เสิ่นชิงเวยลักลอบออกจากโรงเตี้ยมไปที่บ่อนพนันหลังโรงรับจำนำ ก่อนจะเอาเสื้อที่ชุบน้ำมันเตรียมไว้ ค่อยๆจุดไฟทีละจุดไฟเริ่มลามนักพนันและคนงานรีบวิ่งดับไป เสิ่นชิงเวยคว้าตั๋วเงินมาได้อีกยี่สิบกว่าใบ รีบกลับไปยังโรงเตี้ยม ปลุกน้องๆให้ตื่นเพราะไปกำลังลามไปทั่วบ่อนและโรงรับจำนำ
ผู้คนแตกตื่นเสิ่นชิงเวยซ่อนตั๋วเงินทั้งหมดไว้ในรองเท้าที่ ร่างนี้เป็นคนตัวเล็กเมื่อสวมรองเท้าจึงทำให้สูงขึ้น คนจึงเชื่อว่านางเป็นบุรุษ ยามเฉินเจ้าหน้าที่ตรวจค้นทุกห้องเพื่อหาขโมยมีข้าวของถูกขโมยออกมาจากโรงรับจำนำกับบ่อนพนันมากมาย
ค้นจนมาถึงห้องของนางเสิ่นชิงเวยแสร้งไอรุนแรง เลือดที่นางลงทุนกรีดฝ่ามือตนเอง ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่กล้าเข้ามา เสิ่นชิงเวยเอามือปิดปากพร้อมไอรุนแรง
"แค่กๆๆ ท่านเจ้าหน้าที่ เชิญขอรับ"
"เจ้าเป็นอะไร แล้วน้องชายเจ้าสองคนนี้ด้วยป่วยเช่นกันหรือเปล่า"
"แค่กๆๆ เดิมข้าจะเข้าสอบ แต่เพราะป่วยร้ายแรง แค่กๆๆ ทางสำนักบัณฑิตจึงไล่กลับ เกรงว่าข้าจะแพร่เชื้อสู่ผู้อื่นขอรับ แค่กๆๆๆ"
มือปราบละเว้นห้องของพวกนางไม่ตรวจค้นเพราะเกรงกลัว เห็นนางไอจนเลือดยิ่งปอดแหกหนักกว่าเดิม เมื่อทุกคนไปแล้ว สามพี่น้องก็ประคองพี่สาวในชุดบัณฑิต ลงมายังข้างล่าง ผู้คนที่เห็นต่างหลีกไปไกล เถ้าแก่ร้านรีบไล่พวกเขา
เมื่อทั้งสามคนมาถึงร้านค้าสัตว์ เสิ่นชิงเวยจ่ายเงินส่วนที่เหลือ พาน้องๆขึ้นรถม้า ให้คนงานขับไปส่งจนพ้นประตูเมือง เมื่อมาถึงได้สามลี้จึงบังคับม้าต่อ ให้สินน้ำใจแก่คนงานห้าตำลึง เขาคำนับขอบคุณทันที แต่แค่แปลกใจอยู่ๆคนขี้โรคก็กระโดดขึ้นขับรถม้าโดยที่ดูไม่เหมือนคนป่วยสักนิด
เสิ่นชิงเวยแอบถามหาข้อมูลมาแล้วตงหนิงไม่ติดชายแดนนางกลัวเจอเขาต้องให้ห่างชายแดนรและเมืองหลวงมากที่สุดสามารถค้าขายได้พอควร ที่สำคัญห่างจากเมืองหลวงสองพันลี้ เมื่อคืนตอนน้องๆหลับนางนั่งนับตั๋วเงินที่ปล้นมาได้ ปรากฏว่านางได้มาถึงสามแสนตำลึง เอาล่ะได้เวลาตั้งรกรากเสียที
