ซินเมี่ยวที่เคร่งเครียดมาตลอดทาง หลังจากร้องไห้ในอ้อมแขนของฮองเฮาไม่นานนักก็สลบไปจากความเหนื่อยล้า
“หมอหลวง!! มาดูพระชายาเร็วเข้า!” ฮองเฮาที่รู้สึกว่าซินเมี่ยวร่างอ่อนปวกเปียกรีบเรียกหมอหลวงมาดูลูกสะใภ้ทันที
“เกิดอะไรขึ้นฮองเฮา” ฮ่องเต้ที่กำลังดูหมอหลวงรักษาอู๋อ๋องอยู่รีบหันไปถาม
“นางสลบไปแล้วเพคะฝ่าบาท หม่อมฉันเป็นห่วงว่านางอาจจะบาดเจ็บด้วย”
“หมอหลวง! รักษาทั้งสองคนให้ดีที่สุด หากพวกเขาเป็นอะไรไป ข้าจะฝังพวกเจ้าไปพร้อมกับพวกเขา!” ฮ่องเต้ตรัสสั่งเสียงดัง
“กระหม่อมรับพระบัญชาพะย่ะค่ะ” หมอหลวงทั้งหมดเอ่ยเสียงดังก่อนจะมีหมอคนหนึ่งไปตรวจอาการซินเมี่ยวทั้งที่ตนเองยังเหงื่อไหลไคลย้อยจากการดูแลอู๋อ๋อง
หมอหลวงเวินตรวจอาการซินเมี่ยวไม่นานนักก็แย้มรอยยิ้มออกมาอย่างดีใจที่อาการของพระชายาไม่ได้น่าเป็นห่วงอย่างที่คิดคราแรก
&
“เย่กวน เจ้านำตั๋วแลกเงินมาเท่าใด?” ซินเมี่ยวหันไปถามองครักษ์ของนาง“ห้าพันตำลึงขอรับ ไม่ทราบพอจะซื้อที่ดินทั้งหมดหรือไม่ขอรับ”“เจ้าเมือง ท่านคิดว่าเงินเท่านี้เพียงพอหรือไม่?” ซินเมี่ยวหันไปถามเจ้าเมืองต่อ“พอขอรับ พอ ที่ดินในเมืองจิ่วราคาเพียงหมู่ละ 1-2 ตำลึง ตามสภาพดินในหมู่บ้านต่าง ๆ เท่านั้นเองขอรับนายท่าน” เจ้าเมืองจิ่วรีบตอบกลับทันที“อืม… เย่กวน เจ้าจัดการไปดูที่ดินกับเจ้าเมืองในแต่ละหมู่บ้าน จากนั้นส่งคนกลับไปเมืองหลวงรายงานเรื่องนี้ให้ท่านอ๋องทราบ ข้าต้องการเมล็ดพันธุ์ชั้นดีอีกสองหมื่นต้านสำหรับการเพาะปลูกเป็นเวลาหลายปี ให้คนของท่านอ๋องจัดซื้อมาไว้ที่เมืองจิ่วเสีย อ้อ อย่าลืมนำเงินมาเพิ่มด้วยเล่า ข้าต้องการซื้อจวนที่นี่สักหลังเอาไว้พักเวลามาตรวจงานที่เมืองนี้” ซินเมี่ยวรีบออกคำสั่งรวดเดียว“ขอรับนายน้อย ข้าจะรีบส่งคนกลับไปเมืองหลวง แล้ววันนี้นา
เช้ง! เช้ง! เช้ง!