แชร์

บทที่ 9 ดาวบริวาร

ผู้เขียน: 23.19น.
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-10-19 02:15:44

ร่างบางของอัจฉราโผล่พรวดเข้ามาในสตูดิโอ จนคนทั้งห้องต้องหันมามองเป็นตาเดียวกัน ลมหายใจของเธอหอบหนักราวกับคนกระหายอากาศ เหงื่อผุดพรายตามกรอบหน้าแสดงให้เห็นว่าหล่อนรีบแค่ไหน ระหว่างที่ต้องเดินทางมาที่นี่ แม้จะโดยสารด้วยรถไฟฟ้าแต่เพราะเป็นวันธรรมดาในเมืองใหญ่ จึงติดขัดไม่ค่อยเป็นดั่งใจนัก ถึงออกจากบ้านตั้งแต่เช้าแต่ก็เกือบข้ามเส้นยาแดงผ่าแปด

หลังจากยืนพักหายใจจนเริ่มจะหายเหนื่อยดีแล้ว ดวงตาคู่สวยก็กวาดมองไปรอบ ๆ สตูดิโอถ่ายงานที่ตอนนี้ทุกอย่างถูกจัดเตรียมเอาไว้เรียบร้อยเกือบทุกอย่างแล้ว และนั่นทำให้อัจฉราเพิ่งจะรู้ตัวว่าถูกมองอยู่ หล่อนชะงักไปเล็กน้อย กะพริบตาพลางส่งยิ้มแก้เก้อ ตระหนักว่าที่นี่ไม่มีใครรู้จักเธอเลยสักคน อัจฉรามาแทนนางแบบตัวจริงที่บังเอิญเกิดอุบัติเหตุ... ไม่แปลกที่พวกเขาจะมองกัน

ยิ่งเธอแต่งตัวธรรมดา แม้จะมีใบหน้าสวยจัดและผมแดงเด่นมาแต่ไกล แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าใครจะไม่งง แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะบานปลายไปมากกว่านี้ ร่างที่คุ้นตา เสียงที่คุ้นหูก็ดังขึ้นคลายความสับสนและตึงเครียดออกไปเสียก่อน ขณะที่เขาปรี่เข้ามาหาหล่อนพร้อมรอยยิ้มอย่างคนรู้จักกันดี แววตาดีใจเปิดเผย คำพูดเป็นกันเอง แต่ก็เป็นมืออาชีพ

“คุณพระคุ้มครอง... มาถึงแล้ว... พี่ใจหายหมดนึกว่าเราจะเทกันอีกคน... ไป ๆ รีบไปแต่งตัว ขึ้นผมก่อน พี่ค่อยหาน้ำให้กิน... ดูหน้าซีดไปหมดแล้ว”

อัจฉรายิ้มแก้เก้อ พร้อมกันนั้นก็ยกมือไหว้ชายหนุ่มรุ่นพี่ผู้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เรียกได้ว่าเป็นตัวแม่คนหนึ่งทีเดียว ก่อนที่เขาจะเข้ามาจูงแขนและพาเดินนำไปยังห้องที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้เพื่อ แต่งหน้า ทำผม แต่งตัวโดยเฉพาะ

“หนูไม่สายใช่ไหมคะ พี่เฟียส?”

อัจฉราถาม สายตามองไปรอบ ๆ อีกครั้งด้วยความรู้สึกตื่นเต้นที่แทบจะเก็บเอาไว้ไม่มิด สตูดิโอแอร์เย็นฉ่ำ ทีมงาน ไฟ ฉาก กล้อง อุปกรณ์ถ่ายงานและทุกอย่างดูเป็นสถานที่ของมืออาชีพไปหมด จนทำให้หัวใจเต้นระรัวไม่ยากสำหรับเธอ

“ไม่สาย... แต่ก็เกือบอยู่นะ...”

เฟียสพูดด้วยน้ำเสียงติดตลก เขานำพาอัจฉราเข้ามาในห้องแต่งตัวที่เต็มไปด้วยเสื้อผ้าคอลเลคชั่นสวยแขวนราวผ้า และเครื่องสำอาง อุปกรณ์ระดับโปรที่วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้ง กระจกเงาบานใหญ่สะท้อนแสงไฟขาวผ่อง ภาพนั้นปรากฏในดวงตาสียางไม้ที่แวววาวด้วยความสนใจ

“อ๊ะ... นั่งค่ะ...”

