Share

บทที่ 459

Author: หลันซานอวี่
อวิ๋นฝูหลิงโอบไหล่ของฉยงอวี้จวิ้นจู่ไว้ แล้วกล่าวอย่างสนิทสนมราวกับเป็นพี่น้องว่า “ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ข้าก็ต้องขอบคุณเจ้า!”

“ขอบคุณที่เจ้าออกหน้าแทนข้า!”

“วันข้างหน้าหากเจ้าต้องการความช่วยเหลืออะไร ให้รีบมาหาข้า ข้าจะช่วยเจ้าแน่นอน!”

ฉยงอวี้จวิ้นจู่เม้มปาก ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้สลัดตัวออกจากอวิ๋นฝูหลิง

ผ่านไปครู่ใหญ่ นางก็ยื่นอาหารปลาในมือให้อวิ๋นฝูหลิง “อยากให้อาหารปลาด้วยกันไหม?”

“เอาสิ” อวิ๋นฝูหลิงหยิบอาหารปลาขึ้นมาหนึ่งกำมือ แล้วโปรยลงไปบนผืนน้ำ

ปลาหลีฮื้อนับไม่ถ้วนแหวกว่ายออกมา แย่งชิงว่ายพุ่งไปทางที่มีอาหารปลา

ฉยงอวี้จวิ้นจู่แย้มยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว นางให้อาหารปลากับอวิ๋นฝูหลิงไปพลาง มองดูปลากับอวิ๋นฝูหลิงไปพลาง

เรือนด้านหน้าจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดิน

เทียนเฉวียนเดินมาอยู่ข้างกายเซียวจิ่งอี้ โน้มตัวกระซิบข้างหูเขาอยู่สองสามคำ

แม้สีหน้าของเซียวจิ่งอี้จะไม่แปรเปลี่ยน ทว่าสายตากลับเย็นชาขึ้นมาไม่น้อยในชั่วพริบตา

เขายกจอกสุรา มองไปทางเฉิงเอินกง

“เฉิงเอินกง ข้าขอดื่มให้ท่านหนึ่งจอก!”

จู่ ๆ เซียวจิ่งอี้ก็ดื่มสุราอวยพรให้เฉิงเอินกง สร้างความตกตะลึงให้แก่คนทั้งโต๊ะ

เฉิงเอ
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 460

    แรกคือคุณชายใหญ่จวนเฉิงเอินกงสร้างอีกเรือนไว้ข้างนอก เลี้ยงอนุภรรยาไว้ กราบไหว้ฟ้าดินกับสตรีนางนั้น เรียกขานกันว่าสามีภรรยาครั้นฮูหยินของคุณชายใหญ่รู้ข่าว ไหนเลยจะทนกับความอัปยศนี้ได้รีบพาสาวใช้ของตนที่ติดตามมาครั้งแต่งงานบุกเข้าไปในเรือนนอกหลังนั้น สั่งสอนอนุภรรยาผู้นั้นจากนั้นก็พาบุตรธิดากลับไปบ้านมารดาบ้านมารดาของฮูหยินคุณชายใหญ่ก็โกรธเกรี้ยวยิ่งนัก เปล่งวาจาออกมาว่าจวนเฉิงเอินกงต้องมีคำชี้แจงให้แก่เรื่องนี้คุณชายใหญ่แต่งานมีภรรยาแล้ว ทว่ากลับไหวฟ้าดินกับสตรีนางอื่น เช่นนี้คือต้องการจะหย่าภรรยาแล้วไปแต่งงานใหม่ใช่หรือไม่?เรื่องของคุณชายใหญ่ยังไม่ทันแก้ไข เรื่องที่ฮูหยินเฉิงเอินกงปล่อยเงินกู้อยู่ข้างนอก ทั้งยังบีบบังคับจนคนตายก็ถูกเปิดโปงราชวงศ์นี้มีคำสั่งชัดเจนว่าห้ามปล่อยเงินกู้ฮูหยินเฉิงเอินกงเป็นถึงสตรีที่ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ ทว่ากลับฝ่าฝืนกฎหมายทั้งที่รู้ดี ทั้งยังก่อเรื่องคร่าชีวิตคนไปหลายรายครั้นผู้ตรวจการเมืองได้รับรายงานคดี ก็เดินทางมายังจวนเฉิงเอินกงในวันนั้น ด้วยต้องการคุมตัวฮูหยินเฉิงเอินกงฮูหยินเฉิงเอินกงตกใจจนเข่าอ่อนลงไปกองกับพื้นเรื่องปล่อย