แต่ที่นางกังวลก็มาจนได้ด้วยเรียนวิชาแพทย์มาตอนเป็นสายลับ นางตรวจเจอชีพจรตั้งครรภ์ ไอ้แม่ทัพบ้านั่นน้ำยาแรงเป็นบ้า ทีเดียวท้องเลย ไม่ใช่ทีเดียวสิ ขย่มเจ๊ทั้งคืนเลยเฮ้อ ต้องมาเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวนี่นะ "เผยซ่างกวนไอ้ลูกหมา"
หนึ่งเดือนต่อมาทั้งสามก็มาถึงเมืองตงหนิง มันคงไม่ช้าเช่นนี้หากว่าเสิ่นชิงเวยไม่แพ้ท้องมาตลอดทาง นับจากวันนั้นจนถึงวันนี้นางน่าจะตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้ว คงต้องบอกน้องๆเรื่องนี้ ไม่เช่นนั้นถึงวันที่ท้องโตน้องๆจะสงสัยและอาจมีคำถามมากมาย รถม้าวิ่งมาถึงหน้าประตูเมืองตงหนิง ทหารยามเห็นคนแปลกหน้าจึงให้หยุดแล้วถามไถ่
"พวกเจ้าเป็นใครมากจากไหน และจะไปที่ใดกัน"
เสิ่นชิงเวยหยิบป้ายฐานะออกมาให้พวกเขาดู นางหาตลาดมือที่สามารถเปลี่ยนป้ายจากคนเมืองหลวงเป็นคนเมืองเป่าซานได้แนบเนียน คนพวกนี้แค่ทหารยาม หากอยากเข้าเมืองก็แค่ควักป้ายฐานะออกมาพวกเขาก็ยอมปล่อย
มีแค่พวกลักลอบที่หวาดกลัวเจ้าหน้าที่ จะให้เห็นป้ายอันจริงไม่ได้ มิเช่นนั้นหากมีคนมาตามหาคนที่มาจากเมืองหลวงพวกนางจะถูกพบเจอได้ง่าย โดยเฉพาะไอ้ผู้ชายใจแคบเฮงซวยเผยซ่างกวนคนนั้น
"พี่ชาย ข้ามาจากเป่าซานเจ้าค่ะ นำป้ายวิญญาบิดามารดามายังบ้านเกิดของบิดาเจ้าค่ะ อีกอย่างข้ากับน้องๆก็ต้องการกลับมาพึ่งบรรพบุรุษที่นี่ ฮือๆๆๆ สามีข้าออกรบสุดท้ายก็ทำเพื่อบ้านเมืองจนทิ้งข้ากับบุตรในครรภ์ไป แม่สามีไม่เข้าใจเรื่องของสงครามว่าสนามรบนั้นอาวุธไร้ตา กล่าวหาว่าข้าดวงกินสามีขับไล่ข้าออกมาทั้งที่กำลังตั้งครรภ์หากท่านมิเชื่อสามารถหาหมอมาตรวจได้เลย บิดามารดาก็เพิ่งจะจากไปเหลือเพียงน้องสองคนที่ยังเล็กฮือๆๆๆๆๆ ฮื้อฮือๆๆๆ ฮื้อๆๆๆฮึกๆๆๆ ฮึก ฮึก"
เสียงร้องไห้ดังมาทำเอาคนบริเวณนั้นที่ค้าขายและรอเข้าเมืองต่างก็เงี่ยหูฟัง
"โถๆๆ น่าสงสารเหลือเกินแม่นางน้อย ดูสิใบหน้ายังเยาว์ววัยนักอายุเท่าไหร่กันเชียว กลับต้องมาเจอเรื่องโหดร้ายเช่นนี้"
"นั่นน่ะสิ ว่าแต่แม่นางบ้านเดิมบิดาเจ้าอยู่ที่ใดกันเล่า"
ท่านลุงท่านป้าและทหารต่างหาผ้าหาน้ำมาส่งให้ เสิ่นชิงผิงรับมาก่อนจะกระซิบถามเรื่องสามี
"สามีอะไรหรือเจ้าคะพี่ใหญ่"
