Masukเมื่อหน้าที่ครั้งอดีต ก่อเกิดความผิดพลาดต่อเทพเจ้าแสงจันทร์ สองเทพเจ้าหนุ่มจำต้องจุติลงมายังแดนมนุษย์ เพื่อแก้ไขปมด้ายแดงสัมพันธ์รักต่อเจ้าชะตาทั้งสิบ พร้อมคำสาปจันทราให้ผิดหวังในรักสิบประการ
Lihat lebih banyakเสียงขลุ่ยขับขานบทเพลงพื้นบ้าน ล่องลอยขับกล่อมรัตติกาลที่หนาวเย็น ผู้เฒ่าชรานั่งเคาะนิ้วลงบนกระดองเต่า ที่วางอยู่บนตักของเขา ตามท่วงทำนองที่ได้ยินผ่านหู ถ่านไม้ในกองเพลิงแตกสะเก็ดเป็นจุดเปลวอัคคีล่องลอยขึ้นสู่อากาศ แล้วดับสลายหายไป
"ท่านปู่ ท่านปู่..."
"ว่าอย่างไร"
"ท่านชอบบทเพลงนี้หรือไม่"
"ชอบซิ เพลงไหนก็ได้ ที่เจ้าตั้งใจบรรเลง ข้าชอบทั้งนั้น"
"เสียดายที่ท่านมองไม่เห็น คืนนี้ดวงดาวงดงามยิ่งนัก"
"เข้าฤดูหนาวแล้ว ฟ้ามักสวย"
"ท่านปู่ ท่านเคยเห็นท้องฟ้าด้วยรึ ไหนท่านพ่อบอกข้าว่า ท่านตาบอดตั้งแต่เด็ก ทำไมท่านถึงรู้ว่าท้องฟ้ายามหน้าหนาวถึงสวย"
"เด็กโง่ ข้าตาบอดตอนเด็ก มิใช่ตาบอดตั้งแต่เกิด ข้าจำได้ ว่าท้องฟ้ายามพลบค่ำและยามรุ่งอรุณมันเป็นสีอะไร ข้าจำได้ว่าดอกบัวในอ่างนั้น มันเป็นสีชมพู และจำได้ว่ากระดองเต่าของข้าตรงนี้ มีรูปทรงแปดเหลี่ยม และจำใบหน้าของย่าเจ้าได้ไม่มีวันลืม"
"นางงามมากใช่หรือไม่"
ชายชราหัวเราะชอบใจพร้อมส่งยิ้มหวานให้หลานสาว "เจ้าคิดว่าท่านพ่อของเจ้า หน้าตาเป็นเช่นไร"
"ข้าก็ต้องรูปงามเหมือนท่านแม่อยู่แล้ว" ชายหนุ่มแบกฟืนออกมาวางข้างกองไฟ มองดูบิดาของเขาที่นั่งยิ้มให้กับดวงดาวบนท้องฟ้า ทั้งที่ดวงตาทั้งสองบอดสนิท
"ท่านพ่อ ท่านไม่ออกเดินทางไม่ได้เหรอ อายุท่านมากแล้วข้าเป็นห่วง อยู่กับพวกเราต่อเถอะนะ ข้าวกล้าของเรางามมากผลผลิตคราวนี้คงดีกว่าทุกครั้ง ต้นเผือกของข้าก็งาม แม่ไก่ก็ออกไข่ หมูข้าก็ตัวใหญ่ ทั้งหมดนี้ข้าดูแลท่านได้นะ อย่าไปเลยนะท่านพ่อ ถ้าท่านไป ลูกสาวข้าจะนอนกอดใคร นางติดท่านแบบนี้นางคงร้องไห้คิดถึงท่านเป็นแน่"
"ไม่ได้ ๆ ชะตาฟ้าลิขิต หลานสาวข้าเป็นคนเข้มแข็ง เข้มแข็งเหมือนท่านย่าของเขา วันนี้อาจร้องไห้ แต่ต่อไปนางจะแข็งแกร่ง คนไม่ล้มจะรู้วิธีลุกขึ้นยืนได้เช่นไร" ชายชรายกมือขึ้นนับนิ้วพร้อมขยับปากขมุบขมิบ
"ดาวตก ท่านพ่อท่านดู นั่นดาวตกเจ้าค่ะ"
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองดวงดาวบนท้องฟ้า ดาวสีเงินดวงใหญ่ร่วงลงจากฟากฟ้า ก่อนจะแยกแตกออกเป็นสองดวง พุ่งตกลงมาคนล่ะทิศทาง "อะไรกัน ดาวดวงนี้มันแตกออกเป็นสองดวง เกิดมาข้าเพิ่งเคยเห็น"