เสียงชักดาบของเจ้าหน้าที่อีกหกคนที่ติดตามมาจับตัวเด็กขอทานดังขึ้นหลังจากเห็นหัวหน้าตัวเองถูกทำร้ายต่อหน้าต่อตาเย่กวนเห็นเช่นนี้จึงล้วงป้ายองครักษ์หลวงออกมาต่อหน้าเจ้าหน้าที่เหล่านั้นทันทีเช่นกัน“บังอาจชักดาบต่อหน้าข้าหรือ! พวกเจ้าอยากลูกประหารทั้งตระกูลใช่หรือไม่” เย่กวนตวาดเสียงดังจนชาวเมืองแถวนั้นรีบมามุงดูเรื่องสนุก“นี่ ๆ พวกเขาเป็นใครกันน่ะ เหตุใดจึงกล้าต่อกรกับเจ้าหน้าที่สุนัขพวกนั้น” ชาวบ้านคนหนึ่งหันไปถามชาวบ้านอีกคน“ข้าจะไปรู้หรือ เมืองเราเคยมีคนใหญ่คนโตมาเสียที่ไหนกัน ทุกวันนี้พวกเราถึงได้อยู่อย่างยากลำบากเช่นนี้ไงเล่า” ชาวบ้านผู้นั้นตอบกลับอย่างหงุดหงิด“เห็นป้ายทองขององครักษ์หลวงยังไม่คุกเข่าอีก!!!” เย่กวนตวาดสั่งเจ้าหน้าที่ตรงหน้าตุ้บ! ตุ้บ! ตุ้บ!เจ้าหน้าที่ทั้
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในจวน วันต่อมาซินเมี่ยวขออนุญาตอู๋อ๋องออกไปหาซื้อทาสเพื่อมาฝึกฝนแทนการรับคนสุ่มสี่สุ่มห้าเหมือนที่พ่อบ้านทำ“น้องหญิงจะไปเองจริง ๆ หรือ? ให้พ่อบ้านไปก็ได้นี่นา”“น้องอยากไปที่เมืองจิ่วเพคะ ที่นั่นมีคนยากจนและขายตัวเป็นทาสมากกว่าที่นี่ อีกทั้งยังป้องกันสายลับเข้ามาในจวนได้ด้วยเพคะ”“แต่พี่เป็นห่วง เช่นนั้นให้พี่ไปด้วยดีหรือไม่”“เสด็จพี่จะไปได้อย่างไรเพคะ พระองค์ยังตรวจสอบขุนนางและเขียนฎีกาไม่เสร็จ”“เฮ้อ เช่นนั้นน้องหญิงจะให้พี่ส่งองครักษ์ให้กี่คนดี เมืองจิ่วไม่ใช่ใกล้ ๆ พี่เป็นห่วง”“ขอเพียง 5 คนก็พอเพคะ น้องจะนำยาพิษไปด้วย เสด็จพี่ไม่ต้องเป็นห่วง”“ตกลง เช่นนั้นเจ้าจะไปกี่วัน?”“น่าจะไม่เกินห้าวันก็กลับมาแล้วเพคะ ครั้งนี้หม่อมฉันจ
การตรวจสอบจวนขุนนางครั้งนี้ได้ผลลัพธ์ว่า ขุนนางในราชสำนักมากกว่าครึ่งนั้นยักยอกเงินหลวงมาตลอดหลายปี และยังมีการส่งเงินให้กับราชวงศ์ที่ฝ่ายตนสนับสนุนไม่น้อยด้วย อู๋อ๋องยังสืบพบว่ากองกำลังส่วนตัวขององค์ชายและจิ้นอ๋องมีมากกว่าที่ถวายรายงานฮ่องเต้กว่าเท่าตัวเมื่อฝ่าบาททราบเรื่องก็สั่งให้กำจัดกองกำลังส่วนตัวเหล่านั้นไปจนหมดโดยไม่ไต่สวน อู๋อ๋องทราบดีว่าฮ่องเต้ทำเช่นนี้ก็เพื่อเชือดไก่ให้ลิงดู ในเมื่อฝ่าบาทหาตัวคนร้ายที่ลอบสังหารอู๋อ๋องกับพระชายาไม่ได้ พระองค์จึงเลือกที่จะกำจัดภัยคุกคามให้หมดในคราวเดียวชาวเมืองที่ไม่ทราบเรื่องต่างกล่าวขานถึงความโหดเหี้ยมของอู๋อ๋องที่สังหารคนไปจำนวนมาก ส่วนผู้ที่ทราบที่มาที่ไปต่างไม่มีใครกล้าออกความเห็น ในเมื่อนี่เป็นพระบัญชาจากฝ่าบาท ใครเล่าจะอยากหาเรื่องใส่ตัวคืนหนึ่งระหว่างที่อู๋อ๋องกำลังตรวจสอบหลักฐานเพื่อถวายฎีกาเอาผิดขุนนางอยู่นั้น กลับมีนางกำนัลแปลกหน้านางหนึ่งเข้ามาส่งน้ำแกงให้กับพระองค์อย่างผิดปกติ เนื่องจากหน้าประตูห้องทำงานวันนี้ไม่มีทหารเฝ้า
