เจียวลี่ถูกบิดาของตนขายนางให้หอคณิกา ด้วยความไม่เต็มใจ แต่นางก็ต้องจำใจทำตามที่บิดาสั่ง แล้วเรื่องราวชีวิตในหอคณิกาจึงเริ่มขึ้น
View Moreตอนที่ 1 เส้นทางการเป็นนางคณิกาของ มู่เจียวลี่
หญิงสาวรูปร่างผอมบางนามว่า มู่เจียวลี่ นางยืนตัวสั่นอยู่เบื้องหลังของผู้เป็นบิดา ที่กำลังคุยกับเจ้าของหอนางโลมชื่อดังของเมือง พ่อของนางรับเงินจากเจ้าของหอมาเรียบร้อย ก่อนจะหลังกลับมาหาผู้เป็นลูกสาว “เจียวลี่ เจ้าต้องเข้าใจสถานะของพวกเราด้วย ขืนเจ้าอยู่กับพวกเราต่อไปเจ้ามีแต่จะลำบาก” “แต่…ท่านพ่อข้าทนลำบากได้ พวกท่านให้ข้าไปด้วยเถิดเจ้าคะ” นางเอ่ยบอกบิดาเสียงสั่น แต่เดิมครอบครัวของนางมีกิจการร้านยาสมุนไพรใหญ่โตอยู่ในเมืองหลวง แต่ด้วยความผิดเพียงครั้งเดียว เนื่องจากสมุนไพรที่จัดให้ขุนนางตระกูลใหญ่เกิดมีปัญหา ทำใหญ่ขุนนางคนนี้นถึงแก่ชีวิต ครอบครัวของนางจึงต้องเดือดร้อนถึงกับสิ้นเนื้อประดาตัว แถมยังโดนขับไล่ของจากเมืองหลวงด้วย พ่อของนางจึงจำต้องขายเจียวลี่ให้หอนางโลม เพื่อนำเงินที่ได้เป็นค่าเดินทางและไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เมืองอื่น “ไม่ต้องกลัว อยู่กับข้าที่นี้ ไม่ต้องกลัว รอพ่อเจ้ามาไถ่ตัว เชื่อข้า” ซูเย ผู้ดูแลหอนางโลมเอ่ยกับนาง เจียวลี่มองดูหญิงงามเบื้องหน้า นางดูมีอายุแล้วแต่ยังคงงดงามและดูใจดี ซูเยเอื้อมมือไปจับมือเจียวลี่ไว้ ให้นางปล่อยแขนออกจากบิดา แล้วมองดูบิดาเดินจากไป “ที่นี่เป็นหอนางคณิกา” “ข้ารู้เจ้าคะ” เจียวลี่ใบหน้าเศร้าสร้อยน้ำตาไหลนอง “แต่ที่นี่ไม่มีการบังคับฝืนใจ ถ้าเจ้ามีความสามารถพอ” ซูเยเอ่ยบอกนาง “......” เจียวลี่ไม่ได้ตอบอันใด นางยังคงทุกข์ใจอยู่ “เอาล่ะ ข้าจะให้คนพาเจ้าไปที่ห้องพัก เจ้าไปคิดทบทวนเอาว่าเจ้ามีความสามารถด้านใดบ้างแล้วพรุ้งนี้ก็มาแจ้งข้า” “เจ้าค่ะ” เจียวลี่เดินตามหญิงคณิกานางหนึ่งไป “พี่ซู นางบริสุทธิ์หรือไม่” สวีอันนางคนิกาอีกคนเอ่ยถามซูเย ทันทีที่เห็นเจียวลี่ออกไป “บิดานางบอกว่านางบริสุทธิ์ แต่เดี๋ยวเราค่อยพิสูจน์กัน” “ดูเหมือนนางจะไม่ยินยอมนะ” “ข้าก็มีวิธีของข้า ไม่ฝืนใจนางแน่ ๆ” ซูเยมองทางที่เจียวลี่เดินไปอย่างครุ่นคิด เจียวลี่นางเป็นสตรีที่หน้าตางดงดงาม ผิวกายขาวผ่องนุ่มนวลแบบตระกูลผู้ดี ดูท่านางคงไม่เคยลำบากมาก่อน ต่อไปนางจะต้องเรียกแขกเข้าหอได้เยอะแน่ ๆ เจียวลี่ถูกนำทางมาที่ห้องพัก แต่ห้องนี้นางต้องพักอยู่กับคณิกาที่นำทางมาเมื่อครู่ นามว่า ถิงถิง