Home / โรแมนติก / นที (โปรด) รัก / บทที่ 11 ออกลาย

Share

บทที่ 11 ออกลาย

Author: 23.19น.
last update Last Updated: 2025-10-21 01:15:06

สภาพการจราจรที่ไม่คล่องตัวนักทำให้นทีกำพวงมาลัยรถแน่นขึ้นจนข้อนิ้วขาวซีด สีหน้ายังคงเรียบเฉย แต่สายตาคอยชำเลืองมองคนข้าง ๆ ตลอด อัจฉรายังคงนอนซมไม่ได้สติ เธอเป็นลมไปนานเกินไปจนน่าเป็นห่วง นทีถอนหายใจออกอย่างหนัก เขายื่นมือข้างหนึ่งออกไปอังหน้าผากของเธออีกครั้ง ก่อนจะพบว่ามันยังไม่คลายร้อนลงเลย

เขาสังเกตเห็นเม็ดเหงื่อที่ซึมออกตามไรผมของเธอ ปลายนิ้วเรียวก็เกลี่ยเส้นผมบางส่วนที่ลงมาปกคลุมใบหน้าของเธอออกไปเบา ๆ แล้วชักมือกลับมาประคองพวงมาลัยรถเหมือนเดิม เมื่อเห็นว่าสัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียวแล้ว เขาก็ไม่รอช้าที่จะเหยียบคันเร่งออกไปด้วยความเร็วที่ค่อนข้างสูงทันที

หลังจากผ่านไปไม่กี่นาทีโครงสร้างของโรงพยาบาลใหญ่ใกล้ที่สุดเท่าที่จะหาได้ก็ปรากฏให้เห็น ทว่าในจังหวะที่เขาตีไฟเลี้ยว ร่างของคนที่เอาแต่นอนซมเมื่อครู่ก็ขยับเล็กน้อยคล้ายจะรู้สึกตัว และก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ เปลือกตาของอัจฉราเปิดขึ้นอย่างเชื่องช้า พร้อมกับความรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะและปวดไปทั้งตัว

“รู้สึกตัวแล้วเหรอ...”

เสียงทุ้มดังขึ้นเมื่อสังเกตเห็นเปลือกตาที่กระพือเปิดขึ้นมา น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำและราบเรียบ แต่ก็ไม่ได้ไร้อารมณ์ไปเสียทีเดียว สายตาคู่คมชำเลืองมองเธออีกครั้งเพียงแค่เสี้ยววินาที ก่อนที่เขาจะขับรถยนต์ให้เข้าไปในโรงพยาบาล ก่อนจะหยุดลงหน้าประตูทางเข้า

เขาปลดเข็มขัดนิรภัยออกและเปิดประตูลงไปทันที โดยที่ไม่สนว่าอัจฉราจะยังตกอยู่ในอาการมึนงงจนยังไม่ทันจะตอบคำถามของเขาก็ตาม คนช่วงขายาวก้าวสามขุมอ้อมมาหยุดอยู่ข้างประตูฝั่งผู้โดยสาร ขณะที่มือข้างหนึ่งของเขาเปิดประตูออก ข้างหนึ่งก็ชูขึ้นส่งสัญญาณขอวีลแชร์จากเจ้าหน้าที่เวรเปลไปด้วย

“คุณนที...”

ดวงตาคู่สวยที่ตอนนี้ดูอิดโรยและฉ่ำน้ำเนื่องจากพิษไข้ฉายแววไหววูบ เธอสบตากับคนตัวโตที่เปิดประตูรออยู่ กลืนน้ำลายเบา ๆ อย่างฝืดคอ ก่อนที่สายตาจะกวาดมองไปรอบ ๆ ด้วยความสับสนระคนไม่สบายใจที่เริ่มเกิดขึ้น