เฟียสหันมาหาอัจฉรา พร้อมกันนั้นก็ดันให้เธอไปนั่งลงบนเก้าอี้หน้ากระจก ไม่รอช้าที่จะสั่งงานช่างแต่งหน้าและทำผม ซึ่งสแตนด์บายรออยู่แล้วด้วยน้ำเสียงที่เป็นกันเอง แต่แฝงไปด้วยความเด็ดขาด

“น้อง ๆ มาคลีนหน้าออกแต่งใหม่ แล้วขึ้นผมพร้อมกันไปเลยนะ”

อัจฉราคลี่ยิ้มให้ผู้มีพระคุณและช่างทั้งสองคนที่เข้ามาประชิดตัวทันทีหลังจากสิ้นคำสั่ง เฟียสไม่ลืมที่จะเก็บกระเป๋าใบเก่งของอีกฝ่ายไปวางบนเก้าอี้ให้พ้นตัวนางแบบของเขา ก่อนที่จะกลับมายืนคุมงานด้วยสายตาที่เฉียบคม แต่แฝงไปด้วยความเอ็นดูในตัวสาวรุ่นน้องอย่างปิดไม่มิด ยิ่งได้ยินคำพูดจากปากหล่อนก็ยิ่งชื่นใจ

“ขอบคุณพี่เฟียสนะคะ ที่คิดถึงเนย... เนยไม่คิดว่าจะได้โอกาสแบบนี้เลยด้วยซ้ำ”

“โอ๊ย ขอบคุณอะไรกัน... ขอบคุณตัวเองเถอะ... นี่ถ้าไม่บังเอิญโผล่หน้ามาให้พี่เห็นก่อนนะ พี่คงไม่ทันคิดถึงเราด้วยซ้ำ... โชคดีที่สวยไม่เปลี่ยนเลยจำได้”

เฟียสตอบกลับเสียงดัง น้ำเสียงแฝงแววขี้เล่นตามปกติ และเปิดเผย สายตาของเขาสำรวจดวงหน้าสวยจัดที่ตอนนี้หลับตาพริ้มอยู่ ขณะที่ช่างแต่งตาให้ ก็รู้สึกเป็นห่วงเล็กน้อย เพราะอัจฉราดูล้ายิ่งกว่าครั้งล่าสุดที่ได้เจอกันเมื่อไม่กี่วันก่อนเสียอีก

เขาไม่รู้ว่าระหว่างนั้นอัจฉรามีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร ภาพสุดท้ายที่จำได้คือดาวคณะที่ใคร ๆ ก็ยอมสยบให้ง่าย ๆ แถมยังเรียนเก่งด้วยซ้ำไป แต่ตอนนี้เหมือนจะ... ลำบากน่าดูเชียว

“เป็นไงกันบ้างคะ ทุกคน? นางแบบพร้อมถ่ายหรือยังเอ่ย?”

เสียงหวานดังขึ้นทะลุโสตประสาท หลังจากไม่กี่นาทีผ่านไป อัจฉราขมวดคิ้วเล็กน้อย ดวงตาคู่สวยที่ตอนนี้ลืมขึ้นแล้วหลังจากถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางชั้นดี เน้นให้ยิ่งมีเสน่ห์น่ามองยิ่งขึ้น นัยน์ตาสียางไม้สะท้อนแสงวูบไหว

เสียงนั้น... หญิงสาวจำได้ทันทีว่ามันเป็นเสียงของใคร ‘ณดาว’ ไม่ผิดแน่ อัจฉรากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก แววตาฉายความตกใจและหวาดหวั่น

“อ้าว คุณณดาวสวัสดีครับ... มาได้จังหวะพอดี นางแบบสำหรับเสื้อผ้าคอลเลคชั่นใหม่ของคุณณดาว แต่งหน้า ทำผมเสร็จพอดีเลยครับ”

แถมหล่อนไม่รู้มาก่อนด้วยว่าแบรนด์เสื้อผ้าที่ต้องมาเป็นนางแบบให้วันนี้คือของเธอ... อัจฉราเม้มปากเล็กน้อยด้วยความประหม่า หัวใจเต้นแรงขึ้นทุกทีเมื่อเสียงส้นสูงขยับเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ ช่างทำผมและช่างแต่งหน้าหลีกทางให้อย่างรู้งาน จนกระทั่งดวงตาของหญิงสาวทั้งสองประสานกันตรง ๆ ผ่านเงาสะท้อนในกระจก เผยให้เห็นใบหน้าคุ้นเคยของณดาวอย่างที่คาดไว้

