แชร์

บทที่ 556

ผู้เขียน: หลันซานอวี่
นางคว้าฟางอวี่ไว้ ยกมือดึงน้ำเต้าหยกที่ห้อยอยู่บนคอของเขาลงมา

นางดูน้ำเต้าหยกชิ้นนั้นอย่างละเอียด

นี่เป็นของเซียวจิ่งอี้

ก่อนเซียวจิ่งอี้ออกจากเมืองหลวง อวิ๋นฝูหลิงห้อยน้ำเต้าหยกชิ้นนั้นบนคอเขากับมือตัวเอง

อวิ๋นฝูหลิงสั่งทำน้ำเต้าหยกชิ้นนี้โดยเฉพาะ นางจำไม่ผิดแน่นอน!

นางบิดเบาๆ ด้านบนของน้ำเต้าหยกก็หลุดออก เคยให้เห็นภายในที่ว่างเปล่า

หยดน้ำแห่งจิตวิญญาณในน้ำเต้าหยกหมดแล้ว หลงเหลือเพียงเศษเสี้ยวของพลังวิญญาณ

อวิ๋นฝูหลิงมีความอ่อนไหวต่อพลังวิญญาณในมิติมาก ด้วยเหตุนี้แค่ดมก็รู้แล้ว

เมื่ออวิ๋นฝูหลิงเห็นดังนี้ ก็ยิ่งมั่นใจแล้วว่านี่เป็นน้ำเต้าหยกที่นางมอบให้เซียวจิ่งอี้

น้ำเต้าหยกสามารถทำเลียนแบบ แต่หยดน้ำแห่งจิตวิญญาณในน้ำเต้าหยก มีความพิเศษเฉพาะตัว

ฟางอวี่เห็นอวิ๋นฝูหลิงเอาน้ำเต้าหยกไป สีหน้าเปลี่ยนฉับพลัน

“คืนให้ข้า…”

อวิ๋นฝูหลิงกำน้ำเต้าหยกไว้ สีหน้าตึงเครียด “เจ้าไปได้น้ำเต้าหยกนี้มาจากไหน?”

“นี่เป็นของของข้า!” ฟางอวี่ปากแข็ง พลางกล่าว พลางแย่งน้ำเต้าหยกกลับมาจากมืออวิ๋นฝูหลิง

สีหน้าอวิ๋นฝูหลิงเคร่งขรึมทันที “เทียนเฉวียน พาเขาลงไป!”

เมื่อเห็นอวิ๋นฝูหลิงเปลี่ยนท่าทีกะท
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 557

    เมื่อคิดถึงตรงนี้ จ้าวเสวียซือก็รีบเข้าไปในห้องเช่นกันเทียนเฉวียนสั่งองครักษ์ที่อยู่หน้าประตู “เฝ้าให้ดี ห้ามใครเข้าออก โดยเฉพาะคนของสกุลเวิน!”แม้ชั้นนี้ล้วนเป็นคนของพวกเขา แต่เทียนเฉวียนยังคงระวังตัวมากคนของสกุลเวินเป็นพันธมิตรก็จริง แต่ท้ายที่สุดก็แค่ร่วมมือกันชั่วคราวเพื่อผลประโยชน์ จะไว้ใจเลยไม่ได้ดังนั้นจุดที่ควรระวัง เทียนเฉวียนจะไม่ละเลยเด็ดขาดภายในห้อง อวิ๋นฝูหลิงถือน้ำเต้าหยกชิ้นนั้นไว้ ถ้าเฟิงอวี่อีกครั้ง “เจ้าไปได้น้ำเต้าหยกนี้มาจากไหน?”ฟางอวี่อ้ำอึ้ง เวลานี้เขาจึงจะตระหนัก เกรงว่าน้ำเต้าหยกชิ้นนี้ไม่ใช่ของทั่วไปสีหน้าอวิ๋นฝูหลิงเย็นชา น้ำเสียงดุดันขึ้นเรื่อยๆ“ของสิ่งนี้ไม่มีทางเป็นของเจ้า!”“ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง!”“ตกลงเจ้าไปได้น้ำเต้าหยกนี่มาจากไหน?”เมื่อเห็นฟางอวี่ยังไม่ยอมพูด อวิ๋นฝูหลิงร้อนใจจนหมดความอดทนเช่นกันก่อนหน้านี้นางรู้สึกว่าเซียวจิ่งอี้มีหยดน้ำแห่งจิตวิญญาณที่นางให้อยู่ในมือ  ก็มีไพ่ตายที่สามารถรักษาชีวิตหนึ่งใบต่อให้เขาประสบอุบัติเหตุ ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย แต่มีหยดน้ำแห่งจิตวิญญาณอยู่ ชีวิตของเขาจะปลอดภัยต้องสามารถยืนหยัดจ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 558