"บอกน้องเล็กอยู่เฉยๆเดี๋ยวพี่เล่าให้ฟังตอนนี้ต้องเข้าเมืองให้ได้ก่อน"
"เจ้าค่ะ อาชิวได้ยินแล้วนะ"
น้องชายพยักหน้าจากนั้นเสิ่นชิงเวยก็เอ่ยกับท่านป้าที่แสดงความเมตตาต่อนาง
"ท่านป้าเจ้าคะ บิดาข้าเดิมเป็นคนตำบลหยาง ข้าเพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก ยังดีที่ท่านรองแม่ทัพเมตตาเห็นใจที่เสียสามีไปจึงให้รถม้าของทางการมายืมใช้ เมื่อถึงบ้านเกิดบิดาแล้วค่อยนำไปคืนที่ค่ายทหารของเมืองตงหนิงเจ้าค่ะ ตำบลหยางมิทราบว่าอยู่อีกไกลไหมเจ้าคะ"
"อั๊ยย่ะ แม่หนูเอ๊ยนี่ยามอู่แล้วหากจะเดินทางไปถึงคงพลบค่ำมิสู้พักในเมืองก่อน รุ่งเช้าค่อยเดินทางดีหรือไม่ กว่าจะถึงอีกเกือบร้อยลี้"
เสิ่นชิงเวยมองหน้าท่านลุงคนหนึ่งที่เอ่ยปาก จึงหันไปหาบรรดาชาวบ้านที่เหลือเห็นทำสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกพยายามส่งสัญญาให้นาง เสิ่นชิงเวยก็พอจะเข้าใจ นางรู้ดีว่าควบม้าอีกเพียงสองชั่วยามก็ถึงตำบลหยาง นางจะไปพักที่นั่นเพื่อทำทะเบียนบ้าน หาที่ตั้งรกราก
จวนอ๋องนอกเมืองผ่านมาห้าเดือนแล้วนับตั้งแต่วันที่ฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองบัลลังก์ ราษฎรต่างร่มเย็นเป็นสุข ทุกวันจะมีคนสรรเสริญฮ่องเต้องค์ใหม่กับฮองเฮาไม่หยุด ที่ดินที่เสิ่นชิงเวยรับขวัญสะใภ้ใหญ่ ท่านตาของนางมาปรึกษากับแม่สามีว่าควรทำตลาดแบบใดเสิ่นชิงเวยให้เขาทำตลาดค้าส่ง และตลาดค้าปลีก อีกด้านทำถนนคนเดิน และตลาดโต้รุ่ง จากนั้นก็ให้เขาปล่อยเช่าที่ดินให้กับคนที่จะสร้างโรงเตี๊ยมหรือเหล่าอาหารเสิ่นชิงเวยกำลังวาดแบบร่างอยู่ เผยซ่างกวนเห็นร่างที่อุ้ยอ้ายกำลังทำงานก็เดินมาหาก่อนจะแย่งพู่กันจากในมือนางมาแล้วอุ้มร่างอุ้ยอ้ายไปนั่งบนที่นอนหนานุ่ม"ใกล้คลอดแล้ว อย่าเหนื่อยนักเลยวันๆ เคยหยุดพักบ้างหรือไม่""หม่อมฉันร่างสัญญาเช่าที่ดินให้กับเหลียนเอ๋อร์อยู่เพคะ จริงสิทรงให้คนไปติดต่อพ่อค้าเร่ได้ความเช่นไรบ้างเพคะ""พวกเขายินดีจะมาร่วมเป็นพันธมิตรอะไรที่เจ้าว่านั่นแหละ ว่าแต่ทำไมถึงสร้างตลาดใหญ่โตเหลือเกินเว่ยเว่ย แปดร้อยหมู่เชียวนะ""ท่านอ๋อง...หากมีตลาดก็มีพ่อค้า เมื่อมีพ่อค้าก็มีลูกค้า เมื่อมีลูกค้าคนก็มีการสร้างงาน เมื่อมีการสร้างงานก็ต้องหาคน เมื่อนั้นชาวบ้านก็มีงานทำ ชาวบ้านที่ไม่มีเงินไม่ม
