให้ได้ เธอกำลังจะคว้าจุดหมายเอาไว้ โดยที่เขาก็ไม่หยุดปรนเปรอ ยังคงก้มหน้าดูดเลียร่องรักและน้ำฉ่ำหวานที่ไหลออกมาไม่หยุด เนินนุ่มยังคงแอ่นเด้งขึ้นลงเป็นจังหวะ และร้องครางหนักกว่าครั้งแรก“ท่านขา... ซี๊ดดดด อ่า ตฤณขา หยาไม่ไหวแล้ว เสียว! โอ้ว! เสียวมากเลยค่ะ” เธอร้องครางด้วยความทรมานทั้งเม้มปากทั้งกัดฟันกดกลั้นอารมณ์ อีกทั้งยังหายใจหอบเหมือนจะขาดใจ ครั้นจะบอกให้พอมันก็น่าจะไม่ทันเสียแล้วเพราะปลายทางอยู่ใกล้แค่เอื้อม
“คุณเป็นคู่หมั้นผมแล้วนะ” พอเขากระซิบที่หูเท่านั้นแหละเธอเอียงคอมองเขาอีกครั้งคล้ายจะตั้งคำถาม“จริงสิ คุณใส่แหวนให้หยา คุณบอกว่าจะซื้อเป็นของขวัญให้เพื่อน”“ของขวัญเขาไม่ซื้อแพงขนาดนี้หรอก ผมแค่โกหก นี่แหวนหมั้น ผมหมั้นหยาโดยเฉพาะแต่อยากให้เจ้าตัวเลือกเอง เลือกที่ชอบ”“เจ้าเล่ห์ไม่หยุดเลย ตั้งหลายกะรัตใครจะกล้าใส่คะ”“คุณไงจ๊ะ ห้ามถอดด้วย”“แล้วหยาเลือกอะไรได้ไหม”“หยาเลือกแล้ว เลือกให้มีคืนของเรา” จบเขาคำเขาก็สวมกอดเธอจากทางด้านหลัง “แล้วผมมีความสุขมากรู้ไหม”“หยาก็มีค่ะ แต่... ไม่รู้สิอะไรอะไรมันดูเร็วไปหมด กลัวมาเร็วไปเร็ว” เธอไม่มีอะไรต้องปิดบังหรือปากแข็ง และคำพูดของเธอทำให้เขายิ้มแล้วยิ้มอีก“ก็เรียนรู้กันไป ชีวิตคู่เรียนรู้ไม่สิ้นสุดหรอกจ้ะ” พูดจบเขาจูบที่แก้มเธอหนึ่งฟอด