    ข้างบนของน้ำเต้าหยกเป็นใบน้ำเต้า กลไกที่ใช้เปิดน้ำเต้าหยกติดตั้งอยู่ตรงใบน้ำเต้าใบน้ำเต้ากับน้ำเต้าเชื่อมต่อกันเป็นหนึ่ง คนทั่วไปจะคิดไม่ถึงว่าบนใบน้ำเต้ามีกลไกกลไกบนน้ำเต้าหยกสร้างโดยใช้แบบเกลียวหมุนทวนซ้ายของยุคปัจจุบันการเปิดปิดแบบหมุนเช่นนี้เห็นได้ทั่วไปในยุคปัจจุบัน แต่ในยุคที่เข้ารูปสิ่งของด้วยเดือย คนที่รู้วิธีเปิดกลไกเกลียวหมุนทวนซ้ายของน้ำเต้าหยก นอกจากนางกับเซียวจิ่งอี้ เกรงว่าแทบจะไม่มีใครอีกแล้วอวิ๋นฝูหลิงคาดเดาว่าหยดน้ำแห่งจิตวิญญาณในน้ำเต้า อาจจะถูกเซียวจิ่งอี้ใช้ไปแล้วก่อนที่ฟางอวี่จะเก็บได้คิดถึงตรงนี้ ขณะเดียวกับที่อวิ๋นฝูหลิงแอบโล่งอก ก็ยิ่งรู้สึกกังวลแล้ว ก่อนหน้านี้นางกังวลว่าหยดน้ำแห่งจิตวิญญาณในน้ำเต้าหยกจะถูกคนอื่นใช้หยดน้ำแห่งจิตวิญญาณไม่ใช่ของธรรมดา ถ้าหากมีคนรู้เรื่องนี้ เป็นไปได้ว่าจะเริ่มสืบจากน้ำเต้าหยกความลับที่นางมีมิติ จะให้คนอื่นรู้ไม่ได้เด็ดขาดต่อให้เป็นเซียวจิ่งอี้ อวิ๋นฝูหลิงก็ไม่เคยคิดจะสารภาพกับเขาเมื่อความลับถูกพูดออกไป ก็ไม่ใช่ความลับอีกแล้วและธรรมชาติของมนุษย์ไม่อาจทนต่อการทดสอบอวิ๋นฝูหลิงไม่อยากเปิดเผยความลับ นางเลี่ยงหั

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 559

    นึกถึงฉากกระแสน้ำวนในทะเล ฟางอวี่ยังคงรู้สึกหวาดกลัวถ้าไม่ใช่เพราะเจอพวกอวิ๋นฝูหลิง ถ้าไม่ใช่เพราะพวกอวิ๋นฝูหลิงช่วยเขาขึ้นมาจากทะเล เกรงว่าตอนนี้เขาคงตายอยู่ในทะเลเหมือนเพื่อนที่หนีออกมาด้วยกันแล้วเมื่อจ้าวเสวียซือฟังมาถึงตรงนี้ อดไม่ได้ที่จะดึงแขนเสื้อของอวิ๋นฝูหลิง กล่าวเสียงเบา “ท่านอ๋องกับผู้บัญชาการจั่วน่าจะอยู่บนเกาะหมัวกุ่ย”“พวกเราต้องไปเกาะหมัวกุ่ย!”อวิ๋นฝูหลิงก็คิดเช่นนี้แต่ก่อนหน้านั้น ยังมีบางเรื่องที่อวิ๋นฝูหลิงต้องยืนยันนางพยักหน้าให้จ้าวเสวียซือ เพื่อบอกให้เขาใจเย็นๆหลังจากนั้นแสร้งหยิบกระดาษวาดรูปออกจากแขนเสื้อสองสามม้วน แต่ที่จริงนำออกมาจากในมิตินางกางกระดาษวาดรูปออก เผยให้เห็นใบหน้าของเซียวจิ่งอี้นี่เป็นภาพที่อวิ๋นฝูหลิงวาดตอนมีเวลาว่างนอกจากเซียวจิ่งอี้ ยังมีจั่วเยี่ยนด้วยเพื่อระบุตัวตนได้ง่ายขึ้นตอนตามหาคนและตอนนี้ก็ได้ใช้งานพอดีอวิ๋นฝูหลิงวางภาพเหมือนของเซียวจิ่งอี้ลงตรงหน้าฟางอวี่ก่อน “เจ้าเคยเจอคนคนนี้ที่เกาะหมัวกุ่ยหรือไม่?”ฟางอวี่ดูภาพเหมือนอย่างละเอียด นึกครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็พยักหน้าแล้วกล่าว “เคยเจอ”“เขาเป็นแรงงานที่เพิ่งถูกส่งขึ้นเ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 560

