Share

บทที่ 298

Author: หลันซานอวี่
อวิ๋นกานซงโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างยิ่ง และไม่อาจทนฟังต่อไปได้อีก

“อวิ๋นฝูหลิง เจ้าเลิกพูดเหลวไหลได้แล้ว!”

“ข้าเป็นลูกชายคนรองของท่านแม่ จะไม่ใช่สายเลือดสกุลอวิ๋นได้อย่างไร!”

อวิ๋นฝูหลิงแค่นเสียงหัวเราะ “คำพูดนี้ท่านคงจะเอาไว้ให้หลอกคนอื่น และเอาไว้ให้หลอกตัวเองมากที่สุดเหมือนกัน!”

“ความจริงในยามนั้นเป็นเช่นไร มิใช่ว่าจะไม่มีผู้ใดรู้”

นางยกมือขึ้นชี้ไปทางโอวหยางหมิงกับนายท่านผู้เฒ่าหาง

“สองท่านนี้เป็นศิษย์สายตรงของท่านปู่ทวดข้า ทั้งยังเป็นศิษย์พี่ของท่านย่าข้าด้วยพวกเขาจึงย่อมรู้พื้นเพของท่านดีที่สุด!”

โอวหยางหมิงเอ่ยโดยพลัน “ศิษย์น้องของข้ามีลูกชายเพียงคนเดียว คือพ่อของอวิ๋นฝูหลิง จะมีลูกชายคนที่สองมาจากที่ใดกัน?”

นายท่านผู้เฒ่าหางก็พยักหน้าตาม “ความจริงเป็นเช่นนี้!”

อวิ๋นกานซงเห็นว่าตัวตนของตัวเองถูกปฏิเสธ แม้นี่จะเป็นความจริง แต่เขาก็ไม่อาจยอมรับได้เด็ดขาด และยิ่งไม่อาจเปิดเผยต่อสาธารณะได้อีกด้วย

ไม่เช่นนั้นทุกสิ่งในสกุลอวิ๋น ย่อมล้วนไม่เกี่ยวข้องอันใดกับเขาอีก

เขาอดไม่ได้ที่จะคำรามออกมา “พวกท่านล้วนเป็นพวกเดียวกับอวิ๋นฝูหลิง ย่อมต้องพูดเข้าข้างอวิ๋นฝูหลิงอยู่แล้ว”

อวิ๋นฝูหลิ
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 299

    เมื่อเผชิญหน้ากับเสียงคำรามของอวิ๋นกานซง สีหน้าของอวิ๋นฝูหลิงกลับไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อยนางคิดเรื่องนี้มานานแล้วนางย่อมรู้ว่าแม้จะมีคำให้การของอวิ๋นซานหู แต่ก็เป็นเพียงคำให้การฝ่ายเดียว หลักฐานยังไม่เพียงพอที่จะทำให้พวกอวิ๋นกานซงถูกตัดสินโทษได้ทว่าจุดประสงค์ของนางมิใช่เรื่องนี้การถูกขังคุก การเนรเทศ และการตัดศีรษะล้วนยังไม่เพียงพอ หากมีจุดจบเช่นนี้ย่อมง่ายดายเกินไปสำหรับพวกเขานางต้องการทำให้อวิ๋นกานซงสูญเสียทั้งฐานะและชื่อเสียง!นางต้องการทำให้เซี่ยงซื่อเป็นทุกข์ และมีชีวิตที่เหลืออย่างน่าเวทนา!นางอยากให้แผนของอวิ๋นหลิงจือสูญเปล่า และไม่สมหวังในสิ่งที่ต้องการ!หลังจากประสบกับความทุกข์ระทมทุกรูปแบบ ก็ตายไปอย่างน่าเวทนาแม้ว่าคำให้การของอวิ๋นซานหูจะไม่สามารถทำให้พวกอวิ๋นกานซงถูกตัดสินโทษโดยตรงได้ แต่กลับสามารถฉีกหน้ากากจอมปลอมของครอบครัวพวกเขาออก และทำลายชื่อเสียงของพวกเขาที่สั่งสมมาหลายปีได้ถึงอย่างไรอวิ๋นซานหูก็เป็นลูกสาวแท้ ๆ ของอวิ๋นกานซง คำพูดจากปากของนาง จะเป็นคำโกหกได้อย่างไร?แม้คนทั้งโลกจะสงสัย แต่ก็มีเพียงความสงสัยหนึ่งส่วน และความเชื่ออีกเก้าส่วนเกรงว่าครอบค

