เข้าสู่ระบบ“ส่วนเอกสารโอเคแล้วนะ แต่เพราะเรามีนางแบบมาแทนวันนี้... เช็กสัญญาจ้างให้ชัดเจนด้วย โดยเฉพาะข้อใช้ภาพ อย่าให้พลาดเรื่อง NDA ทีหลัง เดี๋ยวมันเรื่องใหญ่”
นทีตรวจสอบเอกสารสัญญาต่าง ๆ ตรงหน้าผ่านสายตาคู่เฉียบอย่างคล่องแคล่ว ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นไปได้ด้วยดี จนไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงในสายตาทนายความอย่างเขาแล้ว ชายหนุ่มก็วางกระดาษแผ่นสุดท้ายลงในที่สุด ทุกท่วงท่าของเขาแม้จะเป็นการขยับเพียงแค่เล็กน้อย แต่ก็ยังคงดูสง่างามสมศักดิ์ศรี แววตาส่งประกายความเฉลียวฉลาดอย่างน่าจับตามอง “อืม... โอเคค่ะ งั้นปรับนิดเดียว ไม่มีอะไรต้องแก้มาก สมกับที่ไว้ใจทีมกฎหมายจาก L&T งานดีจริง ๆ ค่ะ” ณดาวว่า ริมฝีปากคลี่ยิ้มประดับดวงหน้าหวาน พลางลงมือเก็บเอกสารเข้าแฟ้ม ก่อนที่จะเอนหลังพิงโซฟาอย่างสบายอารมณ์ นทีเองก็เช่นกัน ชายหนุ่มยอมปล่อยให้ตัวเองผ่อนคลายลงบ้างหลังจากใช้เวลากับงานเอกสารไปเกือบชั่วโมง เขาเอนหลังพิงโซฟาคนละตัวกับน้องสาว ขาข้างหนึ่งยกขึ้นไขว่ห้าง แขนแกร่งยกขึ้นกอดอก แม้จะอยู่ในท่วงท่าที่ผ่อนคลายแต่กลับไม่สามารถที่จะทำลายรังสีที่เต็มไปด้วยอำนาจของเขาลงได้เลย สายตาคู่คมกวาดมองไปรอบสตูดิโอพลาง ๆ ขณะที่ทุกคนอยู่ในช่วงพักเบรกกัน สีหน้าของนทีราบเรียบจนดูไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่ จนกระทั่งประตูห้องแต่งตัวเปิดออก พร้อมกับร่างระหงของคนคุ้นตาที่ปรากฏตัวออกมาให้เห็น แววตาที่คาดเดาไม่ได้เลยในตอนแรกก็พลันลุกวาวด้วยความรู้สึกเหมือนถูกดึงดูดให้มองอย่างไม่อาจละสายตาได้ หัวใจของชายหนุ่มเต้นผิดจังหวะ คิ้วเข้มขมวดอย่างลืมตัว แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงควบคุมมันเอาไว้ได้ดี แม้ร่างของคนที่เห็นตรงหน้าจะทำให้เขารู้สึกแปลก ๆ ก็ตาม มันเป็นอารมณ์ที่อธิบายไม่ได้ รู้สึกชื่นชม แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกร้อนใจอย่างประหลาด... เป็นความรู้สึกที่สามารถสั่นคลอนหัวใจน้ำแข็งได้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน รุนแรงยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ “ชุดบ้าอะไรของมัน...” เสียงทุ้มพึมพำออกมากับตัวเอง ขณะที่สายตายังคงจับจ้องไปยังร่างระหงในชุดสไบกรีกสีเงินไม่วางตา เขาเผลอกลืนน้ำลายตัวเองเบา ๆ อย่างไม่รู้ตัว แต่ก็ชัดเจนพอที่จะทำให้คนที่คอยจับตามองอยู่อย่างน้องสาวตัวแสบของเขาสังเกตเห็น “ไม้แขวนเสื้อธรรมดา