    “ข้ารู้ ข้ารู้ว่าจะไปอย่างไร!”เทียนเฉวียนเห็นดังนี้ จึงจะปล่อยมือฟางอวี่เจ็บจนน้ำตาเล็ดแล้ว เขาพลางนวดไหล่ที่เจ็บ พลางขดตัวเข้าไปซ่อนที่มุมทำให้ดูน่าสงสาร อ่อนแอ และทำอะไรไม่ได้อวิ๋นฝูหลิงมองเขาแวบหนึ่ง “ข้าขอเตือนเจ้า อย่ามาเล่นตุกติกกับข้า!”“ถ้าหากเจ้าทำให้ข้าหงุดหงิด ข้ามีเป็นร้อยวิธีที่สามารถทำให้เจ้าทรมานยิ่งกว่าตาย”“คนโบราณว่าไว้ บุญคุณต้องตอบแทน ข้าช่วยเจ้าขึ้นมาจากทะเล นี่ก็คือบุญคุณช่วยชีวิต เจ้าควรจะตอบแทนหน่อยกระมัง?”ฟางอวี่พยักหน้ารัวๆ กล่าวอย่างมีชั้นเชิง “ข้าจะกล้าเล่นตุกติกกับท่านได้อย่างไร? ต่อไปผู้มีพระคุณให้ข้าทำอะไร ข้าก็จะทำอะไร!”บนใบหน้าอวิ๋นฝูหลิงเผยให้เห็นรอยยิ้มที่พึงพอใจ“ดีมาก พาพวกเราไปเกาะหมัวกุ่ย ขอแค่เจ้าสามารถช่วยพวกเราตามหาคนในภาพเหมือนเจอ ไม่เพียงบุญคุณที่ช่วยเจ้าก่อนหน้านี้หายกัน อีกทั้งข้ายังจะส่งเจ้ากลับต้าฉีด้วย แล้วให้เงินเจ้าหนึ่งก้อน เพียงพอที่จะให้เจ้าอยู่อย่างสุขสบายไปทั้งชีวิต”“ข้าเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น ไม่ผิดคำพูดเด็ดขาด!”แม้ฟางอวี่รู้สึกกลัว แต่คำสัญญาของอวิ๋นฝูหลิงทำให้เขาหวั่นไหวแล้วเขาพยักหน้าทันที “ข้าฟังผู้มีพระคุณท

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 561

    อวิ๋นฝูหลิงพยักหน้าให้เกาเทียนหย่วนเล็กน้อย และกล่าวว่า “หัวหน้าเกา พวกเราจะเปลี่ยนเส้นทางไปเกาะหมัวกุ่ย”“ความสามารถในการแยกแยะทิศทางในทะเล บนเรือนี้ไม่มีผู้ใดมีความสามารถเท่าท่านดังนั้นถึงได้เรียกท่านมาที่นี่ ท่านช่วยรับฟังคำขอนี้ด้วย”“พวกท่านจะไปที่เกาะหมัวกุ่ยหรือ!” สีหน้าเกาเทียนหย่วนเปลี่ยนไปทันที และเผยความลังเลออกมาอวิ๋นฝูหลิงเห็นเช่นนั้น ก็ถามว่า “ท่านรู้จักเกาะหมัวกุ่ยหรือ?”เกาเทียนหย่วนพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะบอกทุกสิ่งที่ตัวเองรู้ออกไป“เกาะหมัวกุ่ยเป็นสถานที่ต้องห้ามในทะเล แต่ไหนแต่ไรก็ไม่มีใครที่ทำการค้าทางทะเลกล้าเข้าใกล้ที่นั่น”“ได้ยินว่าบนเกาะหมัวกุ่ยไม่เพียงแต่มีกลุ่มโจรสลัดโฉดชั่ว แถวนั้นยังมีกระแสน้ำเชี่ยวกรากและปลากินคน อันตรายเป็นอย่างยิ่ง”“ไม่มีผู้ใดกล้าไปที่นั่น ข้าก็ไม่เคยไปเช่นกัน”“ดังนั้นข้าจึงรู้เพียงทิศทางคร่าว ๆ ว่าเกาะหมัวกุ่ยตั้งอยู่ที่ใด เพราะทุกครั้งที่ออกเรือก็มักจะหลีกเลี่ยงทิศทางนั้นเสมอ”เกาเทียนหย่วนพูดมาถึงตอนนี้ ก็มองไปทางอวิ๋นฝูหลิง และกล่าวยืนยัน “คุณชายหาง ท่านแน่ใจหรือว่าจะไปที่เกาะหมัวกุ่ยจริงๆ?”อวิ๋นฝูหลิงพยักหน้า “ข้ามีเหต

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 562

    ขนส่งสินค้าผิดกฎหมายแน่นอน!หลังจากเซียวจิ่งอี้กับจั่วเยี่ยนหารือกัน ก็ตัดสินใจอยู่บนเรือต่อ เพื่อฉวยโอกาสตรวจสอบภูมิหลังของคนญี่ปุ่นคนนั้นเดิมทีทั้งสองคนยังกังวลว่าจะถูกคนจับได้ระหว่างทางคาดไม่ถึงว่าเมื่อออกเรือ กลับพบว่าชาวบ้านแรงงานเหล่านั้นที่ขนของกับพวกเขาก็ต่างขึ้นเรือมาด้วยเช่นกันเขาสอบถาม จึงได้ทราบว่าคนงานบนเรือไม่พอ ดังนั้นชาวบ้านแรงงานเหล่านั้นจึงได้ขึ้นมาช่วยงานบนเรือ หลังเสร็จงานก็จะได้เงินตอบแทนเป็นจำนวนมากในยามนั้นเซียวจิ่งอี้ยังไม่ทันสังเกตว่ามีสิ่งใดผิดปกติ กลับยังโล่งใจที่พวกเขาสามารถอยู่บนเรือต่อได้อย่างเปิดเผย จึงลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกเจอตัวหรือต้องคอยหลบซ่อนคาดไม่ถึงว่าหลังจากเดินทางมาห้าวัน พวกเขากลับถูกส่งมายังเกาะหมัวกุ่ย และได้เริ่มถูกใช้แรงงานอย่างหนักเซียวจิ่งอี้จึงเพิ่งตระหนักได้ว่า ชาวบ้านแรงงานเหล่านั้นทั้งหมดล้วนถูกหลอกขึ้นเรือ เพื่อเอาพวกเขาส่งมาเป็นแรงงานบนเกาะหมัวกุ่ยค่าตอบแทนสูงลิ่วที่สัญญาไว้ก่อนหน้านี้ ล้วนเป็นเพียงคำพูดหลอกลวงของพวกเขาคนงานบนเกาะหมัวกุ่ย แทบจะทั้งหมดล้วนถูกลักพาตัวหรือถูกหลอก เพื่อส่งมาที่นี่

