Se connecterเกิดใหม่มาอยู่ในร่างนางร้ายที่กำลังจะถูกถอนหมั้น มีหรือที่ด็อกเตอร์สาวจากยุค 2024 จะยอมแพ้!! พบกับปฏิบัติการพลิกชะตา ปั้นร้านขนมให้ปัง พร้อมมัดใจอ๋องปีศาจให้อยู่หมัด
Voir plus"ผู้ต้องสงสัยมีภาวะหลงตัวเองขั้นรุนแรง เขาไม่รู้สึกผิด ไม่มีความเห็นใจ และมองคนเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งในเกมของเขา"
เสียงแหลมสูงทรงอำนาจของ ดร.ฟางซิน ดังก้องอยู่ในห้องประชุมที่อบอวลไปด้วยความเคร่งเครียดและกลิ่นกาแฟจาง ๆ ที่เริ่มเย็นชืด แสงจากโปรเจกเตอร์ฉายภาพแฟ้มคดีอาชญากรขึ้นบนจอ แววตาของเธอภายใต้กรอบแว่นนั้นคมกริบราวกับมีดผ่าตัด พร้อมที่จะชำแหละทุกชั้นความคิดที่ซับซ้อนของฆาตกร
ในวัยเพียงสามสิบปี ฟางซินได้กลายเป็นนักจิตวิทยาอาชญากรรมแถวหน้าของประเทศ ชีวิตของเธอคือโลก ขาว-ดำ ที่ประกอบขึ้นจากแฟ้มคดี กราฟข้อมูล และการไล่ล่าหาความจริงในเงามืด เธออุทิศทุกอย่างเพื่อทำความเข้าใจด้านมืดที่สุดของจิตใจมนุษย์ จนไม่เคยมีเวลาเหลือให้กับเรื่องที่เธอเรียกว่า ตัวแปรที่ไม่สามารถควบคุมได้ อย่างความรัก หรือแม้กระทั่ง... แฟชั่น เสื้อผ้าของเธอมีเพียงสีเทา ขาว และดำ เพื่อลดเวลาในการตัดสินใจที่ไม่จำเป็นในตอนเช้า
แต่ท่ามกลางโลกที่เต็มไปด้วยเหตุผลและข้อมูลดิบนั้น เธอมีความลับหวาน ๆ ซ่อนอยู่ สิ่งเดียวที่เป็นสีสันในชีวิตขาวดำของเธอคือการทำขนม ฝีมือของเธอเรียกได้ว่าอยู่ในระดับเชฟขนมหวานมืออาชีพ ไม่ว่าจะเป็นเค้กชิฟฟ่อนเนื้อนุ่มฟูที่ต้องอาศัยความอ่อนโยน หรือมาการองที่ต้องใช้ความแม่นยำในการชั่งตวงวัดทุกมิลลิกรัม ในครัวเล็กๆ ที่สะอาดหมดจดของเธอ โลกที่วุ่นวายและโหดร้ายจะถูกแทนที่ด้วยกลิ่นหอมของวานิลลาและเนยสด มันคือการบำบัดจิตใจและเป็นห้องทดลองที่เปี่ยมสุขเพียงหนึ่งเดียวของเธอ
ในวันนั้น... หลังจบการบรรยายเคสฆาตกรต่อเนื่องที่ยาวนานจนแทบหมดพลังงาน ฟางซินเดินออกจากกรมตำรวจท่ามกลางสายฝนที่เริ่มโปรยปราย ท้องฟ้ามืดครึ้มสะท้อนความเหนื่อยล้าในใจของเธอ วันนี้เป็นอีกวันที่เธอต้องจมอยู่กับความวิปริตของจิตใจมนุษย์จนแทบไม่ได้พักผ่อน 'กลับไปอบเค้กเลม่อนดีกว่า' เธอคิดในใจเพื่อปลอบประโลมตัวเอง
เอี๊ยดดดด!! โครม!!
เสียงยางรถบรรทุกบดกับพื้นถนนเปียกลื่นและเสียงกระแทกที่ดังสนั่นคือสิ่งสุดท้ายที่เธอรับรู้ สติสัมปชัญญะของ ดร.ฟางซิน ดับวูบลงพร้อมกับแสงไฟหน้ารถที่สาดจ้าเข้ามา
เพี๊ยะ!!
สัมผัสเจ็บแสบที่แก้มซ้ายรุนแรงจนใบหน้าสะบั้นหันตามแรงตบ โลกทั้งใบของ กู้ซินซิน พลันมืดดับลงไม่ใช่เพราะความเจ็บปวดทางกาย แต่เป็นเพราะหัวใจที่แหลกสลายไม่มีชิ้นดี ภาพของบุรุษที่นางรักสุดหัวใจตวาดใส่ด้วยแววตารังเกียจคือฟางเส้นสุดท้าย สติของนางค่อย ๆ ดับวูบลง... จมดิ่งสู่ความมืดมิดอันเป็นนิรันดร์ และในความมืดมิดนั้นเอง... แสงสว่างดวงใหม่ก็พลันจุติขึ้น
ความเจ็บปวดแล่นปราดขึ้นมาอย่างรุนแรง เป็นความรู้สึกแสบร้อนที่แก้มซ้าย ราวกับถูกฟาดด้วยฝ่ามืออย่างแรง ฟางซินพยายามลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก สติที่เพิ่งฟื้นคืนกลับมายังคงพร่าเลือน แต่ความเจ็บที่แก้มนั้นชัดเจนเสียยิ่งกว่าอะไร
สัมผัสแรกที่รับรู้คือความรู้สึกเหนอะหนะบนใบหน้าเหมือนมีใครเอาแป้งดินสอพองมาโบกไว้สักสิบชั้นจนแทบหายใจไม่ออก ตามมาด้วยกลิ่นเครื่องหอมฉุนกึ้กจนแทบสำลัก และเสื้อผ้าที่ให้ความรู้สึกเหมือนเอาผ้าม่านเจ็ดสีมาพันไว้รอบตัว ทั้งหนัก อึดอัด และสีสันแสบตาจนน่าปวดหัว นี่มันหายนะทางสายตาชัด ๆ
" กู้ซินซิน!! เจ้ายังกล้าทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อีกรึ !! "
เสียงตวาดเกรี้ยวกราดดังขึ้นจากบุรุษรูปงามในอาภรณ์สีน้ำเงินเข้มปักลายมังกรอย่างวิจิตร เขาคือคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ใบหน้าหล่อเหลาบิดเบี้ยวด้วยความโกรธจัด ดวงตาคมกริบจ้องมองมาที่เธออย่างรังเกียจเดียดฉันท์เต็มพิกัด
ฟางซินขมวดคิ้วด้วยความสับสน... กู้ซินซิน ? เขาพูดกับใคร ? แล้วนี่ฉันมาอยู่ในกองถ่ายละครย้อนยุคได้ยังไง ? ชุดอลังการเกินเบอร์ไปมาก
เธอมองตามสายตาของชายตรงลงไป และเห็นสตรีร่างบางในชุดสีขาวบริสุทธิ์นั่งกองอยู่บนพื้น ใบหน้างดงามเปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตา ท่าทางน่าสงสารราวนกน้อยปีกหักที่กำลังต้องการการปกป้อง
"องค์รัชทายาท... อย่าทรงกริ้วพี่หญิงซินซินเลยเพคะ หม่อมฉัน... หม่อมฉันแค่ลื่นล้มไปเองเพคะ" สตรีผู้นั้นกล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ ยิ่งทำให้บุรุษในอาภรณ์สูงศักดิ์เดือดดาลยิ่งขึ้น
" ลี่อิน!! เจ้าไม่ต้องแก้ตัวแทนนาง ข้าเห็นกับตาว่ากู้ซินซินพยายามจะผลักเจ้าลงสระบัว!! "
ลี่อิน... กู้ซินซิน... องค์รัชทายาท...? ชื่อเหล่านี้... ฉากแบบนี้... มันคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด ราวกับเคยอ่านเจอในนิยายออนไลน์ฆ่าเวลาที่เพื่อนร่วมงานยัดเยียดให้อ่านเมื่อหลายเดือนก่อน
และแล้ว ราวกับเขื่อนแตก!!