ทว่าก่อนที่จะได้ทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ร่างบางก็ถูกมือใหญ่ดึงรั้งออกมาจากรถยนต์อย่างไม่ค่อยเบามือเท่าไหร่นัก จนเจ้าของร่างตาโตด้วยความตกใจ นทีไม่สนใจปฏิกิริยานั้นของอัจฉรา เขาเพียงแค่ดันเธอให้นั่งลงวีลแชร์ที่จอดรออยู่ แล้วปิดประตูรถลงเสียงดังปัง ดวงตาคู่คมตวัดมามองหญิงสาวที่ยังคงทำหน้าตาตื่นด้วยสายตาเรียบ ๆ

“ตัวร้อนจนแทบจะไหม้อยู่แล้ว ไม่รู้ตัวเองเลยหรือไง ถึงได้ปล่อยให้ตัวเองเป็นลมไปแบบนั้น”

นทีพูดจบเขาก็เข้าไปกระชับเสื้อสูทที่อยู่บนร่างของอัจฉราให้เข้าที่ ก่อนจะถอยออกมาและพยักหน้าให้เจ้าหน้าที่เวรเปล โดยที่สายตาไม่ละไปจากอัจฉราเลย

“พาเข้าไปก่อนเลยครับ...”

พูดจบเขาก็เดินอ้อมรถยนต์กลับเข้าไปนั่งฝั่งคนขับอีกครั้ง ปล่อยให้อัจฉราตกอยู่ในความสับสน และขับออกไปทันที

รถยนต์คันหรูสีดำเงาวับเคลื่อนตัวออกไปจากลานจอด ยังไม่ทันพ้นสายตาดีด้วยซ้ำ อัจฉราก็ถูกเข็นเข้าไปในโรงพยาบาลเสียก่อน ความสับสนเมื่อครู่ค่อย ๆ บรรเทาลง แต่ความรู้สึกเจ็บป่วยยังคงอยู่ หญิงสาวกระชับแจ็กเกตสูทสีน้ำเงินเข้มเล็กน้อย เมื่อสัมผัสกับความเย็นภายในตัวอาคาร

ความหรูหราทำให้เธออดไม่ได้ที่จะกวาดสายตามองไปรอบ ๆ พลันหัวใจก็เต้นระรัวด้วยความหนักใจที่เข้ามาแทนที่ โรงพยาบาลแห่งนี้คือโรงพยาบาลเอกชน อัจฉรารู้ได้ในทันที ไม่ว่าจะเป็นความใหญ่โต บริการของเจ้าหน้าที่ อัจฉรากลืนน้ำลาย ลำคอรู้สึกแห้งผากขึ้นมากะทันหัน เธอไม่เคยกลัวความสบาย... จนกระทั่งตอนนี้

“เอ่อ... พี่คะ... ไม่ต้องใช้เข็นแล้วก็ได้ค่ะ”

อัจฉราเอ่ยออกมา น้ำเสียงคลุมเครือเล็กน้อยด้วยความไม่สบาย ความกะทันหันทำให้เจ้าหน้าที่เวรเปลหยุดลง พอดีกับที่เข็นมาถึงพื้นที่รับรองพอดี เขามองหญิงสาวด้วยสายตาที่ไม่เล็กน้อย แต่ก็พยักหน้าเบา ๆ และเดินจากไปทันที

อัจฉรามองภาพนั้นเงียบ ๆ กลีบปากอิ่มเข้าหากันเล็กน้อย ก่อนที่หล่อนจะฝืนพยุงตัวเองให้ลุกออกจากสิ่งอำนวยความสะดวกนี้ ทว่ายังไม่ทันจะลุกไปไหนได้พ้น เธอก็สัมผัสได้ถึงแรงกดบนไหล่ข้างหนึ่ง แรงที่เพียงพอจะทำให้คนที่ยังเป็นไข้สูงสามารถนั่งลงได้ง่าย ๆ อย่างจำนน เมื่อแหงนหน้ามอง นัยน์สียางไม้ก็ถึงกับวูบไหว

“อย่าฝืน... นั่งเฉย ๆ ไม่ตายหรอก”

นทีพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ แต่คำพูดของเขาทำให้เธอจุกได้ไม่ยาก เขาไม่สนท่าทางที่ชะงักงันไปของอัจฉรา หรือสายตาที่มองมาด้วยความตกใจและหวาดหวั่นคู่นั้นเลยแม้แต่น้อย รอจนเธอหลบตาไปเอง เขาถึงเข็นวีลแชร์ที่เธอนั่งอยู่ไปด้วยตัวเอง

