แชร์

บทที่ 519

ผู้เขียน: หลันซานอวี่
อวิ๋นฝูหลิงแค่นเสียงเบาเสียงหนึ่ง “เจ้าต้องขอบคุณข้าด้วย”

“หากข้ามาช้ากว่านี้อีกสักสองสามวัน บาดแผลบนร่างของเจ้า แม้แต่เทพเซียนคงยากจะช่วยแล้ว!”

จ้าวเสวียซือผุดรอยยิ้มขึ้นมาบนใบหน้า “ใช่ ๆ ๆ โชคดีมากที่พี่สะใภ้มาทันเวลา ด้วยฝีมือแพทย์ที่เหนือชั้น จึงช่วยชีวิตข้าไว้ได้!”

อวิ๋นฝูหลิงเห็นเขายังคงมีรอยยิ้มสดใสเหมือนเมื่อก่อน ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาเช่นกัน

“เมื่อเป็นเช่นนี้ มือสังหารที่สกุลเวินตามหาตัวไปทั่ว น่าจะเป็นเจ้าหรือไม่ก็คนที่ส่งเสียงโดยไม่ระวังผู้นั้น”

จ้าวเสวียซือพยักหน้า “น่าจะใช่”

“แต่เรื่องการตายของรองผู้นำของหอจินอวี้ ข้าไม่รู้จริงๆ”

“คืนนั้นหลังจากที่ถูกพบ ข้าต่อสู้กับคนของหอจินอวี้มากมาย ยามนั้นมันชุลมุนมาก เพื่อหนีออกมา ข้าก็ฆ่าคนของหอจินอวี้ไปหลายคน ทว่าในบรรดานั้นมีรองผู้นำคนนั้นหรือไม่ ข้าก็ไม่รู้”

“เรื่องที่คืนนั้นพวกเวินเจาทั้งสามคนมาพูดคุยกัน ไม่อาจแพร่งพรายออกมาได้แม้แต่ประโยคเดียว”

“ไม่เช่นนั้นไม่ว่าจะเป็นโทษฐานเรื่องใด ก็ล้วนเพียงพอที่สกุลเวินจะถูกจับกุมมาสอบสวนทั้งสกุลได้!”

อวิ๋นฝูหลิงครุ่นคิดครู่หนึ่ง และกล่าวว่า “ดังนั้นจากมุมมองของพวกเวินเจา เจ้ากับ
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 520

    “ยิ่งไปกว่านั้นมีสองคนนี้คอยดูแลในหอจินอวี้อยู่ ใครจะกล้าก่อเรื่องที่หอจินอวี้ได้?”“ดังนั้นชื่อเสียงของผู้นำใหญ่และรองผู้นำ จึงโด่งดังมากขึ้นเรื่อย ๆ”“ทว่าผู้นำใหญ่คนนั้น ไม่กี่ปีก่อนป่วยตายไปแล้ว รองผู้นำที่เหลืออยู่คนนั้น ก็ตายไปเมื่อไม่กี่วันก่อนเช่นกัน”“ข้าคิดว่าการตายของรองผู้นำ ไม่ใช่แค่ข้ออ้างที่สร้างขึ้นมาเพื่อตามหามือสังหารเท่านั้น”ประโยคสุดท้าย หลี่หยวนพูดแฝงความนัยอวิ๋นฝูหลิงเข้าใจขึ้นมาบ้าง และกล่าวต่อว่า “ที่ผ่านมาหอจินอวี้ถูกดูแลโดยผู้นำใหญ่กับรองผู้นำ ทั้งสองละทิ้งความชั่วหันเข้าสู่ความดี เพราะนายท่านใหญ่เวิน”“คิดว่าผู้นำใหญ่กับรองผู้นำเอาหอจินอวี้ไปรับผิดชอบ ก็เป็นเพราะนายท่านใหญ่เวินเช่นกัน”“พูดได้ว่าหลายปีมานี้หอจินอวี้อยู่ในมือของบ้านใหญ่มาโดยตลอด”“แม้ผู้นำใหญ่จะป่วยตายไปแล้ว ในหอจินอวี้ก็ยังมีรองผู้นำคอยดูแลอยู่ รองผู้นำเคยเป็นโจรมาก่อน ทั้งยังทำให้หอจินอวี้ยิ่งใหญ่มาด้วยกันกับนายท่านใหญ่เวิน แน่นอนว่าย่อมมีบารมีในหอจินอวี้”“ยามนี้นายท่านใหญ่เวินตายจากอุบัติเหตุ ลูกชายคนเดียวของเขาคุณชายใหญ่เวินก็ป่วยจนต้องนอนติดบนเตียง ไม่สนใจสิ่งใด”“กิจการทั้งห