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 563

    “เจ้ากล้าขวางข้า คิดจะก่อกบฏหรือ?”ดวงตาคนคุมงาน จ้องมองมาที่เซียวจิ่งอี้อย่างโกรธเกรี้ยวเซียวจิ่งอี้ได้ยินคำว่า ‘กบฏ’ สองพยางค์นี้ แววตาก็เย็นชาขึ้นมาโดยพลันคิดว่าเป็นใครกัน เขาถึงได้กล้าพูดสองพยางค์นี้ออกมา!คนคุมงานเห็นเซียวจิ่งอี้ไม่ขยับ อารมณ์ที่แสดงออกบนใบหน้าก็โหดเหี้ยมมากขึ้นเขาคิดจะดึงมือออก และฟาดแส้ใส่เซียวจิ่งอี้สักสองครั้ง คาดไม่ถึงว่ามือของเซียวจิ่งอี้ราวกับคีมเหล็ก ไม่ว่าเขาจะดิ้นรนอย่างไร ก็ไม่อาจหลุดออกมาได้คนคุมงานตื่นตระหนกขึ้นมาโดยพลัน และรู้สึกหวาดกลัวอย่างยากจะอธิบายแต่ภายใต้สายตาของทุกคน เขาจะแสดงความหวาดกลัวได้อย่างไร แม้จิตใจจะขี้ขลาดแต่ก็พูดออกมาอย่างดุร้ายว่า “ข้าขอเตือนเจ้า ปล่อยข้าเสีย ไม่อย่างนั้นข้า...”เขายังพูดไม่ทันจบ เซียวจิ่งอี้ก็ปล่อยมืออย่างกะทันหันคนคุมงานไม่ทันได้ตั้งตัว จึงเซไปข้างหลังเพราะแรงเฉื่อยทันทีเดิมทีเขาคิดว่าจะล้มหัวทิ่ม คาดไม่ถึงว่าล้มไปได้ครึ่งทาง ก็ถูกมือใหญ่ข้างหนึ่งคว้าคอเสื้อไว้อย่างกะทันหัน และออกแรงดึงเขาขึ้นมาคนคุมงานเงยหน้ามอง ก็พบว่าคนที่ดึงเขาไว้คือเซียวจิ่งอี้เซียวจิ่งอี้เลิกคิ้วยิ้มให้เขา “นายท่าน ท่า

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 564

    ชายชราผู้นั้นกล่าวขอบคุณเซียวจิ่งอี้วันนี้หากไม่ใช่เพราะเซียวจิ่งอี้ขวางไว้ เกรงว่าชายชราผู้นั้นคงถูกตีจนตายไปแล้วหลังจากพูดคุยกันไม่กี่ประโยค เซียวจิ่งอี้จึงเพิ่งรู้ว่าชายชราผู้นี้ชื่อว่าโจวไห่เซิง ซึ่งเดิมทีเป็นชาวประมงแม้จะเรียกว่าชายชรา ทว่าความจริงปีนี้เขายังอายุไม่ถึงสี่สิบปีเสียด้วยซ้ำเพียงแต่เพราะเผชิญลมแดดบนทะเล กอปรกับหลังมาถึงเกาะหมัวกุ่ยก็ทำงานอย่างหนักตลอดทั้งปี ทั้งยังถูกคนทุบตีด่าทอเสมอ จึงทำให้ดูแก่กว่าวัยมากขึ้นเรื่อย ๆหลังจากเซียวจิ่งอี้ได้ยินเรื่องที่ชายชราต้องเผชิญ ในใจก็รู้สึกไม่สบอารมณ์คนเหล่านี้เดิมทีล้วนเป็นประชาชนของแคว้นต้าฉี ซึ่งอยู่ในแผ่นดินต้าฉีอย่างสงบสุขและมีความสุขทว่ากลับถูกคนลักพาตัวหรือหลอกมาที่เกาะแห่งนี้ ไม่เพียงแต่ต้องทำงานหนักโดยไม่ได้ค่าตอบแทน อีกทั้งยังกินอาหารไม่อิ่มท้อง และถูกทุบตีด่าทอเสมอเกาะที่ปลูกดอกอิงซู่แห่งนี้ เกรงว่าเป็นเพียงห่วงโซ่หนึ่งที่เชื่อมโยงกับผลประโยชน์ของขี้ผึ้งทองเท่านั้นเซียวจิ่งอี้แอบกัดฟัน เขาตั้งมั่นว่าจะต้องถอนรากถอนโคนกองกำลังทั้งหมดที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้หลังจากนั้นจะต้องช่วยประชาชนทุกคนออกไปจา

