เมื่อคุณหนูหยูคิดสรุปกับตนเองได้เช่นนี้แล้ว จึงได้ยกเลิกแผนการณ์ที่จะพิชิตอ๋องหนุ่มในวันนี้ลง “ ท่านพ่อเจ้าคะ ลูกขอออกไปเดินเล่นสักหน่อย คงจะกินอิ่มมากจนเกินไปเจ้าคะ รู้สึกอึดอัดเหลือเกิน ” นางเอ่ยบอกบิดาของตน ท่านเสนาบดีหยูพยักหน้า “ ถ้าเช่นนั้นก็ไปเถิด ไม่ต้องรีบร้อน เดินเล่นชมสวนที่จวนแม่ทัพใหญ่ก่อนก็ได้ หรือจะไปสนทนากับสหายวัยเดียวกันก็ได้ เพราะพ่อคงจะร่ำสุรากับสหายอีกนาน ” หงลี่หันไปรับคำบิดา “ เจ้าค่ะท่านพ่อ ” แล้วนางลุกขึ้นเดินออกไปจากที่นั่งของตนเองโดยที่มิได้เหลียวไปมองท่านอ๋องหนุ่มที่นางเคยหลงรักเขาอย่างมากมาย
ด้านอ๋องหนุ่มเขามองตามหลังสตรีที่เคยมาวุ่นวายกับเขาจนเขาแสนจะรำคาญเหลือแสน วันนี้เขาจึงได้วางแผนเพื่อจะให้นางเห็นว่าเขามีใจให้สตรีอื่น นางจะได้เลิกวุ่นวายตามตอแยเขาเสียที เมื่อเขารู้ว่านางจับจ้องมองเขาอยู่ เขาจึงได้หันไปส่งสายตาให้กับคุณหนูกู้ฟางเซียนบุตรีท่านราชครูหลาย ๆ ครั้ง และแอบมองคุณหนูหยูหงลี่ไปด้วยว่านางจะเห็นสิ่งที่เขากำลังทำหรือไม่ แต่แล้วริมฝีปากหนาก็ยกยิ้มอย่างสมใจ เพราะเขาเห็นนางจ้องมองมาหลาย ๆ ครั้ง
เขาแน่ใจว่านางต้องเห็นแล้วว่าเขาส่งสายตาหวานฉ่ำให้กับคุณหนูกู้ฟางเซียน แต่เขาก็แปลกใจเล็กน้อยที่นางมิได้แสดงที่ท่าขัดเคืองไม่พอใจและอาละวาดเช่นเคย นางเพียงลุกออกไปเงียบๆ แล้วเดินตรงออกไปบริเวณสวนกว้างหน้าเรือนหลักของท่านแม่ทัพใหญ่โดยเลี่ยงไปทางอื่นที่ีไม่ใช่บริเวณที่กำลังจัดงานเลี้ยงอยู่ เขามองตามหลังนางไปจนลับสายตา เขาแปลกใจมากที่นางไม่สนใจจะหันมามองเขาตอนที่นางลุกออกไป และนางก็เดินไปโดยไม่หันกลับมามองทางเขาอีกเลย นางมุ่งเดินตรงไปที่สวนมืดๆนั่น เกิดอะไรขึ้นกับนาง หรือนางจะมีแผนการณ์ร้ายอะไรอีกหรือไม่ อ๋องแปดรู้สึกฉงนในใจเล็กน้อย