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 521

    เมื่อจ้าวเสวียซือได้ยิน ทำได้เพียงพยักหน้าอย่างหงุดหงิดและกล่าว “ก็ได้!”จู่ๆ เขาก็นึกอะไรขึ้นได้ จึงกล่าวอีก “ตอนที่พวกเรามาจินโจว พาคนมาด้วยส่วนหนึ่ง ท่านอ๋องหายตัวไป ข้าได้รับบาดเจ็บหมดสติ ตอนนี้คนพวกนั้นทำอะไรไม่ถูกแน่นอน”“ข้าจะให้ที่อยู่แก่เจ้า เจ้าไปรวบรวมคนเหล่านั้น ช่วงที่เจ้าอยู่จินโจว ก็มีคนให้ใช้งานมากขึ้น”อวิ๋นฝูหลิงก็กำลังคิดจะหาคนเพิ่มพอดี เมื่อได้ยินก็ย่อมตอบตกลงทันที “เรื่องตามหาท่านอ๋องกับผู้บัญชาการจั่วปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง”“เจ้าทำใจให้สบาย พักฟื้นให้เต็มที่ ไว้อีกสองสามวันข้าจะมาดูเจ้าใหม่”อวิ๋นฝูหลิงกำชับจ้าวเสวียซือสองสามประโยค จึงจะจากไปการคำนวณเวลาในห้องลับอย่างแม่นยำนั้นเป็นเรื่องยาก หลังจากอวิ๋นฝูหลิงออกมา พบว่าตอนนี้เป็นตอนเที่ยงแล้วที่อยู่ที่จ้าวเสวียซือให้นางอยู่นอกเมืองถ้าหากรีบไปตอนนี้ ไม่รู้ว่าจะสามารถไปถึงก่อนฟ้ามืดหรือไม่อวิ๋นฝูหลิงลังเลครู่หนึ่ง ก็ตัดสินใจได้แล้วนางตัดสินใจจะไปวันนี้เลย ยิ่งมีข้อมูลมากเท่าไร โอกาสที่จะตามหาเซียวจิ่งอี้กับจั่วเยี่ยนเจอก็ยิ่งมากเท่านั้นไม่แน่ว่าพวกคนที่อยู่นอกเมืองก็รู้อะไรบางอย่างเช่นกัน

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 522

    อวิ๋นฝูหลิงนึกถึงเรื่องนี้ กำลังจะเอ่ยปากถามว่าพวกเขาขายบะหมี่อะไรบ้าง ชายชราคนนั้นชิงกล่าวแนะนำก่อนหนึ่งก้าว “ร้านของพวกเรามีบะหมี่ธรรมดา บะหมี่น้ำมันเจียวต้มหอม บะหมี่เนื้อเส้น…”“บะหมี่เนื้อเส้นใช้เนื้อไก่กับน้ำแกงไก่ ราคาจะแพงกว่าเล็กน้อย ชามละสิบอีแปะ”เหยากวงเดินวนร้านบะหมี่หนึ่งรอบ หันมาเวลานี้พอดีนางพยักหน้าให้อวิ๋นฝูหลิงเบาๆอวิ๋นฝูหลิงเห็นดังนี้ จึงรู้ว่าร้านบะหมี่แห่งนี้สะอาดมากกินข้าวข้างนอก สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือร้านไม่ใส่ใจเรื่องความสะอาดดังนั้นเมื่อไรที่กินข้าวข้างนอก อวิ๋นฝูหลิงจะใส่ใจเกี่ยวกับความสะอาดของร้านเป็นพิเศษเหยากวงติดตามอวิ๋นฝูหลิงมานาน ย่อมรู้นิสัยของนางดังนั้นเมื่อมาถึงร้านบะหมี่ เหยากวงก็ไปตรวจดูความสะอาดของร้านบะหมี่ก่อนแล้วมั่นใจว่าสะอาด จึงจะสามารถกินอย่างวางใจหลังจากอวิ๋นฝูหลิงฟังเถ้าแก่แนะนำ นางถามเหยากวงกับหูคุนอยากกินอะไรเมื่อเห็นว่าพวกนางกินได้หมด จึงสั่งบะหมี่เนื้อเส้นมาสามชามชายชราเห็นพวกเขาสั่งบะหมี่เนื้อเส้นที่แพงที่สุด รอยยิ้มบนใบหน้าก็ยิ่งกว้างขึ้นแล้วเขาตะโกนไปทางหญิงชราที่อยู่ข้างเตา “ยายเฒ่า บะหมี่เนื้อเส้นสามชาม”