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 461

    องค์หญิงใหญ่ฉางเล่อไม่ได้พูดถึงเรื่องของชุยหย่าจิ้งกับเซียวจิ่งอี้ในวันนั้นเพราะนางรู้ว่าเรื่องนี้จะไปถึงหูของเซียวจิ่งอี้ในไม่ช้าก็เร็ว นางไม่จำเป็นต้องทำอะไรที่ไม่จำเป็นและด้วยนิสัยของเซียวจิ่งอี้ ไม่มีทางปล่อยไปเช่นนั้นเด็ดขาดเป็นอย่างที่คิดไว้ เพิ่งผ่านไปไม่กี่วันเอง ทางสกุลชุยก็เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่แม้แต่องค์ชายสามก็ไม่รอดแม้องค์หญิงใหญ่ฉางเล่อจะไม่สนใจเรื่องของราชสำนัก แต่ก็รู้ดีอยู่แก่ใจวันนั้นชุยหย่าจิ้งสามารถพูดคำพูดเช่นนั้นออกมา นอกจากสกุลชุยสอนลูกสาวไม่ดีแล้ว อาจเป็นเพราะสภาพแวดล้อมของนางด้วยการชิงตำแหน่งทายาทสายหลัก เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นทุกยุคทุกสมัยองค์หญิงใหญ่ฉางเล่อยินดีออกหน้าปกป้องอวิ๋นฝูหลิง แต่ไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการเมืองยิ่งกว่านั้นถ้าหากเซียวจิ่งอี้ตัดสินใจะเลือกที่จะเดินบนเส้นทางที่นำไปสู่ความสูงศักดิ์ เช่นนั้นก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงเรื่องบางเรื่องท้ายที่สุดก็ต้องให้เขาไปเผชิญหน้า ฝึกฝนขัดเกลาประสบการณ์ด้วยตัวเองขณะที่จวนเฉิงเอินกงกับเหล่าองค์ชายกำลังปวดหัว เซียวจิ่งอี้กลับถูกฮ่องเต้จิ่งผิงเรียกเข้าวังเซียวจิ่งอี้ก้าวเข้าต

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 462

    “อีกทั้งนี่เป็นความแค้นส่วนตัวของกระหม่อมกับสกุลชุย เอาคืนแค่นี้ก็พอประมาณแล้ว”“เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น กระหม่อมคิดไม่ถึงและไม่ได้มีส่วนร่วมจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ!”“กระหม่อมจะรู้ได้อย่างไรว่าต่อมายังจะส่งผลต่อเรื่องมากมายเช่นนี้?”ฮ่องเต้จิ่งผิงมองเซียวจิ่งอี้ที่สีหน้าเรียบเฉยและเหมือนไม่รู้อะไร เห็นได้ชัดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในภายหลังเกินความคาดหมายของเขาเขาเลิกคิ้ว ถามอีก “บุตรสาวภรรยาเอกของสกุลชุยล่วงเกินพระชายาอี้อ๋อง จึงทำให้เจ้าไม่พอใจไม่ใช่หรือ?”“เจ้าไม่เล่นงานนาง แต่กลับไปเล่นงานคุณชายใหญ่สกุลชุย นี่มันหมายความว่าอย่างไร?”เซียวจิ่งอี้กล่าวอธิบาย “ที่นางอวดดีถึงขั้นกล้ารังแกพระฉายาของกระหม่อม ก็เพราะอาศัยอิทธิพลของสกุลชุยไม่ใช่หรือ?”“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ กระหม่อมจัดการสกุลชุยไม่ง่ายกว่าหรอกหรือ?”“สกุลชุยได้รับบทเรียน ย่อมรู้ว่าต้องสั่งสอนบุตรสาวของตัวเองอย่างไร”“เฉิงเอินกงรักลูกชายคนโตของเขาที่สุดไม่ใช่หรือ กระหม่อมก็เลยเอาลูกชายคนโตของเขามาทำให้ดูเป็นตัวอย่าง!”“อีกทั้งชุยหย่าจิ้งเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง ถ้าหากกระหม่อมจัดการนางแค่คนเดียว ผู้อื่นจะไม่ว่ากระหม่อมที่เป็น

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 463

    เกิดความวุ่นวายในราชสำนักหลายวัน สุดท้ายฮ่องเต้จิ่งผิงไม่ได้สั่งให้คนตรวจสอบ อีกทั้งลงโทษองค์ชายทั้งหมดโดยตรงบ้างก็หักเบี้ยเดือน บ้างก็กักบริเวณไม่ลำเอียงไม่เข้าข้าง ไม่รอดแม้แต่คนเดียวแม้แต่เซียวจิ่งอี้ก็ถูกตำหนิเหล่าขุนนางเบิกตากว้างด้วยความงงงวย ชั่วขณะไม่รู้ว่าฮ่องเต้จิ่งผิงคิดจะทำอะไรกันแน่เฉิงเอินกงก็ถูกจับผิดในเรื่องงานเช่นกัน ถูกต้องข้อหาละเลยในการปฏิบัติหน้าที่ หักเบี้ยเดือนครึ่งปี และลดตำแหน่งหนึ่งขั้นนับตั้งแต่ฮ่องเต้ขึ้นครองราชย์ เคารพและกตัญญูต่อชุยไทเฮาแม่บุญธรรมคนนี้มากแม้แต่จวนเฉิงเอินกงก็ได้รับความเมตตาและความโปรดปรานไม่หยุดนี่เป็นครั้งแรกที่ลงโทษเฉิงเอินกงหักเบี้ยเดือนครึ่งปีอะไรนั่น เฉิงเอินกงไม่ใส่ใจเลยสักนิดจวนเฉิงเอินกงเป็นครอบครัวใหญ่ เบี้ยเดือนแค่นั้นจะพอเลี้ยงชีพได้อย่างไรเบี้ยเดือนแค่นั้น เฉิงเอินกงยังไม่เห็นอยู่ในสายตาสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกอัดอั้นทรมานใจคือ ถูกลดตำแหน่งหนึ่งขั้นอย่าดูถูกว่าเป็นแค่หนึ่งขั้น ขุนนางมากมายพยายามทั้งชีวิต ก็ไม่สามารถก้าวข้ามหนึ่งขั้นนี้รอเฉิงเอินกงออกจากจวนองค์ชายสาม รู้ว่าสิ่งที่พวกเขาต้องเจอทั้งหมด ล้ว

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 464

    ถ้าไม่ใช่รู้สึกแสบร้อนที่ใบหน้า ความเจ็บปวดที่จริงแท้เช่นนี้ คงทำให้นางคิดว่าตัวเองกำลังฝันร้ายและเมื่อได้ยินเสียงของเฉิงเอินกง จิตใจของชุยหย่าจิ้งยิ่งพังทลายแล้ว“ท่านพ่อ ท่านพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?”“ทั้งหมดนี้เกี่ยวอะไรกับข้า?”“เหตุใดจึงส่งผลกระทบต่อท่านพ่อ และยังถูกลงโทษหักเบี้ยเดือนกับลดตำแหน่ง”เฉิงเอินกงมองนางแวบหนึ่ง ความโกรธในแววตาไม่ลดน้อยลง “ถ้าหากไม่ใช่เพราะเจ้าไปล่วงเกินพระชายาอี้อ๋อง อี้อ๋องจะลงมือกับพวกเราอย่างต่อเนื่องหรือ?”“อย่าว่าแต่จวนเฉิงเอินกงเลย แม้แต่องค์ชายสามก็ได้รับผลกระทบด้วย”“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเพราะความโง่เขลาของเจ้า องค์ชายสามต้องสูญเสียมากเท่าไร?”เฉพาะการค้าที่สามารถทำเงินได้ถูกสกัด รายได้หดหายไปครึ่งหนึ่ง ก็ทำให้องค์ชายสามปวดใจมากแล้วถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าเฉิงเอินกง องค์ชายสามคงโบยชุยหย่าจิ้งตายเพื่อระบายความคับข้องใจนานแล้วชุยหย่าจิ้งเบิกตากว้างด้วยความตกใจเหตุใดจึงกลายเป็นเช่นนี้?นางก็แค่ต่อว่าอวิ๋นฝูหลิงสองสามคำ และยังถูกองค์หญิงใหญ่ฉางเล่อตบหน้าจนต้องอับอายเพราะเรื่องนี้อวิ๋นฝูหลิงยังได้พูดขู่ไว้ว่าต่อไปจะไม่รักษาให้จวนเ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 465

    “ท่านแม่” เฉิงเอินกงเรียกฮูหยินผู้เฒ่าชุยถอนสายตากลับ กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ได้ยินมาว่าพอเจ้ากลับมาก็ทั้งทุบทั้งตีหย่าจิ้ง มีเรื่องอะไร คุยกับนางดีๆ ไม่ได้หรือ ถึงขั้นต้องลงมือเลย?”น้ำเสียงของฮูหยินผู้เฒ่าชุยไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งเฉิงเอินกงรีบอธิบายความเป็นมาของเรื่องราวทันทีฮูหยินผู้เฒ่าชุยคาดเดาไว้นานแล้วว่าช่วงนี้สกุลชุยเกิดปัญหาอย่างต่อเนื่อง ต้องมีคนเล่นงานสกุลชุยอยู่เบื้องหลังแน่นอนแต่คิดไม่ถึงว่าจะเกิดจากสาเหตุนี้นางเงียบไปชั่วขณะผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงจะถอนหายใจเบาๆ แล้วกล่าว “มาถึงขั้นนี้แล้ว ต่อให้ฆ่านางก็ไม่มีประโยชน์”“รีบหาคู่ให้นางออกเรือนเถอะ”เฉิงเอินกงก้มหน้าขานรับเพียงแต่พอนึกถึงเรื่องแต่งงานของชุยหย่าจิ้ง เฉิงเอินกงก็รู้สึกปวดหัวตอนนั้นไม่รู้ว่าฮูหยินของเขาไปดูตัวอย่างไร ทั้งก่อนและหลังล้วนเป็นคนอายุสั้นทั้งสองคน ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของลูกสาวไม่ว่า และยังทำให้นางเสียเวลาจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้ออกเรือนเฉิงเอินกงคิดว่าครั้งนี้เขาต้องจัดการด้วยตัวเองฮูหยินผู้เฒ่าชุยเห็นเฉิงเอินกงคอตก รู้สึกโมโหขึ้นมาทันที“เจ้ายืดอกเดี๋ยวนี้ เป็นถึงกั๋วกง เจ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 466

