เมื่อเธอคิดว่ามันคงจะต้องเป็นแบบนั้น วิกกี้ก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันทีแต่ทว่า ตอนที่เธอเข้านอนในคืนนั้น เธอก็ยังคงรู้สึกไม่ค่อยสบายใจอยู่เล็กน้อย เธอไม่รู้ว่าทำไม แต่เธอรู้สึกค่อนข้างไม่สบายใจ ราวกับว่ามีก้อนหินกดทับที่หัวใจของเธอ จนมันทำให้เธออยากจะอาเจียนออกมาวิกกี้สะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกข้างนอกมีเสียงฝีเท้าดังขึ้น เธอจึงลุกขึ้นจากเตียงและวิ่งออกไปดูที่หน้าต่างสิ่งที่เธอเห็นก็คือมีรถยนต์อยู่หลายคัน และผู้คนกำลังวิ่งพล่านอยู่ข้างนอก ทุกคนดูรีบร้อนและสับสนกันไปหมดวิกกี้รู้สึกใจคอไม่ค่อยดี ก่อนจะก้มมองดูนาฬิกาที่ตอนนี้เป็นเวลาตีสามแล้วในช่วงเวลาเดียวกับที่เธอได้ยินเสียงนั้น แอนเดรียก็วิ่งเข้ามาจากข้างนอกเช่นกันแอนเดรียยังคงสวมชุดนอน และสวมเสื้อไหมพรมแบบบางทับไว้ข้างนอกเมื่อเห็นว่าวิกกี้ยืนอยู่ที่หน้าต่าง เธอจึงรีบพูดออกมาว่า “คุณวิกกี้ คุณเป็นอะไรรึเปล่า? คุณไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหมคะ?”วิกกี้หันกลับมามองเธอพร้อมกับคิ้วที่ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย “มีอะไรเกิดขึ้นข้างนอกนั่นเหรอ?”แอนเดรียตอบว่า "ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ พวกเขาบอกว่ามีคนทิ้งระเบิดในเมือง และเรากำลังจะเข้าสู่สงคร
“พวกเราไม่คาดคิดกันมาก่อนเลยว่า ในขณะที่พวกเราทุกคนกำลังหลับอยู่นั้น จู่ ๆ ก็มีเสียงระเบิดดังออกมาจากห้องของนายน้อย”“เมื่อพวกเรารีบพังประตูเข้าไปดู ก็เห็นว่าห้องทั้งห้องถูกไฟไหม้ไปแล้ว พวกเราจึงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อพาตัวนายน้อยออกมา แต่ว่าเขาก็ยังได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ดี”“และพวกเราก็ไม่สามารถหาตัวคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับห้องนั้นในช่วงเวลาอันสั้นได้ พวกเราจึงรีบพากันกลับมาก่อน”วิกกี้ขมวดคิ้วเมื่อได้ฟังคำตอบนั้นเธอถามอย่างเคร่งขรึมว่า “ก่อนจะเข้าพักที่โรงแรม พวกคุณไม่ได้ตรวจสอบก่อนหรอกเหรอ?”ฮาโรลด์ตอบคำถามของเธอ ด้วยความขมขื่น “ผมตรวจสอบแล้วครับ”วิกกี้ตกใจหนักมากกว่าเดิมเธอสังเกตเห็นว่าสีหน้าของฮาโรลด์ตอนนี้มีแต่ความพยาบาท และยากที่จะเข้าใจ แต่ทว่าความคิดของเธอเริ่มเปลี่ยนไป และมันก็ง่ายสำหรับเธอที่จะคาดเดา“มีคนทรยศในหมู่พวกคุณเหรอ?”ฮาโรลด์กำหมัดของเขาไว้แน่น ก่อนจะพยักหน้ารับ“บอดี้การ์ด?”ฮาโรลด์พยักหน้าอีกครั้งวิกกี้ถอนหายใจออกมาถ้าอย่างนั้นก็คงไม่แปลกคนทรยศอยู่ในหมู่บอดี้การ์ด ดังนั้นอีกฝ่ายจึงสามารถวางระเบิดไว้ในห้องได้ในทุกเวลาที่สะดวก และไม่ต้องกังวลว่า