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 523

    สถานที่ที่อวิ๋นฝูหลิงจะไปอยู่นอกเมืองจินโจว อยู่ไกลพอสมควรย่อมเป็นไปไม่ได้ที่พวกอวิ๋นฝูหลิงจะเดินไปแต่น่าเสียดายที่ตอนออกจากหอหรูกุย ไม่มีม้าจากหอหรูกุยมาถึงร้านวัตถุโบราณของหลี่หยวน แทบจะข้ามครึ่งหนึ่งของเมืองจินโจวกลับไปเอาม้าที่หอหรูกุยตอนนี้ ระยะทางก็ไม่ได้ใกล้มากนักโชคดีที่เมืองจินโจวมีม้าและรถให้เช่ามากมาย ลองถามนายหน้าสักคนบนถนนก็สามารถเช่าได้แล้วหลี่หยวนนึกขึ้นได้ว่าพวกอวิ๋นฝูหลิงต้องเดินทางโดยม้า ดังนั้นก่อนพวกอวิ๋นฝูหลิงไป จึงบอกเรื่องนี้กับอวิ๋นฝูหลิงดังนั้นหลังจากอวิ๋นฝูหลิงกินบะหมี่เสร็จ ก็ลองถามชายชราเจ้าของร้านบะหมี่ดูชายชราตั้งร้านที่นี่ตลอด ย่อมรู้สถานการณ์ในละแวกนี้อย่างชัดเจนอวิ๋นฝูหลิงเพิ่งใช้บริการร้านบะหมี่ ชายชราย่อมยินดีบอกทางนาง“ไปตามถนนสายนี้ แล้วเลี้ยวไปทางเหนือตอนแยกที่สอง”อวิ๋นฝูหลิงขอบคุณชายชราทั้งสามกินบะหมี่เสร็จ เหยากวงจ่ายเงิน ก็เดินเลียบถนนไปยังตลาดขายวัวและม้าแล้วยังไปไม่ถึงตลาดขายวัวและม้า ข้างทางก็มีร้านนายหน้าใหญ่ๆ แห่งหนึ่งอวิ๋นฝูหลิงไม่อยากเสียเวลา เข้าไปเช่าม้าสามตัวกับนายหน้าคนหนึ่งโดยตรงทั้งหมดนี้ใช้เวลาหนึ่งเค่อ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 524

    สถานการณ์ในจินโจวมีความซับซ้อน และเต็มไปด้วยอันตราย ถ้าหากไม่ใช่เพราะเซียวจิ่งอี้หายตัวไป อวิ๋นฝูหลิงก็ไม่มีทางมาเร็วเช่นนี้ที่จริงก่อนหน้านี้ในใจเทียนเฉวียนมีความสงสัยอยู่เสี้ยวหนึ่ง แต่ท้ายที่สุดก็ไม่กล้าคิดเรื่องนั้นอวิ๋นฝูหลิงเห็นท่าทางที่งงงวยของเทียนเฉวียน ก็เข้าใจแล้วว่าเขาไม่รู้เรื่องที่เซียวจิ่งอี้กับจั่วเยี่ยนหายตัว“เกิดอะไรขึ้นกับคุณกันแน่?”“เจ้าเป็นองครักษ์ข้างกายของท่านอ๋อง เหตุใดไม่อยู่กับท่านอ๋อง?”เทียนเฉวียนหวนคืนสติ กล่าวตอบ “ท่านอ๋องเป็นคนให้ข้าน้อยอยู่เฝ้าที่นี่ และคอยจับตาดูสถานการณ์ของอ่าวเสี่ยวเยว่ขอรับ”อวิ๋นฝูหลิงกล่าวด้วยความประหลาดใจ “ที่นี่ก็คืออ่าวเสี่ยวเยว่?”สถานที่ที่สกุลเวินลักลอบขนสินค้าก็คืออ่าวเสี่ยวเยว่เทียนเฉวียนยกมือชี้ “เมื่อผ่านป่าผืนนี้ไป อีกด้านของป่าก็คืออ่าวเสี่ยวเยว่”“ที่นี่อยู่สูง มองจากตรงนี้ สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของทางอ่าวเสี่ยวเยว่ได้อย่างชัดเจน”“ท่านอ๋องพบว่าสกุลเวินกำลังลักลอบค้าขายกับคนญี่ปุ่น มีความเป็นไปได้สูงมากว่าคนญี่ปุ่นเป็นคนนำขี้ผึ้งทองมา ดังนั้นจึงสืบเรื่องการลักลอบขนสินค้ามาโดยตลอด”“หลายวันก่อนทางอ่า

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 525

    อวิ๋นฝูหลิงถอนหายใจเงียบๆนางเงยหน้ามองไปทางสุดปลายของป่า เหมือนจะได้ยินเสียงของคลื่นที่ข้างหู แม้แต่ในอากาศก็ยังมีกลิ่นเค็มของนั้นทะเลเล็กน้อยนางเดาว่าการหายตัวไปของเซียวจิ่งอี้กับจั่วเยี่ยน น่าจะเกี่ยวข้องกับคนญี่ปุ่นที่พวกเขาเจอในคืนนั้นพวกเซียวจิ่งอี้น่าจะแฝงตัวไปกับขบวนเรือของคนญี่ปุ่นแล้วไม่เช่นนั้น ด้วยความสามารถของเขา เป็นไปไม่ได้เลยที่ไม่สามารถส่งข่าวออกมาเลยไม่มีทางที่หน่วยกระบี่เงาก็ไม่เจอเบาะแสของพวกเขาเลยสักนิดในเมืองจินโจวนอกจากพวกเขาไม่อยู่จินโจวแล้วแต่อยู่บนมหาสมุทร ดังนั้นจึงขาดการติดต่อถ้าหากเป็นเช่นนี้จริงๆ เรื่องราวก็ไม่ได้ง่ายเช่นนั้นแล้วหลังจากนั้นครู่หนึ่ง อวิ๋นฝูหลิงถอนสายตาที่ทอดยาวออกไปไกลกลับมาไม่ว่าเรื่องราวจะยากเย็นเพียงใด นางก็จะต้องหาเซียวจิ่งอี้ให้เจอ!สายตาของอวิ๋นฝูหลิงกลับไปมองที่เทียนเฉวียนแล้วกล่าว “พวกเจ้าจับตาดูการเคลื่อนไหวทางอ่าวเสี่ยวเยว่ต่อไป”“แล้วก็ช่วยข้าทำอีกเรื่อง เจ้าลองสืบดูว่ามีเรือออกทะเลหรือไม่ ข้าจะออกทะเล”พูดถึงความเข้าใจที่มีต่อข้อมูลในจินโจว เทียนเฉวียนที่มาก่อนสักพัก ต้องรู้อะไรมากกว่าพวกคนที่อวิ๋นฝูหลิงพา