ในเมื่อคนที่เขาต้องการให้เห็นว่าเขามีใจให้คุณหนูกู้ฟางเซียนลุกออกไปแล้ว เขาจึงไม่จำเป็นต้องแสดงท่าทางของบุรุษที่กำลังจะเกี้ยวสาวงามอีก เขาทำตัวเช่นปกติ ยกสุราจิบแล้วก็หันไปสนทนากับเหล่าพี่น้องของเขาบ้าง สนทนากับเหล่าแม่ทัพทั้งหลาย ขุนนางผู้ใหญ่ที่นั่งอยู่ไม่ไกลบ้าง โดยไม่ได้หันมองไปทางคุณหนูกู้ฟางเซียนอีกเลย ซึ่งท่าทางที่เปลี่ยนไปกระทันหันของเขาเช่นนี้ทำให้คุณหนูกู้ที่หลงคิดไปว่าเขาพึงใจนาง จนส่งสายตาให้นางไม่ขาดระยะนั้นงุนงงไม่น้อยกับท่าทางที่เปลี่ยนไปกระทันหันของเขา นางหันไปมองเขาหลาย ๆ ครั้งมาก แต่เขาก็ไม่หันมาสนใจนางเช่นเมื่อครู่อีกเลย
ขณะที่ท่านอ๋องหนุ่มยกสุราขึ้นจิบเรืื่อย ๆนั้น สุรากานั้นมีคนรับใช้ของจวนแม่ทัพนำมาเติมให้ไม่ขาดระยะ แต่คนรับใช้ผู้นั้นรับเงินว่าจ้างจากคุณหนูเผยอันอันบุตรีของคหบดีเผยที่ร่ำรวยที่สุดของเมืองหลวงนี้ เพื่อวางยาปลุกกำหนัดท่านอ๋องแปด และเมื่อเขาดื่มสุรานี้ไปได้ครู่หนึ่งก็ให้นำจดหมายน้อยของนางส่งให้เขา เพื่อที่เขาจะได้ออกมาพบนางที่เรือนเล็กข้างๆเรือนหลักนางจะรอเขาอยู่ที่นี่ นางเขียนจดหมายไปหลอกให้เขาออกมาพบโดยอ้างชื่อบิดาของนางมีเรื่องด่วนที่เป็นความลับต้องการปรึกษาเขาและห้ามบอกกับผู้ใด แต่เมื่อท่านอ๋องแปดดื่มไปได้เพียงครู่เขาก็ลุกออกไปทันที โดยที่สาวใช้ที่ได้รับการว่าจ้างนั้นยังไม่ได้ส่งจดหมายให้กับเขาเลยด้วยซ้ำ สาวใช้ผู้นั้นจึงได้แต่ทำท่าเลิกลั่กแล้วหันไปมา ด้วยมิรู้จะทำเช่นไร และไม่อาจจะแก้ไขสิ่งใดได้
ท่านอ๋องหนุ่มรู้สึกถึงความกำหนัดที่พุ่งขึ้นสูงและความร้อนรุ่มที่อยู่ ๆก็เกิดขึ้นอย่างมากมาย เขาคิดว่าเขาน่าจะถูกสตรีวางยาปลุกกำหนัดเข้าแล้ว และสตรีที่ร้ายกาจพอที่จะทำเรื่องเช่นนี้ เขาคิดออกอยู่ผู้เดียวคือคุณหนูหยูหงลี่ที่เดินออกไปจากงานเลี้ยงเมื่อครู่ เขาจึงได้รีบวิ่งออกมาจากงานเลี้ยงและใช้กำลังภายในเหาะไปให้เร็วยิ่งขึ้นเพื่อมุ่งตรงไปที่ลำธารเล็กด้านหลังจวนแม่ทัพใหญ่ที่มันอยู่เลยจากลานฝึกยุทธ์ด้านหลังจวนไปสักหน่อย เขาเคยไปที่นั่นมาแล้ว เมื่อครั้งที่มาฝึกยุทธ์ที่นี่เมื่อปีก่อน คราวนี้เขานึกถึงมันขึ้นมาได้จึงรีบมุ่งตรงไปที่นั่นทันที