จากที่ได้คุยกันถิงถิงเป็นนางคนิกาที่นี่มาปีกว่าแล้วนางก็ถูกพ่อแม่ขายมาเหมือนกันแต่นางไม่มีความสามารถอะไร อ่านเขียนก็ไม่ได้เล่นดนตรีหรือขับร้องก็ได้ไม่เช่นกัน นางจึงต้องค่อยรับแขกสนองตัณหาสร้างความสุขทางกายให้เหล่าบุรุษบทที่ 10 เจ๋อหมิง กวีหนุ่ม NCร่างกายนางสั่นไหวเล็กน้อย เสียงลมหายใจของเขาขาดห้วงดังแผ่วอยู่ใต้ลำคอขาวระหง แต่เพียงครู่เดี๋ยวกลับเปลี่ยนไป เมื่อเขาสบตานางอีกครั้ง ดวงตานั้นกลับไม่เหมือนเมื่อครู่นี้ มันลุกวาว ดุดัน ราวกับสัตว์ร้ายที่เก็บกักตัวเองไว้นานเกินไปเจียวลี่ขยับตัวเล็กน้อย รู้สึกถึงบรรยากาศแปลกประหลาดที่คืบคลานเข้ามาในห้อง"คุณชายเจ๋อหมิง..." นางเอ่ยเบา ๆชายหนุ่มไม่ตอบอะไร เขากลับยิ้มกริ่ม มองนางรางกับจะกลืนร่างนางไปทั้งตัว ดวงตาร้อนระอุราวกับเปลวไฟ ก่อนจะโน้มใบหน้าลงมาแนบชิด"เจียวลี่..." คำพูดน้ำเสียงเขานั้น เปลี่ยนจากที่อ่อนนุ่น เป็นแข็งกร้าวกระด้าง และเต็มไปด้วยความกระหายอย่างหน้ากลัวเจียวลี่เบิกตากว้างประหลาดใจที่จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนราวกับเป็นคนละคนยังไม่ทันได้เอ่ยสิ่งใด ริมฝีปากหยาบกร้านของเขาก็ประกบลงมาอย่างรุนแรง ไม่อ่อนโยน ไม่ทะนุถนอมดังที่พูดหากแต่เร่าร้อน ดิบเถื่อน และเต็มไปด้วยไฟปรารถนาที่ปะทุรุนแรงในอกริมฝีปากเขาขบเม้มกลีบปากบางจนเจ็บ ลิ้นร้อนสอดลึกเข้าไปกวาดต้อนราวกับจะกลืนกินนางทั้งตัวเจียวลี่พยายามดิ้น มือบางทุบอกเขาเบา ๆ อย่างขัดขืน พยายามช่วงชิงลมหายใจขอ
บทที่ 9 เจ๋อหมิง กวีหนุ่มหลายคืนต่อมาท่ามกลางลมเย็น หอประโลมรักจัดงานราตรีพิเศษ เปิดเวทีให้เหล่ากวี ผู้มีชื่อเสียงในเมืองหลวง ได้แสดงฝีมือประชันบทกวีใต้แสงจันทร์บรรดาขุนนาง พ่อค้า เศรษฐี ต่างหลั่งไหลเข้ามาจนเนืองแน่น โคมไฟนับร้อยส่องประกายวิบวับระยิบระยับ เสียงขับร้อง พิณ กู่เจิง ดนตรีอ่อนหวานแว่วกังวานดังไปทั่วทั้งหอและในค่ำคืนนั้นเอง บุรุษผู้หนึ่ง ปรากฏตัวในท่ามกลางผู้คนเขาคือ เจ๋อหมิง กวีหนุ่มผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือทั่วเมืองหลวงใบหน้าเขางดงามราวภาพวาด ขนตายาวงอน ดวงตาเปล่งประกายอ่อนโยน สวมอาภรณ์สีฟ้าอ่อนปักลายเมฆขาว นั่งอยู่ใต้กระถางต้นหลิวใกล้เวทีเจียวลี่นั่งอยู่บนเวทีเล็ก ประคองพิณในอ้อมแขน ดวงตาคู่งามของนางเผลอมองเขาครู่หนึ่ง ด้วยความสนใจที่มิอาจหักห้ามเจ๋อหมิงค้อมกายเล็กน้อย ก่อนหยิบกระดาษขาวออกมา เขาเขียนบทกวีด้วยลายมืออ่อนช้อยละมุนราวกับสายลม จากนั้นจึงได้ลุกขึ้น เสียงเขาเอ่ยอ่านบทกวีออกมา ชัดเจนและนุ่มนวลยิ่งนัก"ในราตรีมืดมิด เสียงพิณหนึ่งสายไหลล่อง กรีดกลางใจให้สะท้านดังสายลมเหนือเมฆา ผู้ใดจะรู้...ว่าภายใต้ม่านแพรบางเบาปลิวไสว มีแม่นาง ที่งมงามกักขังข้าด้วยเพียงหนึ
