Share

บทที่ 97

Author: หลันซานอวี่
เมื่ออวิ๋นฝูหลิงเห็นหัวหน้าหมู่บ้านหม่าจะหนี ก็ตะโกนเสียงดังทันที “แย่แล้ว อย่าปล่อยให้หัวหน้าของพวกมันหนี!”

เมื่อผู้หญิงชุดดำได้ยิน ร่างกายก็พุ่งพรวดออกไปประดุจมังกรแหวกว่าย หลังจากขวางคนไว้ได้ ก็ชูกระบี่ฆ่าทันที

สีหน้าอวิ๋นฝูหลิงเปลี่ยนฉับพลัน รีบกล่าว “เก็บเขาไว้!”

ทิศทางกระบี่ของผู้หญิงชุดดำเปลี่ยนฉับพลัน ฟันโดนแขนเสื้อหัวหน้าหมู่บ้านหม่า จากนั้นยกปลายกระบี่ขึ้น ตัดเส้นเอ็นเท้าทั้งสองข้างของเขาขาด

หัวหน้าหมู่บ้านหม่าส่งเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดราวกับหัวใจแตกเป็นเสี่ยงทันที

อวิ๋นฝูหลิงมองท่าทางที่เจ็บปวดของเขา กลับรู้สึกสะใจมาก

นางอยากให้กากเดนเช่นนี้ตายไปเสียเดี๋ยวนี้ด้วยซ้ำ

แต่ว่าในเมื่อคนคนนี้เป็นผู้นำของหมู่บ้าน ก็แสดงว่าเป็นคนที่รู้ความลับมากที่สุด

ถ้าหากมีคนเช่นนี้อยู่ในมือ มีประโยชน์อย่างมากสำหรับพวกเขา

มีการช่วยเหลือของผู้หญิงชุดดำ พวกเขาสามารถควบคุมสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว

นอกจากพวกคนที่ตายแล้ว ยังสามารถจับเชลยได้อีกเจ็ดแปดคน

อวิ๋นฝูหลิงไม่ได้สนใจเชลยเหล่านั้น แต่หันไปกล่าวกับหัวหน้าหมู่บ้านโจวก่อน

“ให้คนไปเฝ้าที่หน้าหมู่บ้าน แล้วหาดูว่ายังมีทางออกอื่นในหมู่บ้า
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 98

    แค่ฟังจากเสียง ก็สามารถรู้สึกถึงความเจ็บปวดในนั้นอวิ๋นซานหูอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น การกระทำที่กำลังฟันศพอยู่ชะงักคนอื่นๆ ที่อยู่โดยรอบก็หันมามองเช่นกันอวิ๋นฝูหลิงกลับยืนอยู่ข้างๆ อย่างใจเย็น อีกทั้งยังมีรอยยิ้มที่มีความสุขบนใบหน้า เหมือนกำลังเพลิดเพลินกับบทเพลงที่ไพเราะอะไรแผ่นหลังของทุกคนถึงกับมีเหงื่อเย็นผุดขึ้น และบอกกับตัวเองอย่างหนักแน่นอีกครั้ง ต่อไปห้ามล่วงเกินแม่นางอวิ๋นเด็ดขาดหัวหน้าหมู่บ้านหม่าไม่สามารถทนต่อการทรมานที่เจ็บไปถึงหัวใจนี้ ไม่นานก็สารภาพออกมาอย่างหมดเปลือกนอกจากคนที่ไปช่วยงานทางเหมืองแร่ ยังมีคนกลุ่มเล็กๆ สิบคนที่ลาดตระเวนโดยรอบเพื่อควบคุมตัวพวกอวิ๋นฝูหลิง คนที่เหลือล้วนเฝ้าอยู่ในหมู่บ้านอีกทั้งหลังจากที่หัวหน้าหมู่บ้านหม่ารู้ว่าเกิดข้อผิดพลาด ก็ได้เรียกคนทั้งหมดในหมู่บ้านมาทางนี้แล้วหลังจากอวิ๋นฝูหลิงได้ยิน อยากขอบคุณหัวหน้าหมู่บ้านหม่าจริงๆเขาเรียกคนมาทั้งหมดเช่นนี้ นับว่าช่วยนางประหยัดเวลาได้ไม่น้อยอวิ๋นฝูหลิงให้คนนับจำนวนคนครู่หนึ่ง หลังจากเทียบก็เหมือนกับที่หัวหน้าหมู่บ้านหม่าพูดพบว่าไม่มีใครหลุดรอดไปได้ อวิ๋นฝูหลิงถอนหายใจอย่างโล่งอกเ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 99