บทล่าสุด

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 632

    อย่าว่าแต่คนเลย แม้แต่แมลงวันสักตัวก็อย่าคิดว่าจะได้ออกไปจากจุดพักแรมของทางการนี้ยามนี้คนผู้นั้นซึ่งคิดจะหลบหนีออกจากจุดพักแรมถูกจับตัวอยู่ และถูกทหารลาดตระเวนโยนมาไว้ตรงหน้าเซียวจิ่งอี้แล้ว เหล่าทหารองครักษ์ที่คอยเฝ้าอยู่ข้างเวินเจา จำคนผู้นั้นได้ทันทีว่าเป็นสตรีผู้นั้นซึ่งมาส่งอาหารก่อนหน้านี้เมื่อเอาเรื่องราวมารวมเข้าด้วยกัน ก็รู้ได้ว่านางจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางยาพิษเวินเจาเป็นแน่เซียวจิ่งอี้ลูบแหวนหยกบนมือ สายตามองไปที่นางอย่างเย็นชา“เหตุใดเจ้าต้องวางยาพิษด้วย?”“ในจุดพักแรมยังมีผู้สมรู้ร่วมคิดของเจ้าอีกหรือไม่?”สตรีผู้นั้นเพียงแค่ส่งเสียงหัวเราะ โดยไม่ได้ตอบคำถามเซียวจิ่งอี้เห็นเช่นนั้นก็มิได้โกรธ และออกคำสั่งว่า “ไปพาตัวทุกคนในจุดพักแรมแห่งนี้มา ตรวจสอบพื้นเพของสตรีผู้นี้ให้ละเอียด จับตัวทั้งครอบครัวของนางมาให้หมด!”มีผู้ใต้บังคับบัญชาทำตามคำสั่งทันทีเซียวจิ่งอี้สังเกตการแสดงออกของสตรีผู้นั้น ทว่ากลับเห็นว่าการแสดงออกของนางไม่เปลี่ยนไปเลยตั้งแต่ต้นจนจบ แม้แต่ยามที่ได้ยินเซียวจิ่งอี้บอกว่าจะจับทั้งครอบครัวของนางมา ก็ยังไม่แม้แต่จะขยับคิ้วแววตาของเซียวจิ่งอ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 631

    รอบด้านรถคุมตัวนักโทษมีทหารองครักษ์เฝ้าอยู่สิบกว่าคน ทหารองครักษ์เรียกได้ว่าเข้มงวดมากทันทีที่มีคนเข้ามาใกล้ พวกทหารองครักษ์ก็ตะโกนออกไปอย่างระแวดระวัง “ใคร?”หญิงที่มาส่งอาหารราวกับถูกเสียงตะโกนทำให้ตกใจ และพูดอย่างสั่นเทาทันที “ใต้...ใต้เท้า ข้าน้อยเป็น...เป็นคนที่มาส่งอาหารเจ้าค่ะ...”เหล่าทหารองครักษ์มองบะหมี่บนถาดในมือนาง สีหน้าจึงเพิ่งอ่อนลงหลายส่วนหนึ่งในนั้นโบกมือ “เข้ามา”หญิงส่งอาหารผู้นั้นจึงเพิ่งก้าวไปด้านหน้า ถือบะหมี่ไปยังรถคุมตัวนักโทษคาดไม่ถึงว่าเพิ่งเดินไปไม่กี่ก้าว ยังมิทันได้ไปตรงหน้ารถคุมตัวนักโทษ ก็ถูกคนขวางทางไว้ทหารองครักษ์ผู้หนึ่งถือเข็มเงินไว้ในมือ แสดงท่าทีว่าจะทดสอบพิษในบะหมี่เมื่อหญิงผู้นั้นเห็นเช่นนี้ แววตาก็เกิดประกายวาบผ่านเล็กน้อยผ่านไปครู่หนึ่ง นางก็ลดสายตาลงอย่างรวดเร็ว และปกปิดการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ไว้ทหารองครักษ์ใช้เข็มเงินทดสอบในบะหมี่ เมื่อเห็นว่าเข็มเงินไม่ได้เปลี่ยนสี จึงเพิ่งพยักหน้าให้คนด้านข้างเล็กน้อยคนผู้นั้นก้าวมาด้านหน้ารับบะหมี่ไปทันที และกล่าวกับหญิงผู้นั้นว่า “เจ้าไปได้แล้ว”หญิงผู้นั้นสะดุ้งก่อนโค้งคำนับอย่างนอบน้อม