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 300

    ฉวยโอกาสนี้เปิดเผยตัวตนที่เป็นลูกนอกสมรสของเขา และเรียกเขาว่าคนเนรคุณ ซึ่งนับตั้งแต่นี้ไปชื่อเสียงของเขาย่อมถูกทำลาย ทั้งยังถูกคนด่าทออีกด้วยเป็นเขาที่ประเมินอวิ๋นฝูหลิงต่ำเกินไป!ทรัพย์สินสกุลอวิ๋นมีอยู่ไม่น้อย แค่เงินสินเดิมที่แม่ของอวิ๋นฝูหลิงนำติดตัวมาก็ค่อนข้างมากแล้ว จึงไม่อาจนับได้หมดในเวลาเพียงชั่วครู่ยิ่งไปกว่านั้นนอกจากทรัพย์สมบัติเหล่านี้ ยังมีสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า นั่นคือสำนักช่วยชีพในเมื่อนางมาเพื่อสะสางบัญชี เช่นนั้นทางด้านสำนักช่วยชีพ ก็ย่อมถูกจัดการด้วยเช่นกันอวิ๋นฝูหลิงลุกขึ้นมากล่าวว่า “ทางด้านนี้เกรงว่าคงต้องใช้เวลาจัดการสักระยะ ทุกคนตามข้ามาเถอะ ยังมีอีกเรื่องที่ต้องตัดการ”กล่าวจบ ก็พูดกับเซียวจิ่งอี้ด้วยว่า “ทิ้งองครักษ์บางส่วนของท่านไว้ที่นี่ คอยเฝ้าคนในจวนจี้ชุนโหวไว้ให้ดี คนในจวนไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าออก ทุกคนต้องอยู่ที่เดิม จนกว่าจะตรวจสอบทรัพย์สินเสร็จ”“วางใจเถอะ วันนี้ข้าพาคนมามากพอ ที่จะจัดการล้อมที่นี่ไว้อย่างแน่นหนาได้”เซียวจิ่งอี้พยักหน้า ทั้งยังมองไปทางพวกอวิ๋นกานซง และถามว่า “เช่นนั้นควรทำอย่างไรกับพวกเขา?”อวิ๋นฝูหลิงเหลือบมองอวิ๋นกานซง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 301

    อวิ๋นฝูหลิงประสานมือไปทางชาวบ้านที่เข้ามาล้อมวงดู พลางยิ้มแล้วกล่าวว่า “ใช่แล้ว ฮ่องเต้ไท่จูเป็นผู้พระราชทานแผ่นป้ายนี้ให้แก่สกุลอวิ๋น”“ย่อมมีเพียงคนสกุลอวิ๋นเท่านั้นที่ใช้ได้!”“ข้าน้อยอวิ๋นฝูหลิง เป็นธิดาเพียงคนเดียวของจี้ชุนโหวผู้ถึงแก่กรรมไปแล้ว เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขที่เหลือแต่เพียงผู้เดียวของสกุลอวิ๋น”“แน่นอนว่าข้าไม่อาจทนมองแผ่นป้ายที่ฮ่องเต้ไท่จูพระราชทานมาให้สกุลอวิ๋นของข้าถูกคนนอกยึดเอาไปได้”ยังไม่ทันที่คำพูดของอวิ๋นฝูหลิงจะจบ คนที่รายล้อมอยู่ก็พากันส่งเสียงวิจารณ์ขึ้นมาจนเสียงดังหึ่งหั่งอวิ๋นฝูหลิงโบกมือให้ลูกพี่อู๋และคนอื่น ๆ แล้วออกคำสั่งอีกครั้ง “ปลดป้าย!”อวิ๋นกานซงรีบร้อนกระวีกระวาดตามมาเมื่อมาถึงก็ได้ยินอวิ๋นฝูหลิงสั่งให้คนปลดป้ายออกแล้ว“หยุดนะ!” เขาตะโกนลั่น รีบพุ่งตัวเข้าไป มองอวิ๋นฝูหลิงด้วยสายตาเดือดดาล“อวิ๋นฝูหลิง เจ้าถึงกับกล้าปลดป้ายออกเชียวหรือ นี่เป็นป้ายที่ฮ่องเต้ไท่จู่พระราชทานให้เชียวนะ!”อวิ๋นฝูหลิงเลิกคิ้ว “ไยข้าจึงจะไม่กล้า?”“ท่านเองก็พูดอยู่ว่าฮ่องเต้ไท่จูเป็นผู้พระราชทานป้ายนี้ลงมาให้ ฮ่องเต้ไท่จูพระราชทานให้สกุลอวิ๋นต่างหาก!”“เช่นน