ความทรงจำที่ไม่ได้เป็นของเธอเองก็หลั่งไหลเข้ามาในหัวอย่างบ้าคลั่ง!! ภาพของคุณหนูผู้เอาแต่ใจ ที่ร้ายกาจ และโง่เขลาเบาปัญญา คลั่งรักองค์รัชทายาทจนยอมทำทุกอย่างราวกับเป็นทาสผู้ภักดี ทุกการกระทำ ทุกความคิด ล้วนมีแต่เขาเป็นศูนย์กลาง ถูกปั่นหัวได้ง่าย ๆ เพียงแค่ได้ยินชื่อของ ไป๋ลี่อิน ออกจากปากเขา... ภาพของรสนิยมการแต่งกายที่พังพินาศที่สุดในปฐพี เสื้อสีเขียวตัดกับกระโปรงสีชมพูบานเย็น ปิ่นปักผมรูปผีเสื้อสิบกว่าตัว และแป้งบนใบหน้าที่ขาววอกจนน่ากลัว... ภาพของการวางแผนกลั่นแกล้งนางเอกของเรื่องอย่าง " ไป๋ลี่อิน " แต่ก็ล้มเหลวไม่เป็นท่าทุกครั้ง และสุดท้ายคือภาพจุดจบอันน่าอนาถของสตรีที่ชื่อ "กู้ซินซิน" บุตรีของเสนาบดีใหญ่ ผู้ถูกถอนหมั้น ถูกเนรเทศ และจบชีวิตลงอย่างเดียวดาย...
นี่มัน... พล็อตนิยายออนไลน์เรื่อง 'ดวงใจจักรพรรดิ' ที่เธอเคยอ่านผ่านๆ และวิจารณ์ว่านางร้ายโง่เกินทนจนน่ารำคาญนี่นา!!
ฟางซินสูดหายใจเข้าลึก พยายามระงับความตื่นตระหนกที่ถาโถมเข้ามา สมองนักจิตวิทยาของเธอเริ่มทำงานโดยอัตโนมัติ วิเคราะห์สถานการณ์
1. ฉันตายแล้ว... และได้ทะลุมิติเข้ามาเกิดใหม่อยู่ในร่างของคนอื่น
2. ร่างนี้คือ "กู้ซินซิน" นางร้ายสมองนิ่มรสนิยมวิบัติ คู่หมั้นองค์รัชทายาท
3. สถานการณ์ปัจจุบันคือฉากเปิดตัวสุดคลาสสิก นางร้ายพยายามทำร้ายนางเอก แต่ถูกพระเอกจับได้คาหนังคาเขา และถูกตบสั่งสอนไปหนึ่งฉาด
ฟางซินเหลือบมอง องค์รัชทายาทเซียวจิน ที่ยังคงจ้องเขม็งมาที่เธอ และไป๋ลี่อินที่สะอื้นไห้อยู่บนพื้น ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านภาษากาย เธอเห็นได้อย่างชัดเจนว่าภายใต้ท่าทีน่าสงสารนั้น แววตาของไป๋ลี่อินมีประกายแห่งชัยชนะที่วาบผ่านเพียงเสี้ยววินาทีซ่อนอยู่ลึก ๆ
นี่คือเกม... และกู้ซินซินคนเดิมก็เดินหมากพลาดไปแล้ว แต่เธอ... ไม่ใช่กู้ซินซินคนนั้น
ทุกคนในที่นี้คาดหวังอะไรจากกู้ซินซินคนเดิม ? ฟางซินคิดอย่างรวดเร็ว กรีดร้อง ? โวยวาย ? กล่าวโทษว่าไป๋ลี่อินใส่ร้าย ? หรือวิ่งเข้าไปทุบตีองค์รัชทายาทอย่างเสียสติ ?