“อันที่จริงแล้ว ฉันไม่ได้เกลียดนายเลย ถึงแม้ว่านายจะทำหลายสิ่งหลายอย่างที่ทำให้ฉันต้องเสียใจมาก แต่ฉันก็รู้ว่านายจะยังเป็นพี่เกรกอรีของฉันอยู่เสมอ นายจะคอยปกป้องฉัน ดูแลฉัน และสัญญาว่าจะดีกับฉันไปตลอดชีวิต"เมื่อน้ำตาของวิกกี้กำลังคลอเบ้า แววตาของเธอก็ฉายแววของความโกรธแค้นขึ้นมาทันทีแต่ทว่าเธอก็ยังคงทำตัวแข็งแกร่ง และไม่ยอมให้น้ำตานั้นตกลงมาแม้แต่หยดเดียวเธอขดริมฝีปาก พลางหัวเราะออกมาเบา ๆ“นายยังจำได้ไหม ว่าตอนเด็ก ๆ ฉันชอบเรียกนายว่าพี่เกรกอรี ตอนนั้นฉันอยากมีพี่ชายมาก ฉันเลยเดินตามนายไปไหนมาไหนตลอด”“แต่ตอนที่นายสอนวิชาศิลปะการต่อสู้ให้กับฉัน นายก็ทุบตีฉัน จนฉันไม่อยากจะเรียกนายว่าพี่อีก”“นั่นคงเป็นเพราะฉันเคยได้ยินมาว่า พี่น้องคู่อื่นจะรักและตามใจน้องสาวของพวกเขา และไม่เคยตีพวกเขาเลย”“แต่นายกลับตีฉัน ฉันก็เลยเกลียดนาย ฉันจึงสาบานกับตัวเองเอาไว้ว่า ชาตินี้ฉันจะไม่เรียกนายว่าพี่ชายอีก”“นายจำได้ไหม เพราะเหตุนี้นายเลยโกรธฉันมานาน แต่พอนายรู้ว่าทำไมจู่ ๆ ฉันก็เลิกเรียกนายว่าพี่ชาย นายก็เลยยอมแพ้ไปในที่สุด”“เกรกอรี ถ้านายตื่นขึ้นมาตอนนี้ ฉันจะเรียกนายว่าพี่ชายเกรกอรีอีกครั
"นี่เธออายุเท่าไรแล้วเนี้ย? ทำตัวเป็นเด็กไปได้”เกรกอรีมองวิกกี้ด้วยความไม่พอใจณ จุดนี้เธอก็รู้สึกขึ้นมาว่า มันเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร?ก่อนหน้านี้ คุณหมอได้บอกกับเธอไว้ว่า เขาอยู่ในช่วงเฝ้าระวังสี่สิบแปดชั่วโมง และถ้าหากว่าเขาสามารถรอดชีวิตมาได้หลังจากสี่สิบแปดชั่วโมงนั้น เขาจึงจะถือว่าพ้นขีดอันตรายโดยสมบูรณ์นั่นคือเหตุผลที่วิกกี้เฝ้าดูอาการของเขา โดยนอนอยู่ข้างเตียงเขาตลอดสองวันที่ผ่านมาในที่สุดเขาก็ฟื้นขึ้นมาสักที เธอจะไม่รู้สึกมีความสุขได้อย่างไร?วิกกี้ไม่สามารถปกปิดความตื่นเต้นของตัวเองเอาไว้ได้ และเมื่อเกรกอรีมองไปที่เธอ ดวงตาของเขาก็ดูมีชีวิตชีวามากขึ้นมันคงเป็นเรื่องโกหก ถ้าจะบอกว่าเขาไม่ได้รู้สึกหวั่นไหว แต่เมื่ออารมณ์ที่ท่วมท้นนี้เกิดขึ้น มันกลับทำให้เขารู้สึกซับซ้อนขึ้นมาถึงไม่ต้องบอก วิกกี้ก็รู้ได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ของเขา เธอจึงถามออกไปด้วยความเป็นห่วงว่า “นายเป็นยังไงบ้าง? รู้สึกไม่สบายใจตรงไหนหรือเปล่า? นายยังเจ็บแผลอยู่หรือเปล่า?”เกรกอรีจับมือเล็ก ๆ ของเธอ ที่กำลังจับตัวของเขาตรงนู้นทีตรงนั้นที แบบสุ่มสี่สุ่มห้า และตอบว่า "ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว ฉัน