ๆ แต่ดัน... ใส่ชุดของณะขึ้นมากเลยนะคะ” ณดาวเอ่ยประโยคด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ รอยยิ้มแตะมุมปากอย่างพอใจ ก่อนที่หล่อนจะอยู่ให้โดนดุ หญิงสาวก็รีบลุกออกจากโซฟาและเข้าไปประกบหน้าจอแสดงผลภาพถ่ายทันที นทีกระตุกยิ้มมุมปากเบา ๆ เขามองน้องสาวที่โยนระเบิดและรีบชิ่งหนีไปด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเอ็นดู ครั้งนี้กลับไม่รู้สึกที่อยากจะตำหนิหล่อนที่กล้าแซวเขาเลยสักนิด มิหนำซ้ำสายตาของเขายังหยุดมองตัวต้นเหตุไม่ได้อีกต่างหาก ‘อัจฉรา’ คนที่เคยเปรียบเทียบว่าเป็นห่าน บัดนี้หล่อนถีบตัวเองจนกลายมาเป็นหงส์ได้อย่างไร้ที่ติ ดวงตาคู่คมไล่มองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างเปิดเผย ไม่เหมือนกับคนอื่น ๆ ที่ไม่ได้กล้าขนาดที่จะจ้องมองเรือนร่างอ้อนแอ้นของหล่อนเช่นเขา ภาพของอัจฉราในชุดที่แทบไม่เหลืออะไรให้จินตนาการถึง ทำให้นทีรู้สึกคอแห้งผากอย่างบอกไม่ถูก แววตาของเขาฉายประกายบางอย่างที่ยากจะหยั่งถึง คล้ายความพึงพอใจ แต่ในขณะเดียวกันก็ยังรู้สึกไม่ค่อยจะสบอารมณ์เท่าไหร่นักด้วย แม้จะไม่อยากสนใจ แต่ส่วนลึกในหัวมันส่งเสียงว่าไม่ชอบ... ไม่ชอบสายตาที่คนอื่นเห็นในสิ่งเดียวกับที่เขาเห็น “สวยมากเลย!... โอ๊ย ทำไมหุ่นดีแบบนี้นะ!” เฟียสเอ่ยปากชมไม่ขาด ขณะที่เขาพาอัจฉราเข้าไปในฉาก รอยยิ้มและสายตาเป็นประกายด้วยความชื่นชม ขณะที่หญิงสาวเพียงแค่ยิ้มตอบเท่านั้น แม้จะถูกชมแต่ก็ยังรู้สึกเขินอยู่ลึก ๆ ชอบแต่งตัวก็จริง แต่ทุกครั้งก็แค่สวยอยู่แค่ในห้องนอน ไม่ได้กล้าใส่โชว์ใครขนาดนั้น... โดยเฉพาะชุดที่แทบจะเปิดเปลือยแบบนี้ หัวใจของอัจฉราเต้นไม่เป็นส่ำ ทว่าเมื่อเฟียสเดินออกจากฉากไป ปล่อยให้หล่อนยืนอยู่หลังกล้องคนเดียว ความรู้สึกว่างเปล่าทำให้อัจฉราสังเกตเห็นสายคู่หนึ่งที่มองมา ดวงตาคู่สวยของเธอบังเอิญปะทะกับสายตาของเขาอย่างไม่ได้ตั้งใจ ทำเอาหัวใจเต้นผิดจังหวะ พร้อมกับความรู้สึกเห่อร้อนขึ้นหน้าแทบจะทันที... นทีกำลังมองอยู่ ไม่ใช่แค่มอง... แต่จ้องมอง ไม่ใช่สายตาแบบที่อัจฉราปรารถนาเสียทีเดียว เขาแค่มองนิ่ง ๆ เท่านั้นแต่ก็เพียงพอที่จะเขย่าใจทั้งดวงของเธอแล้ว อัจฉรากัดริมฝีปากล่างเบา ๆ ด้วยความประหม่าปะปนกับความหวั่นไหวอย่างมาก “คุณเนย เริ่มโพสต์ได้เลยนะครับ ครั้งนี้ลองเล่นกับผ้าดูได้นะ” เสียงของตากล้องดังขึ้น ฉุดอัจฉราให้หวนคืนกลับมาสู่ความเป็นจริง หล่อนสะดุ้งเบา ๆ พร้อมกับคลี่ยิ้มออกมา พยายามเตือนตัวเองให้ใจเย็น