ฟางซินค่อยๆ ยืดตัวตรง เธอยกมือขึ้นสัมผัสแก้มซ้ายที่ยังคงปวดแสบปวดร้อนอย่างแผ่วเบา ดวงตาที่เคยเต็มไปด้วยความหลงใหลอย่างโง่งม บัดนี้กลับนิ่งสงบและเย็นเยียบราวกับน้ำในบ่อลึกจนน่าประหลาดใจ เธอไม่ได้มององค์รัชทายาทด้วยความรักหรือความโกรธแค้นอีกต่อไป แต่เป็นสายตาว่างเปล่า... สายตาของนักวิเคราะห์ที่กำลังประเมินสถานการณ์ตรงหน้า
เป้าหมายสูงสุดของฉันตอนนี้คืออะไร ? ฟางซินถามตัวเองในใจ แก้แค้น ? ทวงคืนความรัก ? ไม่ใช่เลย... ในฐานะ ดร.ฟางซิน ชีวิตอิสระคือสิ่งที่มีค่าที่สุด
เป้าหมายของฉันคือ "อิสรภาพ"
และหนทางสู่อิสรภาพที่เร็วที่สุด ก็คือการทำให้องค์รัชทายาทผู้นี้... เกลียดเธอให้เข้ากระดูกดำ!! เกลียดจนไม่อยากจะเห็นหน้า ไม่อยากจะข้องเกี่ยวด้วยอีกต่อไป!!
ความคิดนี้ทำให้มุมปากของเธอยกขึ้นเล็กน้อยจนแทบมองไม่เห็น การถูกตบในวันนี้ แท้จริงแล้วคือของขวัญชิ้นแรก คือบันไดขั้นแรกสู่ความสำเร็จ!!
ความเงียบที่ผิดปกติของเธอทำให้องค์รัชทายาทชะงักไปชั่วครู่ เขาเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับการอาละวาดของนาง แต่ความสงบนิ่งนี้กลับทำให้เขารู้สึกเหมือนชกไปโดนอากาศ มันน่าหงุดหงิดอย่างประหลาด
ฟางซินละสายตาจากเขา หันไปมองไป๋ลี่อินที่ยังคงแสดงละครบทนางเอกผู้ถูกรังแกได้อย่างแนบเนียน ก่อนจะหันหลังกลับช้า ๆ โดยไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว
"เดี๋ยว!! เจ้าจะไปไหน!" องค์รัชทายาทตวาดไล่หลัง "เจ้ายังไม่ได้ขอโทษลี่อินเลยนะ"
ฝีเท้าของเธอหยุดลง แต่ไม่ได้หันกลับมา
"ขอโทษ" เสียงของเธอแหบพร่าเล็กน้อย แต่เยือกเย็นจนคนฟังรู้สึกหนาวเยือกไปถึงสันหลัง
"ในเมื่อองค์รัชทายาททรงตัดสินไปแล้วว่าหม่อมฉันผิด... คำขอโทษจะมีประโยชน์อันใดอีกเพคะ"
พูดจบร่างบางในอาภรณ์หลากสีก็เดินจากไปอย่างมั่นคง ทิ้งให้องค์รัชทายาทและทุกคนในที่นั้นยืนนิ่งอึ้งกับสิ่งที่เกิดขึ้น กู้ซินซินผู้โง่เขลาและหุนหันพลันแล่นคนนั้นหายไปไหน? ทำไมแผ่นหลังที่เดินจากไปนั้นถึงได้ดูเดียวดาย... แต่ก็ทระนงองอาจอย่างน่าประหลาด?