คิ้วโก่งรับกับใบหน้าของอีกฝ่ายพลันขมวดเข้าหากันทันที แววตาฉายความประหลาดใจอย่างเปิดเผย แต่แล้วก็เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นคล้ายกับความดูแคลนระคนเจ้าเล่ห์ คิ้วที่ขมวดค่อย ๆ คลายออกอย่างเป็นธรรมชาติ ตามมาด้วยริมฝีปากที่แย้มยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย แต่ก็แฝงความเย้ยหยันเล็กน้อย สะท้อนผ่านประโยคแรงของเธออย่างไม่ไว้หน้า

“อ๋อ ก็นึกว่าใคร... ไม่คิดเลยนะว่าคนในครัวบ้านฉันจะกลายมาเป็นนางแบบได้… เอาเถอะ ถือว่าดวงเธอดีละกัน”

อัจฉราเหมือนถูกตบหน้าด้วยคำพูดนั้น ดวงตาไหววูบ บรรยากาศภายในห้องที่เคยผ่อนคลาย ค่อย ๆ สัมผัสได้ถึงความตึงเครียด มือที่วางอยู่บนหน้าตักพลันบีบเข้าหากันแน่นอย่างไม่รู้ตัว ขณะที่ยังคงประสานสายตากับเจ้าของดวงตากลมโตคู่นั้น รู้สึกได้ถึงความขมเฝื่อนในปากจนต้องกลืนน้ำลาย... อัจฉราพยายามข่มอารมณ์อยู่ แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ไว้หน้ากันเลยก็ตาม

“เอ่อ... ยังไงคะคุณดาว? รู้จักกันเหรอคะ?”

เฟียสที่เห็นท่าไม่ดี และสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่เริ่มคุกรุ่น หัวเราะออกมาพร้อมกับคลี่ยิ้มกว้าง มองสองสาวสลับกันไปมา พยายามที่จะคลายความอึดอัดลง อัจฉรารับรู้ได้และหล่อนไม่ต้องการที่จะทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่เลยยอมเป็นฝ่ายหลบตาไปก่อน

“ค่ะ รู้จักดีเลยค่ะ...”

ณดาวหัวเราะร่วมไปด้วย หล่อนยอมละสายตาจาก ‘นางแบบจำเป็น’ ที่เพิ่งจะรู้เมื่อครู่นี้ไปก่อน พลางหันไปมองเฟียส บรรยากาศจึงเริ่มผ่อนคลายลงจริง ๆ แต่ก็แฝงไปด้วยแรงกดดันบางอย่างที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เมื่อเธอหันไปมองอัจฉราอีกครั้ง

“ไม่ทักทายกันหน่อยหรือเนย... ถึงว่าวันนี้ข้าวเช้าไม่อร่อยเลย หนีมาอยู่นี่นี่เอง”

มุมปากอิ่มกระตุกเล็กน้อย มือที่บีบเข้าหากันอยู่แล้วยิ่งบีบแน่นขึ้นไปอีกจนข้อนิ้วพากันขาวซีดไปหมด อัจฉราหายใจเข้าเบา ๆ แต่ลึกพอที่จะข่มความรู้สึกขุ่นมัวในใจเอาไว้ได้ ก่อนที่เธอจะเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง พร้อมด้วยรอยยิ้มฝืน ๆ ประดับดวงหน้า แต่แสดงให้เห็นถึงการรักษาความสุภาพและความสงบได้เป็นอย่างดี

“ขอโทษนะคะ... พอดีกะทันหันค่ะ... แล้วไม่คิดเลยว่าวันจะได้มาร่วมงานกับคุณณดาว ดีใจนะคะ”

ณดาวยิ้มกว้างยิ่งกว่าเดิมด้วยซ้ำ เห็นว่าอีกคนดูจะควบคุมตัวเองได้ดีก็ยิ่งนึกสนุก แต่คราวนี้เธอไม่ได้พูดอะไรต่อ เพียงแค่พยักหน้าให้สั้น ๆ อย่างรับรู้ หลังจากนั้นก็หันไปพูดสั่งอะไรบางอย่างกับเฟียสด้วยน้ำเสียงที่อัจฉราได้ยินไม่ถนัด เจ้านายสาวและลูกน้องหนุ่มพยักหน้า ยิ้มให้กันอย่างรู้ใจเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ณดาวจะเป็นฝ่ายเดินออกไปจากห้องแต่งตัวในที่สุด