    หลังจากเซียวจิ่งอี้ฟังต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวทั้งหมด ตกใจจนเกือบเหงื่อแตกโชคดีที่เขาให้เหยากวงอยู่ปกป้องสองแม่ลูกอวิ๋นฝูหลิง ไม่เช่นนั้นไม่กล้าคิดถึงผลที่ตามมาอวิ๋นฝูหลิงจิบชาตั้งสติครู่หนึ่ง จึงจะกล่าวถาม “ต่อจากนี้ทำอย่างไรดี? พวกเราจะออกจากที่นี่โดยเร็วหรือไม่?” เซียวจิ่งอี้ส่ายศีรษะ “เจ้าบอกว่าชาวบ้านที่บาดเจ็บต้องพักฟื้นไม่ใช่หรือ? เช่นนั้นก็ถือโอกาสนี้ อยู่ที่หมู่บ้านนี้อีกสักสองสามวัน ส่วนเรื่องอื่นปล่อยให้ข้าจัดการก็พอ”เมื่ออวิ๋นฝูหลิงได้ยินคำพูดนี้ ก็รู้แล้วว่าเซียวจิ่งอี้พบอะไรบางอย่างที่เหมืองแร่ เกรงว่าต้องใช้เวลาในการจัดการเรื่องนี้พอสมควรนางไม่ได้ถามอะไรมาก พยักหน้าคล้อยตามทันที“ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะปลอบคนในหมู่บ้านเอง”“เรื่องในวันนี้ ข้าแค่บอกว่าคนพวกนั้นเป็นโจร จะปล้นทรัพย์ฆ่าคน”“ส่วนเรื่องอื่น ไม่จำเป็นต้องบอกพวกเขา ให้พวกเขามีส่วนต้องมาวิตกกังวลไปด้วย”คนเหล่านี้ของหมู่บ้านหลินซาน เป็นเพียงชาวบ้านตัวเล็กๆ ที่หาเช้ากินค่ำ เรื่องใหญ่อย่างการกบฏชิงบัลลังก์ พวกเขาไม่รู้มันจะดีกว่าเซียวจิ่งอี้เข้าใจความกังวลของอวิ๋นฝูหลิง จึงพยักหน้ารับการกบฏที่เป็นเร

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 100

    ชาวบ้านหลายคนที่บาดเจ็บสาหัสเจียนตาย ก็รอดชีวิตมาได้แล้วโดยเฉพาะหวังเอ้อร์เหอ รอยแผลจากการเย็บตรงท้องเริ่มสมานกันแล้วหลายวันนี้ หวังเอ้อร์เหอราวกับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันเลื่องชื่อ มีคนไปมุงดูเขาทุกวันไม่ขาดสายเรื่องหนังท้องเปิด หลังจากใช้เข็มกับด้ายเย็บ คนยังสามารถมีชีวิตรอด เป็นสิ่งที่หาดูได้ยากมากหลังจากดูของหายากเสร็จ ก็อดไม่ได้ที่จะชมแม่นางอวิ๋นว่าฝีมือการแพทย์สูงส่งนายท่านหานกับติงหมิงรุ่ยก็ไปดูด้วยตัวเองเช่นกันถึงขั้นคุยกับหวังเอ้อร์เหอ ขอให้เขาเลิกเสื้อขึ้นเพื่อดูบาดแผลของเขาแวบหนึ่งบาดแผลของหวังเอ้อร์เหอเริ่มตกสะเก็ดแล้ว การสมานของแผลเป็นไปด้วยดีหลังจากได้เห็นกับตา ติงหมิงรุ่ยรู้สึกเลื่อมใสฝีมือการแพทย์ของอวิ๋นฝูหลิงจากใจส่วนนายท่านหาน ราวกับค้นพบสมบัติตะลึงโลกอะไรบางอย่าง ยิ่งอยากชักชวนอวิ๋นฝูหลิงมาอยู่สำนักผิงอันของตัวเองถ้าหากสำนักผิงอันมีหมอเทวดาเช่นนี้หนึ่งท่าน ชื่อเสียงและการค้าของสำนักผิงอัน นับวันยิ่งเจริญรุ่งเรืองแน่นอนเป็นเช่นนี้ผ่านไปเจ็ดแปดวัน ในที่สุดทางอวิ๋นฝูหลิงก็ได้รับการยืนยันจากเซียวจิ่งอี้ จัดการเรื่องทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว พวกเขาสาม