บทที่ 8 คืนที่สอง ของแม่ทัพเผยเสียงดนตรีเบา ๆ ลอยล่องไปตามสายลมยามราตรี หอประโลมนักในค่ำคืนนี้คึกคักกว่าทุกวันสาวงามทั้งหลายต่างแต่งกายงดงามเตรียมตัวรอรับแขกชั้นสูงที่มาเยือนแต่ภายในห้องชั้นในสุดของหอ ที่ประดับด้วยม่านแพรสีทองอ่อนและโคมไฟหยก บรรยากาศกลับสงบเย็น แตกต่างจากภายนอกโดยสิ้นเชิงแม่ทัพเผยนั่งพิงพนักเตียงกว้าง อ้อมแขนแข็งแรงโอบร่างบางของเจียวลี่ไว้แนบอกเจียวลี่นั่งกึ่งนอนในอ้อมแขนเขา ใบหน้าแดงระเรื่ออย่างเขินอาย ปลายนิ้วมือเรียวลูบวนเบา ๆ บนแถบผ้าของชุดนอนบางเบาที่สวมอยู่"เด็กดีของข้า..." เขาพึมพำอย่างพึงพอใจ ท่ามกลางม่านแพรโปร่งที่ปลิวไสวด้วยลมอ่อน ๆแม่ทัพเผยโอบรัดร่างบางในอ้อมแขนอย่างหวงแหน ดวงตาคมวาววับด้วยไฟปรารถนาที่คุกรุ่น"เจ้า...งามเกินกว่าข้าจะห้ามใจ"เสียงทุ้มต่ำเอ่ยพร่ากระซิบที่ข้างหูนาง ก่อนที่ริมฝีปากหยักจะไล้ลงมาตามลำคอระหงอย่างแผ่วเบาเจียวลี่สะท้านไหวไปทั้งกาย ปลายนิ้วเรียวเกาะเกี่ยวผ้าห่มแน่นแม่ทัพเผยใช้นิ้วหัวแม่มือเกี่ยวสายชุดนอนบางเบาของนางให้เลื่อนตกจากไหล่เนียน แล้วปลดปล่อยเรือนร่างเปลือยเปล่าออกมาต่อสายตาอันเร่าร้อนของเขาเขาก้มลง ลิ้มรสผิวเนื้
ตอนที่ 7 แม่ทัพเผย วีรบุรุษกู้เมืองแม้เพิ่งปลดปล่อยแรงปรารถนาออกไป แม่ทัพเผยกลับยังไม่ละสายตาจากร่างบางที่นอนหอบหายใจอยู่ใต้ร่างเขาดวงตาคมกริบฉายแววหิวกระหายไม่รู้จักพอ ร่างกายกำยำยังคงตึงเครียด แทบไม่ต้องการให้อะไรขวางกั้นความปรารถนาที่คั่งค้างอยู่เขากดจูบแผ่วเบาที่หน้าผากของนาง ก่อนจะเลื่อนลงมาทางปลายคางนุ่ม ไล่เลียราวกับต้องการดูดกลืนความหวานหอมของนางอีกครั้ง“อืมมม..” เจียวลี่ขยับตัวอย่างอ่อนแรง เสียงครางแผ่วเบาหลุดจากเรียวปากบาง ขณะที่สะโพกบอบบางสั่นไหวเบา ๆ ใต้สัมผัสของเขาแม่ทัพเผยเงยหน้าขึ้น จับจ้องดวงหน้าแดงระเรื่อของนางด้วยแววตาวาวโรจน์เต็มไปด้วยความปราถนา"ข้า...ยังไม่อิ่ม..." เขาพึมพำเสียงพร่า ก่อนจะก้มลงประกบปากนางอย่างเร่าร้อนริมฝีปากหยักบดขยี้อย่างหนักหน่วง รั้งปลายลิ้นนุ่มเข้าไปสำรวจจนเจียวลี่หลุดเสียงครางหวานหวาน"ท่าน อ๊ะ.." นางครางเรียกเขาเบา ๆ พยายามเบี่ยงหน้าหนีความร้อนแรงที่ถาโถมมาใหม่ แต่กลับถูกเขาตรึงไว้แน่นหนามือหนาไล้ไปตามเรียวขาเรียวยาว บีบขยำเบา ๆ อย่างหวงแหน ก่อนจะจับขานางพาดบนเอวสอบของตนเองลำรักแข็งแกร่งถูไถค่อย ๆ ดันแทรกตัวกลับเข้าไปในตัวนางอีกคร