    ในใจฮูหยินชุยก็ผิดหวังไม่น้อยไปกว่าเฉิงเอินกงแม้ที่ผ่านมานางรู้สึกว่าสติปัญญาของหลานชายคนโตสู้หลานชายคนรองไม่ได้ แต่อย่างไรก็เป็นลูกชายคนโตของภรรยา อีก อีกทั้งยังหนักแน่นพึ่งพาได้วันข้างหน้าสองพี่น้องรวมใจเป็นหนึ่ง เกื้อหนุนกันและกัน ต้องสามารถทำให้กิจการของสกุลชุยเจริญรุ่งเรืองแน่นอนแต่ปัจจุบันหลานชายคนโตหลงผู้หญิงคนหนึ่งจนสติเลอะเลือน ยังจะแบกรับหน้าที่สำคัญของจวนเฉิงเอินกงได้อย่างไร?โชคดีที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้แต่งตั้งเขาเป็นซื่อจื่อฮูหยินผู้เฒ่าชุยรีบเรียกคนมาทันที กล่าวออกคำสั่ง “ไปตรอกอู๋ถง จับคุณชายกลับมา!”“ส่วนนางจิ้งจอกนั่น ถ่ายทอดคำพูดของข้า ประทานผ้าขาวผืนหนึ่ง ให้นางจบชีวิตตัวเอง”เฉิงเอินกงยืนอยู่ที่ข้างๆ ไม่ได้ออกความเห็นอะไรสำหรับเรื่องนี้เพื่อเมียน้อยคนนั้น ชุยหงเหวยเหลวไหลจริงๆผู้หญิงเช่นนี้ เก็บไว้ไม่ได้จริงๆไม่เช่นนั้นวันข้างหน้ายังไม่รู้ว่าจะส่งผลกระทบต่อชุยหงเหวยอย่างไร!จวนเฉิงเอินกงจะเสียหน้าเพราะเรื่องนี้ไม่ได้!วันรุ่งขึ้น ฮูหยินผู้เฒ่าชุยส่งป้าย เข้าวังได้พบกับชุยไทเฮาแล้วภายในตำหนักโซ่วคัง มีเครื่องหอมกำลังเผาไหม้ในเตาทองแดงรูปหัวสัตว์ กลิ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 467

    อวิ๋นฝูหลิงก็ชอบหางหนานซิงเด็กรุ่นหลังคนนี้เช่นกันเก็บเขาไว้ข้างกายในฐานะผู้ช่วยก็ดี เมื่อเป็นเช่นนี้นางก็มีผู้ช่วยในด้านของการแพทย์แล้วอวิ๋นฝูหลิงครุ่นคิด มองไปทางหางหนานซิงแล้วกล่าวถาม “หนานซิง เจ้ายินดีอยู่เป็นผู้ช่วยข้าหรือไม่?”หางหนานซิงยิ้มจนเห็นฟัน “อาจารย์ป้า ข้ายินดี!”เรื่องนี้นายท่านผู้เฒ่าหางเคยถามความเห็นของหางหนานซิงเป็นการส่วนตัวแล้วแม้เขาสามารถตรวจชีพจรให้คนไข้แล้ว แต่ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นผู้ช่วยของอวิ๋นฝูหลิงมันน่าอายตรงไหนติดตามคนเก่ง จึงจะเก่งยิ่งขึ้นปัจจุบันชื่อเสียงของอวิ๋นฝูหลิงเป็นที่เลื่องลือ วิชาผ่าท้องยิ่งไม่มีใครสามารถเทียบได้หางหนานซิงยินดีติดตามเรียนวิชาแพทย์กับอวิ๋นฝูหลิง วันข้างหน้าเขาก็จะเป็นหมอมีชื่อเสียงที่ทุกคนรู้จักเมื่อโอวหยางหมิงเห็นดังนี้ อดด่านายท่านผู้เฒ่าหางเจ้าเล่ห์ในใจไม่ได้นี่ก็ยัดหลานชายเข้าไปอยู่ข้างกายอวิ๋นฝูหลิงแล้วสายตาของเขากวาดผ่านบรรดาหลานชายของตัวเอง กำลังคิดว่าจะส่งใครไปเป็นผู้ช่วยอวิ๋นฝูหลิงเพียงแต่ดูไปดูมา ชั่วขณะก็ไม่มีใครที่เหมาะสมเลยพลันเมื่อมาคิดดูอีกที ช่างเถอะ ฝีมือการแพทย์ของครอบครัวตัวเองก็ไม่ได้แย่