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยจ้าวเผยหยวนฮ่องเต้พระองค์ใหม่และเสิ่นชิงผิงฮองเฮาพระองค์ใหม่ก็เสด็จออกมาพร้อมกัน ทั้งสองคนนั่งบนบัลลังก์มองลงมายังขุนนางที่ร่วมกันฝ่าฟันและเปลี่ยนแปลงการปกครองหลายอย่าง ฮ่องเต้กล่าวเปิดงานเลี้ยงจากนั้นทุกคนก็เริ่มดื่มกิน ได้ยินเสียงฝ่าบาทตรัสออกมา"จ้านอ๋อง ที่ผ่านมาต้องขอบใจท่านยิ่งนัก และพระชายาของท่านด้วย กฎหมายใหม่ที่ห้ามซื้อขายคนในครอบครัวเราทำสำเร็จแล้ว รวมถึงภาษีการปล่อยเช่าที่ดิน แม้จะถูกต่อต้านจากพวกคหบดีและขุนนางที่มีผลประโยชน์ไม่น้อย แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี""ล้วนเป็นเพราะพระปรีชาของพระองค์พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมกับพระชายาเพียงแค่ลองเสนอ แต่ทุกอย่างเป็นเพราะพระองค์ทรงผลักดันจนสำเร็จ""เราขอบใจขุนนางทุกคนที่อยู่ตรงนี้ที่ช่วยให้ต้าหลี่มีอำนาจและแสงยานุภาพจนอยู่เหนือแคว้นทั้งหลาย แม่ทัพเสิ่นเราขอบใจท่าน การเจรจากับแคว้นต่างๆ แม้บางคนจะต่อต้านการเจรจาครั้งนี้ อีกทั้งยังกล่าวหาว่าท่านอ่อนแอไม่กล้าสู้รบ แต่กลับกลายเป็นว่านอกจากไม่เสียเลือดเนื้อแล้วต้าหลี่ของเรายังได้ประโยชน์ไม่น้อย เรามีอาหารพวกเขามีเครื่องนุ่งห่ม มีแร่เหล็ก ไม่ต้องปล้นชิงไม่ต้องทำสงคราม แค่
ยามเหมากู้ชิงเหลียนตื่นก่อนนางจะลุกมาเตรียมน้ำล้างหน้าให้กับสามีแต่เช้า เผยจ้าวหยวนคว้าเอวบางรั้งให้นางลงมานอนข้างๆกอดนางเอาไว้ เขาพลิกกายเกยนางไว้ครึ่งตัวสบสายตาคู่งามก่อนจะจุมพิตเปลือกตา กู้ชิงเหลียนยอมให้เขาเชยชมจนพอใจ ร่างสูงทำท่าจะปลดอาภรณ์อีกครั้งแต่นางคว้ามือเขาเอาไว้"ท่านพี่..