ส่วนคุณหนูหยูหงลี่ที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับเขา นางเพียงแค่ช้ำรักและเป็นหญิงอกหักที่ร้องไห้จนเจ็บแปลบที่กลางอกไปหมด และนางไม่อยากจะร้องไห้ให้ผู้อื่นเห็นจึงได้หลบออกมาจากบริเวณงานเลี้ยงและเดินร้องไห้มาเรื่อย ๆจนผ่านโรงครัวที่ยังคงมีบ่าวไพร่จัดเตรียมข้าวของกันอย่างขะมักขะเม้นนางจึงเดินเลี่ยงมาจนถึงลานฝึกยุทธ์และได้ยินเสียงน้ำไหลจึงได้เดินตามเสียงมาเรื่อย ๆจนพบลำธารสายหนึ่งนางจึงได้นั่งลงที่โขดหินและร้องไห้ออกมาอย่างอดกลั้นไม่ไหวอีกต่อไป จนเมื่อร้องไห้จนสาแก่ใจตนเองแล้ว นางก็กลั้นสะอื้นและคิดได้ว่านางจะตัดใจจากท่านอ๋องแปดผู้นั้นแล้วจะหันไปมองบุรุษอื่นๆดูบ้าง บุรุษก็มีออกจะมากมายเช่นดังที่นางเห็นในงานเลี้ยงนี้เหตุใดต้องปักใจเพียงบุรุษผู้นั้นด้วย
เมื่อหงลี่คิดได้แล้ว และนางรู้สึกว่าตอนนี้อากาศร้อนอบอ้าวไม่น้อยหากได้แหวกว่ายน้ำเล่นก่อนจะกลับจวนคงจะดีไม่น้อยจึงได้ค่อย ๆ ถอดอาภรณ์ออกจนหมดแล้วกองไว้บนโขดหินข้างลำธารแล้วก็ลงแหวกว่ายเล่นไปมา นางรู้สึกสดชื่นสบายใจขึ้น แม้มันจะดูแผลงๆที่นางลงมาว่ายน้ำตอนกลางคืนเช่นนี้ แต่นางก็คิดว่าอย่างน้อยทุกคนต่างก็กำลังสนุกสนานอยู่ที่งานเลี้ยงคงไม่มีใครอุตริมาว่ายน้ำหรือมาทำอะไรที่ลำธารเช่นที่นางกำลังทำอยู่นี้หรอก แต่นั่นเป็นเพียงความคิดคำนึงของนางเพียงผู้เดียว เพราะอีกครู่ใหญ่ต่อมาร่างสูงสง่าของท่านอ๋องแปดก็มุ่งตรงมาที่ลำธารสายนี้เช่นกัน
เมื่อมาถึงเขารีบถอดอาภรณ์ออกอย่างรวดเร็วแล้วกระโดดลงไปในลำธารอย่างรีบร้อนเพราะทนกับอาการร้อนรุ่มไม่ไหว ทั้งร้อนรุ่มทั้งกำหนัดพุ่งขึ้นสูง เจ้าลูกชายตาเดียวของเขาที่ตอนนี้มันผงาดง้ำเหลือเกินมันพร้อมจะสู้รบกับสตรีเป็นอย่างมาก ตอนนี้จะเป็นสตรีใดก็ได้มันก็ยอมทั้งนั้น แต่อ๋องหนุ่มพยายามอดกลั้นและห้ามปรามเจ้าลูกชายของเขาไม่ให้คิดเรื่องน่าสยดสยองเช่นนั้น จึงได้เร่งลงน้ำอย่างรีบร้อน เพื่อให้สายน้ำเย็นๆช่วยคลายความร้อนรุ่มและกำหนัดลง
ด้านหงลี่ที่ได้ยินเสียงกระโดดน้ำตูมใหญ่ นางตกใจเป็นอย่างมากรีบว่ายไปหลบที่หลังโขดหิน และแอบจ้องมองชายที่แหวกว่ายน้ำอยู่ นางพยายามหลบให้ตัวลีบที่สุด ไม่น่าจะรนหาที่เลย ไม่รู้ว่าใครอุตริมากระโดดน้ำเล่นค่ำมืดเช่่นนี้ แล้วนี่ข้าจะขึ้นจากน้ำได้อย่างไรเล่า เจ้าบ้าเอ้ย หงลี่รำพึงกับตนเอง นางหันมองไปมา พลางคิดหาหนทางที่จะไปจากลำธารนี้ให้เร็วที่สุด แต่อาภรณ์ของข้าก็อยู่บนโขดหินนั่น จะทำเช่นไรดี ท่านเทพเซียนเจ้าขาช่วยลูกด้วย นางหันซ้ายขวาละล้าละลังไม่รู้จะทำเช่นไรดี