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 526

    เวินจือเหิงเห็นผู้มา ดวงตาลุกวาวเป็นประกายเขากล่าวกับมั่วซู “เจ้าไปเฝ้าที่หน้าประตู อย่าให้ใครเข้าใกล้”ซูมั่วพยักหน้าอย่างเข้าใจ รีบออกไปเฝ้าที่หน้าประตูทันทีเวินจือเหิงมองไปทางผู้มา “ลุงหง สืบพบที่อยู่และตัวตนของนักฆ่าในคืนนั้นหรือยัง?”ลุงหงที่เวินจือเหิงเป็นชายฉกรรจ์อายุประมาณสี่สิบปีคนคนนี้ก็คือผู้ที่แอบดูพร้อมกับจ้าวเสวียซือที่หอจินอวี้ในคืนนั้น กลับเผลอส่งเสียงจนคนรู้ และยังทำให้จ้าวเสวียซือซวยไปด้วยคืนนั้นลุงหงสวมชุดสีดำและปิดใบหน้า และยังหาโอกาสหลบหนีไปได้ ด้วยเหตุนี้คนของเวินเจาค้นหาไปทั่วทั้งเมืองในช่วงนี้ กลับสาวมาไม่ถึงตัวเขาแต่เป็นจ้าวเสวียซือที่คืนนั้นไม่ระวัง เผลอทำผ้าคลุมหน้าหลุดตอนต่อสู้ มีคนเห็นใบหน้าแล้วคืนนั้นลุงหงกลับมารายงาน เวินจือเหิงให้เขาไปตามหาจ้าวเสวียซือและช่วยเขาแม้เวินจือเหิงพักฟื้นอยู่ที่บ้าน ดูเหมือนไม่สนใจอะไรเลย แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายนอก กลับไม่มีเรื่องไหนที่สามารถหนีพ้นเขาตั้งแต่บิดาเสียชีวิต บ้านรองสกุลเวินก็เผยความทะเยอทะยานฉวยโอกาสตอนที่เขาล้มป่วย ร่วมมือกับคนสกุลอื่น คิดจะยึดอำนาจขึ้นตำแหน่งแทนเดิมทีเวินจือเหิงก็อยากหาโ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 527

    ลุงหงกล่าว “คนผู้นั้นสวมหน้ากากตลอด ข้าน้อยเฝ้าดูเขาอยู่นาน แต่ก็ไม่เคยพบใบหน้าที่แท้จริงของเขา”“คนผู้นั้นระวังตัวมาก นอกจากพบกับเวินเจา น้อยมากที่จะออกไปข้างนอก เอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องทั้งวัน”“แต่ว่าคืนนั้นที่หอจินอวี้ ตอนสู้กันข้าน้อยได้ยินเขาเรียกเวินเจาว่านายน้อย”“แค่คำเดียว อีกทั้งตอนนั้นวุ่นวายมาก ข้าน้อยก็ไม่กล้ามั่นใจว่าฟังผิดหรือไม่ ดังนั้นก่อนหน้านี้จึงไม่ได้รายงาน”“แต่เมื่อลองกลับมาคิดดูดีๆ ข้าน้อยมั่นใจว่าตอนนั้นเขาเรียกเวินเจาว่านายน้อยจริงๆ ข้าฟังไม่ผิดแน่นอน”เวินจือเหิงเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจคำว่า ‘นายน้อย’ ไม่สามารถใช้ได้ตามอำเภอใจเวินจือเหิงครุ่นคิดครู่หนึ่ง เอ่ยปากกล่าว “เจ้าส่งคนมาเพิ่มทางนี้ จับตาดูพวกเขาให้ดี!”เวินเจากับผู้ชายลึกลับที่สวมเสื้อคลุมต้องมีปัญหาแน่นอนเพียงแต่ไม่รู้ว่า พวกเขาอยากใช้สกุลเวินทำอะไร?นึกถึงตรงนี้ เวินจือเหิงรู้สึกเดือดพล่านรู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่ตอนนั้นใช้แผนซ้อนแผน ปล่อยให้บ้านรองยึดอำนาจถ้าหากไม่ได้เป็นเช่นนี้ บ้านรองก็ไม่ก่อปัญหามากมายเช่นนี้แม้กระทั่งทำให้เรื่องราวอยู่เหนือการควบคุมของเวินจือเหิงเวินจือเ