ๆ เข้าไว้และทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด หายใจเข้าลึกเรียกขวัญ ก่อนที่จะเริ่มโพสต์ พร้อมกับเสียงชัตเตอร์ที่ดังตามมาในที่สุด “ดีครับ... เออ เดี๋ยวคุณเนยนั่งลงนะ แบบสวยจัด ๆ เลย... ไม่ต้องกั๊กนะ” มุมปากกระตุกยิ้ม สายตาของเขาไม่เคยละไปจากอัจฉราเลยแม้แต่วินาทีเดียว เขากำลังสนุกกับปฏิกิริยาของหล่อนอย่างปฏิเสธไม่ลง สังเกตเห็นสายตาที่มองมาและก็รีบหลบไปอย่างรวดเร็วของหล่อน มองเห็นความประหม่าผ่านท่าทางที่เธอกัดริมฝีปาก ก่อนที่จะเปลี่ยนไปในพริบตาได้อย่างเป็นมืออาชีพ นทีรู้สึกชื่นชมในความสงบของเธอ แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ยิ่งรู้สึกร้อนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างบอกไม่ถูก ยิ่งเห็นเธอพยายามเล่นกับชุดที่สวมใส่ ยิ่งเห็นเธอพยายามวาดลวดลายให้เป็นไปตามคำสั่งและให้เขาถึงอารมณ์แค่ไหน เขาก็ยิ่งไม่สบอารมณ์มากขึ้นเท่านั้น ยิ่งเห็นสายตาของทีมงานก็ยิ่งเหมือนตอกย้ำ หัวใจของชายหนุ่มกำลังเต้นระส่ำ แววตาวาวโรจน์ รอยยิ้มเลือนหายไป แต่เขาก็ยังคงเก็บอารมณ์ได้ดีอย่างน่ากลัว “คิดจะทำตัวต่ำต้อยกว่าที่เป็นอยู่หรือไง...” เสียงทุ้มพึมพำออกมากับตัวเอง ปลายเท้าข้างหนึ่งเริ่มกระดิกไปมา รู้สึกเหมือนตัวเองเริ่มจะนั่งไม่ติดมากขึ้นทุกที ๆ ทั้งที่ความเป็นจริงเขายังคงรักษาความสงบเอาไว้ได้อย่างเด็ดเดี่ยว “ดีมาก! นั่นแหละครับ!” เสียงร้องเชียร์ดังขึ้นโดยไม่ได้นัดหมาย ชัตเตอร์กดรัว ๆ อย่างชำนาญ จับภาพหญิงสาวหน้ากล้องที่ทำให้ใครต่อใครเริ่มหวั่นไหวขึ้นมาอย่างเงียบ ๆ ในขณะเดียวกันเสียงนั้นก็เติมเต็มห้องที่เคยเงียบสงบก็ให้ควาทรู้สึกราวกับเจอเรื่องตื่นใจกัน ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ นัยน์ตาสีเข้มราวกับรัตติกาลกระตุกไหว กรามขบแน่นขึ้นอย่างไม่รู้ตัว สายตาของเขาตวัดมองไปยังหน้าจอที่พึ่งจะขึ้นภาพประมวลผลสดใหม่ทันที ชายหนุ่มทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาลุกขึ้นอย่างเงียบเชียบไปหยุดยืนอยู่ข้างหลังณดาวที่ยืนคุมงานอยู่ ตรงหน้าของทั้งคู่ปรากฏให้เห็นภาพของอัจฉราในท่วงท่าที่ดึงดูดอารมณ์ได้อย่างน่าใจหาย เรือนผมสีแดงคลอเคลียหัวไหล่ ดัดลอนเป็นคลื่นราวกับนางพรายน้ำ หรืออาจจะเทพีโรมัน... ไม่ว่าจะด้วยอะไรก็แล้วแต่ แค่ภาพนี้ถึงกับทำให้ผู้ชายอย่างนทีนั่งไม่ติดได้นั่นก็เพียงพอแล้ว มือทั้งสองข้างของเขาล้วงเข้าไปพักในกระเป๋ากางเกงอย่างสบาย ๆ ทว่าสายตาที่มองดวงตาคู่สวยของคนในภาพกลับเผยให้เห็นความรู้สึกที่หลากหลาย เขาลืมตัวกลืนน้ำลาย เผลอเลียริมฝีปากหยักเบา ๆ ยอมรับเลยว่าอัจฉราสวย... สวยสะกดด้วยซ้ำ ภาพที่หญิงสาวผมแดงที่นั่งพับเพียบอยู่บนพื้น สวมชุดแบรนด์ดีไซเนอร์สไตล์กรีกเผยให้เห็นอกอิ่มบางส่วนและหน้าท้องแบบราบที่พอจะทำให้สติแตกได้ง่าย ๆ แขนทั้งสองข้างอยู่ด้านหน้า โน้มตัวลงมาเล็กน้อย กลีบปากอิ่มคลี่ยิ้มอย่างอ่อนละมุน แต่สายตานั้นกลับแฝงไปด้วยความลุ่มลึกที่เย้ายวนใจ ทว่าก่อนที่ทุกอย่างจะเกินควบคุมไปมากกว่านี้ ความเงียบที่เข้ามาแทนที่เสียงชัตเตอร์ก็เรียกสติให้กลับคืนมาเสียก่อน นทีกระแอมเบา ๆ ก่อนที่เขาจะละสายตาจากภาพไปมองตัวคนจริง ๆ แทน การปรากฏตัวในระยะใกล้ ทำให้ทีมงานและน้องสาวของเขาคาดไม่ถึง แต่นทีหาได้สนใจไม่... วันนี้อัจฉราเธอสามารถเรียกร้องความสนใจไปจากเขาได้สำเร็จแล้ว ดวงตาคู่สวยวูบไหว สบตาเข้ากับเจ้าของดวงตาคู่คมอีกครั้ง แต่บางอย่างในสายตาที่เขามองมาครั้งนี้ กลับทำให้รู้สึกเย็นวาบไปตามแนวกระดูกสันหลังแปลก ๆ ทว่าครั้งนี้แทนที่อัจฉราจะหลบตา หล่อนกลับทำไม่ได้ เมื่อมีสายตาอีกหลายคู่มองอยู่ เธอจึงทำได้เพียงแค่กวาดสายตามองไปยังคนอื่นแทนเนียน ๆ ทั้งที่หัวใจเต้นแรงจนแน่นอกไปหมด ขณะเดียวกันนั้นคนเป็นน้องอย่างณดาวที่จับสังเกตได้ถึงบางอย่างก็พลันนึกสนุกขึ้นมา เธอชำเลืองหางตามองนที แต่เลือกที่จะไม่เล่นกับเขา ด้วยรู้ดีว่าพี่ชายมีนิสัยอย่างไร จึงเลือกเป้าหมายที่ไม่ว่าจะอย่างไรเธอก็ต้องยอมให้แน่ ๆ อย่างอัจฉราแทน “ฉันชอบไวป์เธอจัง...” เสียงหวานดังขึ้น พร้อมกับร่างของณดาวที่ก้าวเข้ามาในฉาก ความสวยของหญิงสาวทั้งสองแทบกินกันไม่ลง อีกคนหนึ่งหวานฉ่ำ อีกคนให้กลิ่นอายที่ลุ่มลึกมากกว่า แต่นั่นก็แค่ภาพลักษณ์เมื่อเทียบกับสถานะที่แตกต่างแล้ว “...ลบภาพก้นครัวซะไม่เหลือเลย” ณดาวเข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า จงใจยืนค้ำหัวชัดเจน ทำให้อัจฉราต้องเงยหน้ามองอย่างเสียไม่ได้ คำพูดของเธอทำให้คนที่ยังนั่งอยู่รู้สึกเหมือนถูกตบต่อหน้าคนนับสิบอีกแล้ว มือของอัจฉราสั่นระริก สัญญาณเล็กน้อยที่เผยให้เห็นถึงอารมณ์ที่พยายามจะกดกลั้นไว้ กลีบปากอิ่มขยับเหมือนจะพูดอะไร แต่แล้วก็ตัดสินใจที่จะไม่ตอบโต้ “ขอบคุณนะคะ... เนยพยายามเต็มที่ อยากให้ออกมาดีที่สุด” อัจฉราตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มอ่อนหวาน ทั้งที่เหมือนมีไฟสุมอก หัวใจเต้นระรัวจนรู้สึกไม่ดีไปทั่วทั้งกาย พยายามหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนที่จะลุกขึ้นยืนในที่สุด ทว่าลมหายใจก็พลันสะดุดทันทีเมื่อลุกขึ้นยืนได้ หญิงสาวนิ่งงันไปจนณดาวที่อยู่ใกล้ที่สุดสังเกตเห็นได้ รอยยิ้มกวนประสาทค่อย ๆ หายไปเมื่อสังเกตเห็นถึงความผิดปกติ “เนย!” แต่ยังไม่ทันจะได้ตั้งตัวด้วยซ้ำ ดวงตาคู่กลมเบิกกว้างทันที เมื่อร่างของอัจฉราที่พับลงไปอีกครั้งด้วยเสียงดัง ‘ตุ้บ’ ทำให้ทีมงานที่อยู่ในสถานการณ์แตกตื่นกับเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคิดว่าจะเกิดนี้... รวมถึงนทีด้วยเช่นกัน ดวงตาคู่คมเบิกกว้าง ก่อนจะหรี่ลงอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่รอช้า เขารีบปรี่เข้าไปในจังหวะที่ทีมงานคนหนึ่งกำลังเอายาดมไปจ่อจมูกของอัจฉรา ร่างสูงใหญ่เดินผ่านหน้าน้องสาวของเขาที่ยืนนิ่งทำตัวไม่ถูกลงไปคุกเข่าข้าง ๆ ร่างที่นอนนิ่งอยู่บนพื้นทันที ชุดของเธอเปิดเผยเกินไปจนนทีต้องถอดสูทตัวนอกออกไปคลุมทับร่างของอัจฉราเอาไว้ “พี่ที... ณะไม่รู้ว่าเนยป่วย” ณดาวพูดเสียงสั่น ขณะที่สายตายังไม่ละไปจากร่างบางของอัจฉรา และพี่ชายราวกับกลัวว่าจะถูกตำหนิ แต่วินาทีนั้นนทีไม่มีเวลาจะมาตำหนิใครอีกแล้ว “ค่อยว่ากัน...” นทีว่าพลางยื่นมือไปอังหน้าผากมน จนทีมงานที่เอายาดมมาให้ต้องหลบไปเอง เขาไม่สนใจสายตาใครทั้งนั้นในตอนนี้ มือหนาแทบจะชักกลับไม่ทันราวกับถูกน้ำร้อนลวก... อัจฉราตัวร้อนอย่างกับไฟ “เดี๋ยวพี่พาเนยไปโรงพยาบาลเอง...” นทีพูดโดยไม่หันไปมองน้องสาว จบประโยคเขาไม่รอช้า รีบอุ้มร่างร้อนจัดที่ยังไม่รู้สึกตัวขึ้นมาในท่าเจ้าสาวได้อย่างง่ายดาย เขาหันไปมองณดาวที่มีสีหน้าไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก รู้ว่าเธอก็คงตกใจไม่แพ้กัน เขาเลือกที่จะไม่ซ้ำเติม แต่กลับพูดด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่นแต่แฝงไปด้วยความเด็ดขาดแทนเพื่อเรียกสติอีกฝ่าย “ณะอยู่จัดการทางนี้... เอาให้อยู่แล้วเดี๋ยวค่อยตามพี่ไปนะ คนเก่ง” พูดจบนทีก็อุ้มร่างของอัจฉราออกไปจากสตูดิโอทันที ท่ามกลางสายตาที่มองมาด้วยความตกใจระคนชื่นชม แต่ชายหนุ่มไม่มีเวลามาสนใจ เขาเพียงแค่พาอัจฉราเดินลงบันไดไปเงียบ ๆ เร็วแต่มั่นคงจนออกจากตึกไปถึงรถยนต์คันหรูที่จอดรออยู่ เขาใช้มือหนึ่งเปิดประตู ก่อนจะวางร่างของอัจฉราลงบนเบาะอย่างแผ่วเบา แล้วรีบอ้อมไปฝั่งคนขับและสตาร์ทขับออกไปทันทีด้วยความชำนาญ คิ้วหนาขมวดเล็กน้อยอย่างไม่สบอารมณ์ ระหว่างนั้นอดไม่ได้ที่จะชำเลืองหางตามองคนข้าง ๆ เป็นระยะ อดไม่ได้ที่จะนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่เขาไปเจอเธอยืนตากฝนอยู่ข้างถนนท่ามกลางพายุ... เขารู้ด้วยซ้ำว่าคืนนั้นเธอร้องไห้ “หาแต่เรื่องใส่ตัว... อยากตายจริง ๆ หรือไงกัน”คำพูดรู้ทันของนทีตัดผ่านความเงียบขึ้นมา ทำให้อัจฉราใจหายวาบ สะดุ้งเล็กน้อยด้วยความตกใจผสมอาย เพราะลืมไปเสียสนิทว่าคนปากร้าย ตาดี หูไว สมกับที่ประกอบวิชาชีพทนายความอันลือชื่อของเขาจริง ๆกระนั้นอัจฉราก็ไม่ได้โต้ตอบอะไรอีกแล้ว เธอสะกดกลั้นความเจ็บใจเอาไว้ ความอดทนประเภทนั้นทำให้นทีต้องหัวเราะ ‘หึ’ ออกมา มองร่างเล็กกลับเข้าไปในครัว เทข้าวต้มที่เหลืออยู่แทบเต็มชามลงถังขยะตามคำสั่งอย่างน่าพึงพอใจคนร่างบางเดินวนรอบราวกับหนูติดจั่น แต่เป็นหนูที่ยังละทิ้งหน้าที่ของตนเองไปไม่ได้เสียที กลีบปากอวบอิ่มเม้มเข้าหากัน หัวใจเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ ทั้งยังปวดหัวตุบ ๆ อย่างไม่สบายตัวจนต้องสะบัดหัวเบา ๆ เดินไปที่อ่างล้างจานทุกอย่างอยู่ในสายตาของนที ซึ่งกำลังจิบน้ำเปล่าเงียบ ๆ อยู่ที่เดิม ความอ่อนแอของอัจฉราเริ่มชัดเจนมากขึ้น เธอฝืนร่างกายทำงานหนักตลอดทั้งวันและคืนจนเห็นผล ทว่านทีไม่ได้รู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อยที่ใช้เธอขนาดนี้ ทั้งที่เห็นอยู่ว่าสภาพของหญิงสาวเกินจะรับไหวแล้วกระทั่งชามเซรามิกลื่นฟองสบู่ในมือของหล่อนร่วงลงพื้นเสียงดัง ‘เพล้ง!’ กระเบื้องสีขาวแตกเป็นชิ้นเ
อัจฉรายกหม้อข้าวต้มลงจากเตาด้วยมือที่สั่นนิด ๆ ผ่อนลมหายใจออกมา สุดท้ายก็ทำเสร็จเสียที เธอตักข้าวต้มใส่ชาม โรยต้นหอมและกระเทียมเจียว แล้วนำไปวางลงบนโต๊ะอาหาร ดวงตาที่อ่อนล้าอย่างชัดเจนกวาดมองห้องโล่งหรูที่เงียบผิดปกติ ทีวีจอใหญ่ยังคงเปิดค้างเอาไว้ ฉายรายการข่าวรอบดึก แต่คนที่เคยนั่งดูอยู่ตรงนั้น ตอนนี้ไร้วี่แววของตัวตน หญิงสาวไม่รู้ว่าเขาหายไปเมื่อไหร่ ทว่าการไม่เห็นก็ใช่ว่าความหนักอึ้งในอากาศจะหายไป อัจฉราเผลอเม้มปากเล็กน้อย ยังคงสัมผัสได้ถึงความรู้สึกร้อนผ่าวเหนือริมฝีปากจากเหตุการณ์ก่อนหน้า ตรึงตราอย่างยากที่จะลืมเลือน แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็พยายามปฏิเสธที่จะรู้สึกถึงมันอยู่ดี หล่อนส่ายหัวเบา ๆ สูดหายใจเข้าลึก เรียกสติให้หยุดเพ้อเสียที “ก็แค่จูบ... จะไปคิดมากทำไม ขนาดจูบกับหมายังไม่เห็นต้องคิดอะไรเลย” แม้ว่าความรู้สึกปวดหนึบผสมกับความขุ่นเคืองมันยังคงกัดเซาะหัวใจของเธออยู่ก็ตาม... “.....” ริมฝีปากหยักคลี่ยิ้มหยัน คำพูดของอัจฉรากระทบเข้าสู่โสตประสาทชัดเจนเลยทีเดียว นทียืนอยู่ที่ตีนบันไดทางลงจากช