แต่เหมือนเทพเซียนอุ้มสม อ๋องหนุ่มเป็นผู้ฝึกยุทธ์ประสาทสัมผัสของเขาจึงดีกว่าคนปกติเท่าไปหลายเท่า เขาได้ยินเสียงหายใจและเสียงน้ำกระเพื่อมเบาๆ จึงได้ค่อยแหวกว่ายน้ำช้าๆอ้อมก้อนหินที่หงลี่หลบอยู่จนพบนางเข้า “ คุณหนูหยู ไม่ผิดจากที่คิดจริงๆ เจ้ามารอเปิ่นหวางอยู่แล้ว เจ้านี่ร้ายไม่เบา วางยาปลุกกำหนัดบุรุษทั้ง ๆที่เขาไม่สนใจเจ้า ตามตอแยเปิ่นหวางมานาน คงเห็นว่าทำเช่นไรเปิ่นหวางก็ไม่สนใจจึงได้ทำเช่นนี้ หญิงร้ายกาจเช่นเจ้าไม่รู้จักเกรงกลัวสิ่งใดบ้างเลยหรือ ” อ๋องหนุ่มเอ่ยปากต่อว่านางทันที เพราะเขาคิดอยู่แล้วว่าเรื่องต่ำช้าเช่่นนี้ต้องเป็นนางอย่างแน่นอน
เขาเอ่ยปากอ้อนวอนอย่างทนไม่ไหว แต่องครักษ์ฉางเก้อที่ต้องการจะสั่งสอนเมียร่านก็ไม่ยอมจัดการคนตรงหน้าเสียที เขายังคงโยกคลึงเสียดสีอยู่เช่นนั้น “ อ๊าย อ๊าา อ๊าาา ท่านพี่ ท่านเป็นผัวข้าเพียงผู้เดียวเท่านั้น ได้โปรด ได้โปรดรักข้าเสียที ข้าเสียวจะตายอยู่แล้ว อ๊ายย อ๊าายย อ๊าาา อ๊าา “ หลังจากนั้น เขาก็ถูกองครักษ์ฉางเก้อกดกระแทกเขาอย่างรุนแรงและเร่าร้อน เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังก้องไปทั้งเรือนเล็กนั้น หัวเตียงกระแทกฝาผนังดังก้อง เตียงหลังใหญ่่ไหวโยกอย่างรุนแรง ผสานไปกับเสียงร้องครวญครางอย่างสุขสมของสองผัวเมียที่แม้จะรักกันเพียงใดแต่ก็็ไม่อาจจะเปิดเผยให้ผู้อื่นรับรู้การครองคู่ของพวกเขาได้จนเมื่อสุขสมกันไปจนนับครั้งไม่ถ้วนจึงได้นอนกอดกันอย่างมีความสุข “ ท่านพี่ต่อไปท่านจะมีเพียงข้าหรือไม่ หากท่านมองชายอื่่น หรือคิดนอกใจข้าอีก ข้าจะหาสามีใหม่ทันที ท่านคงจะรู้นะว่าข้าหาได้ไม่ยาก ” เหวินเปียวเอ่ยบอกกับสามีที่กำลังกอดร่างบางของเขาเอาไว้ในอ้อมอกแกร่ง“ พี่เข้าใจแล้ว พี่จะไม่มองชายอื่นอีก พี่จะรักเจ้าเพียงผู้เดียว เมียรัก แม้เราจะมิอาจครองคู่แต่งงานกันได้ แต่พี่รักเจ้า พี่คิดเสมอว่าเจ้าคือเมีย เมียเพี