พ้นสายตาแล้วเฟียสก็หันกลับมาสนใจอัจฉราต่อ แววตาเปล่งประกายด้วยความพึงพอใจในหน้าและผมของเธอดีแล้ว ก็ไม่รอช้าเดินไปฉวยมือหล่อน ดึงให้ลุกขึ้นตามไปเบา ๆ ทางราวแขวนชุดที่ใกล้กันนั้นมีฉากกั้นอยู่สำหรับเป็นพื้นที่เปลี่ยนชุด

“ไป เดี๋ยวพี่พาไปเปลี่ยนชุด จะได้เริ่มถ่ายกันเลย”

อัจฉราส่งยิ้มให้เล็กน้อย พร้อมกันนั้นก็ทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย สายตากวาดมองชุดสวยหลากหลายรูปแบบ ความรู้สึกตื่นเต้นก็เริ่มกลับเข้ามาแทนที่ความขุ่นมัวในใจอีกครั้ง เมื่อพูดถึงเรื่องถ่ายแบบ... มันเป็นหนึ่งอย่างที่อัจฉราเคยฝันถึง แต่ไม่ได้มีโอกาสมาถึงจุดนี้เลย คราวนี้เลยถือโอกาสคว้าเอาไว้ และจะตั้งใจทำออกมาให้ดีที่สุดด้วยซ้ำ ถึงต่อให้เป็นแบรนด์เสื้อผ้าจะเป็นของณดาว แต่เธอก็จะทำให้ดีที่สุดเท่าที่ ‘คนธรรมดา’ คนหนึ่งจะทำได้

แชะ แชะ

“ดีครับ... หันข้างหน่อยนะ โชว์ดีเทลหลังนิด ๆ... นั่นแหละดีเลย”

ช่างกล้องเอ่ยคำแนะนำ ผสมกับคำชมไม่หยุดปาก ด้วยความเป็นมืออาชีพ เสียงชัตเตอร์ผสานกับแสงแฟลชรัวเก็บภาพนางแบบสาวคนสวยเอาไว้ทุกช็อต

เบื้องหลังตากล้องคนเดียวกันนั้นณดาวยืนคุมอยู่ไม่ห่างในฐานะเจ้าของเสื้อผ้าคอลเลคชั่นใหม่ และเจ้าของสตูดิโอ รอยยิ้มพึงพอใจที่ประดับดวงหน้าหวานไม่จืดจางลงเลย ทุกภาพถ่ายของอัจฉราต้องยอมรับเลยว่าเหมือนมืออาชีพ เธออาจจะเงอะงะบ้างเล็กน้อยในตอนแรกเพราะความใหม่ แต่พอจับทางได้ก็งานเร็ว

แถมยังออกมาดีด้วยซ้ำ... แบบที่แทบจำไม่ได้ว่านี่คือ ‘คนใช้’ ในบ้านตัวเอง

“อยากรู้จัง... ว่าจะทำหน้ายังไง”

เธอพึมพำกับตัวเองพลางหัวเราะออกมาเบา ๆ อย่างชอบใจ แววตาเป็นประกายวาววับแฝงไปด้วยความซุกซนและคาดหวังอย่างมีเล่ห์เหลี่ยม ไม่ทันขาดคำ ประตูสตูดิโอก็เปิดเข้ามาพอดีราวกับรู้ใจ

‘นที เลิศธารินทร์’ ซีเนียร์พาร์ทเนอร์ของ L&T Law ทนายหนุ่มมาดเนี้ยบ และพี่ชายเพียงคนเดียวของณดาว ในวินาทีที่เขาก้าวเข้ามาในสตูดิโอเย็นฉ่ำ ทุกอย่างรอบตัวราวกับหยุดเคลื่อนไหวไปทันที การมาปรากฏตัวของเขาพร้อมกับภาพลักษณ์สมบูรณ์แบบตั้งแต่หัวจรดเท้า ทำให้หัวใจของใครหลายคนเต้นแรงไม่เป็นส่ำง่าย ๆ

ชุดสูทสีน้ำเงินเข้มส่งผิวขาวและรูปร่างกำยำได้อย่างลงตัว ผมสีเข้มจัดทรงเรียบ มีสไตล์รับกับใบหน้าคมคาย ทุกอย่างที่เป็นเขาดูสะอาดตา สดชื่น แต่ในก็แฝงไปด้วยไอเย็นบางอย่าง ที่ทำให้ทั้งน่าเข้าหาและยากที่จะหยั่งถึงในเวลาเดียวกัน

ชายหนุ่มเดินเข้าไปหยุดอยู่เคียงข้างน้องสาว สีหน้าของเขาไม่ได้เรียบเฉยซะทีเดียว มีรอยยิ้มให้เห็น แต่สายตาคาดเดาไม่ได้ว่าคิดอะไรอยู่ เสียงชัตเตอร์ถี่รัวเป็นจังหวะ พร้อมกันเสียงช่างกล้องทำให้ความสนใจของเขาถูกดึงดูดไปยังภาพตรงหน้าได้เช่นกัน ทว่า... สิ่งที่เห็นนั้นกลับสะกิดใจเขาไปได้วูบหนึ่ง

“ดีมากครับ! ถ่ายทอดดีมากเลย!”

คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเล็กน้อย สายตาคมเฉียบจ้องมองไปยังภาพตรงหน้าไม่วางตา เสี้ยววินาทีหนึ่งเท่านั้นที่เขาเห็นสายตาของอัจฉรามองมาที่เขา ก่อนที่เธอจะหันไปมองกล้อง แต่แววตาที่ฉายแววประหลาดใจปนตื่นตระหนกนั่นไม่อาจรอดพ้นไปจากเขาได้เลย นทีกระตุกยิ้มมุมปากอย่างอดไม่ได้... ลางานแต่เช้าเพื่อมาทำอะไรแบบนี้นี่เองสินะ

“เป็นไงคะ พี่ทีมาถึงก็เจอเซอร์ไพรส์เลยปะ… นางแบบฉุกเฉินของณะเอง”

เสียงของณดาวดังขึ้นข้างหู เจือเสียงหัวเราะขำเบา ๆ เธอมองใบหน้าด้านข้างของพี่ชายด้วยสายตาที่เจือความพอใจและขี้เล่น แต่พอเห็นรอยยิ้มมุมปากของพี่ชายกลับกลายเป็นว่าเธอที่ตั้งใจจะแซวหาทางไปไม่ถูกเสียอีก... หล่อนไม่คิดว่าพี่ชายจะมีปฏิกิริยาเช่นนี้ด้วยซ้ำ

“ที่แท้ก็มาอยู่ที่นี่...”

นทีพูดพึมพำกับตัวเอง สายตากวาดมองหญิงสาวที่อยู่ภายใต้แสงไฟตั้งแต่หัวจรดเท้าเป็นครั้งสุดท้ายอย่างอ่านไม่ออก ก่อนที่เขาจะหันไปเผชิญหน้ากับน้องสาวที่ทำหน้าอึ้งอยู่ พร้อมกับยิ้มให้เธอ รอยยิ้มที่อบอุ่นจนแทบจะละลายหัวใจใครก็ได้... ยกเว้นอีกคนที่ได้แต่มองอยู่ห่าง ๆ

หัวใจของอัจฉราเต้นระรัวทันทีที่ได้เห็นรอยยิ้มนั้น แต่เธอยังต้องรักษาความเป็นมืออาชีพเอาไว้ กลับมาโฟกัสกับสิ่งที่ทำตรงหน้าแทน ไม่อยากทำตัวน่าอายให้มีตำหนิในสถานการณ์แบบนี้ ทั้งที่หัวใจปรารถนาอยากจะได้รอยยิ้มแบบนั้นเหมือนกับที่เขาให้ณดาวมาที่เธอบ้าง แต่มันคงเป็นได้แค่ฝันไป

“โอเคครับ! เซทนี้ดีมาก เตรียมตัวถ่ายชุดต่อได้เลยครับ”

อัจฉราสะดุ้งเบา ๆ เมื่อของช่างถ่ายภาพดังขึ้น เสียงชัตเตอร์เงียบลง พาให้กลับมาสู่โลกแห่งความจริงอีกครั้ง อัจฉราคลี่ยิ้มส่งให้ทุกคนก่อนที่ทีมงานจะช่วยมาพาเธอออกจากฉาก ระหว่างที่เดินกลับไปยังห้องแต่งตัว สายตาเจ้ากรรมมันก็ยังมิวายแอบหันไปมองชายหนุ่มที่ตอนนี้นั่งอยู่กับน้องสาวของเขาบนโซฟาที่ตั้งอยู่ในมุมหนึ่งของสตูดิโอ พร้อมกับเอกสารมากมายที่วางอยู่บนโต๊ะตัวเตี้ยตรงหน้าเขา

ก่อนที่อัจฉราจะละสายตาไปในที่สุด โดยที่ไม่ลืมภาพลักษณ์ของเขาในตอนนั้นเลย ภาพที่ยิ่งย้ำเตือนให้เห็นชัด ว่าโลกของทั้งคู่มันแตกต่างกันมากเพียงใด เขาคือพระอาทิตย์ทั้งดวง ขณะที่เธอคือดาวบริวารที่หมุนรอบตัวเขาอยู่ฝ่ายเดียว.... ที่ในความเป็นจริง ดาวบริวารไม่เคยถูกดวงอาทิตย์เหลียวมองด้วยซ้ำ… มีแต่แรงดึงดูดจากอีกฝ่ายเท่านั้นที่บังคับให้โคจรรอบไปเรื่อย ๆ