Latest chapter

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 632

    อย่าว่าแต่คนเลย แม้แต่แมลงวันสักตัวก็อย่าคิดว่าจะได้ออกไปจากจุดพักแรมของทางการนี้ยามนี้คนผู้นั้นซึ่งคิดจะหลบหนีออกจากจุดพักแรมถูกจับตัวอยู่ และถูกทหารลาดตระเวนโยนมาไว้ตรงหน้าเซียวจิ่งอี้แล้ว เหล่าทหารองครักษ์ที่คอยเฝ้าอยู่ข้างเวินเจา จำคนผู้นั้นได้ทันทีว่าเป็นสตรีผู้นั้นซึ่งมาส่งอาหารก่อนหน้านี้เมื่อเอาเรื่องราวมารวมเข้าด้วยกัน ก็รู้ได้ว่านางจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางยาพิษเวินเจาเป็นแน่เซียวจิ่งอี้ลูบแหวนหยกบนมือ สายตามองไปที่นางอย่างเย็นชา“เหตุใดเจ้าต้องวางยาพิษด้วย?”“ในจุดพักแรมยังมีผู้สมรู้ร่วมคิดของเจ้าอีกหรือไม่?”สตรีผู้นั้นเพียงแค่ส่งเสียงหัวเราะ โดยไม่ได้ตอบคำถามเซียวจิ่งอี้เห็นเช่นนั้นก็มิได้โกรธ และออกคำสั่งว่า “ไปพาตัวทุกคนในจุดพักแรมแห่งนี้มา ตรวจสอบพื้นเพของสตรีผู้นี้ให้ละเอียด จับตัวทั้งครอบครัวของนางมาให้หมด!”มีผู้ใต้บังคับบัญชาทำตามคำสั่งทันทีเซียวจิ่งอี้สังเกตการแสดงออกของสตรีผู้นั้น ทว่ากลับเห็นว่าการแสดงออกของนางไม่เปลี่ยนไปเลยตั้งแต่ต้นจนจบ แม้แต่ยามที่ได้ยินเซียวจิ่งอี้บอกว่าจะจับทั้งครอบครัวของนางมา ก็ยังไม่แม้แต่จะขยับคิ้วแววตาของเซียวจิ่งอ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 631

    รอบด้านรถคุมตัวนักโทษมีทหารองครักษ์เฝ้าอยู่สิบกว่าคน ทหารองครักษ์เรียกได้ว่าเข้มงวดมากทันทีที่มีคนเข้ามาใกล้ พวกทหารองครักษ์ก็ตะโกนออกไปอย่างระแวดระวัง “ใคร?”หญิงที่มาส่งอาหารราวกับถูกเสียงตะโกนทำให้ตกใจ และพูดอย่างสั่นเทาทันที “ใต้...ใต้เท้า ข้าน้อยเป็น...เป็นคนที่มาส่งอาหารเจ้าค่ะ...”เหล่าทหารองครักษ์มองบะหมี่บนถาดในมือนาง สีหน้าจึงเพิ่งอ่อนลงหลายส่วนหนึ่งในนั้นโบกมือ “เข้ามา”หญิงส่งอาหารผู้นั้นจึงเพิ่งก้าวไปด้านหน้า ถือบะหมี่ไปยังรถคุมตัวนักโทษคาดไม่ถึงว่าเพิ่งเดินไปไม่กี่ก้าว ยังมิทันได้ไปตรงหน้ารถคุมตัวนักโทษ ก็ถูกคนขวางทางไว้ทหารองครักษ์ผู้หนึ่งถือเข็มเงินไว้ในมือ แสดงท่าทีว่าจะทดสอบพิษในบะหมี่เมื่อหญิงผู้นั้นเห็นเช่นนี้ แววตาก็เกิดประกายวาบผ่านเล็กน้อยผ่านไปครู่หนึ่ง นางก็ลดสายตาลงอย่างรวดเร็ว และปกปิดการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ไว้ทหารองครักษ์ใช้เข็มเงินทดสอบในบะหมี่ เมื่อเห็นว่าเข็มเงินไม่ได้เปลี่ยนสี จึงเพิ่งพยักหน้าให้คนด้านข้างเล็กน้อยคนผู้นั้นก้าวมาด้านหน้ารับบะหมี่ไปทันที และกล่าวกับหญิงผู้นั้นว่า “เจ้าไปได้แล้ว”หญิงผู้นั้นสะดุ้งก่อนโค้งคำนับอย่างนอบน้อม