สองเดือนต่อมาข่าวการรบชนะที่ชายแดนใต้ถูกส่งมาถึงเมืองหลวง ถึงแม้ครั้งนี้พระองค์จะเสียเสบียงและทหารไปไม่น้อยในการสู้รบ แต่เพื่อปกป้องราษฎร ฮ่องเต้ก็ยินดีที่จะเสียสละเสบียงในท้องพระคลังไปเกือบทั้งหมด อีกทั้งพระองค์ยังเขียนราชโองการให้ขันทีไปยังชายแดนใต้พร้อมของรางวัลพระราชทานให้เหล่าทหารที่ต่อสู้เพื่อแคว้นอย่างสุดจิตสุดใจไม่น้อย ทำให้ตอนนี้ท้องพระคลังของวังหลวงเริ่มที่จะเกิดช่องว่างขึ้นมากทีเดียวขุนนางหลายฝ่ายไม่เห็นด้วยที่ฮ่องเต้จะส่งสิ่งของและเงินมอบให้ทหารที่รบชนะในครั้งนี้ ยิ่งทำให้ฮ่องเต้โมโหมากขณะที่กำลังประชุมขุนนางปัง!!!“พวกเจ้ายังมีหน้าพูดเช่นนี้อีกหรือ หากทหารชายแดนใต้ไม่เสียสละปกป้องบ้านเมือง พวกเจ้าจะยังกินอิ่มนอนหลับได้เช่นนี้หรือไม่ แต่ละคนมีใครคิดจะอาสาไปรบแทนพวกเขาบ้างไหมเล่า ดีแต่อิจฉาคนมีผลงาน แทนที่จะตั้งใจทำงานของตนให้ดี พวกเจ้าเป็นขุนนางมากี่ปีแล้ว!!!” ฮ่องเต้ตวาดอย่างอดรนทนไม่ได้
“พี่ไม่เป็นไร พี่แค่ดีใจที่เรากำลังจะมีลูกกันแล้ว จากนี้ไป น้องหญิงต้องดูแลตัวเองให้ดีรู้หรือไม่ อย่าทำให้พี่เป็นห่วง” อู๋อ๋องยกพระหัตถ์ขึ้นลูบหัวเล็กของซินเมี่ยวพร้อมรอยยิ้มกว้างด้วยความดีใจอย่างบอกไม่ถูก“กราบทูลท่านอ๋อง พระชายา หมอหลวงมาถึงแล้วพะย่ะค่ะ” เหลยเปาส่งเสียงบอก“เสด็จพี่นั่งดี ๆ ให้พวกเขาเข้ามา!” ซินเมี่ยวสั่งพระสวามีก่อนจะลุกออกจากข้างเตียงเพื่อรอให้หมอหลวงมาตรวจอาการ“ถวายพระพรท่านอ๋อง พระชายา พะย่ะค่ะ” หมอหลวงทั้งหมดค้อมคำนับกล่าว“ตามสบาย พวกเจ้ารีบตรวจอาการท่านอ๋องเถอะ” ซินเมี่ยวรีบบอก“พะย่ะค่ะพระชายา”หมอหลวงต่างสลับสับเปลี่ยนกันตรวจอาการรวมถึงทำแผลให้อู๋อ๋องอยู่เกือบครึ่งชั่วยาม ก่อนที่จะกล่าวรายงานว่าอาการของอู๋อ๋องดีขึ้นมากแล้ว กินยารักษาภายในอีกไม่กี่เทียบก็จะหายดี“ขอบ