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • นที (โปรด) รัก   บทที่ 20 พังที่กายไม่ใช่หัวใจ [2/2]

    คำพูดรู้ทันของนทีตัดผ่านความเงียบขึ้นมา ทำให้อัจฉราใจหายวาบ สะดุ้งเล็กน้อยด้วยความตกใจผสมอาย เพราะลืมไปเสียสนิทว่าคนปากร้าย ตาดี หูไว สมกับที่ประกอบวิชาชีพทนายความอันลือชื่อของเขาจริง ๆกระนั้นอัจฉราก็ไม่ได้โต้ตอบอะไรอีกแล้ว เธอสะกดกลั้นความเจ็บใจเอาไว้ ความอดทนประเภทนั้นทำให้นทีต้องหัวเราะ ‘หึ’ ออกมา มองร่างเล็กกลับเข้าไปในครัว เทข้าวต้มที่เหลืออยู่แทบเต็มชามลงถังขยะตามคำสั่งอย่างน่าพึงพอใจคนร่างบางเดินวนรอบราวกับหนูติดจั่น แต่เป็นหนูที่ยังละทิ้งหน้าที่ของตนเองไปไม่ได้เสียที กลีบปากอวบอิ่มเม้มเข้าหากัน หัวใจเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ ทั้งยังปวดหัวตุบ ๆ อย่างไม่สบายตัวจนต้องสะบัดหัวเบา ๆ เดินไปที่อ่างล้างจานทุกอย่างอยู่ในสายตาของนที ซึ่งกำลังจิบน้ำเปล่าเงียบ ๆ อยู่ที่เดิม ความอ่อนแอของอัจฉราเริ่มชัดเจนมากขึ้น เธอฝืนร่างกายทำงานหนักตลอดทั้งวันและคืนจนเห็นผล ทว่านทีไม่ได้รู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อยที่ใช้เธอขนาดนี้ ทั้งที่เห็นอยู่ว่าสภาพของหญิงสาวเกินจะรับไหวแล้วกระทั่งชามเซรามิกลื่นฟองสบู่ในมือของหล่อนร่วงลงพื้นเสียงดัง ‘เพล้ง!’ กระเบื้องสีขาวแตกเป็นชิ้นเ

  • นที (โปรด) รัก   บทที่ 20 พังที่กายไม่ใช่หัวใจ [1/2]

    อัจฉรายกหม้อข้าวต้มลงจากเตาด้วยมือที่สั่นนิด ๆ ผ่อนลมหายใจออกมา สุดท้ายก็ทำเสร็จเสียที เธอตักข้าวต้มใส่ชาม โรยต้นหอมและกระเทียมเจียว แล้วนำไปวางลงบนโต๊ะอาหาร ดวงตาที่อ่อนล้าอย่างชัดเจนกวาดมองห้องโล่งหรูที่เงียบผิดปกติ ทีวีจอใหญ่ยังคงเปิดค้างเอาไว้ ฉายรายการข่าวรอบดึก แต่คนที่เคยนั่งดูอยู่ตรงนั้น ตอนนี้ไร้วี่แววของตัวตน หญิงสาวไม่รู้ว่าเขาหายไปเมื่อไหร่ ทว่าการไม่เห็นก็ใช่ว่าความหนักอึ้งในอากาศจะหายไป อัจฉราเผลอเม้มปากเล็กน้อย ยังคงสัมผัสได้ถึงความรู้สึกร้อนผ่าวเหนือริมฝีปากจากเหตุการณ์ก่อนหน้า ตรึงตราอย่างยากที่จะลืมเลือน แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็พยายามปฏิเสธที่จะรู้สึกถึงมันอยู่ดี หล่อนส่ายหัวเบา ๆ สูดหายใจเข้าลึก เรียกสติให้หยุดเพ้อเสียที “ก็แค่จูบ... จะไปคิดมากทำไม ขนาดจูบกับหมายังไม่เห็นต้องคิดอะไรเลย” แม้ว่าความรู้สึกปวดหนึบผสมกับความขุ่นเคืองมันยังคงกัดเซาะหัวใจของเธออยู่ก็ตาม... “.....” ริมฝีปากหยักคลี่ยิ้มหยัน คำพูดของอัจฉรากระทบเข้าสู่โสตประสาทชัดเจนเลยทีเดียว นทียืนอยู่ที่ตีนบันไดทางลงจากช