งานแต่งงานของท่านอ๋องแปดซีเฉินอี้กับคุณหนูหยูหงลี่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ขบวนสินสอดและสินเดิมเป็นขบวนที่ยาวสุดลูกหูลูกตา ชาวบ้านร้านตลาดต่างก็ออกมามุงดูเต็มสองข้างทาง อ๋องหนุ่มขี่ม้ามารับเจ้าสาวด้วยตนเองด้วยใบหน้าที่บานยิ่งกว่าจานเชิง เขายิ้มน้อยยิ้มใหญ่จนกระทั่งผ่านพ้นพิธีแต่งงานตามธรรมเนียมจนเรียบร้อย จนถึงการจัดงานเลี้ยงแขกเหรื่อที่มากันเต็มลานกว้างหน้าเรือนหลักของเขาอ๋องหนุ่มอารมณ์ดีเป็นอย่างยิ่ง ยิ่งใครๆต่างก็ชมว่าวันนี้เจ้าสาวของเขางดงามยิ่งนัก เขายิ้มรับด้วยใบหน้าบานไม่ว่าใครพูดอะไรก็ยิ้มรับไปเสียหมด นับว่าเขาแสดงออกถึงความสุขจนแขกหลายๆคนกังขาไปตามๆกัน ไหนมีคนบอกว่าท่านอ๋องถูกบีบบังคับให้แต่งงานกับคุณหนูหยูหงลี่อย่างไรกันเล่า แต่เมื่อเห็นหน้าของเจ้าบ่าวที่เบิกบานเสียขนาดนี้จึงพากันคิดว่าความจริงคงจะไม่เป็นอย่างที่มีคนเล่าลือกันไปต่างๆนาๆ ตามร้านเสริมความงามและร้านอาภรณ์หรือร้้านขายเครื่องประทินผิว และตามภัตตาคารชื่อดังที่เหล่าชนชั้นสูงต่างมักไปพบปะสังสรรค์กัน หรือแม้แต่ตามโรงเตี้ยมต่างก็เล่าลือถึงเรื่องงานแต่งงานนี้ คุณหนูหลาย ๆ จวนต่างก็กระซิบกระซาบเล่่าลือถึงพฤติกรรมของคุณหน
“ เจ้าว่าอะไรนะ ใครมาหาข้านะ ” คุณหนูหยูหงลี่หันขวับไปมองหน้าสาวใช้ที่มาตามนางไปพบแขกที่รออยู่ที่เรือนหลัก และขณะนี้กำลังนั่งจิบน้ำชากับบิดาของนางอยู่ “ ท่านอ๋องแปดเจ้าค่ะ มาขออนุญาติพาคุณหนูไปเที่ยวเล่นข้างนอกเจ้าค่ะ และนายท่านก็อนุญาติแล้ว ” ท่านพ่ออนุญาติให้เขาพาข้าไปเที่ยวเล่น อะไรกัน“ ข้าไม่ไปหรอก จะพาข้าไปไหนทำไมไม่มาถามความสมัครใจก่อน หญิงเช่นข้ามีศักดิ์ศรีไม่ไปไหนกับผู้ใดง่าย ๆ หรอก ” นางปฏิเสธอย่างไรเยื่อใยทันที ขณะที่สาวใช้ผู้นั้นมองนางอย่างอ้อนวอนเพื่อให้ปฏิบัติตามคำสั่งของนายท่าน นางจะได้ไม่ต้องพลอยยุ่งยากไปด้วย ครึ่งชั่วยามต่อมา “ ท่านอ๋องท่านขยับออกไป อย่ามาเบียดข้าเช่นนี้มันอึดอัดนะ ” นางหันไปตวาดแว๊ดใส่ร่างหนาที่นั่งโอบกอดนางเอาไว้หลวมๆ เขานั่งอยู่บนม้าตัวสูงใหญ่สง่างามของเขาที่มีนางนั่งอยู่ด้านหน้าในอ้อมกอดแกร่งนั่น อ๋องหนุ่มยกยิ้ม เขาแกล้งลื่นไถลเหมือนทรงตัวบนม้าไม่ได้แล้วเลื่อนตัวแนบชิดกับนางจนตัวแทบจะติดกัน จนเขาสัมผัสถึงก้นอวบอั๋นของนางได้ถนัดถนี่“ จังหวะม้าวิ่งเร็วเช่นนี้ เปิ่นหวางทรงตัวไม่ได้ เจ้าก็นั่งนิ่ง ๆ สิ จะโวยวายไปทำไม พื้นที่หลังม้าแคบเพียงแค่นี้มันก
เช้าวันต่อมาท่านอ๋องแปดจึงได้สั่งให้รถม้าไปที่จวนเสนาบดีหยูเพื่อจัดเรื่องหัวใจของตนเองให้เรียบร้อย หญิงเช่นหงลี่พูดดีๆไม่รู้เรื่องคงจะต้องให้คนที่นางไม่อาจจะขัดขืนได้จัดการเสียแล้ว เมื่อไปถึงจวนเสนาบดีหยู อ๋องหนุ่มจึงได้เดินเข้าไปในจวนโดยมีพ่อบ้านหยูออกมาต้อนรับเขา แล้วเชิญเขาเข้าไปหานายท่านที่กำลังนั่งจิบน้ำชาอยู่ในห้องโถงภายในเรือนหลัง ขณะที่อ๋องหนุ่มเดินตามพ่อบ้านหยูเข้าไปนั้น เขาก็หันไปมองรอบๆแล้วเอ่ยว่า“ ช่วงนี้คุณหนูหยูไม่ค่อยออกไปทีใดหรือ เปิ่นหวางไม่ค่อยได้พบหน้านางเลย ” พ่อบ้านหยูเอ่ยตอบเขาไปอย่างแปลกใจเพราะปกติแล้วท่านอ๋องไม่ค่อยสนใจคุณหนูของเขานัก “ ช่วงหลังมานี้คุณหนูอยู่ติดจวนมากขึ้นพะยะคะ และเห็นว่านางกำลังร่วมทุนกับสหายคือคุณชายจางเพื่อทำการค้า ทั้งสองจึงได้ออกไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อย แต่ไม่มีเวลาไปเที่ยวเตร่หรือไปงานเลี้ยงพะยะคะ ” อ๋องหนุ่มชะงักไป “ นางกับคุณชายจางเป็นสหายกันหรือ” พ่อบ้านหยูที่ไม่ได้รู้เรื่องอันใดก็ตอบไปว่า “ เป็นสหายกันมาได้พักใหญ่พะยะคะ ทั้งสองสนิทกันมาก คุณชายจางแวะมากินขนมและสนทนากับคุณหนูอยู่บ่อยๆ ” อ๋องหนุ่มยกยิ้มนิดๆ เขาคงต้องให้องครักษ์ไปสืบดูเ
เขาจึงได้ยกลำกายอวบใหญ่ของเขาสอดเข้าไปในร่องอวบของนางทันที “ อ๊า อ๊า องค์ชายเพคะ เจ็บ ข้าเจ็บ อ๊าาย อ๊าย ” นางกรีดร้องเพราะเจ็บแปลบที่กลางกายเหลือเกิน แม้จะเสียวแต่ก็เจ็บมากจนทนแทบไม่ไหว องค์ชายหกพยายามดันเจ้าลูกรักเข้าไปในร่องอวบของนางแต่พบว่ามันช่างคับแน่นเหลือเกิน