บทล่าสุด

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 632

    อย่าว่าแต่คนเลย แม้แต่แมลงวันสักตัวก็อย่าคิดว่าจะได้ออกไปจากจุดพักแรมของทางการนี้ยามนี้คนผู้นั้นซึ่งคิดจะหลบหนีออกจากจุดพักแรมถูกจับตัวอยู่ และถูกทหารลาดตระเวนโยนมาไว้ตรงหน้าเซียวจิ่งอี้แล้ว เหล่าทหารองครักษ์ที่คอยเฝ้าอยู่ข้างเวินเจา จำคนผู้นั้นได้ทันทีว่าเป็นสตรีผู้นั้นซึ่งมาส่งอาหารก่อนหน้านี้เมื่อเอาเรื่องราวมารวมเข้าด้วยกัน ก็รู้ได้ว่านางจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางยาพิษเวินเจาเป็นแน่เซียวจิ่งอี้ลูบแหวนหยกบนมือ สายตามองไปที่นางอย่างเย็นชา“เหตุใดเจ้าต้องวางยาพิษด้วย?”“ในจุดพักแรมยังมีผู้สมรู้ร่วมคิดของเจ้าอีกหรือไม่?”สตรีผู้นั้นเพียงแค่ส่งเสียงหัวเราะ โดยไม่ได้ตอบคำถามเซียวจิ่งอี้เห็นเช่นนั้นก็มิได้โกรธ และออกคำสั่งว่า “ไปพาตัวทุกคนในจุดพักแรมแห่งนี้มา ตรวจสอบพื้นเพของสตรีผู้นี้ให้ละเอียด จับตัวทั้งครอบครัวของนางมาให้หมด!”มีผู้ใต้บังคับบัญชาทำตามคำสั่งทันทีเซียวจิ่งอี้สังเกตการแสดงออกของสตรีผู้นั้น ทว่ากลับเห็นว่าการแสดงออกของนางไม่เปลี่ยนไปเลยตั้งแต่ต้นจนจบ แม้แต่ยามที่ได้ยินเซียวจิ่งอี้บอกว่าจะจับทั้งครอบครัวของนางมา ก็ยังไม่แม้แต่จะขยับคิ้วแววตาของเซียวจิ่งอ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 631

    รอบด้านรถคุมตัวนักโทษมีทหารองครักษ์เฝ้าอยู่สิบกว่าคน ทหารองครักษ์เรียกได้ว่าเข้มงวดมากทันทีที่มีคนเข้ามาใกล้ พวกทหารองครักษ์ก็ตะโกนออกไปอย่างระแวดระวัง “ใคร?”หญิงที่มาส่งอาหารราวกับถูกเสียงตะโกนทำให้ตกใจ และพูดอย่างสั่นเทาทันที “ใต้...ใต้เท้า ข้าน้อยเป็น...เป็นคนที่มาส่งอาหารเจ้าค่ะ...”เหล่าทหารองครักษ์มองบะหมี่บนถาดในมือนาง สีหน้าจึงเพิ่งอ่อนลงหลายส่วนหนึ่งในนั้นโบกมือ “เข้ามา”หญิงส่งอาหารผู้นั้นจึงเพิ่งก้าวไปด้านหน้า ถือบะหมี่ไปยังรถคุมตัวนักโทษคาดไม่ถึงว่าเพิ่งเดินไปไม่กี่ก้าว ยังมิทันได้ไปตรงหน้ารถคุมตัวนักโทษ ก็ถูกคนขวางทางไว้ทหารองครักษ์ผู้หนึ่งถือเข็มเงินไว้ในมือ แสดงท่าทีว่าจะทดสอบพิษในบะหมี่เมื่อหญิงผู้นั้นเห็นเช่นนี้ แววตาก็เกิดประกายวาบผ่านเล็กน้อยผ่านไปครู่หนึ่ง นางก็ลดสายตาลงอย่างรวดเร็ว และปกปิดการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ไว้ทหารองครักษ์ใช้เข็มเงินทดสอบในบะหมี่ เมื่อเห็นว่าเข็มเงินไม่ได้เปลี่ยนสี จึงเพิ่งพยักหน้าให้คนด้านข้างเล็กน้อยคนผู้นั้นก้าวมาด้านหน้ารับบะหมี่ไปทันที และกล่าวกับหญิงผู้นั้นว่า “เจ้าไปได้แล้ว”หญิงผู้นั้นสะดุ้งก่อนโค้งคำนับอย่างนอบน้อม