พ่อบ้านออสบอร์นไม่เพียงแต่เป็นคนที่มีน้ำใจ และรอบคอบมากเท่านั้น แต่เขายังรักวิกกี้มากอีกด้วยเขารู้ว่าเธอเป็นห่วงเกรกอรี แต่ก็ไม่อยากจะเจอหน้า ดังนั้นด้วยความรอบคอบของเขา เขาจึงเข้ามาบอกกับเธอว่า “คุณโทมัส คุณไม่ต้องกังวลไปหรอกนะครับ คุณหมอเพิ่งจะตรวจดูอาการของนายน้อยไป เขาไม่ได้มีอะไรที่น่าเป็นห่วงแล้ว จะมีเพียงก็แต่ว่าเขาจะต้องอยู่แต่ในบ้านเพื่อพักฟื้นร่างกายในช่วงเวลานี้เท่านั้นครับ”วิกกี้หยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง ขณะที่เธอเม้มปากและคิดกับตัวเองว่า ‘ฉันก็ยังไม่ได้ถามสักหน่อย ว่าเขาเป็นยังไงบ้าง ทำไมจู่ ๆ เขาถึงบอกอาการของเกรกอรีกับฉัน?'ในท้ายที่สุด เธอก็ทำได้เพียงแค่พยักหน้าและพูดอย่างอ่อนโยนว่า “พ่อบ้านออสบอร์นคะ มันคงยากสำหรับคุณนะคะ”พ่อบ้านออสบอร์นตอบเธอด้วยรอยยิ้มว่า “ตราบใดที่คุณและนายน้อยเข้ากันได้ดีทั้งคู่แบบนี้ มันก็ไม่มีอะไรยากไปสำหรับผมเลยครับ”ได้ยินแบบนี้วิกกี้ถึงกับจุกเธอไม่รู้ว่าพ่อบ้านออสบอร์นหมายถึงอะไร "ทั้งคู่เข้ากันได้ดี"เขาหมายความว่า แต่ละคนควรจะมีสุขภาพแข็งแรง และปลอดภัยหรือเปล่า? หรือเขาหมายความว่าทั้งสองคนควรจะดีต่อกัน และเลิกทะเลาะกัน?วิกกี้รู้สึกสับ
คน ๆ นั้นจ้องตากับเขาโดยไม่พูดอะไรออกมาเกรกอรียิ้มออกมาอย่างเย็นชาฮาโรลด์หยิบแส้ขึ้นมา พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงโมโหว่า “นายน้อยกำลังถามแกอยู่นะ แกไม่ได้ยินที่เขาถามเหรอ? ตอบเขาสิ!”คน ๆ นั้นส่งเสียงกรีดร้องออกมา ด้วยความเจ็บปวดจากกการถูกเฆี่ยนตี แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังจ้องมองไปที่เกรกอรี ก่อนจะพ่นเลือดที่อยู่เต็มปากของเขาออกมาแววตาของวิกกี้เย็นชาลงช่างเป็นคนที่จัดการได้ยากเย็นซะจริงเกรกอรีไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย “ไม่เป็นไรถ้านายไม่อยากพูด เพราะฉันมีวิธีที่จะทำให้ฉันรู้ ในสิ่งที่ฉันอยากรู้อยู่เสมอ”เขามองต่ำก่อนจะพูดออกมาว่า “ฉันจำได้ นายอยู่กับฉันมาตั้งแต่อายุสิบสามแล้วใช่ไหม?”อีกฝ่ายยังปิดปากเงียบเกรกอรีพูดต่อว่า “ครอบครัวของนายถูกกดขี่ข่มแหง โดยบุคคลสำคัญทางการเมืองในท้องถิ่นในปีนั้น พี่สาวของนายเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจ และแม่ของนายก็ป่วยหนัก นายไม่มีเงินซื้อยาและโรงพยาบาลก็ไม่รับแม่ของนายเข้ารักษา ดังนั้นนายจึงขอเข้าร่วมชมรมต่อสู้ที่ผิดกฎหมายตั้งแต่อายุยังน้อย โดยหวังว่านายจะสามารถช่วยแม่ของนายได้ด้วยตัวของนายเอง”“จากนั้นฉันก็ได้เจอกับนายโดยบังเอิญ และช่ว