"มาแล้ว ผู้ที่ข้ารอคอย ในที่สุด เขาก็มาถึงแล้ว" ชายชราพูดขึ้น ทั้งที่ดวงตาของเขายังคงจ้องมองท้องฟ้ายามราตรีกาล ดวงตาคู่นั้น เป็นสีขาวขุ่นมัวทั้งสองข้าง มันสะท้อนแสงดาวทั่วท้องฟ้า เหมือนดั่งว่าพวกมันไม่อาจหลบหนีไปจากดวงตาคู่งามที่มืดบอดของเขาได้เลย
จ้าวตงหยางพยักหน้าเห็นด้วย แต่อาการเมาดูเหมือนจะยังคงหนักหนาอยู่ จนไม่สามารถที่จะเดินกลับเองได้ สุดท้ายก็เป็นภาระของเฉิงวั่งซูตามเดิมเฉิงวั่งซูส่งจ้าวตงหยางถึงห้องพัก ดูจนแน่ใจว่าเขายอมเข้านอนเรียบร้อยดีแล้ว จึงกลับมายังห้องพักของตน แต่ทั้งห้องกลับไร้เงาของลู่ฮุ่ยหมิง มีเพียงกระดาษแผ่นน้อยที่วางทิ้งไว้ต่างหน้า‘เฉิงวั่งซู พรุ่งนี้ข้ามีหน้าที่สำคัญ ไม่อาจอยู่กับเจ้าได้ทั้งคืน เสร็จงานมงคลแล้ว ข้าจะมาหาท่านเอง รอข้านะ ข้าจะไปกับท่าน’เฉิงวั่งซูยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ให้กับตัวอักษรเพียงไม่กี่บรรทัด อย่างน้อยนางก็ยังบอกเขา ไม่เช่นนั้นคืนนี้ เขาอาจอดทนต่อความคิดถึงนางไม่ไหว จนบุกไปที่สำนักเมฆาทมิฬด้วยตนเองจอมมารเฟ่ยอวี่จัดขบวนเกี้ยวหลังใหญ่มารับตัวเจ้าสาวที่แท้จริง จ้าวตงหยาง ลี่ฉุนและฟ่านถิงถิง เดินทางมาสมทบกับเฉิงวั่งซู ที่เดินทางมารอที่เชิงเขาหน้าทางเข้าสำนักกระบี่ฟ้า ตั้งแต่เช้า“ดีจริง หากเจ้ามาสายกว่านี้ อาจไม่ได้เห็นพิธีการเช่นนี้แล้ว” จ้าวตงหยางมองดูความตื่นเต้นของเฉิงวั่งซู แล้วอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาด้วยความชอบใจ“เจ้าดูตื่นเต้น ราวกับเป็นเจ้าบ่าวเสียเอง”“ไม่ใช่ก็เหมือนใช่ ศึกษาไว
ลี่ฉุนฟังสิ่งที่จ้าวตงหยางพูดออกมา แล้วทำได้แค่เกาหัว ชายหนุ่มรีบสะกิดนางปีศาจฟ่านถิงถิง “เรากลับไปที่โรงเตี๊ยมกันเถอะ ตรงนี้ปล่อยให้คุณชายเฉิงวั่งซู ดูแลเขาแทนน่าจะไม่มีปัญหาอะไร ข้าว่าคุณชายเมามากแล้ว จนพูดจาเรื่อยเปื่อยเพ้อเจ้อ หลายอย่างที่เขาพูดออกมาในตอนนี้ ข้าฟังแล้วล้วนไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย”“ไม่เข้าใจก็ไม่ต้องสนใจ ไปกลับก็กลับ ข้าจะพาท่านไป” ฟ่านถิงถิงพยักหน้าให้กับเฉิงวั่งซู แล้วรีบพาลี่ฉุนกลับไปยังโรงเตี๊ยม ด้วยเรื่องที่กำลังออกมาจากปากของตงหยาง ล้วนกำลังลงลึกไปถึงมิติที่จากมาก มากกว่าเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นในเวลาปัจจุบัน ผู้ที่ได้ยินไม่รู้ถึงกาลเก่า ย่อมไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูดออกมาเฉิงวั่งซูคว้าแขนของเจ้าตงหยาง ที่แม้แต่แค่จะยืนทรงตัว ยังนับว่ายากลำบากสำหรับเขาในตอนนี้“ปล่อยข้า อย่ามาถูกตัวข้า ข้าเดินเองได้”“จะเดินได้อย่างไร แค่เจ้ายืนนิ่ง ๆ ยังแทบจะล้มอยู่แล้ว หากปล่อยเจ้าเดินไปเอง พรุ่งนี้เช้า เจ้าก็ยังเดินไม่พ้นถนนเส้นนี้ มาเถิดให้ข้าช่วย มีสถานที่แห่งหนึ่ง ข้าเชื่อว่าเจ้าต้องชอบมัน”ป้อมปราการบนแนวกำแพงเมือง ซึ่งเมื่อหลายวันก่อน เฉิงวั่งซูเคยได้มายืนตรงนี้ เพื่อรอช