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 630

    เซียวจิ่งอี้นั่งอยู่บนรถม้า สายตามองทะลุผ่านหน้าต่างรถม้า เห็นพวกลุงหลี่ในฝูงชนเมื่อเห็นพวกเขาน้ำตาคลอเบ้า คุกเข่าขอบคุณด้วยสีหน้าซาบซึ้ง ก็นึกถึงก่อนหน้านี้ที่เทียนเฉวียนรายงานว่าพลเรือนจากเกาะหมัวกุ่ยเหล่านั้นได้รับการจัดหาที่อยู่อย่างเหมาะสมแล้ว ดูท่าผู้ใต้บังคับบัญชาจะทำหน้าที่ได้ไม่เลวทีเดียวมุมปากของเซียวจิ่งอี้โค้งเล็กน้อย ในอกรู้สึกอุ่น ๆ ความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้กำลังพรั่งพรูขึ้นมาขบวนรถม้าเดินทางมาหนึ่งวันแล้ว และแวะค้างแรมในจุดพักแรมของทางการหลังจากเซียวจิ่งอี้ลงมาจากรถม้า ก็มองไปทางรถคุมตัวนักโทษคันหนึ่งในกลุ่มเป็นพิเศษคนที่นั่งอยู่ในรถคุมตัวนักโทษมิใช่ใครอื่น แต่เป็นเวินเจานั่นเองสาเหตุที่เซียวจิ่งอี้จัดขบวนใหญ่โต ก็เพื่อดึงดูดสายตาของท่านจอมปราชญ์เหวินและพวกคนแคว้นเยว่ ให้มาช่วยเหลือเวินเจาระหว่างการเดินทางครั้งนี้ เป็นโอกาสสุดท้ายของพวกเขาแล้วหากพวกเขายังไม่ลงมือ รอจนให้เวินเจาถูกคุมตัวกลับเมืองหลวง ย่อมมีโอกาสสูงที่จะถูกลงโทษประหารชีวิตหลังจากเข้าเมืองหลวงแล้ว หากพวกท่านจอมปราชญ์เหวินคิดจะเข้าไปช่วยคนในคุกหลวง นั่นก็นับว่าเพ้อฝันแล้วส่วนการบุกไปชิงตัว

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 629

    ยามที่กลุ่มของเซียวจิ่งอี้ออกจากจินโจว กองทหารเกียรติยศของอี้อ๋องคุ้มกันโดยตรง จึงมีความยิ่งใหญ่เกรียงไกรมากเทียบกับก่อนหน้านี้ที่ออกจากเจียงโจว พาอวิ๋นฝูหลิงกับลูกชายกลับเมืองหลวงโดยไม่ให้เป็นจุดสนใจนับว่าต่างกันโดยสิ้นเชิงระหว่างทางมีขุนนางและประชาชนมารอส่งไม่กี่วันที่ผ่านมา เซียวจิ่งอี้ได้จัดระเบียบเหล่าขุนนางในจินโจว ลงโทษข้าราชการทุจริต คืนความยุติธรรมให้ประชาชนอวิ๋นฝูหลิงใช้วิชาแพทย์ช่วยเหลือผู้คน เมื่อเจอผู้ป่วยที่ครอบครัวยากจน ก็ยังยกเว้นค่ารักษาของพวกเขาด้วยสิ่งนี้ย่อมทำให้เกิดน้ำหนักในใจของประชาชนเซียวจิ่งอี้กับอวิ๋นฝูหลิงมีจิตใจเมตตา ประชาชนย่อมจดจำความดีของพวกเขาไว้ในใจท่ามกลางฝูงชนที่คับคั่ง ชายร่างสูงผอมผิวคล้ำผู้หนึ่งยืดคอยาว มองไปทางรถม้าของเซียวจิ่งอี้ด้านข้างของเขามีเด็กหนุ่มยืนเขย่งปลายเท้า พลางดึงแขนเสื้อถามเขาว่า “ลุงหลี่ ท่านเห็นท่านอ๋องกับพระชายาหรือไม่?”ชายร่างสูงผอมผิวคล้ำกับเด็กหนุ่ม ก็คือลุงหลี่กับฟางอวี่ที่เซียวจิ่งอี้และอวิ๋นฝูหลิงช่วยออกมาจากเกาะหมัวกุ่ยก่อนหน้านี้หากเซียวจิ่งอี้อยู่ที่นี่ด้วยในยามนี้ จะต้องจำได้เป็นแน่ว่านอกจากลุงหลี่กั