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 101

    ไทเฮาจะปิดเรื่องที่เจียงโจวอ๋องก่อกบฏ ไม่ให้เรื่องนี้ถูกเปิดเผยแน่นอนเมื่อไม่ถูกเปิดเผย ก็จะไม่มีการประกาศราชโองการแจ้งให้ใต้หล้าได้รับรู้สุดท้ายสามารถจำคุกครอบครัวเจียงโจวอ๋อง เกรงว่าเป็นสถานการณ์ที่ดีที่สุดแล้วแต่ว่าเรื่องเหล่านี้ ย่อมมีเสด็จพ่อของเขาไปปวดหัวสิ่งเหล่านี้ล้วนไม่เกี่ยวข้องกับเขาเซียวจิ่งอี้ใครจะรู้ว่าเวลานี้เอง สีหน้าของเทียนเฉวียนเปลี่ยนเป็นซับซ้อนมาก“เรียนนายท่าน ครอบครัวเจียงโจวอ๋องตายหมดแล้วขอรับ!”เมื่อได้ฟัง เซียวจิ่งอี้ก็ตกใจมากเจียงโจวอ๋องเป็นเป็นลูกแท้ๆ ของไทเฮา มีไทเฮาอยู่ เสด็จพ่อไม่มีทางออกคำสั่งประหารเจียงโจวอ๋อง “หลังจากเจียงโจวอ๋องถูกจับ รู้ว่าความแตกแล้ว ภายใต้ความหวาดกลัว จึงไถ่โทษโดยการฆ่าตัวตายขอรับ”“พระชายากับซื่อจื่อก็ดื่มยาพิษฆ่าตัวตาย”หลังจากเกิดเรื่อง จั่วเยี่ยนก็ประหลาดใจมากเช่นกัน และยังตั้งใจตรวจสอบอย่างละเอียดอีกรอบอยากตรวจสอบดูว่ามีคนลอบลงมือใช่หรือไม่แต่สุดท้ายกลับพบว่าครอบครัวเจียงโจวอ๋องล้วนฆ่าตัวตายจริงๆชั่วขณะเซียวจิ่งอี้ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดีจริงๆเจียงโจวอ๋องซ่อนตัวในความมืดมานานหลายปี เขาวางแผนชิงราชบัลลัง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 102

    เทียนเฉวียนเห็นสองคนนี้ทำท่าเดียวกัน จู่ๆ ก็ค้นพบอย่างน่าประหลาด ที่จริงรูปลักษณ์ของพวกเขาคล้ายกันมาก ดูแล้วเหมือนเป็นพ่อลูกกันก็มิปานความคิดนี้เพิ่งผุดขึ้นในสมองเทียนเฉวียน ก็ถูกเขาสลัดออกอย่างรวดเร็วเขากำลังคิดอะไรอยู่?นายท่านไม่เคยใกล้ชิดผู้หญิง จะมีลูกชายที่โตขนาดนี้ได้อย่างไร?เหตุใดเขาจึงผุดความคิดที่ไร้สาระเช่นนี้?เซียวจิ่งอี้พบว่าอวิ๋นจิงมั่วมัวแต่ไล่ตามลูกเสือน้อย แม้แต่รองเท้าหลุดไปเมื่อไรก็ไม่รู้ เวลานี้สองเท้าเปลือยเปล่าเขาอุ้มอวิ๋นจิงมั่วขึ้นมาพลันก้มหน้าโดยไม่ตั้งใจ จู่ๆ เขาก็พบว่าเท้าซ้ายของอวิ๋นจิงมั่วมีหกนิ้วพริบตานั้นหัวใจเซียวจิ่งอี้สั่นสะท้าน เมื่ออาศัยแสงจันทร์ดูอย่างละเอียด มีหกนิ้วจริงๆ ด้วยเขาจับเขาซ้ายของอวิ๋นจิงมั่ว นับทีละนิ้วหนึ่งรอบ มีหกนิ้วจริงๆอวิ๋นจิงมั่วกลับถูกการกระทำของเซียวจิ่งอี้ทำเอาจั๊กจี้ที่ฝ่าเท้า เริ่มหัวเราะคิกคักทันที เซียวจิ่งอี้ถอนมือกลับ อุ้มเขาเดินกลับไปเดินไปพลางกวาดมองอวิ๋นจิงมั่วอย่างละเอียดเดินไปได้ครู่เดียว ก็มองเห็นสวี่ตงที่กำลังตามหาคนด้วยสีหน้าตื่นตระหนกตอนที่อวิ๋นจิงมั่วฉี่ เพราะสวี่ตงง่วงนอนมาก จึงหลับ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 103

    ตำบลเล็กๆ ที่อยู่ทางเหนือของเขาเฟิ่งลั่วชื่อตำบลผิงเล่อเที่ยงของวันนี้ จู่ๆ ชาวบ้านของตำบลก็พบคนกลุ่มหนึ่งลงมาจากเขาเฟิ่งลั่ว เสื้อผ้าของคนเหล่านี้ขาดรุ่งริ่ง สีหน้ากลับแดงชุ่มฉ่ำและกะปรี้กะเปร่าเมื่อรู้ว่าทางใต้ของเขาเฟิ่งลั่วถูกน้ำท่วมเพราะฝายเจียงหลิงแตก คนเหล่านี้เดินข้ามเขาเฟิ่งลั่ว ลี้ภัยมาตลอดทาง ชาวบ้านในตำบลต่างก็ประหลาดใจมากเขาเฟิ่งลั่วมีเทือกเขาเยอะ และทอดยาวหลายร้อยลี้ ในภูเขายังมีสัตว์ดุร้ายมากมายคนในตำบลของพวกเขา ไม่เคยกล้าเข้าไปลึกนักผู้ลี้ภัยเหล่านี้สามารถเดินออกมาจากในเขาลึกได้อย่างปลอดภัย ต้องพอมีความสามารถติดตัวแน่นอนหลังจากเห็นหนังเสือที่อยู่นอกสัมภาระของคนเหล่านี้ คนในตำบลยิ่งมั่นใจเรื่องนี้แล้วอีกทั้งผู้ประสบภัยที่ลี้ภัยคนไหนไม่ใช่ผอมจนเห็นกระดูก แม้สภาพของคนเหล่านี้สะบักสะบอม แต่ท่าทางกระปรี้กระเปร่ามีชีวิตชีวาจู่ๆ ก็มีคนกลุ่มใหญ่เช่นนี้มาโผล่ในตำบล กำนันที่ได้รับข่าวอย่างรวดเร็วก็รีบมาทันทีหัวหน้าหมู่บ้านโจวแสดงบทบาทของตัวเองในฐานะหัวหน้าหมู่บ้านทันที ทักทายกำนันครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็สอบถามข่าวเกี่ยวกับการช่วยเหลือผู้ประสบภัยของราชสำนักเนื