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 630

    เซียวจิ่งอี้นั่งอยู่บนรถม้า สายตามองทะลุผ่านหน้าต่างรถม้า เห็นพวกลุงหลี่ในฝูงชนเมื่อเห็นพวกเขาน้ำตาคลอเบ้า คุกเข่าขอบคุณด้วยสีหน้าซาบซึ้ง ก็นึกถึงก่อนหน้านี้ที่เทียนเฉวียนรายงานว่าพลเรือนจากเกาะหมัวกุ่ยเหล่านั้นได้รับการจัดหาที่อยู่อย่างเหมาะสมแล้ว ดูท่าผู้ใต้บังคับบัญชาจะทำหน้าที่ได้ไม่เลวทีเดียวมุมปากของเซียวจิ่งอี้โค้งเล็กน้อย ในอกรู้สึกอุ่น ๆ ความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้กำลังพรั่งพรูขึ้นมาขบวนรถม้าเดินทางมาหนึ่งวันแล้ว และแวะค้างแรมในจุดพักแรมของทางการหลังจากเซียวจิ่งอี้ลงมาจากรถม้า ก็มองไปทางรถคุมตัวนักโทษคันหนึ่งในกลุ่มเป็นพิเศษคนที่นั่งอยู่ในรถคุมตัวนักโทษมิใช่ใครอื่น แต่เป็นเวินเจานั่นเองสาเหตุที่เซียวจิ่งอี้จัดขบวนใหญ่โต ก็เพื่อดึงดูดสายตาของท่านจอมปราชญ์เหวินและพวกคนแคว้นเยว่ ให้มาช่วยเหลือเวินเจาระหว่างการเดินทางครั้งนี้ เป็นโอกาสสุดท้ายของพวกเขาแล้วหากพวกเขายังไม่ลงมือ รอจนให้เวินเจาถูกคุมตัวกลับเมืองหลวง ย่อมมีโอกาสสูงที่จะถูกลงโทษประหารชีวิตหลังจากเข้าเมืองหลวงแล้ว หากพวกท่านจอมปราชญ์เหวินคิดจะเข้าไปช่วยคนในคุกหลวง นั่นก็นับว่าเพ้อฝันแล้วส่วนการบุกไปชิงตัว

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 629

    ยามที่กลุ่มของเซียวจิ่งอี้ออกจากจินโจว กองทหารเกียรติยศของอี้อ๋องคุ้มกันโดยตรง จึงมีความยิ่งใหญ่เกรียงไกรมากเทียบกับก่อนหน้านี้ที่ออกจากเจียงโจว พาอวิ๋นฝูหลิงกับลูกชายกลับเมืองหลวงโดยไม่ให้เป็นจุดสนใจนับว่าต่างกันโดยสิ้นเชิงระหว่างทางมีขุนนางและประชาชนมารอส่งไม่กี่วันที่ผ่านมา เซียวจิ่งอี้ได้จัดระเบียบเหล่าขุนนางในจินโจว ลงโทษข้าราชการทุจริต คืนความยุติธรรมให้ประชาชนอวิ๋นฝูหลิงใช้วิชาแพทย์ช่วยเหลือผู้คน เมื่อเจอผู้ป่วยที่ครอบครัวยากจน ก็ยังยกเว้นค่ารักษาของพวกเขาด้วยสิ่งนี้ย่อมทำให้เกิดน้ำหนักในใจของประชาชนเซียวจิ่งอี้กับอวิ๋นฝูหลิงมีจิตใจเมตตา ประชาชนย่อมจดจำความดีของพวกเขาไว้ในใจท่ามกลางฝูงชนที่คับคั่ง ชายร่างสูงผอมผิวคล้ำผู้หนึ่งยืดคอยาว มองไปทางรถม้าของเซียวจิ่งอี้ด้านข้างของเขามีเด็กหนุ่มยืนเขย่งปลายเท้า พลางดึงแขนเสื้อถามเขาว่า “ลุงหลี่ ท่านเห็นท่านอ๋องกับพระชายาหรือไม่?”ชายร่างสูงผอมผิวคล้ำกับเด็กหนุ่ม ก็คือลุงหลี่กับฟางอวี่ที่เซียวจิ่งอี้และอวิ๋นฝูหลิงช่วยออกมาจากเกาะหมัวกุ่ยก่อนหน้านี้หากเซียวจิ่งอี้อยู่ที่นี่ด้วยในยามนี้ จะต้องจำได้เป็นแน่ว่านอกจากลุงหลี่กั

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 628

    จนกระทั่งสถานการณ์ทุกอย่างสิ้นสุดแล้ว หัวใจที่ตื่นตระหนกอยู่นานของเขาจึงสงบลงขณะนั้นเองจู่ ๆ ก็ได้ยินว่าอวิ๋นฝูหลิงจะถอนพิษให้ตามที่รับปากเขาไว้ เมื่อหวนนึกถึงทุกสิ่งก่อนหน้านี้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกราวกับอยู่คนละโลกหลังจากเขาตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก็เพิ่งก้าวไปข้างหน้าอวิ๋นฝูหลิงหยิบหมอนหนุนจับชีพจรออกมาจากกล่องยา และส่งสัญญาณให้เวินจือเหิงวางมือลงไปหลังตรวจชีพจรของเวินจือเหิงแล้ว อวิ๋นฝูหลิงก็ดึงมือกลับมา และกล่าวว่า “พิษในร่างถูกถอนออกกว่าครึ่งแล้ว พูดตามหลักร่างกายของเจ้าควรจะฟื้นตัวได้ประมาณเจ็ดถึงแปดส่วนแล้ว”“แต่ช่วงนี้จิตใจเจ้ากระสับกระส่าย และวิตกกังวลมากเกินไป ทั้งยังได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายที่ไม่ค่อยดีอยู่แล้วยิ่งย่ำแย่ลงไปอีก”“โชคดีที่ตอนยังเด็กเจ้าได้รับการเลี้ยงดูไม่เลว พื้นฐานร่างกายจึงแข็งแรง ตอนนี้จึงมีต้นทุนให้ใช้จ่ายได้”“ยิ่งไปกว่านั้นเจ้ายังโชคดี ได้พบหมอเทวดาคนหนึ่งเช่นข้า!”เวินจือเหิงได้ยิน สีหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มขมขื่นสายหนึ่งสกุลเวินเผชิญวิกฤตครั้งใหญ่อย่างกะทันหัน เขาในฐานะผู้นำสกุลย่อมต้องค้ำจุนทั้งสกุลไว้ช่วงนี้ เขากินไม่อิ่มนอนไม่หลับ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 627