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 628

    จนกระทั่งสถานการณ์ทุกอย่างสิ้นสุดแล้ว หัวใจที่ตื่นตระหนกอยู่นานของเขาจึงสงบลงขณะนั้นเองจู่ ๆ ก็ได้ยินว่าอวิ๋นฝูหลิงจะถอนพิษให้ตามที่รับปากเขาไว้ เมื่อหวนนึกถึงทุกสิ่งก่อนหน้านี้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกราวกับอยู่คนละโลกหลังจากเขาตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก็เพิ่งก้าวไปข้างหน้าอวิ๋นฝูหลิงหยิบหมอนหนุนจับชีพจรออกมาจากกล่องยา และส่งสัญญาณให้เวินจือเหิงวางมือลงไปหลังตรวจชีพจรของเวินจือเหิงแล้ว อวิ๋นฝูหลิงก็ดึงมือกลับมา และกล่าวว่า “พิษในร่างถูกถอนออกกว่าครึ่งแล้ว พูดตามหลักร่างกายของเจ้าควรจะฟื้นตัวได้ประมาณเจ็ดถึงแปดส่วนแล้ว”“แต่ช่วงนี้จิตใจเจ้ากระสับกระส่าย และวิตกกังวลมากเกินไป ทั้งยังได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายที่ไม่ค่อยดีอยู่แล้วยิ่งย่ำแย่ลงไปอีก”“โชคดีที่ตอนยังเด็กเจ้าได้รับการเลี้ยงดูไม่เลว พื้นฐานร่างกายจึงแข็งแรง ตอนนี้จึงมีต้นทุนให้ใช้จ่ายได้”“ยิ่งไปกว่านั้นเจ้ายังโชคดี ได้พบหมอเทวดาคนหนึ่งเช่นข้า!”เวินจือเหิงได้ยิน สีหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มขมขื่นสายหนึ่งสกุลเวินเผชิญวิกฤตครั้งใหญ่อย่างกะทันหัน เขาในฐานะผู้นำสกุลย่อมต้องค้ำจุนทั้งสกุลไว้ช่วงนี้ เขากินไม่อิ่มนอนไม่หลับ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 627

    อวิ๋นฝูหลิงเหลือบมองเวินจือเหิง เห็นว่าแม้เขาจะร่างกายอ่อนแอ แต่กลับมีแรงใจไม่เลว ในใจจึงอดไม่ได้ที่จะมองเขาดีขึ้นสกุลเวินมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีขี้ผึ้งทองและการลักลอบค้าของผิดกฎหมาย กอปรกับเวินเจาจากบ้านรองสกุลเวินยังถูกตรวจสอบพบว่าเป็นเชื้อสายของราชวงศ์แคว้นเยว่ ยิ่งไปกว่านั้นทุกร่องรอยยังแสดงให้เห็นถึงความมักใหญ่ใฝ่สูงของแคว้นเยว่ ซึ่งตั้งใจโค่นล้มราชสำนัก ถือเป็นกบฏอย่างแท้จริงหากคนของบ้านรองเข้าไปพัวพันกับคดีใหญ่เช่นนี้ เกรงว่าทั้งสกุลย่อมถูกทำลายลงตรงหน้าสกุลเวินยังสามารถยืนหยัดอยู่ในจินโจวได้ ต้องขอบคุณเวินจือเหิงซึ่งเป็นผู้นำตระกูลจริง ๆหากมิใช่เพราะเขามีไหวพริบมองการณ์ไกล ชิงยอมจำนนต่อเซียวจิ่งอี้เร็วกว่าก้าวหนึ่ง และเป็นฝ่ายลงทัณฑ์ญาติเพื่อผดุงธรรม นำหลักฐานที่เกี่ยวข้องซึ่งตัวเองตรวจสอบพบไปส่งมอบ ช่วยเป็นแรงสนับสนุนให้เซียวจิ่งอี้ เกรงว่าทุกคนในสกุลเวินคงจะติดคุกกันหมดแล้วหลังจากนั้น เวินจือเหิงก็เป็นฝ่ายขอรับโทษ บริจาคทรัพย์สมบัติเก้าส่วนของสกุลเวินให้ราชสำนักตระกูลที่มั่งคั่งเช่นสกุลเวิน ทรัพย์สมบัติที่สั่งสมมาหลายร้อยปีย่อมไม่อาจประเมินต่ำเกินไปได้ทรัพย์สมบัติ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 626

    อาศัยแค่เทียบยานั้นใบเดียว ด้วยการรักษาโรคชนิดหนึ่งได้อย่างแม่นยำ ก็เพียงพอที่จะตั้งตัวได้ ถึงขั้นมีชื่อเสียงโด่งดังทว่ายามนี้อวิ๋นฝูหลิงกลับหยิบตำราแพทย์เล่มหนึ่งออกมาให้ทุกคนเวียนกันอ่านและคัดลอกอย่างใจกว้างช่างมีจิตใจกว้างขวางเสียนี่กระไร!ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนต่างตกตะลึงจนพูดไม่ออกโดยเฉพาะหมอผู้ดูหมิ่นอวิ๋นฝูหลิงในคราแรก ยามนี้สัมผัสได้เพียงความร้อนผ่านที่แก้ม รู้สึกอับอายเป็นอย่างยิ่งผ่านไปครู่หนึ่ง จึงเพิ่งมีคนตั้งสติได้ โค้งคำนับอวิ๋นฝูหลิงด้วยความเคารพ พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงซาบซึ้ง “การกระทำของแม่นางอวิ๋น เป็นแบบอย่างให้พวกข้าแล้วจริง ๆ พวกข้ายังเทียบแม่นางอวิ๋นไม่ติดเลย!”เมื่อมีคนเริ่มกล่าว คนอื่นก็เริ่มตอบสนองออกมาเช่นกัน พากันโค้งคำนับกล่าวขอบคุณอวิ๋นฝูหลิงอย่างจริงจังมีบางคนถึงกับเรียกอวิ๋นฝูหลิงว่าท่านอาจารย์ ขอบคุณที่ครั้งนี้นางช่วยรักษาอาการโรคที่เกิดจากขี้ผึ้งทองในจินโจว ทั้งยังถ่ายทอดคำสอนและไขข้อสงสัยอวิ๋นฝูหลิงก็มิได้อวดภูมิ รับคำคนเหล่านั้นอย่างนอบน้อมประการแรก ช่วงที่นางรักษาคนไข้ที่ป่วยเพราะขี้ผึ้งทองในจินโจว ก็ได้สอนวิธีการรักษาของตัวเองให้เหล่าหมอท่า