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 104

    แต่น่าเสียดาย มีองครักษ์กลุ่มนั้นอยู่ นางไม่สามารถเข้าใกล้เซียวจิ่งอี้ด้วยซ้ำโอกาสบินขึ้นยอดกิ่งไม้กลายเป็นหงส์ฟ้าที่ดีเช่นนี้ เสียดายที่นางไม่สามารถคว้าไว้ได้!เด็กหนุ่มร่างท้วมคนหนึ่งเดินไปที่ข้างกายฟางหลาน เขายิ้มให้นางแล้วกล่าว “เสี่ยวหลาน มา ข้าช่วยถือตะกร้าของเจ้า?”ฟางหลานหันไปยิ้มให้เด็กหนุ่มที่ชื่อสือเฮ่าเทียน กล่าวด้วยสีหน้าตื้นตัน “ขอบคุณพี่สือ”สือเฮ่าเทียนรับสัมภาระของฟางหลานมาด้วยความดีใจ “เกรงใจอะไรกับข้ากัน”บนใบหน้าฟางหลานยิ้มอย่างอ่อนโยน แต่กลับมองบนในใจแม้ว่าระหว่างทางนางได้รับผลประโยชน์จากสือเฮ่าเทียนไม่น้อย มีทั้งผักป่าและของกินต่างๆ แต่ในใจนางไม่ได้ชอบเขาถ้าหากไม่ใช่เพราะสือเฮ่าเทียนยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง นางไม่คิดจะคุยกับเขาด้วยซ้ำต่อให้นางไม่สามารถจับชนชั้นสูงอย่างเซียวจิ่งอี้ แต่ก็ไม่มีทางแต่งงานกับชาวนาอย่างสือเฮ่าเทียน!กลุ่มของเซียวจิ่งอี้เดินออกจากตำบลผิงเล่อได้ไม่ไกล ก็มารวมตัวกับกำลังคนที่รออยู่ที่นี่แล้วเซียวจิ่งอี้ปีนขึ้นหลังม้า หันกลับไปมองเทือกเขาเฟิ่งลั่วอันคดเคี้ยวและทอดยาวที่อยู่ไกลออกไปเทียนเฉวียนเดินเข้ามาถาม “นายท่าน กลับเมืองห

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 105

    “คุณชาย ฟ้ามืดแล้ว วันนี้กลับเข้าเมืองไม่ทันแล้ว คงต้องลำบากท่านพักแรมที่ข้างนอกสักคืน”องครักษ์ที่ขับรถม้าเดินเข้าไป กล่าวรายงานผ่านม่าน“รู้แล้ว” เสียงที่ไพเราะสายหนึ่งดังออกมาจากในรถม้า องครักษ์ที่พูดลากรถม้าไปทางสถานที่ที่อวิ๋นฝูหลิงและคนอื่นตั้งค่ายสุดท้ายหยุดลงตรงจุดที่ห่างจากพวกเขาระยะหนึ่งทันทีที่รถม้าหยุดลง คนที่แต่งตัวเหมือนเด็กรับใช้คนหนึ่งลงมาจากรถม้าก่อน หลังจากนั้นหันไปประคองคนที่อยู่ในรถม้า“คุณชาย ท่านช้าหน่อย!”ภายใต้การประคองของเด็กรับใช้ ชายหนุ่มสวมอาภรณ์สีขาวพระจันทร์เดินออกมาจากในรถม้าผมของเขาดำดุจหมึก ขับให้ใบหน้าขาวดังหิมะ ระหว่างคิ้วมีภาวะของการเจ็บป่วยแฝงอยู่แม้เป็นฤดูร้อนที่อบอ้าว แต่เขากลับสวมผ้าคลุมกันลม เห็นได้ชัดว่าเป็นโรคกลัวหนาวเมื่ออวิ๋นฝูหลิงได้ยินเสียง ก็เงยหน้ามองแวบหนึ่งสายตาของเขากับอวิ๋นฝูหลิงบรรจบกันพอดี พลันพยักหน้าให้นางเล็กน้อยอย่างเกรงใจอวิ๋นฝูหลิงก็พยักหน้าคืนอย่างสุภาพเมื่อชายหนุ่มลงจากรถม้า ผู้ติดตามของเขาก็เริ่มทำงานทันทีปูเบาะรองนั่ง จุดธูปไล่ยุ่งและแมลง ต้มน้ำชงชา ปิ้งขนมแป้งหลังจากขนมแป้งขาวถูกปิ้ง กลิ่นหอมของ

Latest chapter

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 634

    ยามที่กินบะหมี่ เมื่อตะเกียบสัมผัสกับน้ำบะหมี่ ก็ถูกพิษในตะเกียบ แทรกซึมเข้าไปในน้ำน้ำบะหมี่ที่เดิมทีไม่มีพิษ ก็กลายเป็นมีพิษโดยพลันหลังจากอวิ๋นฝูหลิงอธิบาย ทุกคนก็เข้าใจทันทีว่าน้ำบะหมี่ชามนั้นมีพิษได้อย่างไรเซียวจิ่งอี้หัวเราะเยาะคราหนึ่ง และกล่าวว่า “ช่างความคิดดีเสียจริง!”เขามองเวินเจา ในแววตาราวกับกำลังรู้สึกสงสารเห็นใจยามนี้เวินเจาก็เข้าใจโดยสมบูรณ์แล้วเช่นกันไม่ใช่เซียวจิ่งอี้ที่วางแผนร้ายต่อเขา แต่เป็นคนของพวกตนเองที่หมายจะฆ่าเขา!เมื่อได้เห็นความเวทนาในแววตาของเซียวจิ่งอี้อีกครั้ง หัวใจของเวินเจาก็ราวกับถูกลูกศรนับหมื่นทิ่มแทง ความเชื่อที่ยึดมั่นมานานพังทลายลงโดยพลันทั้งร่างของเขาก็พังทลายลงทันที ทันใดนั้นก็พุ่งพรวดกระโจนเข้าไปหาทั้งสองคนนั้นที่วางยาพิษ“เพราะเหตุใด?”“ข้าคือนายน้อยของพวกเจ้า!”“พวกเจ้ากล้าทรยศ หมายจะลอบสังหารกษัตริย์ได้อย่างไร!”“พวกเจ้ากล้าดีอย่างไร?”เหล่าองครักษ์ด้านข้างลงมือว่องไว ควบคุมตัวเวินเจาได้ทันเวลาเวินเจาแม้จะถูกคนกดไว้ แต่กลับยังดิ้นรนคำรามอย่างห้ามไม่ได้เรื่องเช่นนี้ เกรงว่าไม่ว่าเปลี่ยนไปเป็นผู้ใด ก็ล้วนไม่อาจยอมรับได้ทั

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 633

    เซียวจิ่งอี้มองร่างไร้วิญญาณทั้งสองร่าง ก็เข้าใจทันทีเขาชี้ไปทางเทียนเฉวียนเทียนเฉวียนเข้าใจความนัย และเดินไปทางสตรีผู้ช่วยคนนั้นโดยพลันหลังจากตรวจสอบใบหน้าของนางครู่หนึ่ง ก็ลอกหน้ากากหนังมนุษย์แผ่นหนึ่งออกมาเทียนเฉวียนทำแบบเดิม ไม่นานก็ลอกหน้ากากหนังมนุษย์บนใบหน้าของผู้ช่วยอีกคนออกมาผู้ดูแลมองไปที่ใบหน้าไม่คุ้นเคยของทั้งสองคนภายใต้หน้ากากหนังมนุษย์ ก่อนจะมองไปยังร่างไร้วิญญาณของเพื่อนบ้านด้านข้างซึ่งเย็นเฉียบแล้ว ในใจไหนเลยจะยังมีสิ่งใดที่ไม่เข้าใจอีกเจ้าคนชั่วสมควรตายนี่ สังหารผู้ช่วยที่เขาเชิญมา และปลอมตัวเป็นพวกเขาเข้ามาในจุดพักแรมทางการโชคดีที่เป้าหมายของพวกเขาเป็นเพียงนักโทษหากวันนี้ผู้ที่ถูกวางยาพิษคืออี้อ๋อง...แผ่นหลังของผู้ดูแลจุดพักแรมทางการเย็นวาบขึ้นมา ไม่กล้าคิดต่อในขณะนั้นเอง เวินเจาก็ค่อย ๆ ได้สติขึ้นมาสายตาของเขาพร่ามัว ราวกับไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ใดไปขณะหนึ่งไม่นานเขาก็จำได้ว่าก่อนหน้านี้ตัวเองหมดสติไป เพราะปวดท้องน้อยมากจนทนไม่ไหว อีกทั้งยังมีเลือดสีดำไหลออกมาจากปากและจมูกของเขาไม่หยุดเช่นนั้นเขาตายแล้วหรือ?ถูกคนวางยาพิษจนตายหรือ?ผู้ใดหมาย