เขารู้ว่าอัจฉราคงจะตกใจกับคำพูดของเขา แต่ว่าตอนนี้สิ่งที่ต้องห่วงไม่ใช่ความรู้สึกของเธอ แต่เป็นสุขภาพที่เหมือนกับคนใกล้ตายของเธอนั่นต่างหาก นทีเข็นเธอไปยังเคาน์เตอร์รับบริการคัดกรองผู้ป่วยที่มีพยาบาลประจำการอยู่แล้ว เมื่ออีกฝ่ายเห็นอัจฉราก็ออกมารับช่วงต่อทันที

นทีถอยหลังไปสองถึงสามก้าวให้พยาบาลได้ทำงานสะดวกแต่ยังคงคอยประกบไม่ห่าง เขาปลดกระดุมข้อมือของแขนเสื้อออกสองข้าง ก่อนจะร่นขึ้นไปจนถึงข้อศอกเผยให้เห็นท่อนแขนแกร่ง แล้วยกแขนกอดอกเฝ้ามองอัจฉราที่ตอบคำถามกับพยาบาลสาวคนหนึ่งเงียบ ๆ ไม่ได้เข้าไปขัดหรือแทรก แต่คิ้วเริ่มขมวดมุ่นเรื่อย ๆ หลังจากที่ได้ฟังคำตอบจากปากคนป่วย

“BP ต่ำกว่าปกติ ไข้ก็สูงมาก... น่าเป็นห่วงนะคะ ดีที่ไม่ชักไปเสียก่อน”

ประโยคแรกพยาบาลสาวพูดกับอัจฉรา สายตาอ่านค่าบนปรอทวัดไข้ ประโยคสุดท้ายเธอหันไปบอกกับนที ชายหนุ่มที่ได้ยินแบบนั้นสายตาที่ปกติราบเรียบอยู่แล้ว ตอนนี้ก็ยิ่งนิ่งจนน่ากลัวกว่าเดิม คิ้วที่เคยขมวดแน่นคลายออกอย่างไร้ร่องรอย

“ญาติคนไข้ใช่ไหมคะ?”

“เปล่าครับ... ผมเป็นเจ้านายเธอ”

คำพูดที่ตอบกลับ การเว้นช่วงเล็กน้อยของนที ทำให้อัจฉรารู้สึกจุกในอกได้อย่างง่ายดาย แม้จะเป็นคำตอบที่ไม่น่าคาดหวังอะไรตั้งแต่แรกก็ตาม เธอเผลอหันไปมองเขา ก่อนจะพบเข้ากับสายตาคู่คมกริบที่มองอยู่แล้ว แรงกดดันที่แผ่ออกมาจนรู้สึกได้ทำให้ความรู้สึกแรกของอัจฉราเปลี่ยนไปทันที หล่อนตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ รีบหลบสายตานั้นและก้มหน้างุดทันที

“เจ้านายเหรอคะ... เข้าใจแล้วค่ะ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวพาคนไข้พบแพทย์ได้เลยนะคะ”

พยาบาลสาวชะงักไปเล็กน้อย แต่ด้วยความเป็นมืออาชีพที่ไม่ได้กำหนดให้มาสงสัยอะไร ยิ้มให้และผายมือไปทางห้องตรวจอย่างสุภาพ

นทีพยักหน้า รอยยิ้มแตะริมฝีปากหยักได้รูปบาง ๆ เขาเดินเข้ามายืนข้างหลังของอัจฉรา ดวงตาคู่คมกดต่ำมองเธอที่เอาแต่ก้มหน้าด้วยความรู้สึกที่เขาไม่เข้าใจเช่นกัน ก่อนจะเข็นวีลแชร์พาเธอตรงไปยังห้องตรวจทันทีโดยที่ไม่ได้พูดอะไร ราวกับว่าจงใจใช้ความเงียบให้ก่อเกิดความอึดอัดระหว่างเขาและเธอเพิ่มพูนขึ้นเรื่อย ๆ จนต้องมีใครที่ทนไม่ไหวไปเอง... ซึ่งคนนั้นต้องไม่ใช่เขา

“คุณนที...”