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 625

    ท่านหมอในสำนักผิงอันต่างมองไปที่ตำราแพทย์ในมือหางซานสุ่ยด้วยดวงตาเป็นประกายนั่นเป็นถึงตำราแพทย์ที่บันทึกศาสตร์ฝังเข็มและเทียบยาสำหรับการรักษาผู้ป่วยเสพติดขี้ผึ้งทองเชียวนะโดยเฉพาะเมื่ออวิ๋นฝูหลิงเป็นผู้เขียนตำราเล่มนี้ด้วยตัวเองในช่วงเวลาที่ได้ทำงานร่วมกันมานี้ ท่านหมอในเมืองจินโจวถือว่าได้เปิดหูเปิดตารับรู้ถึงฝีมือการแพทย์อันสูงส่งของอวิ๋นฝูหลิงแล้วยามหารือเรื่องการรักษาผู้ป่วยติดขี้ผึ้งทอง นางก็มักจะหาแนวทางสำหรับการรักษาที่เหมาะสมที่สุดออกมาเสมอทักษะฝังเข็มล้ำเลิศ เทียบยาก็ล้ำลึกพิสดาร แม้จะเป็นท่านหมออาวุโสที่สั่งสมประสบการณ์มานานก็ยังมีบ้างที่ด้อยกว่าโดยเฉพาะเมื่ออวิ๋นฝูหลิงเป็นหมอหญิงอ่อนวัยที่อายุเพิ่งยี่สิบปีมีท่านหมอในเมืองจินโจวบางคนที่รู้สึกว่า การที่อวิ๋นฝูหลิงมีชื่อเสียงเลื่องลือนั้นทั้งหมดล้วนเป็นเพราะรัศมีอันมีติดตัวมาแต่กำเนิดด้วยนางถือกำเนิดในสกุลอวิ๋นเท่านั้น นางถึงได้มีชื่อเสียงและได้รับความเคารพอยู่บ้างในแวดวงแพทย์เช่นนี้ทว่าใครจะไปรู้ว่าอวิ๋นฝูหลิงกลับใช้ฝีมือการแพทย์ของตัวเองมาตบหน้า สอนเป็นบทเรียนให้พวกเขาอย่างดีหลังได้รู้ซึ้งถึงฝีมือการแพทย์ของ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 624

    ขุนนางที่ถูกส่งมาใหม่เหล่านี้ ต่างทยอยเดินทางมาถึงจินโจวกันแล้วในช่วงไม่กี่วันมานี้ก่อนที่พวกเขาจะเดินทางมาถึง งานบริหารราชการและบริหารกองทัพของจินโจวล้วนมีเซียวจิ่งอี้รับผิดชอบชั่วคราวบัดนี้ขุนนางชุดใหม่มาถึงแล้ว แน่นอนว่าเซียวจิ่งอี้ย่อมเริ่มมอบหมายงานแก่พวกเขา คืนอำนาจบริหารราชการและกองทัพของจินโจวให้ขุนนางที่เหมาะสมจากความหมั่นเพียรและการจัดระเบียบของเซียวจิ่งอี้ งานบริหารราชการในเมืองจินโจวจึงได้รับการจัดระเบียบเป็นที่เรียบร้อยนานแล้ว ขอแค่เหล่าขุนนางที่มารับหน้าที่นี้ต่อไปมัวแต่กินดื่ม ไม่ทำการงาน ก็สามารถบริหารปกครองเมืองจินโจวได้ และฟื้นฟูให้จินโจวรุ่งเรืองขึ้นมาใหม่อีกครั้งได้สิ่งเดียวที่ทำให้เซียวจิ่งอี้ไม่สบอารมณ์และปวดหัวก็คือ จวบจนบัดนี้ยังไม่อาจจับกุมตัวราชครูเผ่าเยว่ผู้นั้นได้ไม่ว่าจะค้นหาไปทั่วเมือง หรือใช้เวินเจาเป็นเหยื่อล่อ ล้วนไม่เห็นแม้แต่ร่องรอยของราชครูเผ่าเยว่ผู้นั้นอีกทั้งประตูเมืองจินโจวก็ไม่อาจปิด ไม่อนุญาตให้ชาวบ้านเข้าออกได้เป็นเวลานานได้แม้ว่าประชาชนจะไม่กล้ามีปากเสียง แต่การชดเชยเรื่องอาหารการกินในชีวิตประจำวันก็นับว่าเป็นปัญหานอกจากนี้ประ

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status