“ข้าเองก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่” ตงฟางซวี่กล่าว “เสียงของพวกนางเบามาก และข้าก็อยู่ไกลด้วย จึงได้ยินไม่ชัดนัก ตอนที่ข้าเดินไป พวกนางก็แยกย้ายกันไปแล้ว ได้ยินเพียงบางอย่างที่คลุมเครือ”“อย่างไรก็ตามท่านต้องระวังตัวหน่อย ระวังไฟไหม้ ระวังโจรกรรม ระวังผู้หญิงแพศยา”“ได้ ข้าจะเพิ่มการระวังให้มา
ในขณะเดียวกันในบรรดาทูตของราชวงศ์จงลู่ มีคนผู้หนึ่งลูบเครา พยักหน้าบ่อย ๆ พลางเอ่ยกับคนรอบข้าง “ฮ่องเต้แห่งตงลู่สามารถสารภาพความผิดพลาดของตนในโอกาสเช่นนี้ได้ อีกทั้งยังกล้าเสนอตัวสละราชบัลลังก์เพื่อชดใช้ความผิดพลาดอีก เป็นสิ่งที่น่าชื่นชมนัก”“ฮ่องเต้ที่กล้าทำและกล้ารับผิดเช่นนี้จะประสบความสำเร็จอย
ทุกคนไม่ได้รับอนุญาตให้นำอาวุธเข้าไปในพระราชวัง ย่อมไม่สามารถตัดผมได้เช่นกันพวกเขาทำได้เพียงต้องทำความเคารพเต็มพิธีการ และเอ่ยเสียงดัง “ทรงพระเจริญหมื่นปี”ฮ่องเต้มองทุกคนที่คุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยความรู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่ง“เรามีคุณธรรมและความสามารถมากเพียงใดกัน ถึงได้รับการสนับสนุนอย่างแข็งขั
ทำผิดแล้วก็ต้องชดใช้“เสด็จพ่อ ผู้ล่วงลับก็จากไปแล้ว หากยังคงจมอยู่กับความเจ็บปวดในอดีต วันข้างหน้าก็จะทุกข์เช่นกัน ไม่ว่าจะเพื่อเส้นทางการบำเพ็ญเพียรเป็นเซียนอันยาวไกลของพระสนมหลาน หรือเจ้าเก้าที่เพิ่งกลับสู่ตระกูลตงฟาง รวมถึงผู้คนในใต้หล้านี้ หวังว่าเสด็จพ่อจะทรงไตร่ตรองอีกครั้งเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่
ครั้นตงฟางหลีกล่าวเช่นนี้ออกมา เหล่าพระโอรสที่นั่งอยู่ต่างนั่งไม่ติดเก้าอี้ตงฟางอิงคล้ายนั่งอยู่บนพรมที่ถักทอด้วยเข็มแหลมคม รู้สึกไม่สบายไปทั้งตัวเขาวิ่งไปหาตงฟางหลีก่อนจะคุกเข่าลง โขกศีรษะลงอย่างแรง “ลูกก็เต็มใจที่จะใช้ชีวิตแลกพระชนมชีพของเสด็จพ่อเช่นกัน”องค์ชายแปดเห็นว่าเจ้าสิบออกหน้าแล้ว เขาเอ
ไม่ว่าจะผ่านความทุกข์ยากมามากเพียงใดแม้ว่าตนเองจักเคยตกอยู่ในความมืดมนและบอบช้ำมากเท่าใดเด็กคนนี้ยังคงเหมือนกับฟ้าหลังฝนก็ไม่ปาน ทั้งสว่างไสวใสกระจ่าง สะอาดราวกับอัญมณีล้ำค่า“เสียวจิ่ว” ฮ่องเต้จึงเข้ามาโอบกอดเขาเอาไว้ ริมฝีปากที่กระตุกขึ้นมาหลายครั้ง พร้อมด้วยอาการคัดจมูกในปีนั้น เขาทำผิดพลาดไปม