อัจฉรานั่นเองที่ทนต่อความเงียบไม่ไหว เธอปริปากพูดออกมาในที่สุด สายตาที่เคยก้มต่ำช้อนขึ้น ขณะที่แหงนมองเขาเล็กน้อย กลีบปากอิ่มเม้มเข้าหากันแน่น ก่อนจะคลายพูดประโยคหนึ่งที่ทำให้นทีหยุดเดินทันที

“ไม่หาหมอได้ไหมคะ...”

คิ้วหนาเลิกขึ้นข้างหนึ่ง สายตาของเขากดลงมองคนดวงตาคู่สวยที่กระตุกไหวของอัจฉราในยามที่เธอเอ่ยปากขอ นทีไม่ได้ตอบในทันที แต่เขาจ้องมองลึกเข้าไปในนัยน์ตาสียางไม้คู่นั้น ราวกับว่าจะค้นหาทุกความคิดของเธอให้หมด เขาตรึงสายตาเอาไว้แบบนั้นไม่ให้เธอหันหนีไปได้ ก่อนจะถามกลับไปในที่สุด

“ทำไม... มีปัญหาอะไรกับการหาหมอหรือไง”

“เปล่าค่ะ...” อัจฉราตอบกลับไปเสียงแผ่ว ก้มหน้าลงอีกครั้งไม่กล้าสบตา รู้สึกอายที่จะต้องพูดความจริง

“มันน่าจะแพง... เนยไม่มีประกันเลยด้วย”

“แพง? ไม่มีประกัน?”

นทีทวนคำตอบของอัจฉราออกมา มุมปากของเขากระตุกเป็นรอยยิ้มเล็กน้อย เมื่อเห็นเธอหลบตาไปอีกแล้ว แต่แววตากลับมีประกายความสงสัยบางอย่าง... คราวนี้เขาอยากรู้ว่ามันเกี่ยวกันไหม กับข้ออ้างเดียวกันที่ทำให้เธออ้างว่ารถเมล์หมด ไปเดินตากฝนดึก ๆ จนกลายเป็นไข้แบบนี้หรือเปล่า

“แล้วไม่มีเงินเก็บบ้างเลยหรือไง... หรืองานที่ทำอยู่เงินเดือนมันน้อยไป?”

นทีจงใจเน้นคำว่า ‘งาน’ อย่างชัดถ้อยชัดคำ เขารอคอยปฏิกิริยาของอัจฉราอยู่ ซึ่งเธอก็ไม่ได้ทำให้เขาผิดหวังเลยแม้แต่น้อย ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างในตอนที่เธอเงยหน้ามองเขาอีกครั้ง แต่นทีไม่คิดที่จะปิดบังรอยยิ้มที่ยังค้างคาอยู่บนใบหน้าของเขาในครั้งนี้เลยแม้แต่น้อย

“ไม่ใช่นะคะ! เงินเดือนไม่น้อยเลยค่ะ” อัจฉรารีบแก้ต่างให้กับข้อกล่าวหาที่ไม่คาดคิด รีบยกไม้ยกมือปฏิเสธจนทำให้แจ็กเกตสูทที่คลุมอยู่บนบ่าหลุดออกอย่างไม่ได้ตั้งใจ

ดวงตาของนทีหรี่ลงทันที รอยยิ้มมุมปากหายวับไปอย่างรวดเร็ว สายตาของเขาตวัดมองไปยังคนอื่น ๆ โดยสัญชาตญาณ ก่อนจะรีบยื่นมือไปคว้าเสื้อตัวนั้นที่ตอนนี้กองอยู่กับพื้นมาโยนใส่คนร่างบางทันที แววตาของเขาตอนนี้ไม่มีประกายแบบเมื่อครู่อีกแล้ว แต่กลับแฝงไปด้วยแววกดดันที่ทำให้รู้สึกขนลุก

“คลุมเอาไว้ ถ้าไม่อยากให้คนอื่นมันมอง...”