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 632

    อย่าว่าแต่คนเลย แม้แต่แมลงวันสักตัวก็อย่าคิดว่าจะได้ออกไปจากจุดพักแรมของทางการนี้ยามนี้คนผู้นั้นซึ่งคิดจะหลบหนีออกจากจุดพักแรมถูกจับตัวอยู่ และถูกทหารลาดตระเวนโยนมาไว้ตรงหน้าเซียวจิ่งอี้แล้ว เหล่าทหารองครักษ์ที่คอยเฝ้าอยู่ข้างเวินเจา จำคนผู้นั้นได้ทันทีว่าเป็นสตรีผู้นั้นซึ่งมาส่งอาหารก่อนหน้านี้เมื่อเอาเรื่องราวมารวมเข้าด้วยกัน ก็รู้ได้ว่านางจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางยาพิษเวินเจาเป็นแน่เซียวจิ่งอี้ลูบแหวนหยกบนมือ สายตามองไปที่นางอย่างเย็นชา“เหตุใดเจ้าต้องวางยาพิษด้วย?”“ในจุดพักแรมยังมีผู้สมรู้ร่วมคิดของเจ้าอีกหรือไม่?”สตรีผู้นั้นเพียงแค่ส่งเสียงหัวเราะ โดยไม่ได้ตอบคำถามเซียวจิ่งอี้เห็นเช่นนั้นก็มิได้โกรธ และออกคำสั่งว่า “ไปพาตัวทุกคนในจุดพักแรมแห่งนี้มา ตรวจสอบพื้นเพของสตรีผู้นี้ให้ละเอียด จับตัวทั้งครอบครัวของนางมาให้หมด!”มีผู้ใต้บังคับบัญชาทำตามคำสั่งทันทีเซียวจิ่งอี้สังเกตการแสดงออกของสตรีผู้นั้น ทว่ากลับเห็นว่าการแสดงออกของนางไม่เปลี่ยนไปเลยตั้งแต่ต้นจนจบ แม้แต่ยามที่ได้ยินเซียวจิ่งอี้บอกว่าจะจับทั้งครอบครัวของนางมา ก็ยังไม่แม้แต่จะขยับคิ้วแววตาของเซียวจิ่งอ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 631

    รอบด้านรถคุมตัวนักโทษมีทหารองครักษ์เฝ้าอยู่สิบกว่าคน ทหารองครักษ์เรียกได้ว่าเข้มงวดมากทันทีที่มีคนเข้ามาใกล้ พวกทหารองครักษ์ก็ตะโกนออกไปอย่างระแวดระวัง “ใคร?”หญิงที่มาส่งอาหารราวกับถูกเสียงตะโกนทำให้ตกใจ และพูดอย่างสั่นเทาทันที “ใต้...ใต้เท้า ข้าน้อยเป็น...เป็นคนที่มาส่งอาหารเจ้าค่ะ...”เหล่าทหารองครักษ์มองบะหมี่บนถาดในมือนาง สีหน้าจึงเพิ่งอ่อนลงหลายส่วนหนึ่งในนั้นโบกมือ “เข้ามา”หญิงส่งอาหารผู้นั้นจึงเพิ่งก้าวไปด้านหน้า ถือบะหมี่ไปยังรถคุมตัวนักโทษคาดไม่ถึงว่าเพิ่งเดินไปไม่กี่ก้าว ยังมิทันได้ไปตรงหน้ารถคุมตัวนักโทษ ก็ถูกคนขวางทางไว้ทหารองครักษ์ผู้หนึ่งถือเข็มเงินไว้ในมือ แสดงท่าทีว่าจะทดสอบพิษในบะหมี่เมื่อหญิงผู้นั้นเห็นเช่นนี้ แววตาก็เกิดประกายวาบผ่านเล็กน้อยผ่านไปครู่หนึ่ง นางก็ลดสายตาลงอย่างรวดเร็ว และปกปิดการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ไว้ทหารองครักษ์ใช้เข็มเงินทดสอบในบะหมี่ เมื่อเห็นว่าเข็มเงินไม่ได้เปลี่ยนสี จึงเพิ่งพยักหน้าให้คนด้านข้างเล็กน้อยคนผู้นั้นก้าวมาด้านหน้ารับบะหมี่ไปทันที และกล่าวกับหญิงผู้นั้นว่า “เจ้าไปได้แล้ว”หญิงผู้นั้นสะดุ้งก่อนโค้งคำนับอย่างนอบน้อม