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 302

    “ทุกท่าน ที่นี่ของข้าต่างหากที่รับประกันเลยว่าเป็นสำนักช่วยชีพแท้จริง”“มิได้มีเพียงป้ายคำขวัญที่ฮ่องเต้ไท่จูพระราชทานให้เท่านั้น กระทั่งชื่อสำนักช่วยชีพนี้ก็เป็นองค์ฮ่องเต้ไท่จูที่พระราชทานนามให้ในปีนั้นเช่นกัน”“วันนี้สำนักช่วยชีพเปิดทำการใหม่แล้ว เพียงแต่ผู้ป่วยไข้ที่เข้ามาดูอาการที่สำนักในสามวันแรกมิจำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายการตรวจไข้ ทั้งค่ายังลดลงกึ่งหนึ่ง!”“ที่ร้านของเรามียาลูกกลอนทุกอย่างที่เพิ่งออกใหม่ เหมาะยิ่งสำหรับซื้อกลับไปสำรองใช้ในบ้าน”สิ้นคำของอวิ๋นฝูหลิง ด้านข้างทั้งสองของบานประตูก็ปล่อยประทัดยาวเหยียดลงมา ชั่วพริบตานั้น เสียงประทัดดังเปรี้ยงปร้าง เสริมบรรยากาศแห่งความปีติให้แก่กิจการเปิดใหม่ครั้นได้ยินว่าค่ายาลดลงกึ่งหนึ่ง ทั้งยังมียาลูกกลอนอีก ชาวบ้านจำนวนไม่น้อยก็ใจเต้นโครมครามในทันที พากันกรูเข้าไปด้านในสำนักช่วยชีพอวิ๋นฝูหลิงเตรียมตัวมาอย่างดีเพื่อวันนี้ ดังนั้นแม้ในสำนักช่วยชีพจะยุ่งทว่าก็มิได้วุ่นวาย ไม่ว่าจะเป็นนายท่าน หรือเสี่ยวเอ้อร์ และท่านหมอในสำนัก ล้วนทำงานในหน้าที่ไปตามลำดับขั้นอวิ๋นฝูหลิงเห็นแล้วจึงแอบถอนหายใจออกมาเบา ๆจากนั้นจึงส่งสายตาให้

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 303

    อวิ๋นฝูหลิงวางจอกชาในมือลง แล้วกล่าวอย่างเฉื่อย ๆ ว่า “ท่านปู่ทั้งสอง พวกท่านน่าจะรู้ดีว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับสำนักช่วยชีพนั้นคือสิ่งใด?”โอวหยางหมิงและนายท่านผู้เฒ่าหางมองหน้ากัน เผยสีหน้าไม่เข้าใจนักอวิ๋นฝูหลิงยิ้มแย้มไม่พูดจา ยกมือขึ้นชี้ไปทางกรอบประตูโอวหยางหมิงและนายท่านผู้เฒ่าหางตรัสรู้ได้ในทันทีทันใด ทั้งคู่แทบจะตบโต๊ะลั่นในเวลาพร้อม ๆ กัน ทั้งยังเอ่ยถามออกมาเป็นเสียงเดียวกันว่า “ป้ายพระราชทานแผ่นนั้น!”สำนักช่วยชีพมีฐานะเฉกเช่นทุกวันนี้ได้ ฝีมือการแพทย์ของสกุลอวิ๋นนั้นยังนับว่าเป็นรอง สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือป้ายพระราชทานจากองค์ฮ่องเต้ไท่จูแผ่นนั้นมิเช่นนั้นท่ามกลางสำนักแพทย์มากมายในราชวงศ์ต้าถัง ทั้งในนั้นยังไม่ขาดแคลนตระกูลแพทย์ที่สืบอายุมานานนับร้อยปี แล้วเพราะเหตุใดในแวดวงการแพทย์จึงมีเพียงสำนักช่วยชีพแห่งเดียวเท่านั้นที่ตั้งตระหง่านเป็นอันดับหนึ่งเสมอมา เหตุผลทั้งมวลคือป้ายพระราชทานจากฮ่องเต้ไท่จูแผ่นนั้น มีฐานความมั่นใจของสกุลอวิ๋นและสำนักช่วยชีพอวิ๋นฝูหลิงจึงใช้กลยุทธ์ตัดไฟตั้งแต่ต้นลม โดยอาศัยฐานะของคนสกุลอวิ๋นปลดป้ายออกไปอย่างเปิดเผย ตัดหนทางมิให้อวิ๋นกา

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 304

    ความสามารถของสตรีนั้น บางครั้งยังเหนือกว่าบุรุษด้วยซ้ำไป ฮ่องเต้จิ่งผิงยกมือขึ้น ตรัสกับเกากงกงว่า “กลับไปหารือกับทางสำนักหมอหลวง ค้นหาความผิดสักอย่าง แล้วขับอวิ๋นกานซงออกจากสำนักหมอหลวงเสีย”คนที่ความประพฤติไม่ดี ไร้คุณธรรมเช่นนี้ มิสมควรอยู่ในสำนักหมอหลวงเกากงกงเข้าใจได้ทันทีว่าอวิ๋นกานซงประสบเข้ากับความเหนื่อยหน่ายของฮ่องเต้จิ่งผิงเสียแล้วเขาหลุบตารับคำ แล้วเอ่ยขึ้นมาอีกว่า “ฝ่าบาท แต่ไหนแต่ไรอวิ๋นกานซงล้วนได้รับความโปรดปรานจากองค์ไทเฮาเป็นอย่างยิ่ง ปกติแล้วหากต้องจับชีพจรหรือเรื่องอื่น ๆ ล้วนเรียกตัวเขาเข้าไปพ่ะย่ะค่ะ”“หากประเดี๋ยวทางองค์ไทเฮาทราบเรื่องเข้า แล้วเกิดไต่ถาม...”ปีนั้นอวิ๋นกานซงใช้ยากลูกกลอนหนึ่งเม็ด รักษาอาการประชวรของไทเฮาจนหายดีจึงเข้าพระเนตรของไทเฮามานับแต่นั้น หลายปีมานี้พระวรกายของไทเฮาล้วนได้รับการดูแลจากเขาและหมอหลวงแซ่สวี่อีกผู้หนึ่งมาตลอดฮ่องเต้จิ่งผิงได้ยินเช่นนั้น จึงถลึงพระเนตรใส่เกากงกงทันที แล้วตรัสอย่างไม่สบพระทัยว่า “เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ยังต้องให้เราสอนเจ้าอีกหรือว่าต้องทำเช่นไร?”เกากงกงรีบค้อมกายน้อมรับผิดทันที “เป็นกระหม่อมที่เลอะเล