ดวงตาคู่คมมองอย่างกดดัน แต่อัจฉรากลับนิ่งด้วยความลังเลไม่ได้ตั้งใจ จนเขาพลั้งปากพูดประโยคที่แม้แต่ตัวเองยังไม่คาดคิดออกไปใส่เธอ

“หรืออยากจะโชว์ก็ไม่ว่ากัน... ถ้าไม่ห่วงว่าตัวเองจะหนาวตายก็เรื่องของเธอ”

อัจฉราอ้าปากค้างกับคำพูดอันแสนร้ายกาจ ซึ่งเป็นคำพูดแบบที่เธอไม่เคยเห็นเขาเคยพูดกับใครมาก่อน น้ำเสียงที่นิ่งขรึม แต่แฝงไปด้วยความดุดันนั้นทำให้อัจฉราใจฝ่อ เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องพูดกับเธอแบบนี้ ตอนแรกก็พยายามที่จะไม่เก็บมาคิด แต่พอมันเริ่มบ่อยเข้าเธอก็ไม่คิดไม่ได้อีก

กลีบปากอิ่มเม้มเข้าหากันแน่น หล่อนหลุบตาลงอีกครั้ง ก่อนจะทำตามคำสั่งด้วยการหยิบเสื้อตัวเดียวกันที่ตอนนี้กองอยู่บนตักขึ้นมาคลุมเอาไว้แต่ไม่กล้าสวม

นทีมองภาพนั้นเงียบ ๆ แต่ลึก ๆ เขากลับรู้สึกขัดใจอย่างบอกไม่ถูกที่เลือกที่จะทำตามคำสั่งของเขาซื่อ ๆ แทนที่จะคิดเอาเองว่าควรจะสวมมันจะได้ไม่หลุดเมื่อเผลอขยับตัว

“ฉลาดน้อยแบบนี้ถึงไปไหนไม่พ้นสักทีไง...”

นทีพึมพำออกมากับตัวเอง อย่างไม่สบอารมณ์ เขาใช้ลิ้นดุนกระพุ้งแก้มเบา ๆ ก่อนที่เขาจะออกแรงเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น เข็นวีลแชร์ที่เธอนั่งอยู่ด้วยความรวดเร็ว ไม่รอคอยพาเข้าไปในห้องตรวจที่เปิดประตูอ้ารออยู่แล้ว โดยไม่รอฟังเหตุผล ข้ออ้างใด ๆ ของอัจฉราอีกต่อไปแล้ว ไม่ลืมที่จะทิ้งคำพูดสุดท้ายให้ไปกระตุกใจคนป่วยอย่างร้ายกาจ

“ไม่มีเงินก็พูดมาตรง ๆ ไม่ต้องมาอ้าง... เดี๋ยวจ่ายให้เอง... คราวหน้าจะได้ไม่ต้องมาเป็นลมให้ฉันหามเล่นอีก”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • นที (โปรด) รัก   บทที่ 25 เจ้าของและผู้ถูกครอบครองที่อยากบินหนี [2/2]