  • นที (โปรด) รัก   บทที่ 19 รอเห็นเธอพัง [2/2]

    แกร๊ก “เข้ามา” เจ้าของห้องออกคำสั่งอย่างราบเรียบ ร่างสูงเข้าไปในห้องขนาดกว้างครอบคลุมทั้งชั้นก่อน ประตูที่เปิดกว้างเผยให้เห็นด้านในที่ตกแต่งด้วยโทนสีดำ เทาเข้ม และสีขาว พื้นหินอ่อนวาววับสะท้อนแสงไฟสีนวลจากทั่วทุกมุมห้อง สอดคล้องกับตัวตนของผู้เป็นเจ้าของเพนท์เฮาส์แห่งนี้ได้เป็นอย่างดี ‘ทำไมต้องพามาที่นี่ด้วย... ในเมื่อทุกทีก็เห็นกลับบ้านตลอด’ อัจฉรามองเข้าไปข้างในห้องของนที ก็อดคิดคิดในใจไม่ได้ เธอไม่ได้ตื่นเต้นกับความหรูหราของสถานที่เลยแม้แต่น้อย ทั้งที่เป็นเมื่อก่อนคงจะดีใจมากที่ได้เข้ามาอยู่ในพื้นที่ที่เปรียบเสมือนโลกอีกใบของเขา แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิม... ก็เหมือนที่เธอมองนทีไม่เหมือนก่อนเช่นกัน สายตาจ้องมองแผ่นหลังกว้างตรงหน้าด้วยความขุ่นเคืองผสมกับความหวาดหวั่นเล็กน้อย จนต้องสูดลมหายใจเข้าลึกอย่างแผ่วเบาเรียกสติ ทำใจดีสู้เสือ ก่อนจะยอมเดินตามหลังอีกฝ่ายเข้าไปในห้อง เสียงประตูปิดลงอย่างแผ่วเบาเบื้องหลัง แต่อัจฉราก็ยังยืนอยู่ที่เดิม ภาพสะท้อนของคนตัวเล็กที่ยืนนิ่งอยู่ข้างหลังบนกระจกหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดาน ทำให้เผลอกระตุกยิ้มออกมาเล็กน้อย เพราะนทีคาดหวังว่าจะได้เห็นอ

  • นที (โปรด) รัก   บทที่ 19 รอเห็นเธอพัง [1/2]

    “คุณนที... พูดบ้าอะไรออกมา... รู้ตัวบ้างไหม” น้ำเสียงของอัจฉราแผ่วเบา หัวของเธอรู้สึกตื้อไปหมดจนเกือบจะประมวลผลไม่ทัน แววตาที่สั่นระริกและชุ่มชื้นไปด้วยน้ำตา บัดนี้จ้องลึกลงไปที่ดวงตาคู่คม ราวกับจะหาคำตอบว่าใครกันที่พ่นข้อเสนออันแสนจะหยาบคายนั้นออกมา นทีหัวเราะ ‘หึ’ ในลำคอ เขาไม่ละสายตาไปจากแววตาฉ่ำน้ำที่มองมายังเขา เหมือนเป็นการตอบคำถามที่เธออยากรู้โดยที่ไม่ต้องอธิบาย ว่าคน ‘หยาบคาย’ คนนั้น มันก็คือตัวตนของเขาเอง... ด้านที่ไม่เคยเผยให้ใครได้รู้จักมาก่อน “รู้สิ... แต่ถ้าอยากได้ยินอีกครั้งก็จะย้ำให้... ฉันอยากให้เธอ ‘มอง’ แค่ฉัน ‘คนเดียว’ เท่านั้น... เหมือนที่เธอเป็นมาตลอด... อย่าลืมตัวสิ เนย” เสียงทุ้มพร่าว่าพลางเลื่อนมือที่กุมอยู่หลังคอที่ร้อนระอุของหญิงสาว เคลื่อนมาช้า ๆ จนถึงปลายคางเชิด แล้วเชยคางหล่อนให้สบตากับเขาชัด ๆ ก่อนจะไล่สายตามองริมฝีปากอิ่มที่ตอนนี้บวมเจ่ออย่างน่าพึงพอใจ “แต่นั่นมันไม่เกี่ยวกัน! นั่นมันเรื่องของเนย เนยรับผิดชอบเองได้ คุณนทีมีสิทธิ์อะไรมาสั่ง” น้ำเสียงของอัจฉราเจือไปด้วยความสั่นเครือ แม้ว่าจะพยายามเป็นเข้มแข็ง แต่หัวใจของเธอกลับเต้นไม่หยุด ยังคง