แกร๊ก “เข้ามา” เจ้าของห้องออกคำสั่งอย่างราบเรียบ ร่างสูงเข้าไปในห้องขนาดกว้างครอบคลุมทั้งชั้นก่อน ประตูที่เปิดกว้างเผยให้เห็นด้านในที่ตกแต่งด้วยโทนสีดำ เทาเข้ม และสีขาว พื้นหินอ่อนวาววับสะท้อนแสงไฟสีนวลจากทั่วทุกมุมห้อง สอดคล้องกับตัวตนของผู้เป็นเจ้าของเพนท์เฮาส์แห่งนี้ได้เป็นอย่างดี ‘ทำไมต้องพามาที่นี่ด้วย... ในเมื่อทุกทีก็เห็นกลับบ้านตลอด’ อัจฉรามองเข้าไปข้างในห้องของนที ก็อดคิดคิดในใจไม่ได้ เธอไม่ได้ตื่นเต้นกับความหรูหราของสถานที่เลยแม้แต่น้อย ทั้งที่เป็นเมื่อก่อนคงจะดีใจมากที่ได้เข้ามาอยู่ในพื้นที่ที่เปรียบเสมือนโลกอีกใบของเขา แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิม... ก็เหมือนที่เธอมองนทีไม่เหมือนก่อนเช่นกัน สายตาจ้องมองแผ่นหลังกว้างตรงหน้าด้วยความขุ่นเคืองผสมกับความหวาดหวั่นเล็กน้อย จนต้องสูดลมหายใจเข้าลึกอย่างแผ่วเบาเรียกสติ ทำใจดีสู้เสือ ก่อนจะยอมเดินตามหลังอีกฝ่ายเข้าไปในห้อง เสียงประตูปิดลงอย่างแผ่วเบาเบื้องหลัง แต่อัจฉราก็ยังยืนอยู่ที่เดิม ภาพสะท้อนของคนตัวเล็กที่ยืนนิ่งอยู่ข้างหลังบนกระจกหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดาน ทำให้เผลอกระตุกยิ้มออกมาเล็กน้อย เพราะนทีคาดหวังว่าจะได้เห็นอ
“คุณนที... พูดบ้าอะไรออกมา... รู้ตัวบ้างไหม” น้ำเสียงของอัจฉราแผ่วเบา หัวของเธอรู้สึกตื้อไปหมดจนเกือบจะประมวลผลไม่ทัน แววตาที่สั่นระริกและชุ่มชื้นไปด้วยน้ำตา บัดนี้จ้องลึกลงไปที่ดวงตาคู่คม ราวกับจะหาคำตอบว่าใครกันที่พ่นข้อเสนออันแสนจะหยาบคายนั้นออกมา นทีหัวเราะ ‘หึ’ ในลำคอ เขาไม่ละสายตาไปจากแววตาฉ่ำน้ำที่มองมายังเขา เหมือนเป็นการตอบคำถามที่เธออยากรู้โดยที่ไม่ต้องอธิบาย ว่าคน ‘หยาบคาย’ คนนั้น มันก็คือตัวตนของเขาเอง... ด้านที่ไม่เคยเผยให้ใครได้รู้จักมาก่อน “รู้สิ... แต่ถ้าอยากได้ยินอีกครั้งก็จะย้ำให้... ฉันอยากให้เธอ ‘มอง’ แค่ฉัน ‘คนเดียว’ เท่านั้น... เหมือนที่เธอเป็นมาตลอด... อย่าลืมตัวสิ เนย” เสียงทุ้มพร่าว่าพลางเลื่อนมือที่กุมอยู่หลังคอที่ร้อนระอุของหญิงสาว เคลื่อนมาช้า ๆ จนถึงปลายคางเชิด แล้วเชยคางหล่อนให้สบตากับเขาชัด ๆ ก่อนจะไล่สายตามองริมฝีปากอิ่มที่ตอนนี้บวมเจ่ออย่างน่าพึงพอใจ “แต่นั่นมันไม่เกี่ยวกัน! นั่นมันเรื่องของเนย เนยรับผิดชอบเองได้ คุณนทีมีสิทธิ์อะไรมาสั่ง” น้ำเสียงของอัจฉราเจือไปด้วยความสั่นเครือ แม้ว่าจะพยายามเป็นเข้มแข็ง แต่หัวใจของเธอกลับเต้นไม่หยุด ยังคง