    คำถามด้วยน้ำเสียงที่ขมขื่นนั่นร้ายกาจไม่ใช่เล่น คำพูดของเธอในครั้งนี้กระทบใจนทีอย่างจัง ไม่ว่าอีกฝ่ายจะตั้งใจพูดหรือไม่ก็ตาม รอยยิ้มเลือนหายไปจากใบหน้า บรรยากาศที่เคยร้อนระอุเย็นเยียบขึ้นถนัดตา“หึ... กล้าถามขนาดนี้ แสดงว่ายังไม่สิ้นฤทธิ์”น้ำเสียงทุ้มกดต่ำลงอย่างอันตราย เรียบเหมือนผิวน้ำที่กำลังโหมคลื่นใหญ่อยู่ก้นบึ้ง ปลายนิ้วโป้งกดลงบนริมฝีปากอิ่มของอัจฉราด้วยแรงที่ทำให้กลีบเนื้ออ่อนนุ่มนั้นเผยอออกและอุทาน ‘โอ๊ย’ ออกมาด้วยความเจ็บก่อนจะพลิกร่างเล็กกลับขึ้นมาและคร่อมเธอเอาไว้อย่างรวดเร็ว โดยไม่สนว่าทั้งคู่จะเปลือยเปล่า โน้มหน้าลงไปจนปลายจมูกชนกัน ผสานลมหายใจที่ร้อนระอุเข้ากับจังหวะหายใจที่ขาดห้วงเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นของอัจฉรา“เธอมองว่าฉันเป็นคนดีมาตลอดเหรอ? หึ... นั่นแหละที่ทำให้เธอไม่แตกต่างจากคนอื่น... มองแค่ผิวเผิน... ใจง่ายไปเอง ทั้งที่ฉันยังไม่ได้ทำอะไรให้ด้วยซ้ำ”นัยน์ตาสีนิลแข็งกร้าว แต่ก็มีชั่วแวบหนึ่งที่มันฉายประกายอย่างซับซ้อน คล้ายกับความเจ็บปวดจากบางอย่าง ทว่าก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว นทีกระตุกยิ้มมุมปากเมื่อเห็นความหวาดหวั่

  • นที (โปรด) รัก   บทที่ 25 เจ้าของและผู้ถูกครอบครองที่อยากบินหนี [1/2]

    “อึก... อื้ออ...” สองมือยึดสะโพกเอาไว้มั่น ขณะที่ใบหน้าหล่อเหลาแหงนหน้าขึ้นฟ้า ปล่อยธารรักอุ่นร้อนพุ่งเป็นสายหนาเคลือบแผ่นหลังเนียนที่บัดนี้เต็มไปตราประทับกลีบกุหลาบและรอยขบกัด สะท้านสะเทือนเพราะแรงรักที่เขาปรนเปรอให้ใจจริงนทีอยากที่จะปลดปล่อยเคลือบผนังกำมะหยี่ แต่เขาก็รักษาคำพูดของตัวเองพอที่จะไม่ลดตัวลงไปฝากน้ำรักของเขาในกายของหล่อน... ถ้าเกิดพลาด อัจฉราท้องขึ้นมาจะเป็นเรื่องใหญ่“อ่าห์... โคตรดี... เธอเป็นของฉันแล้วนะ เนย”เสียงทุ้มพร่ากระซิบชิดกับใบหูที่ร้อนผ่าวของคนใต้ร่าง หลังจากที่ปลดปล่อยจนสุดทางรัก ทรุดตัวลงนอนทับเธอ โดยระวังน้ำหนักไม่ให้ทับคนตัวเล็กกว่าจนร่างแหลกไปเสียก่อนเขายกยิ้มอย่างพึงพอใจ พลางเลื่อนมือข้างหนึ่งขึ้นไปตามแนวสีข้างของเธอ จนมาถึงข้างแก้มที่ถูกปกคลุมด้วยเส้นผมสีแดงบดบังใบหน้าของคนที่เขาอยากเห็นสีหน้าที่สุดจนมองไม่เห็น“พูดอะไรบ้างสิ... หรือว่าโดนของฉันไปเลยจุกพูดไม่ออก”นทีถามเสียงเย้าแหย่ แต่แฝงความเป็นเจ้าของที่เพิ่มพูนขึ้นกว่าเดิม รู้สึกพึงพอใจที่สามารถยึดครองร่างกายเธอมาเป็นของเขาได้ด้วย