    อวิ๋นฝูหลิงเหลือบมองเวินจือเหิง เห็นว่าแม้เขาจะร่างกายอ่อนแอ แต่กลับมีแรงใจไม่เลว ในใจจึงอดไม่ได้ที่จะมองเขาดีขึ้นสกุลเวินมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีขี้ผึ้งทองและการลักลอบค้าของผิดกฎหมาย กอปรกับเวินเจาจากบ้านรองสกุลเวินยังถูกตรวจสอบพบว่าเป็นเชื้อสายของราชวงศ์แคว้นเยว่ ยิ่งไปกว่านั้นทุกร่องรอยยังแสดงให้เห็นถึงความมักใหญ่ใฝ่สูงของแคว้นเยว่ ซึ่งตั้งใจโค่นล้มราชสำนัก ถือเป็นกบฏอย่างแท้จริงหากคนของบ้านรองเข้าไปพัวพันกับคดีใหญ่เช่นนี้ เกรงว่าทั้งสกุลย่อมถูกทำลายลงตรงหน้าสกุลเวินยังสามารถยืนหยัดอยู่ในจินโจวได้ ต้องขอบคุณเวินจือเหิงซึ่งเป็นผู้นำตระกูลจริง ๆหากมิใช่เพราะเขามีไหวพริบมองการณ์ไกล ชิงยอมจำนนต่อเซียวจิ่งอี้เร็วกว่าก้าวหนึ่ง และเป็นฝ่ายลงทัณฑ์ญาติเพื่อผดุงธรรม นำหลักฐานที่เกี่ยวข้องซึ่งตัวเองตรวจสอบพบไปส่งมอบ ช่วยเป็นแรงสนับสนุนให้เซียวจิ่งอี้ เกรงว่าทุกคนในสกุลเวินคงจะติดคุกกันหมดแล้วหลังจากนั้น เวินจือเหิงก็เป็นฝ่ายขอรับโทษ บริจาคทรัพย์สมบัติเก้าส่วนของสกุลเวินให้ราชสำนักตระกูลที่มั่งคั่งเช่นสกุลเวิน ทรัพย์สมบัติที่สั่งสมมาหลายร้อยปีย่อมไม่อาจประเมินต่ำเกินไปได้ทรัพย์สมบัติ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 626

    อาศัยแค่เทียบยานั้นใบเดียว ด้วยการรักษาโรคชนิดหนึ่งได้อย่างแม่นยำ ก็เพียงพอที่จะตั้งตัวได้ ถึงขั้นมีชื่อเสียงโด่งดังทว่ายามนี้อวิ๋นฝูหลิงกลับหยิบตำราแพทย์เล่มหนึ่งออกมาให้ทุกคนเวียนกันอ่านและคัดลอกอย่างใจกว้างช่างมีจิตใจกว้างขวางเสียนี่กระไร!ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนต่างตกตะลึงจนพูดไม่ออกโดยเฉพาะหมอผู้ดูหมิ่นอวิ๋นฝูหลิงในคราแรก ยามนี้สัมผัสได้เพียงความร้อนผ่านที่แก้ม รู้สึกอับอายเป็นอย่างยิ่งผ่านไปครู่หนึ่ง จึงเพิ่งมีคนตั้งสติได้ โค้งคำนับอวิ๋นฝูหลิงด้วยความเคารพ พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงซาบซึ้ง “การกระทำของแม่นางอวิ๋น เป็นแบบอย่างให้พวกข้าแล้วจริง ๆ พวกข้ายังเทียบแม่นางอวิ๋นไม่ติดเลย!”เมื่อมีคนเริ่มกล่าว คนอื่นก็เริ่มตอบสนองออกมาเช่นกัน พากันโค้งคำนับกล่าวขอบคุณอวิ๋นฝูหลิงอย่างจริงจังมีบางคนถึงกับเรียกอวิ๋นฝูหลิงว่าท่านอาจารย์ ขอบคุณที่ครั้งนี้นางช่วยรักษาอาการโรคที่เกิดจากขี้ผึ้งทองในจินโจว ทั้งยังถ่ายทอดคำสอนและไขข้อสงสัยอวิ๋นฝูหลิงก็มิได้อวดภูมิ รับคำคนเหล่านั้นอย่างนอบน้อมประการแรก ช่วงที่นางรักษาคนไข้ที่ป่วยเพราะขี้ผึ้งทองในจินโจว ก็ได้สอนวิธีการรักษาของตัวเองให้เหล่าหมอท่า