ห้าปีต่อมา...กาลเวลาได้ผันผ่านไปราวกับสายน้ำที่ไม่เคยไหลกลับ แผ่นดินต้าเยี่ยนภายใต้การดูแลขององค์รัชทายาทเซียวเช่อ และพระชายากู้ซินซินได้เข้าสู่ยุคสมัยที่รุ่งเรืองและสงบสุขอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ราษฎรอยู่ดีกินดี การค้าขายเฟื่องฟู เหล่าขุนนางต่างตั้งใจทำงานรับใช้บ้านเมืองด้วยความซื่อสัตย์สุจริตองค์หญิงน้อยเซียวซือซิน บัดนี้เจริญชันษาได้แปดขวบ และองค์ชายน้อยเซียวจื่ออาน พระชันษาสี่ขวบ ทั้งสองพระองค์ทรงเป็นที่รักใคร่ของทุกคนในวังหลวง องค์หญิงน้อยทรงพระปรีชาสามารถเกินวัย ทรงได้รับการถ่ายทอดสติปัญญาอันหลักแหลมมาจากพระมารดา และได้รับการสอนวรยุทธ์และวิชาการปกครองจากพระบิดาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ส่วนองค์ชายน้อยนั้นก็ทรงน่ารักน่าเอ็นดูและเริ่มฉายแววความเฉลียวฉลาดตามรอยพระเชษฐภคินี (พี่สาว)ณ ห้องทรงอักษรในตำหนักตะวันออก..."เสด็จพ่อเพคะ... หากเราต้องการจะส่งเสบียงไปยังหัวเมืองชายแดนที่ห่างไกล เหตุใดเราจึงไม่ใช้เส้นทางแม่น้ำสายใหม่ที่เพิ่งจะขุดแล้วเสร็จเล่าเพคะ? มันน่าจะรวดเร็วกว่าการใช้เกวียนเทียมม้ามิใช่หรือ?" องค์หญิงน้อยซือซินในชุดสีเหลืองอ่อนเอ่ยถามพระบิดา ขณะที่กำลังนั่งดูแผนที่แผ่นใหญ
สามปีผ่านไป...องค์หญิงน้อย "เซียวซือซิน" ผู้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจขององค์รัชทายาทและพระชายา บัดนี้เจริญชันษาได้สามขวบพอดี นางคือส่วนผสมที่ลงตัวที่สุดของบิดาและมารดา... นางได้รับดวงตากลมโตที่ฉายแววฉลาดหลักแหลมมาจากกู้ซินซิน และได้รับริมฝีปากบางเฉียบที่มักจะเม้มเข้าหากันอย่างดื้อรั้นมาจากเซียวเช่อองค์หญิงน้อยทรงเป็นเด็กที่ร่าเริง และซุกซนเกินวัย นางไม่เคยอยู่นิ่งได้นานเกินหนึ่งเค่อ และโปรดปรานการวิ่งเล่นไล่จับผีเสื้อในสวนสวยของตำหนักเป็นที่สุด โดยมี "พระบิดาผู้พ่ายแพ้" คอยวิ่งไล่ตามอย่างไม่ลดละอยู่เสมอ ภาพขององค์รัชทายาทผู้สง่างามที่ต้องยอมแพ้ให้กับเสียงหัวเราะคิกคักของธิดาตัวน้อย กลายเป็นภาพที่น่าเอ็นดู และคุ้นชินสำหรับทุกคนในตำหนักในฤดูใบไม้ร่วงปีนั้น หลังจากที่เก็บเกี่ยวผลผลิตทั่วทั้งแคว้นเป็นไปได้ด้วยดี องค์ฮ่องเต้ก็ได้ทรงมีพระราชโองการให้องค์รัชทายาทและพระชายา พร้อมด้วยองค์หญิงน้อย เสด็จประพาสหัวเมืองทางเหนือที่เคยประสบภัยแล้งเมื่อหลายปีก่อน เพื่อตรวจดูทุกข์สุขของราษฎร และตรวจสอบการทำงานของเหล่าขุนนางท้องถิ่นมันคือภารกิจสำคัญ... แต่สำหรับครอบครัวเล็ก ๆ นี้แล้ว... มันคือการเดินทางไ