  • นที (โปรด) รัก   บทที่ 24 กายพิพากษา NC🔞

    พรึ่บ! นทีไม่สนท่าทีที่กลับมาขัดขืนงอัจฉรา เขากระชากกางเกงยีนและกางเกงในตัวจิ๋วลงไปกองรวมกันอยู่ที่ข้อเท้าเล็กอย่างไม่ปรานี เผยให้เห็นเงาสามเหลี่ยมที่ซ่อนอยู่หว่างขาขาว เท่านั้นยังไม่พอใจ กวาดสายตามองร่างเปลือยเปล่าตั้งแต่หัวจรดเท่าสายตาจวบจ้วงนั่นทำให้หญิงสาวหัวใจเต้นแรงด้วยความกลัวและความอายอย่างถึงที่สุด เธอพยายามถดตัวหนี ปิดบังตัวเองด้วยมือและแขนอย่างน่าสมเพช แต่มันกลับดูยั่วยวน กระตุ้นความอยากของนทีอย่างร้ายกาจคว้าข้อเท้าเล็กทั้งสองข้างเอาไว้มั่น รับรู้ได้ถึงแรงต้านที่พยายามจะหนีบขาเข้าหากัน แต่พละกำลังที่มากกว่าก็สามารถจับเรียวขาสวยของเธอแยกออกจากกันได้ไม่ยาก เผยให้เห็นกลีบเนื้ออวบอูมที่บัดนี้ฉ่ำวาวแล้ว“ไม่นะ! อย่ามอง!”“แฉะแล้ว... อย่าหลอกตัวเองเลยเนย...”.นทีเลียกลืนน้ำลาย สายตาจับจ้องส่วนรับของอัจฉราอย่างกระหาย ความงามของเธอเกือบทำให้ลืมหายใจ นัยน์ตาสีนิลวาวโรจน์ รีบแทรกกายเข้าไประหว่างขาของเธอ รับรู้ถึงความปวดร้าวของตัวเองที่ร้องหาปลดปล่อยใต้เนื้อผ้า“คุณนที... ฮึก...”น้ำตาของเธอ... ร้องไห้อีกแล้ว ความปรารถ

  • นที (โปรด) รัก   บทที่ 24 กายพิพากษา NC🔞

    “คุณนทีอย่า!”อัจฉราประท้วงเสียงเครือ ดวงตาคู่ฉ่ำน้ำใส ไหวสั่นระริก ความร้อนซ่านประดับพวงแก้มใสราวกับผลตำลึงสุก ทั้งอายและอัปยศอย่างถึงที่สุด หลังจากที่นทีเปิดเผยร่างกายท่อนบนของเธอ มองเขาด้วยสายตาที่อ้อนวอน ผิดจากความดื้อรั้นก่อนหน้า“อย่านะคะ... ฮึก... เนยขอร้อง”เธอขอร้องทั้งน้ำตา ปลายจมูกรั้นแดงเรื่อ หายใจติดขัด ภาพตรงหน้าของนทีช่างดูน่าสงสาร เขากำลังทำร้านอัจฉราย่อมรู้ดี แต่ความต้องการของเขามันบดบังความรู้สึกผิดชอบชั่วดีไปหมด สำคัญเขากำลังมองว่าความอ่อนแอของเธอมันน่าขย้ำให้จมเขี้ยว เหมือนสัตว์ตัวน้อย ๆ อ่อนแอ หวาดกลัว... สิ้นหวังแต่ก็ยังดิ้นรนที่จะขอร้อง“อย่าร้องไห้...”เขายื่นมือไปเช็ดน้ำตาที่อาบหน้าคนใต้ร่างอย่างแผ่วเบา สัมผัสเย็นเยียบไม่ใกล้เคียงกับคำว่าปลอบใจเลยแม้แต่น้อย ซึ่งใช่... นทีไม่ได้กำลังปลอบประโลม“คุณนที... เนยขอร้องนะ... อย่าทำแบบนี้เลย”ร่างเล็กตัวสั่น สัมผัสของปลายนิ้วที่เฉียดผ่านแก้มเนียนยามที่เขาเช็ดน้ำตาให้ แม้รู้ดีว่ามันคือการกระทำเสแสร้งที่สุด ทว่ากลับรู้สึกสะท้านใจอย่างอดไม่ได้ ยิ่งเปิดเปลือ

  • นที (โปรด) รัก   บทที่ 23 เจ็บกว่าที่ใจไหว [2/2]