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 630

    เซียวจิ่งอี้นั่งอยู่บนรถม้า สายตามองทะลุผ่านหน้าต่างรถม้า เห็นพวกลุงหลี่ในฝูงชนเมื่อเห็นพวกเขาน้ำตาคลอเบ้า คุกเข่าขอบคุณด้วยสีหน้าซาบซึ้ง ก็นึกถึงก่อนหน้านี้ที่เทียนเฉวียนรายงานว่าพลเรือนจากเกาะหมัวกุ่ยเหล่านั้นได้รับการจัดหาที่อยู่อย่างเหมาะสมแล้ว ดูท่าผู้ใต้บังคับบัญชาจะทำหน้าที่ได้ไม่เลวทีเดียวมุมปากของเซียวจิ่งอี้โค้งเล็กน้อย ในอกรู้สึกอุ่น ๆ ความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้กำลังพรั่งพรูขึ้นมาขบวนรถม้าเดินทางมาหนึ่งวันแล้ว และแวะค้างแรมในจุดพักแรมของทางการหลังจากเซียวจิ่งอี้ลงมาจากรถม้า ก็มองไปทางรถคุมตัวนักโทษคันหนึ่งในกลุ่มเป็นพิเศษคนที่นั่งอยู่ในรถคุมตัวนักโทษมิใช่ใครอื่น แต่เป็นเวินเจานั่นเองสาเหตุที่เซียวจิ่งอี้จัดขบวนใหญ่โต ก็เพื่อดึงดูดสายตาของท่านจอมปราชญ์เหวินและพวกคนแคว้นเยว่ ให้มาช่วยเหลือเวินเจาระหว่างการเดินทางครั้งนี้ เป็นโอกาสสุดท้ายของพวกเขาแล้วหากพวกเขายังไม่ลงมือ รอจนให้เวินเจาถูกคุมตัวกลับเมืองหลวง ย่อมมีโอกาสสูงที่จะถูกลงโทษประหารชีวิตหลังจากเข้าเมืองหลวงแล้ว หากพวกท่านจอมปราชญ์เหวินคิดจะเข้าไปช่วยคนในคุกหลวง นั่นก็นับว่าเพ้อฝันแล้วส่วนการบุกไปชิงตัว

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 629

    ยามที่กลุ่มของเซียวจิ่งอี้ออกจากจินโจว กองทหารเกียรติยศของอี้อ๋องคุ้มกันโดยตรง จึงมีความยิ่งใหญ่เกรียงไกรมากเทียบกับก่อนหน้านี้ที่ออกจากเจียงโจว พาอวิ๋นฝูหลิงกับลูกชายกลับเมืองหลวงโดยไม่ให้เป็นจุดสนใจนับว่าต่างกันโดยสิ้นเชิงระหว่างทางมีขุนนางและประชาชนมารอส่งไม่กี่วันที่ผ่านมา เซียวจิ่งอี้ได้จัดระเบียบเหล่าขุนนางในจินโจว ลงโทษข้าราชการทุจริต คืนความยุติธรรมให้ประชาชนอวิ๋นฝูหลิงใช้วิชาแพทย์ช่วยเหลือผู้คน เมื่อเจอผู้ป่วยที่ครอบครัวยากจน ก็ยังยกเว้นค่ารักษาของพวกเขาด้วยสิ่งนี้ย่อมทำให้เกิดน้ำหนักในใจของประชาชนเซียวจิ่งอี้กับอวิ๋นฝูหลิงมีจิตใจเมตตา ประชาชนย่อมจดจำความดีของพวกเขาไว้ในใจท่ามกลางฝูงชนที่คับคั่ง ชายร่างสูงผอมผิวคล้ำผู้หนึ่งยืดคอยาว มองไปทางรถม้าของเซียวจิ่งอี้ด้านข้างของเขามีเด็กหนุ่มยืนเขย่งปลายเท้า พลางดึงแขนเสื้อถามเขาว่า “ลุงหลี่ ท่านเห็นท่านอ๋องกับพระชายาหรือไม่?”ชายร่างสูงผอมผิวคล้ำกับเด็กหนุ่ม ก็คือลุงหลี่กับฟางอวี่ที่เซียวจิ่งอี้และอวิ๋นฝูหลิงช่วยออกมาจากเกาะหมัวกุ่ยก่อนหน้านี้หากเซียวจิ่งอี้อยู่ที่นี่ด้วยในยามนี้ จะต้องจำได้เป็นแน่ว่านอกจากลุงหลี่กั