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 630

    เซียวจิ่งอี้นั่งอยู่บนรถม้า สายตามองทะลุผ่านหน้าต่างรถม้า เห็นพวกลุงหลี่ในฝูงชนเมื่อเห็นพวกเขาน้ำตาคลอเบ้า คุกเข่าขอบคุณด้วยสีหน้าซาบซึ้ง ก็นึกถึงก่อนหน้านี้ที่เทียนเฉวียนรายงานว่าพลเรือนจากเกาะหมัวกุ่ยเหล่านั้นได้รับการจัดหาที่อยู่อย่างเหมาะสมแล้ว ดูท่าผู้ใต้บังคับบัญชาจะทำหน้าที่ได้ไม่เลวทีเดียวมุมปากของเซียวจิ่งอี้โค้งเล็กน้อย ในอกรู้สึกอุ่น ๆ ความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้กำลังพรั่งพรูขึ้นมาขบวนรถม้าเดินทางมาหนึ่งวันแล้ว และแวะค้างแรมในจุดพักแรมของทางการหลังจากเซียวจิ่งอี้ลงมาจากรถม้า ก็มองไปทางรถคุมตัวนักโทษคันหนึ่งในกลุ่มเป็นพิเศษคนที่นั่งอยู่ในรถคุมตัวนักโทษมิใช่ใครอื่น แต่เป็นเวินเจานั่นเองสาเหตุที่เซียวจิ่งอี้จัดขบวนใหญ่โต ก็เพื่อดึงดูดสายตาของท่านจอมปราชญ์เหวินและพวกคนแคว้นเยว่ ให้มาช่วยเหลือเวินเจาระหว่างการเดินทางครั้งนี้ เป็นโอกาสสุดท้ายของพวกเขาแล้วหากพวกเขายังไม่ลงมือ รอจนให้เวินเจาถูกคุมตัวกลับเมืองหลวง ย่อมมีโอกาสสูงที่จะถูกลงโทษประหารชีวิตหลังจากเข้าเมืองหลวงแล้ว หากพวกท่านจอมปราชญ์เหวินคิดจะเข้าไปช่วยคนในคุกหลวง นั่นก็นับว่าเพ้อฝันแล้วส่วนการบุกไปชิงตัว

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 629

    ยามที่กลุ่มของเซียวจิ่งอี้ออกจากจินโจว กองทหารเกียรติยศของอี้อ๋องคุ้มกันโดยตรง จึงมีความยิ่งใหญ่เกรียงไกรมากเทียบกับก่อนหน้านี้ที่ออกจากเจียงโจว พาอวิ๋นฝูหลิงกับลูกชายกลับเมืองหลวงโดยไม่ให้เป็นจุดสนใจนับว่าต่างกันโดยสิ้นเชิงระหว่างทางมีขุนนางและประชาชนมารอส่งไม่กี่วันที่ผ่านมา เซียวจิ่งอี้ได้จัดระเบียบเหล่าขุนนางในจินโจว ลงโทษข้าราชการทุจริต คืนความยุติธรรมให้ประชาชนอวิ๋นฝูหลิงใช้วิชาแพทย์ช่วยเหลือผู้คน เมื่อเจอผู้ป่วยที่ครอบครัวยากจน ก็ยังยกเว้นค่ารักษาของพวกเขาด้วยสิ่งนี้ย่อมทำให้เกิดน้ำหนักในใจของประชาชนเซียวจิ่งอี้กับอวิ๋นฝูหลิงมีจิตใจเมตตา ประชาชนย่อมจดจำความดีของพวกเขาไว้ในใจท่ามกลางฝูงชนที่คับคั่ง ชายร่างสูงผอมผิวคล้ำผู้หนึ่งยืดคอยาว มองไปทางรถม้าของเซียวจิ่งอี้ด้านข้างของเขามีเด็กหนุ่มยืนเขย่งปลายเท้า พลางดึงแขนเสื้อถามเขาว่า “ลุงหลี่ ท่านเห็นท่านอ๋องกับพระชายาหรือไม่?”ชายร่างสูงผอมผิวคล้ำกับเด็กหนุ่ม ก็คือลุงหลี่กับฟางอวี่ที่เซียวจิ่งอี้และอวิ๋นฝูหลิงช่วยออกมาจากเกาะหมัวกุ่ยก่อนหน้านี้หากเซียวจิ่งอี้อยู่ที่นี่ด้วยในยามนี้ จะต้องจำได้เป็นแน่ว่านอกจากลุงหลี่กั

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 628

    จนกระทั่งสถานการณ์ทุกอย่างสิ้นสุดแล้ว หัวใจที่ตื่นตระหนกอยู่นานของเขาจึงสงบลงขณะนั้นเองจู่ ๆ ก็ได้ยินว่าอวิ๋นฝูหลิงจะถอนพิษให้ตามที่รับปากเขาไว้ เมื่อหวนนึกถึงทุกสิ่งก่อนหน้านี้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกราวกับอยู่คนละโลกหลังจากเขาตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก็เพิ่งก้าวไปข้างหน้าอวิ๋นฝูหลิงหยิบหมอนหนุนจับชีพจรออกมาจากกล่องยา และส่งสัญญาณให้เวินจือเหิงวางมือลงไปหลังตรวจชีพจรของเวินจือเหิงแล้ว อวิ๋นฝูหลิงก็ดึงมือกลับมา และกล่าวว่า “พิษในร่างถูกถอนออกกว่าครึ่งแล้ว พูดตามหลักร่างกายของเจ้าควรจะฟื้นตัวได้ประมาณเจ็ดถึงแปดส่วนแล้ว”“แต่ช่วงนี้จิตใจเจ้ากระสับกระส่าย และวิตกกังวลมากเกินไป ทั้งยังได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายที่ไม่ค่อยดีอยู่แล้วยิ่งย่ำแย่ลงไปอีก”“โชคดีที่ตอนยังเด็กเจ้าได้รับการเลี้ยงดูไม่เลว พื้นฐานร่างกายจึงแข็งแรง ตอนนี้จึงมีต้นทุนให้ใช้จ่ายได้”“ยิ่งไปกว่านั้นเจ้ายังโชคดี ได้พบหมอเทวดาคนหนึ่งเช่นข้า!”เวินจือเหิงได้ยิน สีหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มขมขื่นสายหนึ่งสกุลเวินเผชิญวิกฤตครั้งใหญ่อย่างกะทันหัน เขาในฐานะผู้นำสกุลย่อมต้องค้ำจุนทั้งสกุลไว้ช่วงนี้ เขากินไม่อิ่มนอนไม่หลับ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 627