“ได้อย่างไร เหล้าข้า ข้าสั่งมา เจ้าอยากดื่ม ก็สั่งมาเองซิ จะแย่งข้าทำไมกัน”จ้าวตงหยางคว้างไหสุรายื้อยุดกับเฉิงวั่งซู ด้วยความไม่พอใจไหสุราสองไห ถูกนำมาวางลงกระแทงลงบนโต๊ะของชายหนุ่มเสียงดัง“จะแย่งกันไปไย สุรามีเต็มร้าน อยากดื่มก็สั่งมา ค่าใช่จ่ายของคุณชายเฉิง สำนักกระบี่ฟ้ารับรองดูแลให้ทั้งสิ้น ต่อให้ดื่มทั้งหมดจนไม่เหลือสักไหในห้องใต้ดิน เขาก็มีปัญญาจ่าย ไม่เห็นต้องแย่งกันเลย”ลู่ฮุ่ยหมิง ยื่นไหสุราหนึ่งไห ให้กับลี่ฉุนและฟานถิงถิง ที่ทำได้แค่นั่งเฝ้าผู้เป็นนาย “พี่ท่านทั้งสอง ท่านก็มาร่วมดื่มกันเถิด จะนั่งเหงาไปไย คุณชายของท่านทุกข์ใจ ใช่ว่าเราต้องทุกข์ตามเขาไปด้วย มาเถิด สุราสองไหนี่ ข้าขอเป็นเจ้าภาพเลี้ยงพวกท่านเอง”สตรีผู้งดงามราวตุ๊กตาปั้น รินสุรากลิ่นแรงจากไหลงจอกสุรา แล้วผลักให้ชายหนุ่มทั้งสอง แล้วนางก็ยกจอกของตนกระดกมันเข้าปาก จ้าวตงหยางมองดูนางแล้วหัวเราะออกมา“เจ้าใช่หรือไม่ แม่นาง ลู่ฮุ่ยหมิง”“ใช่ เป็นข้าเอง”จ้าวตงหยางยิ้มให้นาง แล้วยกจอกสุราในมือขึ้นดื่ม “แม่นางรู้หรือไม่ สหายของข้า หลงรักเจ้ามาก มาก…มากเสียจนที่ทำให้เขาลืมข้าได้” พูดจบ เขาก็เดินโซเซออกจากโรงเตี๊ยมไป
สายหมอกพิษหนาแน่นตรงหน้า ทำให้จอมมารเฟ่ยอวี่มองดูด้วยความประหลาดใจ“สิ่งนี้ซินะ ที่ทำให้น้องสาวข้า ตามสืบเรื่องนี้ได้ล่าช้า”“นางพยายามบุกเข้าไปในสำนักกระบี่ฟ้าอยู่หลายครั้ง แต่ไม่พบเจ้าสาวที่หายไป ข้าเป็นผู้พบนางเข้าด้วยความบังเอิญ ซึ่งนางก็ไม่ได้พักอยู่ภายในสำนักกระบี่ฟ้า แต่อยู่ลึกเข้าไปในป่าที่เต็มไปด้วยหมอกพิษแห่งนี้ เอาล่ะ ข้าจะนำทางให้ท่าน ส่วนที่เหลือ ก็ขึ้นอยู่กับตัวท่านเองแล้ว”กระท่อมใต้เพิงผา ปรากฏเบื้องหน้าของเฟ่ยอวี่ รอยยิ้มปรากกขึ้นบนใบหน้าของชายหนุ่ม “ในที่สุดสถานที่ซ่อนตัวของนาง ข้าก็หามันพบ”“หมดธุระข้าแล้ว ที่เหลือ ขึ้นอยู่กับความสามารถของท่านแล้ว”เฉิงวั่งซู ถอยจากไป ปล่อยให้เรื่องของคนทั้งสอง เป็นเรื่องส่วนตัวที่มีเพียงพวกเขาเท่านั้น ที่จะรู้ใจของตนเองชายหนุ่มกลับมาถึงโรงเตี๊ยม เสียงบทเพลงกู่ฉินดังแว่วออกมาจนถึงท้องถนนด้านหน้าของโรงเตี๊ยม เฉิงวั่งซูฉีกยิ้มกว้าง ด้วยเพียงแค่ได้ยินบทเพลงไพเราะนี้ ก็รู้ได้ในทันที ว่าผู้บรรเลงคือใครสตรีโฉมงาม กับเครื่องดนตรีคู่ใจ ขับกลอมเครื่องสาย ให้กับแขกทั้งโรงเตี๊ยมได้รับฟัง“คุณชาย ท่านกลับมาแล้ว” อาไห่รีบออกมาต้อนรับแขกคนสำคั