บทที่ 6 แม่ทัพเผย วีรบุรุษกู้เมืองร่างบอบบางสั่นสะท้านในอ้อมแขนร้อนผ่าว เสียงหอบหายใจของเจียวลี่ขาดเป็นห้วง ๆ นางจิกปลายนิ้วลงบนแผ่นหลังแข็งแกร่งของเขาอย่างลืมตัว พยายามหาที่ยึดเหนี่ยวท่ามกลางพายุอารมณ์ที่กำลังโหมกระหน่ำนิ้วหนาขยับเนิบนาบอย่างรัญจวน แม่ทัพเผยกัดฟันแน่น ลมหายใจแรงหนักหน่วง ร่างหนาถอนนิ้วออก ช้อนร่างเล็กของนางแล้ววางลงบนเตียงกว้าง จากนั้นแทรกกายเข้าหว่างกลางขานางอย่างรีบร้อน“ท่าน…อืมมม” มือหนาประคองท่อนเนื้อจดจ่อรูรักของนาง ทรวงอกแข็งแกร่งกระเพื่อมถี่ ร่างใหญ่โถมเบียดแท่งร้อนแข็งจัด กดแนบแน่นสอดเข้ารูรักของนางอย่างยากลำบาก “อ่าส์…แน่นอะไรเช่นนี่” แท่งรักอุ่นร้อนฝืนความรัดแน่นเคลื่อนตัวดข้าได้เพียงส่วนหัว "อืม..เจ็บ...." เสียงครางสั่นเครือของนางเล็ดลอดออกมาอย่างอับอาย ดวงตาหวานเปียกชื้นเอ่อคลอด้วยน้ำตาแห่งความเจ็บปวดและความรู้สึกที่ซับซ้อนปึก!“กรี๊ดด..ฮือ..ๆ” ทันทีที่แท่งร้อนถูกกดเข้าไปสุดลำโคน ร่างหนากดแช่ท่อนเนื้อไว้ราวกับหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว“อ่าส์..นิดเดียว เจียวลี่ นิดเดียว” แม่ทัพเผยเอ่ยปลอบนาง เขาขยับสะโพกช้า ๆ ดุจเพลิงเผาผลาญทุกสำนึกอย่างไร้ปรานีเขาเ
บทที่ 5 แม่ทัพเผย วีรบุรุษกู้เมือง“ข้าเห็นชายคนนั้นแทงลำเนื้อเข้าไปที่รูรักของเจ้าด้วย ข้าอยากลองบ้าง”“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ต้องเป็นคณิกาแบบข้า”“แบบเจ้า” “ใช่ คณิกาแบบข้า ถ้ายิ่งเป็นที่โปรดปรานก็จะมีบุรุษแวะเวียนมาร่วมรักด้วยทุกคืน”เจียวลี่คิดตาม ถ้าการร่วมรักมันมีความสุขเช่นนี้ งั้นมีทุกคืนก็ไม่มีวันเบื่อนะสิ “อืมม ข้าอยากเป็นคณิกาแบบเจ้า” “เช่นนั้นข้าจะบอกซูเย เจ้าพักผ่อนเถอะ” “อืม..” “นางยอมแล้วจริง ๆ หรือ” สวีอันประหลาดใจเล็กน้อย พลางยกจอกชาขึ้นดื่ม “ใช่เจ้าค่ะ วิธีของพี่ซูได้ผลยิ่งนัก” ถิงถิงรีบรินชาให้ซูเย“ข้าบอกแล้ว ว่ามีวิธีทีไม่ฝืนใจนาง” ซูเยยกชาขึ้นดื่มอย่างละเมียดละมัย“ที่สำคัญนางยังบริสุทธิ์” ถิงถิงป้องปากพูด“ดี..ดี อีกสองวันแม่ทัพเผย จะกลับจากลาดตระเวน เขาเป็นแขกสำคัญของหอ และยังเป็นวีรบุรุษกู้เมืองด้วย ถิงถิงเจ้าก็คอยสอนเคล็ดลับให้นาง ข้าจะให้นางรับใช้แม่ทัพเผยเป็นคนแรก” ซูเยเอ่ยสั่ง“แม่ทัพเผย …” เจียวลี่ครุ่นคิด ผู้คนในเมืองนี้ทุกคนต่างรู้จักเขา ผู้เป็นวีรบุรุษกู้เมือง ชนะศัตรูกู้แคว้น นางได้ยินชื่อเสียงของเขามาตั้งแต่ยังเด็ก “ใช่อีกสองวัน เจ้าจะต้องรับใช้แม
Comments