หนึ่งปีผ่านไปอย่างรวดเร็วหลังงานวิวาห์ของจ้าวหยาง และหลินเฟยเฟยแผ่นดินต้าเยี่ยนสงบสุขและเจริญรุ่งเรืองภายใต้การดูแลขององค์รัชทายาทเซียวเช่อและพระชายากู้ซินซิน ความรักและความเข้าใจของคนทั้งสองกลายเป็นต้นแบบที่เหล่าหนุ่มสาวทั่วทั้งแคว้นต่างใฝ่ฝันถึงแต่แล้ว... ความเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ ที่ยิ่งใหญ่ก็ได้เริ่มก่อตัวขึ้นอย่างเงียบ ๆ ในตำหนักรัชทายาทตะวันออก"อุ๊บ..."กู้ซินซินยกมือขึ้นปิดปากอย่างรวดเร็ว นางรีบวิ่งออกจากห้องหนังสือไปยังสวนด้านนอกทันที เซียวเช่อที่กำลังตรวจดูฎีกาอยู่ถึงกับขมวดคิ้วด้วยความกังวล เขารีบวางทุกอย่างลงแล้วเดินตามนางออกไป"ซินซิน! เจ้าเป็นอะไรไป!?" เขาถามเสียงเครียดขณะลูบหลังให้นางเบา ๆ "นี่เป็นครั้งที่สามในสัปดาห์นี้แล้วนะที่เจ้ามีอาการเช่นนี้ หรือว่าอาหารมื้อกลางวันจะมีปัญหาอะไร? ข้าจะไปสั่งลงโทษห้องเครื่องเดี๋ยวนี้""ไม่... ไม่ใช่เพคะ" นางส่ายหน้าช้า ๆ หลังจากที่อาการคลื่นไส้ทุเลาลง "หม่อมฉันก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้... ช่วงนี้หม่อมฉันรู้สึกเหม็นกลิ่นขนมอบของตัวเองอย่างประหลาด ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนชอบมากแท้ ๆ""เหม็นกลิ่นขนมรึ?" เขายิ่งขมวดคิ้วแน่น "แล
หลายเดือนผ่านไปนับตั้งแต่วันที่จ้าวหยางคุกเข่าขอหลินเฟยเฟยแต่งงานท่ามกลางสักขีพยานเต็มร้านข่าวดีนี้ได้สร้างความยินดีให้กับทุกคน โดยเฉพาะกู้ซินซินและองค์รัชทายาทเซียวเช่อที่รับบทเป็น "พ่อสื่อแม่สื่อ" อย่างไม่เป็นทางการให้กับคนทั้งสองมาโดยตลอด ฤกษ์งามยามดีสำหรับงานวิวาห์ถูกกำหนดขึ้นอย่างรวดเร็วโดยโหรหลวง และการเตรียมงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปีก็ได้เริ่มต้นขึ้น... พร้อมกับความโกลาหลที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กันณ ตำหนักรัชทายาทตะวันออก"กระหม่อมไม่ไหวแล้วพ่ะย่ะค่ะพระชายา! ข้าทนไม่ไหวแล้วจริงๆ!"จ้าวหยางในสภาพผมเผ้ายุ่งเหยิง และขอบตาคล้ำเหมือนหมีแพนด้า วิ่งเข้ามาระบายความอัดอั้นตันใจกับกู้ซินซินที่กำลังนั่งจิบชาอยู่ในศาลากลางน้ำอย่างหมดสภาพ ความองอาจของรองแม่ทัพองครักษ์เงาหายไปจนหมดสิ้น เหลือเพียงว่าที่เจ้าบ่าวผู้ใกล้จะเสียสติเต็มทน"ใจเย็น ๆ ก่อนจ้าวหยาง เกิดอะไรขึ้นอีกแล้วล่ะ?" ซินซินถามพลางกลั้นหัวเราะ "ดูจากสภาพของเจ้าแล้ว... เฟยเฟยคงจะสร้างเรื่องปวดหัวให้เจ้าอีกตามเคยสินะ""เรื่องปวดหัวธรรมดาที่ไหนกันล่ะพ่ะย่ะค่ะ! นี่มันมหันตภัยชัด ๆ" เขาโอดครวญ "เรื่องแรกก็คือชุดเจ้าสาว! นางไม่พอใจชุด