  • นที (โปรด) รัก   บทที่ 18 จูบสั่งสอน [2/2]

    เสียงหัวเราะ ‘หึ’ ดังออกมาจากลำคอ ยอมรับว่าเขาถูกใจไม่น้อยเลยที่ทำให้อัจฉราหางโผล่จนได้ แววตาที่เยือกเย็นหันกลับมามองเธอช้า ๆ เป็นแววตาของนักล่าอย่างไม่ปิดบังเช่นกัน “บ้าเหรอ... หึ... กล้า... กล้าดีนักนะ เนย” สิ้นประโยคฝ่ามือใหญ่ก็กระแทกลงบนแผงควบคุมลิฟต์อย่างจัง เสียงดังจนคนร่างบางสะดุ้งโหยง ถอยหลังไปประชิดกับผนังที่เย็นเฉียบโดยสัญชาตญาณ พร้อมกันนั้นลิฟต์ก็ค้างทันที ชายหนุ่มกดปุ่มหยุดการทำงานเอาไว้ โดยที่สายตาไม่ละไปจากอัจฉราเลย รอยยิ้มร้ายกาจแบบที่น้อยคนจะได้เห็นนักปรากฏขึ้น ขณะที่ร่างสูงใหญ่ค่อย ๆ ก้าวเข้าไปใกล้คนตัวเล็กกว่าที่พยายามชูคอหวังจะฉก แต่มันไม่น่ากลัวเลยแม้แต่น้อยเหมือนลูกแมวที่พยายามข่วนกลับมากกว่า “คุณนที... จะทำอะไร... ถอยออกไปนะ!” อัจฉราส่งเสียงขู่อีกฝ่าย แต่กลับสั่นและไร้น้ำหนักอย่างน่าเจ็บใจ ผู้ชายที่รักและเทิดทูนในใจมาตลอดตอนนี้กลับแยกเขี้ยวใส่ น่ากลัวและพร้อมที่จะกัด หญิงสาวขยับหนีเขาไปเรื่อย ๆ ทั้งที่ไม่มีพื้นที่ให้ไป ก่อนจะต้องตกใจเมื่ออีกฝ่ายเข้ามาประชิดกะทันหัน ปึง! เสียงฝ่ามือหนากระแทกเข้ากับกำแพงข้างศีรษะ แรงพอที่จะทำให้หญิงสาวสะดุ้งสุดตัวและลิฟต

  • นที (โปรด) รัก   บทที่ 18 จูบสั่งสอน [1/2]

    “คุณนที” “.....” “เจ็บไหม... เนยขอโทษนะ” น้ำเสียงหวานแผ่วดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบของรถยนต์ที่ยังคงขับฝ่าฝนไปด้วยความเร็วคงที่ สายตาของหญิงสาวฉายแวววูบไหวเล็กน้อย เมื่อเอ่ยประโยคที่ทั้งถามและขอโทษ ทว่านทีกลับยังคงนิ่งเฉย เขาไม่ตอบคำถามของเธอหรือว่าแสดงปฏิกิริยาอะไรนอกเหนือไปจากความเงียบที่มีเท่านั้น ใบหน้าหล่อยังคงเรียบเฉย แววตาอ่านไม่ออกภายใต้แสงไฟที่สะท้อนผ่านมาเป็นระยะ เผยให้เห็นมุมปากที่มีรอยแผลสด อัจฉรามองเสี้ยวหน้านั้นด้วยความรู้สึกผิดที่ล้นหัวใจ แม้ว่าเมื่อกลางวันจะรู้สึกเคืองเขามากแค่ไหนก็ตาม ทว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ เธอไม่รู้ว่านทีเขาแค่ผ่านมาเพราะความบังเอิญหรือเปล่า แต่สิ่งที่ชัดเจนที่สุดคือเขาต้องมาเจ็บตัวเพราะเธอ ดวงตาสียางไม้สั่นไหวเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงไม่ยอมตอบคำถามของเธอ แทนที่จะเร่งเร้าเขาต่อไป หญิงสาวเลือกที่จะละสายตามองออกข้างทางแทน เธอไม่กล้าแล้ว... แม้จะทั้งความกังวลและห่วงแค่ไหน แต่ก็รู้ตัวดีว่าไม่ได้มีสิทธิ์ไปก้าวก

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status