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 305

    จากที่เรื่องการกลับมาของทายาทจวนจี้ชุนโหว ฉีกหน้าอวิ๋นกานซงผู้เป็นบุตรนอกสมรส แล้วชิงกิจการของสกุลอวิ๋นกลับมาเหล่านี้โจษจันไปทั่วทั้งเมือง บรรดาตระกูลสูงศักดิ์และขุนนางยศสูงทั้งหลายในเมืองหลวงเองก็ได้แต่อึดอัดอยู่ในใจอวิ๋นกานซงนั้นเป็นดั่งนกเขาครองรังนกสาลิกา วางแผนสังหารทายาทสาวจวนจี้ชุนโหว แล้วครอบครองทรัพย์สมบัติของสกุลอวิ๋น นับว่าไม่ใช่คนดีอะไรจริง ๆแต่หลังจากสูญสิ้นทายาทผู้เป็นสายเลือดของสกุลอวิ๋น จวนจี้ชุนโหวก็หลงเหลือเพียงแต่ชื่อ ตำแหน่งนี้ก็ไม่รู้ว่าจะถูกริบคืนเมื่อไรแม้ว่าทายาทสาวจวนจี้ชุนโหวจะเป็นสายเลือดเพียงคนเดียวของสกุลอวิ๋น ทว่าท้ายที่สุดแล้วก็เป็นเพียงเด็กสาวกำพร้าผู้หนึ่งเท่านั้นเมื่อก่อนตอนที่อยู่ในเมืองหลวงก็มิได้มีชื่อเสียงอันใด ที่โดดเด่นที่สุดเห็นจะเป็นตอนนั้นที่ร่วมคืนวสันต์กับอี้อ๋อง แต่กลับถูกคนไปเจอเข้าเมื่อทำเรื่องคาวโลกีย์เช่นนี้ลงไป แน่นอนว่าย่อมไม่มีชื่อเสียงที่ดีอะไรในเมืองหลวงทว่าวันนี้กลับกล้าที่จะฉีกหน้าอวิ๋นกานซง ทั้งยังมีความสามารถทวงทรัพย์สินของสกุลอวิ๋นกลับคืนมาได้ จะไม่ให้ผู้อื่นตื่นตกใจได้เช่นไรถัดจากความตกใจ ก็ยังมีความสงสัยอยู่หลา

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 306

    จวนอี้อ๋องอยู่ไม่ไกลจากวังหลวงนัก ผ่านไปไม่นานก็เดินทางมาถึงแล้วยามนี้มีคนยืนอยู่หน้าประตูวังไม่น้อย ทุกคนล้วนต่อแถวรอเข้าวังทั้งสิ้นนอกจากส่วนน้อยที่มีพระราชโองการพิเศษ สามารถขี่ม้าหรือนั่งรถลากเข้าวังได้แล้ว คนอื่น ๆ ที่ต้องเข้าวังล้วนต้องตรวจสอบฐานะที่ประตูวังเสียก่อนเมื่อตรวจสอบแล้วไม่มีความผิดปกติ จึงจะปล่อยให้ผ่านเข้าไปได้เมื่อก้าวข้าประตูวังมาแล้ว ยังต้องอาศัยสองเท้าเดินไปตามทางเดินยาวเหยียด หากร่างกายอ่อนแอสักหน่อยก็แทบจะทนไม่ไหวกันเลยทีเดียวเพราะฉะนั้น การที่สามารถเข้าร่วมงานเลี้ยงในวังได้นั้น แม้จะเป็นเกียรติยิ่ง ทว่าก็เหนื่อยยากเช่นกันเซียวจิ่งอี้ยังไม่มีสิทธิพิเศษที่นั่งรถเข้าไปในวังได้ ดังนั้นเมื่อมาถึงประตูวัง สามคนหนึ่งครอบครัวจึงต้องลงจากรถม้าการเคลื่อนไหวนี้ แน่นอนว่าดึงดูดสายตาให้คนอื่นพากันหันมามองอยู่แล้วครั้นเห็นว่าเป็นเซียวจิ่งอี้ ผู้คนรอบด้านจึงพากันคารวะเต็มพิธีส่วนอวิ๋นฝูหลิงและเซียวจิงมั่วที่อยู่ข้างกายเซียวจิ่งอี้นั้น แม้ทุกคนจะรู้สึกไม่คุ้นหน้าคุ้นตานัก ทว่าพอเห็นอวิ๋นฝูหลิงสวมใส่ชุดพิธีการประจำองค์พระชายา ทั้งยังนึกถึงข่าวคราวล่าสุดที่แพร่