ยามเหมาแล้ววันนี้ต้องไปยกน้ำชาคารวะเสด็จพ่อกับเสด็จแม่นะเจ้าคะ จะสายไม่ได้""พี่ยังอยากรักเจ้าอีก""ให้เสร็จตามประเพณีก่อนนะเจ้าคะ ข้าไม่หนีท่านไปไหนหรอก ท่านลางานไว้เจ็ดวันมิใช่หรือคนหื่น""อยู่ใกล้เจ้าแล้วคิดอย่างอื่นไม่ออกเลย อยากรักแต่เจ้าคนดี""ลูกไม้ใต้ต้นจริงๆเชียว""หืม อะไรนะ หมายถึงพี่หรือ"กู้ชิงเหลียนหน้าแดงก่อนจะเอ่ยอ้อมแอ้มๆกับคนตัวโต"ข้าเคยได้ยินท่านพ่อเอ่ยกับท่านแม่บ่อยๆว่าจะมาหาเสด็จพ่อต้องดูฤกษ์ยามก่อน คนอะไรขยันรักเมียได้ทุกเวลาให้บ่าวไพร่ให้คนอื่นรอเป็นวันๆ บางครั้งไปแล้วไม่ได้อะไรกลับมาก็มีเพราะท่านอ๋องเอาแต่กักพระชายาไว้ในห้อง ท่านก็คงเหมือนเสด็จพ่อใช่หรือไม่เจ้าคะ""ฮ่าๆๆ คนงามสินสอดพี่ยาวกว่าเสด็จพ่อกับเสด็จอารัชทายาทอีกนะ เช่นนั้นพี่ต้องเก่งกว่าเสด็จพ่อสิ พร้อมไหมรับมือพี่ไหวหรือ
วันนี้เป็นวันมงคลของเผยจ้าวหยวนกับกู้ชิงเหลียน ทั้งคู่เห็นกันมาตั้งแต่เด็กยามที่ท่านลุงหานมาหาท่านตากู้แต่งงานยียน ท่านป้าเซียวเซียวมักจะพาเด็กๆมาเล่นด้วยกัน ฉินเซียวเซียวแต่งงานกับกู้หานมีบุตรด้วยกันสี่คน กู้ชิงเหลียนเป็นบุตรสาวคนโต ยามนี้อายุสิบหกปีแล้วภายในห้องแต่งตัว เจ้าสาวสวมชุดเจ้าสาวสีเขียวแดงตามธรรมเนียม ข้างๆมีพัดที่ประดับสายไข่มุกห้อยเอาไว้ กู้ชิงเหลียนนั่งให้บรรดาแม่เฒ่าที่ครองรักยาวนานช่วยหวีผมให้ ฉินเซียวเซียวรอให้บุตรสาวแต่งตัวเรียบร้อยก็ให้ทุกคนออกไปรอข้างนอกก่อน"แม่เฒ่า หมัวมัวพวกท่านออกไปก่อนเถอะ ข้ามีเรื่องจะสั่งบุตรสาวเป็นการส่วนตัวสักหน่อย""เจ้าค่ะฮูหยิน"เหล่าสตรีอาวุโสพากันออกไปจากห้องเนื่องจากทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว เมื่อทุกคนออกไปเถาจื่อก็ปิดประตูแล้วยินเฝ้าอยู่ด้านนอก เพราะว่าฉูหยินมีเรื่องจะบอกกล่าวแก่คุณหนูใหญ่ กู้ชิงเหลียนมองหน้ามารดาอย่างมีคำถามก่อนจะเอ่ยออกไป"ท่านแม่...มีเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ เหตุใดดูท่านมีลับลมคมในนัก""เหลียนเอ๋อร์..แม่มีเรื่องอยากกำชับเจ้า รับปากแม่ได้หรือไม่""ท่านแม่บอกมาเถอะเจ้าค่ะ ลูกยินดีทำตามที่ท่านแ