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 628

    จนกระทั่งสถานการณ์ทุกอย่างสิ้นสุดแล้ว หัวใจที่ตื่นตระหนกอยู่นานของเขาจึงสงบลงขณะนั้นเองจู่ ๆ ก็ได้ยินว่าอวิ๋นฝูหลิงจะถอนพิษให้ตามที่รับปากเขาไว้ เมื่อหวนนึกถึงทุกสิ่งก่อนหน้านี้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกราวกับอยู่คนละโลกหลังจากเขาตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก็เพิ่งก้าวไปข้างหน้าอวิ๋นฝูหลิงหยิบหมอนหนุนจับชีพจรออกมาจากกล่องยา และส่งสัญญาณให้เวินจือเหิงวางมือลงไปหลังตรวจชีพจรของเวินจือเหิงแล้ว อวิ๋นฝูหลิงก็ดึงมือกลับมา และกล่าวว่า “พิษในร่างถูกถอนออกกว่าครึ่งแล้ว พูดตามหลักร่างกายของเจ้าควรจะฟื้นตัวได้ประมาณเจ็ดถึงแปดส่วนแล้ว”“แต่ช่วงนี้จิตใจเจ้ากระสับกระส่าย และวิตกกังวลมากเกินไป ทั้งยังได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายที่ไม่ค่อยดีอยู่แล้วยิ่งย่ำแย่ลงไปอีก”“โชคดีที่ตอนยังเด็กเจ้าได้รับการเลี้ยงดูไม่เลว พื้นฐานร่างกายจึงแข็งแรง ตอนนี้จึงมีต้นทุนให้ใช้จ่ายได้”“ยิ่งไปกว่านั้นเจ้ายังโชคดี ได้พบหมอเทวดาคนหนึ่งเช่นข้า!”เวินจือเหิงได้ยิน สีหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มขมขื่นสายหนึ่งสกุลเวินเผชิญวิกฤตครั้งใหญ่อย่างกะทันหัน เขาในฐานะผู้นำสกุลย่อมต้องค้ำจุนทั้งสกุลไว้ช่วงนี้ เขากินไม่อิ่มนอนไม่หลับ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 627

    อวิ๋นฝูหลิงเหลือบมองเวินจือเหิง เห็นว่าแม้เขาจะร่างกายอ่อนแอ แต่กลับมีแรงใจไม่เลว ในใจจึงอดไม่ได้ที่จะมองเขาดีขึ้นสกุลเวินมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีขี้ผึ้งทองและการลักลอบค้าของผิดกฎหมาย กอปรกับเวินเจาจากบ้านรองสกุลเวินยังถูกตรวจสอบพบว่าเป็นเชื้อสายของราชวงศ์แคว้นเยว่ ยิ่งไปกว่านั้นทุกร่องรอยยังแสดงให้เห็นถึงความมักใหญ่ใฝ่สูงของแคว้นเยว่ ซึ่งตั้งใจโค่นล้มราชสำนัก ถือเป็นกบฏอย่างแท้จริงหากคนของบ้านรองเข้าไปพัวพันกับคดีใหญ่เช่นนี้ เกรงว่าทั้งสกุลย่อมถูกทำลายลงตรงหน้าสกุลเวินยังสามารถยืนหยัดอยู่ในจินโจวได้ ต้องขอบคุณเวินจือเหิงซึ่งเป็นผู้นำตระกูลจริง ๆหากมิใช่เพราะเขามีไหวพริบมองการณ์ไกล ชิงยอมจำนนต่อเซียวจิ่งอี้เร็วกว่าก้าวหนึ่ง และเป็นฝ่ายลงทัณฑ์ญาติเพื่อผดุงธรรม นำหลักฐานที่เกี่ยวข้องซึ่งตัวเองตรวจสอบพบไปส่งมอบ ช่วยเป็นแรงสนับสนุนให้เซียวจิ่งอี้ เกรงว่าทุกคนในสกุลเวินคงจะติดคุกกันหมดแล้วหลังจากนั้น เวินจือเหิงก็เป็นฝ่ายขอรับโทษ บริจาคทรัพย์สมบัติเก้าส่วนของสกุลเวินให้ราชสำนักตระกูลที่มั่งคั่งเช่นสกุลเวิน ทรัพย์สมบัติที่สั่งสมมาหลายร้อยปีย่อมไม่อาจประเมินต่ำเกินไปได้ทรัพย์สมบัติ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 626

    อาศัยแค่เทียบยานั้นใบเดียว ด้วยการรักษาโรคชนิดหนึ่งได้อย่างแม่นยำ ก็เพียงพอที่จะตั้งตัวได้ ถึงขั้นมีชื่อเสียงโด่งดังทว่ายามนี้อวิ๋นฝูหลิงกลับหยิบตำราแพทย์เล่มหนึ่งออกมาให้ทุกคนเวียนกันอ่านและคัดลอกอย่างใจกว้างช่างมีจิตใจกว้างขวางเสียนี่กระไร!ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนต่างตกตะลึงจนพูดไม่ออกโดยเฉพาะหมอผู้ดูหมิ่นอวิ๋นฝูหลิงในคราแรก ยามนี้สัมผัสได้เพียงความร้อนผ่านที่แก้ม รู้สึกอับอายเป็นอย่างยิ่งผ่านไปครู่หนึ่ง จึงเพิ่งมีคนตั้งสติได้ โค้งคำนับอวิ๋นฝูหลิงด้วยความเคารพ พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงซาบซึ้ง “การกระทำของแม่นางอวิ๋น เป็นแบบอย่างให้พวกข้าแล้วจริง ๆ พวกข้ายังเทียบแม่นางอวิ๋นไม่ติดเลย!”เมื่อมีคนเริ่มกล่าว คนอื่นก็เริ่มตอบสนองออกมาเช่นกัน พากันโค้งคำนับกล่าวขอบคุณอวิ๋นฝูหลิงอย่างจริงจังมีบางคนถึงกับเรียกอวิ๋นฝูหลิงว่าท่านอาจารย์ ขอบคุณที่ครั้งนี้นางช่วยรักษาอาการโรคที่เกิดจากขี้ผึ้งทองในจินโจว ทั้งยังถ่ายทอดคำสอนและไขข้อสงสัยอวิ๋นฝูหลิงก็มิได้อวดภูมิ รับคำคนเหล่านั้นอย่างนอบน้อมประการแรก ช่วงที่นางรักษาคนไข้ที่ป่วยเพราะขี้ผึ้งทองในจินโจว ก็ได้สอนวิธีการรักษาของตัวเองให้เหล่าหมอท่า