Latest chapter

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 632

    อย่าว่าแต่คนเลย แม้แต่แมลงวันสักตัวก็อย่าคิดว่าจะได้ออกไปจากจุดพักแรมของทางการนี้ยามนี้คนผู้นั้นซึ่งคิดจะหลบหนีออกจากจุดพักแรมถูกจับตัวอยู่ และถูกทหารลาดตระเวนโยนมาไว้ตรงหน้าเซียวจิ่งอี้แล้ว เหล่าทหารองครักษ์ที่คอยเฝ้าอยู่ข้างเวินเจา จำคนผู้นั้นได้ทันทีว่าเป็นสตรีผู้นั้นซึ่งมาส่งอาหารก่อนหน้านี้เมื่อเอาเรื่องราวมารวมเข้าด้วยกัน ก็รู้ได้ว่านางจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางยาพิษเวินเจาเป็นแน่เซียวจิ่งอี้ลูบแหวนหยกบนมือ สายตามองไปที่นางอย่างเย็นชา“เหตุใดเจ้าต้องวางยาพิษด้วย?”“ในจุดพักแรมยังมีผู้สมรู้ร่วมคิดของเจ้าอีกหรือไม่?”สตรีผู้นั้นเพียงแค่ส่งเสียงหัวเราะ โดยไม่ได้ตอบคำถามเซียวจิ่งอี้เห็นเช่นนั้นก็มิได้โกรธ และออกคำสั่งว่า “ไปพาตัวทุกคนในจุดพักแรมแห่งนี้มา ตรวจสอบพื้นเพของสตรีผู้นี้ให้ละเอียด จับตัวทั้งครอบครัวของนางมาให้หมด!”มีผู้ใต้บังคับบัญชาทำตามคำสั่งทันทีเซียวจิ่งอี้สังเกตการแสดงออกของสตรีผู้นั้น ทว่ากลับเห็นว่าการแสดงออกของนางไม่เปลี่ยนไปเลยตั้งแต่ต้นจนจบ แม้แต่ยามที่ได้ยินเซียวจิ่งอี้บอกว่าจะจับทั้งครอบครัวของนางมา ก็ยังไม่แม้แต่จะขยับคิ้วแววตาของเซียวจิ่งอ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 631

    รอบด้านรถคุมตัวนักโทษมีทหารองครักษ์เฝ้าอยู่สิบกว่าคน ทหารองครักษ์เรียกได้ว่าเข้มงวดมากทันทีที่มีคนเข้ามาใกล้ พวกทหารองครักษ์ก็ตะโกนออกไปอย่างระแวดระวัง “ใคร?”หญิงที่มาส่งอาหารราวกับถูกเสียงตะโกนทำให้ตกใจ และพูดอย่างสั่นเทาทันที “ใต้...ใต้เท้า ข้าน้อยเป็น...เป็นคนที่มาส่งอาหารเจ้าค่ะ...”เหล่าทหารองครักษ์มองบะหมี่บนถาดในมือนาง สีหน้าจึงเพิ่งอ่อนลงหลายส่วนหนึ่งในนั้นโบกมือ “เข้ามา”หญิงส่งอาหารผู้นั้นจึงเพิ่งก้าวไปด้านหน้า ถือบะหมี่ไปยังรถคุมตัวนักโทษคาดไม่ถึงว่าเพิ่งเดินไปไม่กี่ก้าว ยังมิทันได้ไปตรงหน้ารถคุมตัวนักโทษ ก็ถูกคนขวางทางไว้ทหารองครักษ์ผู้หนึ่งถือเข็มเงินไว้ในมือ แสดงท่าทีว่าจะทดสอบพิษในบะหมี่เมื่อหญิงผู้นั้นเห็นเช่นนี้ แววตาก็เกิดประกายวาบผ่านเล็กน้อยผ่านไปครู่หนึ่ง นางก็ลดสายตาลงอย่างรวดเร็ว และปกปิดการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ไว้ทหารองครักษ์ใช้เข็มเงินทดสอบในบะหมี่ เมื่อเห็นว่าเข็มเงินไม่ได้เปลี่ยนสี จึงเพิ่งพยักหน้าให้คนด้านข้างเล็กน้อยคนผู้นั้นก้าวมาด้านหน้ารับบะหมี่ไปทันที และกล่าวกับหญิงผู้นั้นว่า “เจ้าไปได้แล้ว”หญิงผู้นั้นสะดุ้งก่อนโค้งคำนับอย่างนอบน้อม