    อวิ๋นฝูหลิงเหลือบมองเวินจือเหิง เห็นว่าแม้เขาจะร่างกายอ่อนแอ แต่กลับมีแรงใจไม่เลว ในใจจึงอดไม่ได้ที่จะมองเขาดีขึ้นสกุลเวินมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีขี้ผึ้งทองและการลักลอบค้าของผิดกฎหมาย กอปรกับเวินเจาจากบ้านรองสกุลเวินยังถูกตรวจสอบพบว่าเป็นเชื้อสายของราชวงศ์แคว้นเยว่ ยิ่งไปกว่านั้นทุกร่องรอยยังแสดงให้เห็นถึงความมักใหญ่ใฝ่สูงของแคว้นเยว่ ซึ่งตั้งใจโค่นล้มราชสำนัก ถือเป็นกบฏอย่างแท้จริงหากคนของบ้านรองเข้าไปพัวพันกับคดีใหญ่เช่นนี้ เกรงว่าทั้งสกุลย่อมถูกทำลายลงตรงหน้าสกุลเวินยังสามารถยืนหยัดอยู่ในจินโจวได้ ต้องขอบคุณเวินจือเหิงซึ่งเป็นผู้นำตระกูลจริง ๆหากมิใช่เพราะเขามีไหวพริบมองการณ์ไกล ชิงยอมจำนนต่อเซียวจิ่งอี้เร็วกว่าก้าวหนึ่ง และเป็นฝ่ายลงทัณฑ์ญาติเพื่อผดุงธรรม นำหลักฐานที่เกี่ยวข้องซึ่งตัวเองตรวจสอบพบไปส่งมอบ ช่วยเป็นแรงสนับสนุนให้เซียวจิ่งอี้ เกรงว่าทุกคนในสกุลเวินคงจะติดคุกกันหมดแล้วหลังจากนั้น เวินจือเหิงก็เป็นฝ่ายขอรับโทษ บริจาคทรัพย์สมบัติเก้าส่วนของสกุลเวินให้ราชสำนักตระกูลที่มั่งคั่งเช่นสกุลเวิน ทรัพย์สมบัติที่สั่งสมมาหลายร้อยปีย่อมไม่อาจประเมินต่ำเกินไปได้ทรัพย์สมบัติ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 626

    อาศัยแค่เทียบยานั้นใบเดียว ด้วยการรักษาโรคชนิดหนึ่งได้อย่างแม่นยำ ก็เพียงพอที่จะตั้งตัวได้ ถึงขั้นมีชื่อเสียงโด่งดังทว่ายามนี้อวิ๋นฝูหลิงกลับหยิบตำราแพทย์เล่มหนึ่งออกมาให้ทุกคนเวียนกันอ่านและคัดลอกอย่างใจกว้างช่างมีจิตใจกว้างขวางเสียนี่กระไร!ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนต่างตกตะลึงจนพูดไม่ออกโดยเฉพาะหมอผู้ดูหมิ่นอวิ๋นฝูหลิงในคราแรก ยามนี้สัมผัสได้เพียงความร้อนผ่านที่แก้ม รู้สึกอับอายเป็นอย่างยิ่งผ่านไปครู่หนึ่ง จึงเพิ่งมีคนตั้งสติได้ โค้งคำนับอวิ๋นฝูหลิงด้วยความเคารพ พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงซาบซึ้ง “การกระทำของแม่นางอวิ๋น เป็นแบบอย่างให้พวกข้าแล้วจริง ๆ พวกข้ายังเทียบแม่นางอวิ๋นไม่ติดเลย!”เมื่อมีคนเริ่มกล่าว คนอื่นก็เริ่มตอบสนองออกมาเช่นกัน พากันโค้งคำนับกล่าวขอบคุณอวิ๋นฝูหลิงอย่างจริงจังมีบางคนถึงกับเรียกอวิ๋นฝูหลิงว่าท่านอาจารย์ ขอบคุณที่ครั้งนี้นางช่วยรักษาอาการโรคที่เกิดจากขี้ผึ้งทองในจินโจว ทั้งยังถ่ายทอดคำสอนและไขข้อสงสัยอวิ๋นฝูหลิงก็มิได้อวดภูมิ รับคำคนเหล่านั้นอย่างนอบน้อมประการแรก ช่วงที่นางรักษาคนไข้ที่ป่วยเพราะขี้ผึ้งทองในจินโจว ก็ได้สอนวิธีการรักษาของตัวเองให้เหล่าหมอท่า

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status