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 625

    ท่านหมอในสำนักผิงอันต่างมองไปที่ตำราแพทย์ในมือหางซานสุ่ยด้วยดวงตาเป็นประกายนั่นเป็นถึงตำราแพทย์ที่บันทึกศาสตร์ฝังเข็มและเทียบยาสำหรับการรักษาผู้ป่วยเสพติดขี้ผึ้งทองเชียวนะโดยเฉพาะเมื่ออวิ๋นฝูหลิงเป็นผู้เขียนตำราเล่มนี้ด้วยตัวเองในช่วงเวลาที่ได้ทำงานร่วมกันมานี้ ท่านหมอในเมืองจินโจวถือว่าได้เปิดหูเปิดตารับรู้ถึงฝีมือการแพทย์อันสูงส่งของอวิ๋นฝูหลิงแล้วยามหารือเรื่องการรักษาผู้ป่วยติดขี้ผึ้งทอง นางก็มักจะหาแนวทางสำหรับการรักษาที่เหมาะสมที่สุดออกมาเสมอทักษะฝังเข็มล้ำเลิศ เทียบยาก็ล้ำลึกพิสดาร แม้จะเป็นท่านหมออาวุโสที่สั่งสมประสบการณ์มานานก็ยังมีบ้างที่ด้อยกว่าโดยเฉพาะเมื่ออวิ๋นฝูหลิงเป็นหมอหญิงอ่อนวัยที่อายุเพิ่งยี่สิบปีมีท่านหมอในเมืองจินโจวบางคนที่รู้สึกว่า การที่อวิ๋นฝูหลิงมีชื่อเสียงเลื่องลือนั้นทั้งหมดล้วนเป็นเพราะรัศมีอันมีติดตัวมาแต่กำเนิดด้วยนางถือกำเนิดในสกุลอวิ๋นเท่านั้น นางถึงได้มีชื่อเสียงและได้รับความเคารพอยู่บ้างในแวดวงแพทย์เช่นนี้ทว่าใครจะไปรู้ว่าอวิ๋นฝูหลิงกลับใช้ฝีมือการแพทย์ของตัวเองมาตบหน้า สอนเป็นบทเรียนให้พวกเขาอย่างดีหลังได้รู้ซึ้งถึงฝีมือการแพทย์ของ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 624

    ขุนนางที่ถูกส่งมาใหม่เหล่านี้ ต่างทยอยเดินทางมาถึงจินโจวกันแล้วในช่วงไม่กี่วันมานี้ก่อนที่พวกเขาจะเดินทางมาถึง งานบริหารราชการและบริหารกองทัพของจินโจวล้วนมีเซียวจิ่งอี้รับผิดชอบชั่วคราวบัดนี้ขุนนางชุดใหม่มาถึงแล้ว แน่นอนว่าเซียวจิ่งอี้ย่อมเริ่มมอบหมายงานแก่พวกเขา คืนอำนาจบริหารราชการและกองทัพของจินโจวให้ขุนนางที่เหมาะสมจากความหมั่นเพียรและการจัดระเบียบของเซียวจิ่งอี้ งานบริหารราชการในเมืองจินโจวจึงได้รับการจัดระเบียบเป็นที่เรียบร้อยนานแล้ว ขอแค่เหล่าขุนนางที่มารับหน้าที่นี้ต่อไปมัวแต่กินดื่ม ไม่ทำการงาน ก็สามารถบริหารปกครองเมืองจินโจวได้ และฟื้นฟูให้จินโจวรุ่งเรืองขึ้นมาใหม่อีกครั้งได้สิ่งเดียวที่ทำให้เซียวจิ่งอี้ไม่สบอารมณ์และปวดหัวก็คือ จวบจนบัดนี้ยังไม่อาจจับกุมตัวราชครูเผ่าเยว่ผู้นั้นได้ไม่ว่าจะค้นหาไปทั่วเมือง หรือใช้เวินเจาเป็นเหยื่อล่อ ล้วนไม่เห็นแม้แต่ร่องรอยของราชครูเผ่าเยว่ผู้นั้นอีกทั้งประตูเมืองจินโจวก็ไม่อาจปิด ไม่อนุญาตให้ชาวบ้านเข้าออกได้เป็นเวลานานได้แม้ว่าประชาชนจะไม่กล้ามีปากเสียง แต่การชดเชยเรื่องอาหารการกินในชีวิตประจำวันก็นับว่าเป็นปัญหานอกจากนี้ประ

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status