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 630

    เซียวจิ่งอี้นั่งอยู่บนรถม้า สายตามองทะลุผ่านหน้าต่างรถม้า เห็นพวกลุงหลี่ในฝูงชนเมื่อเห็นพวกเขาน้ำตาคลอเบ้า คุกเข่าขอบคุณด้วยสีหน้าซาบซึ้ง ก็นึกถึงก่อนหน้านี้ที่เทียนเฉวียนรายงานว่าพลเรือนจากเกาะหมัวกุ่ยเหล่านั้นได้รับการจัดหาที่อยู่อย่างเหมาะสมแล้ว ดูท่าผู้ใต้บังคับบัญชาจะทำหน้าที่ได้ไม่เลวทีเดียวมุมปากของเซียวจิ่งอี้โค้งเล็กน้อย ในอกรู้สึกอุ่น ๆ ความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้กำลังพรั่งพรูขึ้นมาขบวนรถม้าเดินทางมาหนึ่งวันแล้ว และแวะค้างแรมในจุดพักแรมของทางการหลังจากเซียวจิ่งอี้ลงมาจากรถม้า ก็มองไปทางรถคุมตัวนักโทษคันหนึ่งในกลุ่มเป็นพิเศษคนที่นั่งอยู่ในรถคุมตัวนักโทษมิใช่ใครอื่น แต่เป็นเวินเจานั่นเองสาเหตุที่เซียวจิ่งอี้จัดขบวนใหญ่โต ก็เพื่อดึงดูดสายตาของท่านจอมปราชญ์เหวินและพวกคนแคว้นเยว่ ให้มาช่วยเหลือเวินเจาระหว่างการเดินทางครั้งนี้ เป็นโอกาสสุดท้ายของพวกเขาแล้วหากพวกเขายังไม่ลงมือ รอจนให้เวินเจาถูกคุมตัวกลับเมืองหลวง ย่อมมีโอกาสสูงที่จะถูกลงโทษประหารชีวิตหลังจากเข้าเมืองหลวงแล้ว หากพวกท่านจอมปราชญ์เหวินคิดจะเข้าไปช่วยคนในคุกหลวง นั่นก็นับว่าเพ้อฝันแล้วส่วนการบุกไปชิงตัว

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 629

    ยามที่กลุ่มของเซียวจิ่งอี้ออกจากจินโจว กองทหารเกียรติยศของอี้อ๋องคุ้มกันโดยตรง จึงมีความยิ่งใหญ่เกรียงไกรมากเทียบกับก่อนหน้านี้ที่ออกจากเจียงโจว พาอวิ๋นฝูหลิงกับลูกชายกลับเมืองหลวงโดยไม่ให้เป็นจุดสนใจนับว่าต่างกันโดยสิ้นเชิงระหว่างทางมีขุนนางและประชาชนมารอส่งไม่กี่วันที่ผ่านมา เซียวจิ่งอี้ได้จัดระเบียบเหล่าขุนนางในจินโจว ลงโทษข้าราชการทุจริต คืนความยุติธรรมให้ประชาชนอวิ๋นฝูหลิงใช้วิชาแพทย์ช่วยเหลือผู้คน เมื่อเจอผู้ป่วยที่ครอบครัวยากจน ก็ยังยกเว้นค่ารักษาของพวกเขาด้วยสิ่งนี้ย่อมทำให้เกิดน้ำหนักในใจของประชาชนเซียวจิ่งอี้กับอวิ๋นฝูหลิงมีจิตใจเมตตา ประชาชนย่อมจดจำความดีของพวกเขาไว้ในใจท่ามกลางฝูงชนที่คับคั่ง ชายร่างสูงผอมผิวคล้ำผู้หนึ่งยืดคอยาว มองไปทางรถม้าของเซียวจิ่งอี้ด้านข้างของเขามีเด็กหนุ่มยืนเขย่งปลายเท้า พลางดึงแขนเสื้อถามเขาว่า “ลุงหลี่ ท่านเห็นท่านอ๋องกับพระชายาหรือไม่?”ชายร่างสูงผอมผิวคล้ำกับเด็กหนุ่ม ก็คือลุงหลี่กับฟางอวี่ที่เซียวจิ่งอี้และอวิ๋นฝูหลิงช่วยออกมาจากเกาะหมัวกุ่ยก่อนหน้านี้หากเซียวจิ่งอี้อยู่ที่นี่ด้วยในยามนี้ จะต้องจำได้เป็นแน่ว่านอกจากลุงหลี่กั