    “น่ารำคาญมากไหมคะ... ฮึก... เนยน่ารำคาญในสายคุณนทีมากไหมคะ?”นทีชะงักจริง ๆ ในครั้งนี้ ดวงตาสั่นไหวเล็กน้อย ไม่ตอบคำถามแต่กลับจ้องใบหน้าที่เปื้อนหยาดน้ำใสจากตาของเธอ ก่อนที่รอยยิ้มร้ายกาจจะปรากฏขึ้นอีกครั้ง น้ำตาของเธอ... ทำให้รู้สึกเดือดในใจอย่างประหลาดพร้อมด้วยเสียงหัวเราะต่ำ เขาปล่อยมือออกจากคางของเธอ ปลายนิ้วเกลี่ยน้ำตาออกจากแก้มนุ่มอย่างแผ่วเบา ก่อนที่เขาจะตอบคำถามของหล่อนด้วยน้ำเสียงเย็นจัดตรงข้ามกับสัมผัส“มาก... จนอยากปิดปากเธอให้เงียบเลยล่ะ”พูดจบก็ก้มลงประกบจูบอัจฉราอย่างแรง แบบไม่ให้เธอทันได้ตั้งตัว ดวงตาชุ่มน้ำเบิกกว้าง หัวใจเต้นแรงด้วยความตกใจท่ามกลางความรู้สึกเจ็บปวด ขณะที่นทีเลื่อนมือมาล็อกกรามของเธอเอาไว้ บังคับให้เงยหน้ารับจูบได้ถนัดมากขึ้น“อืม...”เสียงทุ้มคำรามในลำคออย่างขัดใจเล็กน้อย ที่กลีบปากนุ่มของหญิงสาวเม้มแน่น แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา เขาบีบกรามเธอแน่นขึ้นจนอัจฉราแย้มริมฝีปากออกด้วยความเจ็บ นทีใช้จังหวะนั้นสอดลิ้นร้อนเข้าไปลิ้มรสความเค็มของน้ำตาผสมกับความหวานหอมของคนใต้ร่างอย่างดุเดือดกวาดต้อนลิ้นเ

  • นที (โปรด) รัก   บทที่ 23 เจ็บกว่าที่ใจไหว [1/2]

    อัจฉราหยุดฝีเท้าที่ปลายบันได แผ่นหลังบางตั้งตรงแม้จะสั่นไหวจากการร้องไห้ก็ตาม ดวงตาคู่สวยคมกล้าขึ้นเหนือความบอบบางที่เจ็บลึกสุดใจ “เนยไม่ได้หนี... แต่ถ้าจะหนีแล้วมันเรื่องอะไรของคุณนทีคะ?” เสียงหวานเครือย้อนถามคนข้างหลังโดยไม่หันไปมอง พูดจบหล่อนไม่รอคำตอบรับ หญิงสาวก็เคลื่อนไหวลงบันไดไปอีกครั้ง ทว่าเร็วไม่พอ ไม่ง่ายอย่างที่คิดนทีกล่าวไว้ไม่มีผิด “กล้าดีนี่!” หมับ! มือใหญ่ยื่นออกมาคว้าข้อมือเล็กของอัจฉราได้อย่างแม่นยำ พร้อมกันนั้นก็รวบร่างบางด้วยแขนอีกข้างที่ว่างเข้ามาหา ก่อนจะปล่อยมือออกจากข้อมือของหญิงสาว แล้วยกเธอขึ้นอุ้มทันที โดยไม่สนใจเสียงร้องห้ามหรือแรงขัดขืน “คุณนที! ปล่อยเนยนะ!” “ปล่อยเหรอ?! จะให้ปล่อยไปไหนล่ะ? ไปเสนอตัวให้ไอ้เจ้าหนี้ของเธอทำเมียหรือไง” น้ำเสียงทุ้มต่ำอันตรายยิ่งกว่าครั้งไหน เขาจับร่างเล็กพาดบ่าอย่างมั่นคง ก่อนจะหันกลับขึ้นบันได ตรงไปยังห้องนอนที่ประตูยังคงเปิดอ้าอยู่จากเมื่อครู่ ดวงตาสีนิลมืดครึ้มลงอย่างน่ากลัว ส

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status