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 625

    ท่านหมอในสำนักผิงอันต่างมองไปที่ตำราแพทย์ในมือหางซานสุ่ยด้วยดวงตาเป็นประกายนั่นเป็นถึงตำราแพทย์ที่บันทึกศาสตร์ฝังเข็มและเทียบยาสำหรับการรักษาผู้ป่วยเสพติดขี้ผึ้งทองเชียวนะโดยเฉพาะเมื่ออวิ๋นฝูหลิงเป็นผู้เขียนตำราเล่มนี้ด้วยตัวเองในช่วงเวลาที่ได้ทำงานร่วมกันมานี้ ท่านหมอในเมืองจินโจวถือว่าได้เปิดหูเปิดตารับรู้ถึงฝีมือการแพทย์อันสูงส่งของอวิ๋นฝูหลิงแล้วยามหารือเรื่องการรักษาผู้ป่วยติดขี้ผึ้งทอง นางก็มักจะหาแนวทางสำหรับการรักษาที่เหมาะสมที่สุดออกมาเสมอทักษะฝังเข็มล้ำเลิศ เทียบยาก็ล้ำลึกพิสดาร แม้จะเป็นท่านหมออาวุโสที่สั่งสมประสบการณ์มานานก็ยังมีบ้างที่ด้อยกว่าโดยเฉพาะเมื่ออวิ๋นฝูหลิงเป็นหมอหญิงอ่อนวัยที่อายุเพิ่งยี่สิบปีมีท่านหมอในเมืองจินโจวบางคนที่รู้สึกว่า การที่อวิ๋นฝูหลิงมีชื่อเสียงเลื่องลือนั้นทั้งหมดล้วนเป็นเพราะรัศมีอันมีติดตัวมาแต่กำเนิดด้วยนางถือกำเนิดในสกุลอวิ๋นเท่านั้น นางถึงได้มีชื่อเสียงและได้รับความเคารพอยู่บ้างในแวดวงแพทย์เช่นนี้ทว่าใครจะไปรู้ว่าอวิ๋นฝูหลิงกลับใช้ฝีมือการแพทย์ของตัวเองมาตบหน้า สอนเป็นบทเรียนให้พวกเขาอย่างดีหลังได้รู้ซึ้งถึงฝีมือการแพทย์ของ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 624

    ขุนนางที่ถูกส่งมาใหม่เหล่านี้ ต่างทยอยเดินทางมาถึงจินโจวกันแล้วในช่วงไม่กี่วันมานี้ก่อนที่พวกเขาจะเดินทางมาถึง งานบริหารราชการและบริหารกองทัพของจินโจวล้วนมีเซียวจิ่งอี้รับผิดชอบชั่วคราวบัดนี้ขุนนางชุดใหม่มาถึงแล้ว แน่นอนว่าเซียวจิ่งอี้ย่อมเริ่มมอบหมายงานแก่พวกเขา คืนอำนาจบริหารราชการและกองทัพของจินโจวให้ขุนนางที่เหมาะสมจากความหมั่นเพียรและการจัดระเบียบของเซียวจิ่งอี้ งานบริหารราชการในเมืองจินโจวจึงได้รับการจัดระเบียบเป็นที่เรียบร้อยนานแล้ว ขอแค่เหล่าขุนนางที่มารับหน้าที่นี้ต่อไปมัวแต่กินดื่ม ไม่ทำการงาน ก็สามารถบริหารปกครองเมืองจินโจวได้ และฟื้นฟูให้จินโจวรุ่งเรืองขึ้นมาใหม่อีกครั้งได้สิ่งเดียวที่ทำให้เซียวจิ่งอี้ไม่สบอารมณ์และปวดหัวก็คือ จวบจนบัดนี้ยังไม่อาจจับกุมตัวราชครูเผ่าเยว่ผู้นั้นได้ไม่ว่าจะค้นหาไปทั่วเมือง หรือใช้เวินเจาเป็นเหยื่อล่อ ล้วนไม่เห็นแม้แต่ร่องรอยของราชครูเผ่าเยว่ผู้นั้นอีกทั้งประตูเมืองจินโจวก็ไม่อาจปิด ไม่อนุญาตให้ชาวบ้านเข้าออกได้เป็นเวลานานได้แม้ว่าประชาชนจะไม่กล้ามีปากเสียง แต่การชดเชยเรื่องอาหารการกินในชีวิตประจำวันก็นับว่าเป็นปัญหานอกจากนี้ประ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status