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 628

    จนกระทั่งสถานการณ์ทุกอย่างสิ้นสุดแล้ว หัวใจที่ตื่นตระหนกอยู่นานของเขาจึงสงบลงขณะนั้นเองจู่ ๆ ก็ได้ยินว่าอวิ๋นฝูหลิงจะถอนพิษให้ตามที่รับปากเขาไว้ เมื่อหวนนึกถึงทุกสิ่งก่อนหน้านี้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกราวกับอยู่คนละโลกหลังจากเขาตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก็เพิ่งก้าวไปข้างหน้าอวิ๋นฝูหลิงหยิบหมอนหนุนจับชีพจรออกมาจากกล่องยา และส่งสัญญาณให้เวินจือเหิงวางมือลงไปหลังตรวจชีพจรของเวินจือเหิงแล้ว อวิ๋นฝูหลิงก็ดึงมือกลับมา และกล่าวว่า “พิษในร่างถูกถอนออกกว่าครึ่งแล้ว พูดตามหลักร่างกายของเจ้าควรจะฟื้นตัวได้ประมาณเจ็ดถึงแปดส่วนแล้ว”“แต่ช่วงนี้จิตใจเจ้ากระสับกระส่าย และวิตกกังวลมากเกินไป ทั้งยังได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายที่ไม่ค่อยดีอยู่แล้วยิ่งย่ำแย่ลงไปอีก”“โชคดีที่ตอนยังเด็กเจ้าได้รับการเลี้ยงดูไม่เลว พื้นฐานร่างกายจึงแข็งแรง ตอนนี้จึงมีต้นทุนให้ใช้จ่ายได้”“ยิ่งไปกว่านั้นเจ้ายังโชคดี ได้พบหมอเทวดาคนหนึ่งเช่นข้า!”เวินจือเหิงได้ยิน สีหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มขมขื่นสายหนึ่งสกุลเวินเผชิญวิกฤตครั้งใหญ่อย่างกะทันหัน เขาในฐานะผู้นำสกุลย่อมต้องค้ำจุนทั้งสกุลไว้ช่วงนี้ เขากินไม่อิ่มนอนไม่หลับ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 627

    อวิ๋นฝูหลิงเหลือบมองเวินจือเหิง เห็นว่าแม้เขาจะร่างกายอ่อนแอ แต่กลับมีแรงใจไม่เลว ในใจจึงอดไม่ได้ที่จะมองเขาดีขึ้นสกุลเวินมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีขี้ผึ้งทองและการลักลอบค้าของผิดกฎหมาย กอปรกับเวินเจาจากบ้านรองสกุลเวินยังถูกตรวจสอบพบว่าเป็นเชื้อสายของราชวงศ์แคว้นเยว่ ยิ่งไปกว่านั้นทุกร่องรอยยังแสดงให้เห็นถึงความมักใหญ่ใฝ่สูงของแคว้นเยว่ ซึ่งตั้งใจโค่นล้มราชสำนัก ถือเป็นกบฏอย่างแท้จริงหากคนของบ้านรองเข้าไปพัวพันกับคดีใหญ่เช่นนี้ เกรงว่าทั้งสกุลย่อมถูกทำลายลงตรงหน้าสกุลเวินยังสามารถยืนหยัดอยู่ในจินโจวได้ ต้องขอบคุณเวินจือเหิงซึ่งเป็นผู้นำตระกูลจริง ๆหากมิใช่เพราะเขามีไหวพริบมองการณ์ไกล ชิงยอมจำนนต่อเซียวจิ่งอี้เร็วกว่าก้าวหนึ่ง และเป็นฝ่ายลงทัณฑ์ญาติเพื่อผดุงธรรม นำหลักฐานที่เกี่ยวข้องซึ่งตัวเองตรวจสอบพบไปส่งมอบ ช่วยเป็นแรงสนับสนุนให้เซียวจิ่งอี้ เกรงว่าทุกคนในสกุลเวินคงจะติดคุกกันหมดแล้วหลังจากนั้น เวินจือเหิงก็เป็นฝ่ายขอรับโทษ บริจาคทรัพย์สมบัติเก้าส่วนของสกุลเวินให้ราชสำนักตระกูลที่มั่งคั่งเช่นสกุลเวิน ทรัพย์สมบัติที่สั่งสมมาหลายร้อยปีย่อมไม่อาจประเมินต่ำเกินไปได้ทรัพย์สมบัติ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 626

    อาศัยแค่เทียบยานั้นใบเดียว ด้วยการรักษาโรคชนิดหนึ่งได้อย่างแม่นยำ ก็เพียงพอที่จะตั้งตัวได้ ถึงขั้นมีชื่อเสียงโด่งดังทว่ายามนี้อวิ๋นฝูหลิงกลับหยิบตำราแพทย์เล่มหนึ่งออกมาให้ทุกคนเวียนกันอ่านและคัดลอกอย่างใจกว้างช่างมีจิตใจกว้างขวางเสียนี่กระไร!ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนต่างตกตะลึงจนพูดไม่ออกโดยเฉพาะหมอผู้ดูหมิ่นอวิ๋นฝูหลิงในคราแรก ยามนี้สัมผัสได้เพียงความร้อนผ่านที่แก้ม รู้สึกอับอายเป็นอย่างยิ่งผ่านไปครู่หนึ่ง จึงเพิ่งมีคนตั้งสติได้ โค้งคำนับอวิ๋นฝูหลิงด้วยความเคารพ พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงซาบซึ้ง “การกระทำของแม่นางอวิ๋น เป็นแบบอย่างให้พวกข้าแล้วจริง ๆ พวกข้ายังเทียบแม่นางอวิ๋นไม่ติดเลย!”เมื่อมีคนเริ่มกล่าว คนอื่นก็เริ่มตอบสนองออกมาเช่นกัน พากันโค้งคำนับกล่าวขอบคุณอวิ๋นฝูหลิงอย่างจริงจังมีบางคนถึงกับเรียกอวิ๋นฝูหลิงว่าท่านอาจารย์ ขอบคุณที่ครั้งนี้นางช่วยรักษาอาการโรคที่เกิดจากขี้ผึ้งทองในจินโจว ทั้งยังถ่ายทอดคำสอนและไขข้อสงสัยอวิ๋นฝูหลิงก็มิได้อวดภูมิ รับคำคนเหล่านั้นอย่างนอบน้อมประการแรก ช่วงที่นางรักษาคนไข้ที่ป่วยเพราะขี้ผึ้งทองในจินโจว ก็ได้สอนวิธีการรักษาของตัวเองให้เหล่าหมอท่า