อยู่ ๆ เขาก็เงียบไป และวิกกี้ก็เช่นกันหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็พูดจาเย้ยหยันออกมา ด้วยความเย็นชาว่า “แสดงว่าเรื่องราวของชาวนากับงูเห่าก็เป็นความจริงสินะ”เกรกอรีถอนหายใจออกมาเบา ๆ "ก็อาจจะเป็นไปได้สินะ"วิกกี้ยังคงถามต่อไปว่า “แล้วคนเหล่านั้นเป็นใคร?”เกรกอรีขมวดคิ้ว “ฉันสอบปากคำเขาแล้ว แต่เขาก็ไม่รู้”วิกกี้ขมวดคิ้วเข้าหากันเกรกอรีจึงอธิบายว่า “คนเหล่านั้นติดต่อกับเขาทางอีเมล ฉันได้ให้คนตรวจสอบที่อยู่ของอุปกรณ์นั้นแล้ว แต่มันก็ไม่ได้เรื่อง เพราะคนเหล่านั้นคงจะทำลายมันไปแล้ว เขาไม่รู้ว่าคนเหล่านั้นเป็นใคร เขาได้รับมาแค่เพียงเงิน และคำมั่นสัญญาว่าจะได้ตำแหน่งที่สูงขึ้นเท่านั้น”“ฉันเดาว่าคน ๆ นั้นคงต้องอยากได้ตำแหน่งจนตัวสั่นสิท่า ไม่แปลกที่เขาจะยอมทำเรื่องเลว ๆ พันธุ์นั้น บอดี้การ์ดที่ทำตัวเลวทรามต่ำช้า จะเทียบกับเจ้าของอาณาจักรคฤหสน์แห่งนี้ได้ยังไง?”วิกกี้เผยยิ้มออกมาอย่างเย็นชา “เจ้าของอาณาจักรคฤหาสน์? เขา? สำหรับคนทรยศแบบเขา มันคงเป็นเรื่องแปลกที่จะได้รับความสำเร็จ หลังจากที่หักหลังผู้มีพระคุณของเขา เพราะแค่อีเมล”เกรกอรีไม่มีความคิดเห็นใด ๆ อยู่ ๆ บรรยากาศระหว่างพวกเขาก
วิกกี้ขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ จากนั้นเธอก็สังเกตเห็นว่าเกรกอรีกำลังกวักมือเรียกฮาโรลด์ ที่ยืนอยู่ออกไปไม่ไกลมากนักฮาโรลด์มอบสิ่งของนั้นให้กับเกรกอรีในทันทีเมื่อเกรกอรีได้รับของสิ่งนั้นมา เขาก็ยื่นมันให้กับวิกกี้ "เธอดูนี่สิ"วิกกี้ได้ของสิ่งนั้นมาภายในชั่วพริบตา มันคือแผนที่เกรกอรีกล่าวว่า “แผนที่นี้ถูกสักไว้บนหลังของเขา เราไม่สามารถบอกได้ในตอนแรกว่ามันคืออะไร แต่ฮาโรลด์เป็นคนเชื่อมโยงโครงร่างของรอยสักนี้เข้าด้วยกัน เราได้รับแผนที่นี้มาหลังจากตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว และก็พบว่ามีคนที่มีรอยสักแบบเดียวกันกับเขา”วิกกี้ขมวดคิ้ว พลางตรวจดูลายเส้นพวกนี้ก่อนจะถามว่า “สถานที่บนแผนที่นี้คืออะไร?”เกรกอรีส่ายหัว “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”“ไม่รู้? นั่นก็แปลว่ามันไม่ใช่ข่าวดี” เธอรู้สึกไม่พอใจเกรกอรีหัวเราะออกมาเบา ๆ “นี่มันคงจะไม่ใช่ข่าวดีแน่ ๆ ถ้าเรารู้เบาะแสแค่นั้น แต่บังเอิญว่าฉันรู้สึกว่ามันดูคุ้น ๆ เมื่อตอนที่ฮาโรลด์ได้เอาแผนที่นี้มาให้ ฉันจึงเอามันมาเปรียบเทียบกับหยกที่เราได้รับมาจากการประมูล เธอลองเดาดูสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น?”วิกกี้มองหน้าเขาด้วยความงุนงงเขาหยิบหยกจากด้านข้างอ