เสียงหัวเราะ ‘หึ’ ดังออกมาจากลำคอ ยอมรับว่าเขาถูกใจไม่น้อยเลยที่ทำให้อัจฉราหางโผล่จนได้ แววตาที่เยือกเย็นหันกลับมามองเธอช้า ๆ เป็นแววตาของนักล่าอย่างไม่ปิดบังเช่นกัน “บ้าเหรอ... หึ... กล้า... กล้าดีนักนะ เนย” สิ้นประโยคฝ่ามือใหญ่ก็กระแทกลงบนแผงควบคุมลิฟต์อย่างจัง เสียงดังจนคนร่างบางสะดุ้งโหยง ถอยหลังไปประชิดกับผนังที่เย็นเฉียบโดยสัญชาตญาณ พร้อมกันนั้นลิฟต์ก็ค้างทันที ชายหนุ่มกดปุ่มหยุดการทำงานเอาไว้ โดยที่สายตาไม่ละไปจากอัจฉราเลย รอยยิ้มร้ายกาจแบบที่น้อยคนจะได้เห็นนักปรากฏขึ้น ขณะที่ร่างสูงใหญ่ค่อย ๆ ก้าวเข้าไปใกล้คนตัวเล็กกว่าที่พยายามชูคอหวังจะฉก แต่มันไม่น่ากลัวเลยแม้แต่น้อยเหมือนลูกแมวที่พยายามข่วนกลับมากกว่า “คุณนที... จะทำอะไร... ถอยออกไปนะ!” อัจฉราส่งเสียงขู่อีกฝ่าย แต่กลับสั่นและไร้น้ำหนักอย่างน่าเจ็บใจ ผู้ชายที่รักและเทิดทูนในใจมาตลอดตอนนี้กลับแยกเขี้ยวใส่ น่ากลัวและพร้อมที่จะกัด หญิงสาวขยับหนีเขาไปเรื่อย ๆ ทั้งที่ไม่มีพื้นที่ให้ไป ก่อนจะต้องตกใจเมื่ออีกฝ่ายเข้ามาประชิดกะทันหัน ปึง! เสียงฝ่ามือหนากระแทกเข้ากับกำแพงข้างศีรษะ แรงพอที่จะทำให้หญิงสาวสะดุ้งสุดตัวและลิฟต
“คุณนที” “.....” “เจ็บไหม... เนยขอโทษนะ” น้ำเสียงหวานแผ่วดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบของรถยนต์ที่ยังคงขับฝ่าฝนไปด้วยความเร็วคงที่ สายตาของหญิงสาวฉายแวววูบไหวเล็กน้อย เมื่อเอ่ยประโยคที่ทั้งถามและขอโทษ ทว่านทีกลับยังคงนิ่งเฉย เขาไม่ตอบคำถามของเธอหรือว่าแสดงปฏิกิริยาอะไรนอกเหนือไปจากความเงียบที่มีเท่านั้น ใบหน้าหล่อยังคงเรียบเฉย แววตาอ่านไม่ออกภายใต้แสงไฟที่สะท้อนผ่านมาเป็นระยะ เผยให้เห็นมุมปากที่มีรอยแผลสด อัจฉรามองเสี้ยวหน้านั้นด้วยความรู้สึกผิดที่ล้นหัวใจ แม้ว่าเมื่อกลางวันจะรู้สึกเคืองเขามากแค่ไหนก็ตาม ทว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ เธอไม่รู้ว่านทีเขาแค่ผ่านมาเพราะความบังเอิญหรือเปล่า แต่สิ่งที่ชัดเจนที่สุดคือเขาต้องมาเจ็บตัวเพราะเธอ ดวงตาสียางไม้สั่นไหวเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงไม่ยอมตอบคำถามของเธอ แทนที่จะเร่งเร้าเขาต่อไป หญิงสาวเลือกที่จะละสายตามองออกข้างทางแทน เธอไม่กล้าแล้ว... แม้จะทั้งความกังวลและห่วงแค่ไหน แต่ก็รู้ตัวดีว่าไม่ได้มีสิทธิ์ไปก้าวก




![เมียน้อยพ่อเป็นของผม [Is Mine]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)