เขาจึงได้แช่ลำกายใหญ่ของตนเองไว้เพียงครึ่ง แล้วก้มลงจูบนางทันที อี้หลานที่ตอนนี้นางถอยไปไม่ได้อีกแล้ว แม้จะเจ็บปวดแต่สมองก็ยังคงระลึกได้ว่านางต้องจับชายผู้นี้เอาไว้ให้มั่น นางตกเป็นของเขาไปเสียแล้วคงมิอาจจะหวนกลับไปจับท่านอ๋องแปดได้อีก เพราะพวกเขาเป็นพี่น้องกัน องค์ชายผู้นี้ก็ไม่เลวหากนางทำให้เขาหลงไหลได้ นางก็จะสบายเขาคงไม่ใจร้ายทอดทิ้งนางไปโดยที่ไม่ให้อะไรเลยหรอก คิดได้ดังนี้อี้หลันจึงได้อ้าปากรับลิ้นสากของเขาอย่างเต็มใจและส่งลิ้นเล็กของตนเองเข้าพัวพันกับลิ้นสากของเขาอย่างดูดดื่ม องค์ชายหนุ่มพึงใจที่นางเรียนรู้ได้รวดเร็วและไม่หวงตัว ทั้งสองจูบกันอย่างดูดดื่มยาวนาน จนเขาคิดว่านางเคลิบเคลิ้มตามที่เขาต้องการหลอกล่อแล้ว จึงได้ดันลำกายอวบใหญ่ของเขาเข้าไปจนมิดลำกายทันทีที่เจ้าลูกรักขององค์ชายหนุ่มเข้าไปได้จนหมดแล้ว จึงได้
อี้หลานที่ถูกชายสูงศักดิ์ผู้นี้จูบจนร่างขาวผ่องของนางอ่อนระทวย เขาจึงได้ผละออก แล้วก็ก้มลงจูบนางอีกอย่างดูดดื่มยาวนานจนกลายเป็นเร่าร้อน จึงได้ยอมปล่อยริมฝีปากที่บวมเจ่อเป็นอิสระ “ เจ้ารนหาที่เองนะ แต่ข้าก็ชักจะติดใจเจ้าเสียแล้ว ” เขาเอ่ยขึ้นแล้วก้มลงไล้เลียใบหูเล็กของนางจนร่างอ้อนแอ้นสะท้านในอ้อมกอดของเขา “ อ๊าา อ๊าา อย่านะ อย่าเพคะ อย่า อ๊าา อ๊าา ” นางเอ่ยร้องห้ามเขาสลับกับครางเบาๆ แต่องค์ชายหกหรือจะสนใจเสียงร้องห้ามที่แผ่วเบาจนแทบจะไม่ได้ยินนี้ เขายิ่งไล้เลียใบหน้าหวานของนางจนลงมาที่ซอกคอระหงขาวผ่อง เขายกร่างของนางขึ้นแนบไปกับลำตัวหนาของเขาแล้วเดินไปที่ก้อนหินกลางบ่อน้ำที่เขาเอนกายพิงอยู่เมื่อครู่ แล้วยกเรือนร่างขาวผ่องของนางเกยไว้บนหินก้อนนั้นครึ่งตัวจนทรวงอกอวบใหญ่ขาวผ่องที่มีผลอิงเถาสั่นระริกเหมือนรอคอยเขาอยู่นั้น อยู่ระดับเดียวกับใบหน้าหล่อเหลาของเขา องค์ชายหนุ่มจ้องมองมันจนทนไม่ไหวจึงได้อ้าปากดูดดื่มมันทันที “ อ๊ายย อ๊าา อ๊าา อ๊าา องค์ชายเพคะ องค์ชาย อ๊าา อ๊าาา ” อี้หลานครางกระเส่าทันทีที่ลิ้นสากสัมผัสกับผลอิงเถาของนาง นางแอ่นอกอวบพลางส่ายไปมาอย่างร่านร้อน นางเสียว เสียวเหลือ