รุ่งเช้าเสิ่นชิงเวยตื่นตั้งแต่ยามเหมาเพื่อมาเตรียมตัว วันนี้จวนอ๋องต้องไปส่งมอบสินสอดให้กับสกุลกู้ เผยจ้าวหยวนเตรียมตัวตั้งแต่เมื่อคืน ปีหน้านางกับเขาก็จะแต่งงานกันแล้ว เสด็จแม่บอกว่ารอให้นางโตอีกสักปีเขาจึงรอมาจนถึงป่านนี้ด้านนอกหับสีแดงและกล่องเครื่องประดับวางเรียงราย วันนี้เป็นวันดีเผยจ้าวหยวนไปส่งสินสอด ยามบ่ายสกุลหยางเองก็จะมาเจรจาเรื่องหมั้นหมายระหว่างหยางเยี่ยเฟยกับเผยชิงเหลียนอย่างเป็นทางการเมื่อแสงทองจับขอบฟ้าเผยซ่างกวนก็ตื่นนอน ก่อนจะงัวเงียเดินมากอดภรรยาที่กำลังนั่งอ่านรายการสินสอดอยู่ นางมีบุตรให้เขาแล้วห้าคนเขาเคยโกรธเกลียดนางในครั้งแรกที่ถูกวางยา แต่เมื่อได้รับรู้ว่านางเองก็เป็นเพียงคนที่โชคร้ายที่บังเอิญผ่านเข้ามาในคืนนั้นเขาก็ตามหานางมาตลอด เผยซ่างกวนกอดนางก่อนจะฝังจมูกโด่งลงบนแก้มขาวนวล"ทำอะไรอยู่คนดี""ตรวจดูสินสอดของหยวนเอ๋อร์เพคะ หม่อมฉันเกรงว่าจะไม่ครบ ลูกชายเราแต่งงานทั้งที อีกอย่างเขาเคยประกาศหน้าพระพักตร์ฝ่าบาทเมื่อตอนที่ได้ห้าขวบว่าจะส่งสินสอดให้ชิงเหลียนยาวยี่สิบลี้ ให้ยาวกว่าของพวกเรากับของพระชายาไท่จื่อเสียอีกเพคะ คิกๆๆ"เสิ่นชิงเวยห
ยามเหมาเผยชิงหลานตื่นมาเพื่อดูอาการของหยางเยี่ยเฟยอีกครั้ง นางใช้หลังมือแตะหน้าผากของเขา ท่านหมอบอกว่าเขาอาจมีไข้กลางคืน เมื่อคืนเขาตื่นมาดื่มน้ำและยาลดไข้จากนั้นก็หลับจนกระทั่งถึงตอนนี้"พี่เยี่ยเฟย..พี่ได้ยินหรือไม่ข้าจะไปเตรียมตัวปัดกวาดสุสานท่านย่า ยามอู่จะเซ่นไหว้ข้าจะไปบอกหูเปียวให้มาดูแลท่านนะเจ้าคะ"หยางเยี่ยเฟยตื่นนานแล้วแต่เขายังไม่ลืมตา เมื่อได้ยินดรุณีน้อยตรงหน้าเอ่ยกับเขา หยางเยี่ยเฟยจึงค่อยลืมตาขึ้นราวกับคนที่เพิ่งตื่นนอนก่อนจะเอ่ยกับนางน้ำเสียงัวเงียเล็กน้อย"หลานเอ๋อร์ เจ้าตื่นเช้ายิ่งนัก เมื่อคืนนี้ลำบากเจ้าแล้ว""มิลำบากเลยเจ้าค่ะ หากไม่ได้ท่านข้างต้องฝังอยู่ที่นี่เสียแล้ว อีกอย่างข้าต้องไปปัดกวาดสุสาน วันนี้จะไหว้ท่านย่าน่ะเจ้าค่ะ""ให้พี่ไปช่วยดีหรือไม่ แค่กๆ""พี่พักผ่อนเถอะเจ้าค่ะ มีท่านย่ารองกับท่านปู่อยู่ บ่าวไพร่มากมายนักอีกอย่างท่านบาดเจ็บเพราะช่วยเหลือข้าๆจะให้ท่านไปลำบากอีกได้อย่างไร"หยางเยี่ยเฟยมองหน้านางก่อนจะยิ้ม นางงามมากนักงามเหมือนท่านน้าเว่ยเว่ยจริงๆ เขาไม่เป็นอะไรแล้ว เดิมทีเขามีวรยุทธพิษงูนั่นก็ถูกเขาสกัดเอาไว้ก่อนท่านหมอจ