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 625

    ท่านหมอในสำนักผิงอันต่างมองไปที่ตำราแพทย์ในมือหางซานสุ่ยด้วยดวงตาเป็นประกายนั่นเป็นถึงตำราแพทย์ที่บันทึกศาสตร์ฝังเข็มและเทียบยาสำหรับการรักษาผู้ป่วยเสพติดขี้ผึ้งทองเชียวนะโดยเฉพาะเมื่ออวิ๋นฝูหลิงเป็นผู้เขียนตำราเล่มนี้ด้วยตัวเองในช่วงเวลาที่ได้ทำงานร่วมกันมานี้ ท่านหมอในเมืองจินโจวถือว่าได้เปิดหูเปิดตารับรู้ถึงฝีมือการแพทย์อันสูงส่งของอวิ๋นฝูหลิงแล้วยามหารือเรื่องการรักษาผู้ป่วยติดขี้ผึ้งทอง นางก็มักจะหาแนวทางสำหรับการรักษาที่เหมาะสมที่สุดออกมาเสมอทักษะฝังเข็มล้ำเลิศ เทียบยาก็ล้ำลึกพิสดาร แม้จะเป็นท่านหมออาวุโสที่สั่งสมประสบการณ์มานานก็ยังมีบ้างที่ด้อยกว่าโดยเฉพาะเมื่ออวิ๋นฝูหลิงเป็นหมอหญิงอ่อนวัยที่อายุเพิ่งยี่สิบปีมีท่านหมอในเมืองจินโจวบางคนที่รู้สึกว่า การที่อวิ๋นฝูหลิงมีชื่อเสียงเลื่องลือนั้นทั้งหมดล้วนเป็นเพราะรัศมีอันมีติดตัวมาแต่กำเนิดด้วยนางถือกำเนิดในสกุลอวิ๋นเท่านั้น นางถึงได้มีชื่อเสียงและได้รับความเคารพอยู่บ้างในแวดวงแพทย์เช่นนี้ทว่าใครจะไปรู้ว่าอวิ๋นฝูหลิงกลับใช้ฝีมือการแพทย์ของตัวเองมาตบหน้า สอนเป็นบทเรียนให้พวกเขาอย่างดีหลังได้รู้ซึ้งถึงฝีมือการแพทย์ของ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 624

    ขุนนางที่ถูกส่งมาใหม่เหล่านี้ ต่างทยอยเดินทางมาถึงจินโจวกันแล้วในช่วงไม่กี่วันมานี้ก่อนที่พวกเขาจะเดินทางมาถึง งานบริหารราชการและบริหารกองทัพของจินโจวล้วนมีเซียวจิ่งอี้รับผิดชอบชั่วคราวบัดนี้ขุนนางชุดใหม่มาถึงแล้ว แน่นอนว่าเซียวจิ่งอี้ย่อมเริ่มมอบหมายงานแก่พวกเขา คืนอำนาจบริหารราชการและกองทัพของจินโจวให้ขุนนางที่เหมาะสมจากความหมั่นเพียรและการจัดระเบียบของเซียวจิ่งอี้ งานบริหารราชการในเมืองจินโจวจึงได้รับการจัดระเบียบเป็นที่เรียบร้อยนานแล้ว ขอแค่เหล่าขุนนางที่มารับหน้าที่นี้ต่อไปมัวแต่กินดื่ม ไม่ทำการงาน ก็สามารถบริหารปกครองเมืองจินโจวได้ และฟื้นฟูให้จินโจวรุ่งเรืองขึ้นมาใหม่อีกครั้งได้สิ่งเดียวที่ทำให้เซียวจิ่งอี้ไม่สบอารมณ์และปวดหัวก็คือ จวบจนบัดนี้ยังไม่อาจจับกุมตัวราชครูเผ่าเยว่ผู้นั้นได้ไม่ว่าจะค้นหาไปทั่วเมือง หรือใช้เวินเจาเป็นเหยื่อล่อ ล้วนไม่เห็นแม้แต่ร่องรอยของราชครูเผ่าเยว่ผู้นั้นอีกทั้งประตูเมืองจินโจวก็ไม่อาจปิด ไม่อนุญาตให้ชาวบ้านเข้าออกได้เป็นเวลานานได้แม้ว่าประชาชนจะไม่กล้ามีปากเสียง แต่การชดเชยเรื่องอาหารการกินในชีวิตประจำวันก็นับว่าเป็นปัญหานอกจากนี้ประ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status